px

เรื่อง : Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9
ตอนที่ 16 ชีวิตของคนช่างประจบ


ตอนที่ 16 ชีวิตของคนช่างประจบ

ฉินอวี่กำลังวุ่นอยู่กับการไขคดี ขณะที่ฉีหลินกำลังจดจ่อกับบางสิ่งที่ทำให้เขาได้เลื่อนขั้นเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสอง

ด้านนอกห้องทำงานของสำนักงานตำรวจ บริเวณแผนกรักษาความปลอดภัยของหน่วยที่หนึ่ง ฉีหลินถือถุงของขวัญสองใบพลางเคาะประตูด้วยความประหม่า

“เข้ามา!” คนที่อยู่ในห้องตะโกนตอบ

ฉีหลินเปิดประตูเข้าไปพลางโค้งทักทาย “ผู้หมวดไรอัน...ยุ่งหรือเปล่าครับ?”

ภายในห้องทำงานชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าคล้ายชาวตะวันตกนั่งอยู่ เขาเงยหน้าขึ้นมองพลางเอ่ยถาม “ฉีหลินเองเหรอ...นั่งลงสิ”

“ฮ่าๆ ผมแค่มาเยี่ยมน่ะครับ”

ไรอันเป็นชายร่างใหญ่ขนดก เพียงขยับตัวเล็กน้อย...เหงื่อก็ไหลท่วมตัวแล้ว เขาดันแว่นตาดำขึ้นพลางกล่าว “มีอะไรเหรอ? ฉันต้องรีบไปประชุม”

ฉีหลินเช็ดฝ่ามือที่เต็มไปด้วยเหงื่อ ก่อนวางถุงของขวัญที่เตรียมมาลงบนโต๊ะ “ผู้หมวดไรอันครับ...เพื่อนของผมจากเฟิงเป่ยซื้อเนื้อวัวแห้งและเนื้อวัวชั้นดีมาให้...ผมอยากให้ผู้หมวดลองทานดูครับ”

ไรอันขมวดคิ้วพร้อมมองฉีหลิน “พูดมาเลย...อย่าอ้อมค้อม!”

“คือ...ผมรู้ว่าท่านกับผู้หมวดหยวนเป็นเพื่อนกัน...จึงอยากให้ท่านช่วยพูดกับเขาเพื่อให้ผมเลื่อนตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสองได้ไหมครับ? อย่างที่ท่านทราบ...คุณสมบัติและความสามารถของผมนั้นมากพอที่จะได้รับการเลื่อนขั้น...เพียงแค่ต้องมีผู้รับรองเท่านั้น” ฉีหลินกล่าวอย่างระมัดระวังขณะยืนข้างโต๊ะทำงาน “ช่วยผมหน่อยนะครับ…”

ไรอันยังคงก้มหน้าเขียนรายงาน โดยไม่เงยหน้าขึ้นมองฉีหลินเลย “มีตำรวจเพียงสิบนายเท่านั้นที่ได้รับการเลื่อนขั้นและนายคือหนึ่งในนั้น แต่ในเมื่อซานโหยวจากหน่วยสี่เสนอชื่อน้องเขยของเขา...ฉันกับหยวนเค่อจึงทำอะไรไม่ได้ เอาไว้คราวหน้าแล้วกันนะ”

ฉีหลินตกตะลึง “แต่น้องเขยของซานโหยวเพิ่งเข้าทำงานไม่ถึงห้าเดือน!”

“ก็ใช่...แต่เขารู้จักซานโหยวนี่” ไรอันตอบพลางถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “รออีกหน่อยก็แล้วกัน ให้โอกาสเขาเถอะถือว่าได้รู้จักเพื่อนใหม่”

ฉีหลินกำหมัดแน่นพลางรวