px

เรื่อง : Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9
ตอนที่ 18 เหยียบกับระเบิด


ตอนที่ 18 เหยียบกับระเบิด

 

รถสายตรวจสี่คันจอดเต็มพื้นที่กลางสี่แยกถนนสามห่วง เมื่อรถตู้สื่อสารเห็นว่าตำรวจมาถึงก็ขับออกไปทันที

ฉินอวี่ที่นั่งอยู่ในรถหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาออกคำสั่ง “เป้าหมายยังอยู่ในนั้น เราจะทำตามแผนที่วางไว้ก่อนหน้า อย่ายิงใครสุ่มสี่สุ่มห้า ป้องกันการจลาจลไว้ก่อนเพราะมีคนที่ไม่เกี่ยวอยู่ด้วย เราไม่คุ้นเคยกับบริเวณนี้”

“รับทราบ” 

“รับทราบ” 

 คนในทีมตอบกลับโดยทันทีเมื่อได้รับคำสั่ง

 ฉินอวี่ลงจากรถและตรวจดูปืน ขณะกำลังเดินออกจากรถ ฉีหลินวิ่งมาด้านหลังพลันอุทาน “ดูเหมือนฉันจะมาทันเวลาพอดี!”

 ฉินอวี่หันมาถาม “นายจัดการธุระเรียบร้อยแล้วเหรอ?”

 “ใช่ เรียบร้อยหมดแล้ว” ฉีหลินตอบขณะพยายามกอบโกยอากาศด้วยความเหนื่อยหอบ

เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ฉินอวี่จึงออกคำสั่งกับฉีหลินอย่างรวดเร็ว “แผนคือนายต้องขับรถไปรอที่ทางแยกย่านถนนสามห่วงและถนนป่าเมเปิล หากการจับกุมสำเร็จ ฉันจะไปหานายที่รถ แต่ถ้าพวกผู้ร้ายมุ่งหน้าไปยังตำแหน่งของนายให้รายงานกลับทันที...ฉันจะส่งกำลังเสริมไปช่วย”

 “รับทราบครับ!” ฉีหลินตอบกลับด้วยความขอบคุณ “หัวหน้า...ขอบคุณที่ดูแลผมมาโดยตลอดนะครับ”

ฉินอวี่พยักหน้าก่อนจะมุ่งหน้าไปยังจุดหมายและออกคำสั่งผ่านวิทยุสื่อสาร “แมวเฒ่าเตรียมบุกเข้าตรอก เราจะจู่โจมจากด้านหน้า”

“รับทราบ!” 

สามนาทีต่อมา

แมวเฒ่าสวมหมวกนิรภัย เสื้อเกราะกันกระสุนกับชุดตำรวจหน่วยรบพิเศษสีเขียวอ่อนนำลูกน้องประมาณสิบรายเข้าไปในตรอกขณะที่ลูกทีมคนอื่นๆ วิ่งกระจายกำลังไปดักบริเวณทางออกและรอคำสั่ง

ฉินอวี่เร่งฝีเท้าไปตามถนนพร้อมกับถามผ่านวิทยุสื่อสาร “มีที่ให้ซุ่มดูหรือเปล่า?”

“ไม่มีครับ มีแค่บันไดด้านนอกที่พอช่วยให้มองเห็นชั้นสองได้อย่างชัดเจน” 

“โอเค...ทีมหนึ่งไปบันไดที่ว่าเดี๋ยวนี้ หน้าที่หลักของพวกนายคือสังเกตการณ์และคุ้มกันคนอื่นๆ” ฉินอวี่สั่ง

“รับทราบครับ”

ไม่นานนัก ฉินอวี่มาถึงทางเข้าตรอก เขามองถนนโล่งก่อนตบไหล่แมวเฒ่า “ฉันกับจาบีจะเข้าไปก่อน ที่เหลือรอหาจังหวะตามเข้าไป” 

“โอเค” แมวเฒ่าพยักหน้า

“ไปกันเถอะจาบี” ฉินอวี่กล่าว

ทั้งคู่สวมชุดนอกเครื่องแบบเดินเข้าไปในตรอก 

ฉินอวี่กับจาบีเดินคู่กันไปในตรอกด้วยท่าทีปกติก่อนฉินอวี่จะเอ่ยถาม “ตื่นเต้นไหม?”

“ฮ่าๆ ฉันชินแล้ว” จาบีหัวเราะก่อนตอบกลับ

“ไม่ต้องคิดมาก ทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดี” ฉินอวี่กล่าวพร้อมกับกอดคอจาบีและหัวเราะ “คืนนี้ไปหาอะไรสนุกๆ เล่นกันเถอะ!”

“นายเมามากแล้วนะเพื่อน” จาบีเล่นไปตามน้ำ

บริเวณใจกลางตรอก ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเมื่อได้ยินเสียงคุยจึงรีบจัดท่าทางตนเองบนเก้าอี้ไม้เก่าทันทีพลันหรี่ตามองมายังทั้งสองคน

ฉินอวี่เดินโซเซไปข้างหน้าอีกราวสามสิบเมตรก่อนจะถ่มน้ำลาย “เชี่ย! ทำไมชีวิตมันยากเย็นขนาดนี้วะ?”

น้ำลายของฉินอวี่กระเด็นไปตกที่ไหล่ของชายวัยกลางคน

“ไอ้เวร!” เพื่อนของชายผู้นั้นยืนขึ้นสบถอย่างเอาเรื่อง

“หืม มีคนอยู่ตรงนี้ด้วยเหรอ?” ฉินอวี่พูดด้วยน้ำเสี่ยงหย่อนยานก่อนจะหันไปมองอย่างช้าๆ “ขอโทษครับลูกพี่ ว่าแต่...พอจะรู้ไหมว่าร้านดอกไม้ป่าไนท์คลับไปทางไหน?” 

ในตอนแรกชายวัยกลางคนคิดว่าฉินอวี่เป็นเพียงขี้เมาคนหนึ่ง ทว่าเมื่อพวกเขาเข้าใกล้ฉินอวี่ แววตาของทั้งคู่ก็เปลี่ยนเป็นจริงจังก่อนจะขมวดคิ้วและเอื้อมมือไปด้านหลังฉินอวี่โดยไม่ทันตั้งตัว!

‘เอื้อ!’

ฉินอวี่สลัดท่าทางเมาพร้อมถลาผลักชายวัยกลางคนทันที 

“ไม่มีกลิ่นแอลกอฮอล์...” ชายวัยกลางคนลุกขึ้นพยายามแย่งปืนจากฉินอวี่ขณะที่เพื่อนของเขากดหูฟังสื่อสาร

‘ตุบ! ‘

ฉินอวี่ยกขาขึ้นเตะชายสองคนนั้นอย่างรวดเร็ว!

‘ตุบ!’

ชายวัยกลางคนกระเด็นถอยหลังไปสองก้าวและกระแทกเข้ากับกำแพง

‘ปึก!’

ฉินอวี่บิดแขนของอีกฝ่ายจนล้มลงกับพื้น เขาใช้เข่ากดชายวัยกลางคนไว้ก่อนจะเอื้อมมือชักปืนออกจากเอวและขู่ด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด “ถ้าส่งเสียงดังหัวแกได้ระเบิดแน่!”

“ตำรว...” ชายวัยกลางคนพยายามอ้าปากตะโกนโดยไม่ได้เกรงกลัวคำขู่ของฉินอวี่แม้แต่น้อย

ฉินอวี่ปิดปากชายวัยกลางคนและขู่ “เงียบ!”

‘ฉึก!’ 

ชายวัยกลางคนดันทุรัง เมื่อสู้แรงฉินอวี่ไม่ได้จึงเปลี่ยนมากัดมือเขาอย่างแรงจนเลือดไหล

จาบีเห็นฉินอวี่กำลังลำบาก จึงรุดเข้าไปหมายจะใช้กระบองฟาดให้สลบ ทว่าอีกฝ่ายแข็งแรงมาก...เขาพยายามดิ้นสุดกำลังทั้งที่ร่างถูกกดทับ

ฉินอวี่รู้ทันทีว่าชายสองคนนี้ซื่อสัตย์ต่อเจ้านายมากและคงยากจะควบคุม ฉินอวี่จึงรีบปรบมือส่งสัญญาณ

‘แปะ แปะ แปะ!’

เมื่อได้รับสัญญาณ แมวเฒ่ารีบนำลูกน้องวิ่งเข้าไปหาฉินอวี่ในตรอกพร้อมกับรุมกระทืบชายสองคนจนหมดสติและมีเลือดไหลออกจากศีรษะ

“เราต้องรีบแล้ว!” ฉินอวี่ตะโกน “พังประตู!”

‘พรึ่บ! พรึ่บ!’

เหล่าตำรวจรีบนำโล่ปราบจลาจลออกมาทันที

‘ปัง ปัง ปัง!’ 

หลังเสียงปืนดังขึ้นสามนัด ประตูเหล็กก็เปิดออก แมวเฒ่ายกมือขึ้นตะโกน “รวมตัวและบุกเข้าไปพร้อมกัน!”

ฉินอวี่พุ่งเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็วพร้อมตำรวจอีกสิบนาย ทว่าพวกเขาก็ต้องตะลึง...เมื่อสิ่งที่เห็นมีเพียงทางเดินแคบๆ กับแสงไฟสลัวและบันไดเหล็กตรงปลายทางเดินเท่านั้น

“บัดซบ! รีบบุกเข้าไป! ไม่มีใครอยู่ชั้นหนึ่ง!” ฉินอวี่หันมองรอบบริเวณและออกคำสั่งอย่างรวดเร็ว

สิ้นเสียงสั่ง ตำรวจสองนายก็บุกเข้าไปทันที 

สามวินาทีต่อมา เมื่อตำรวจสองนายไปถึงตีนบันได จู่ๆ ทั้งคู่ก็ยกปืนไรเฟิลอัตโนมัติกระหน่ำยิงอย่างดุเดือด!

“จัดการพวกมันให้ได้ก่อนขึ้นไป!” ฉินอวี่สั่งการขณะเข้าคุ้มกันตรงขอบบันได “ทีมสองมองเห็นอะไรไหม?” 

“ครับ เห็นทุกอย่างชัดเจน” 

“ตอนนี้เห็นพี่น้องตำรวจของเราระดมยิงอยู่ตรงบันไดครับ” 

‘ปัง ปัง!’ 

เนื่องจากหน่วยซุ่มยิงในสำนักงานตำรวจนครบาลเขตพื้นทมิฬมีจำนวนน้อยฉินอวี่จึงมีกำลังสนับสนุนปฏิบัติการครั้งนี้ไม่มาก อย่างไรก็ตาม ยังมีตำรวจฝีมือดีในทีมอยู่บ้างที่สามารถวางใจในการยิงได้หากระยะไม่ไกลมาก หลังจากได้รับคำสั่งทีมหนึ่งที่ปักหลักอยู่ในตึกฝั่งตรงข้ามได้ยิงปืนสองนัดจากหน้าต่างจัดการกับอาชญากรบนบันไดได้สำเร็จ

ศพของฝ่ายตรงข้ามกลิ้งลงบันไดขณะที่ฉินอวี่ออกคำสั่ง “ไปต่อ!” 

‘บุก!’

ฉินอวี่นำกองกำลังขึ้นไปยังชั้นสองทันที

บริเวณชั้นสองมืดจนแทบมองไม่เห็นสัดส่วนของห้อง มีเพียงแสงสลัวจากดวงจันทร์เท่านั้นที่ส่องเข้ามา ฉินอวี่เดินหน้าไปสี่ก้าวด้วยความรู้สึกกังวลเล็กน้อยก่อนวิทยุถามเบาๆ “หายไปไหนกันหมด? ทีมสอง...มีใครหนีออกทางหน้าต่างหรือเปล่า?”

“แย่แล้ว จากมุมของเรามองเห็นชั้นสองได้ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ครับ” นายตำรวจผู้รับสารตอบกลับ

ฉินอวี่ขมวดคิ้ว

‘ตึก ตึก!’

ทันใดนั้น! มีเสียงฝีเท้าดังก้องจากทางด้านซ้ายของฉินอวี่ เป็นแมวเฒ่าที่เพิ่งเดินขึ้นมาก่อนจะพูดพึมพำด้วยน้ำเสียงประหม่า “ฉินอวี่...ฉินอวี่...แจ็คพอตแตก ฉันเหยียบกับระเบิด!”

ฉินอวี่หันไปมองก็พบว่านายตำรวจคนหนึ่งกำลังคุกเข่ากับพื้นพยายามหาสายไฟแก้ระเบิด

“อยู่นิ่งๆ อย่าขยับ!” แมวเฒ่าตะโกนตอบขาสั่นด้วยความหวาดกลัว “นี่ไม่ใช่การเดินสายไฟนะ...ฉันเหยียบกับระเบิด!”

ท่ามกลางความตื่นตระหนก ทุกคนรีบถอยกลับไปป้องกันทางเข้า เพราะกังวลว่าจะมีใครซ่อนตัวอยู่ในบ้านจึงอาสาปกป้องแมวเฒ่าเผื่อมีใครบุกเข้ามาอีก

ฉินอวี่หยิบไฟฉายจากเอวของเขาขึ้นมาก่อนจะส่องไปยังกับระเบิดที่อยู่หน้าประตูห้องน้ำก่อนพูดอย่างจริงจัง “แมวเฒ่า...ถ้าขยับตัว ขาขวาของนายแหลกเป็นชิ้นแน่! เอาแบบนี้แล้วกัน...นายลองยกขาขึ้นแล้วฉันจะปัดทุ่นระเบิดออก”

“นายแน่ใจนะ?”

“ไม่รับปาก...เพราะฉันไม่รู้ว่าระเบิดนี้ถูกดัดแปลงมาหรือเปล่า” 

“นี่ล้อกันเล่นเหรอ? หมายความว่ายังไงไม่รับปาก? ถ้านายพลาดฉันตายได้เลยนะ!” แมวเฒ่าครวญครางเบิกตากว้าง

“แต่ถ้าฉันปัดมันทิ้งได้ ขานายจะรอด” ฉินอวี่ตอบอย่างใจเย็นขณะส่องไฟฉายไปยังกับระเบิด “จะเอายังไง? บอกมา...”

สีหน้าทะเล้นของแมวเฒ่าหายไป ก่อนจะครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและตอบอย่างจริงจัง “ฉันเลือกขา”

“นับถึงสามแล้วยกขาขึ้น” ฉินอวี่กล่าวขณะชี้ด้ามปืนไรเฟิลไปที่กับระเบิด “ทุกคนถอย!” 

“สาม!” 

“สอง!”

“หนึ่ง! ยก!” ฉินอวี่สั่ง

แมวเฒ่ายกขาขึ้นและผละออกไปโดยไม่ลังเล!

‘ปัก!’

ฉินอวี่ตวัดด้ามปืนปัดระเบิดออกราวกับการตีกอล์ฟ

‘เพล้ง!’

กับระเบิดบินทะลุกระจกออกไป

หลายวินาทีผ่านไป ทว่าข้างนอกกลับไม่มีเสียงระเบิดดังขึ้นเลย

แมวเฒ่าล้มลงที่พื้นอย่างโรยรินก่อนเอ่ยถาม “ทำไมไม่มีเสียงระเบิดวะ?”

“ระเบิดปลอม” ฉินอวี่กัดฟันตอบ “มันคือระเบิดปลอม...ทีมสอง ช่วยตรวจสอบทีว่ามีความผิดปกติอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า...”

‘ปัง! ติ๊ก...ติ๊ก!’

ทันทีที่ได้ยินคำสั่ง นายตำรวจทีมสองผู้หนึ่งก็เดินเข้าไปเพื่อตรวจสอบก่อนจะชนตู้เก็บของและเกิดเสียงแปลกๆ ขึ้น

ทุกคนต่างตะลึง 

“ฉิบหาย...รอบนี้ระเบิดจริง!” แมวเฒ่าหน้าซีดสบถออกมา “หมอบลง! ยกโล่ขึ้นกันระเบิด!”

นายตำรวจสองคนยกโล่ขึ้นโดยไม่ทันได้หมอบและตั้งแนวป้องกันขณะเกิดการระเบิดขึ้น!

‘ตูม!’

ทั้งสองนายโดนแรงระเบิดบดขยี้จนแหลกเสียชีวิตคาที่! ไม่มีแม้โอกาสที่จะร้องขอความช่วยเหลือ

ฉินอวี่อยู่ในบ้านหมอบลงกับพื้นทันทีที่ได้ยินเสียงระเบิด “ไม่มีใครอยู่ในบ้าน พวกมันหนีไปหมดแล้ว ทีมสอง...คอยสังเกตการณ์และจดบันทึกด้วย”

บริเวณนอกบ้าน

อาหลงและหนึ่งในพวกพ้องของเขาที่เป็นเป้าหมายกำลังวิ่งหนีอย่างสุดกำลังพลางสบถไปด้วย “ไอ้หมารับใช้พวกนั้นมันตามกลิ่นของลุงหม่ามา...แต่โคตรไม่มืออาชีพเลยว่ะ!”

“เป็นไปได้ไหมว่าลุงหม่าหักหลังเรา?”

“เป็นไปไม่ได้ เขายังคงต้องพึ่งพาฉันเพื่ออยู่รอด” อาหลงตอบ “โทรหาไอ้กุ้งแห้ง...บอกให้รีบมารับเราก่อนจะโดนจับ!”

 ………………………………….

รีวิวผู้อ่าน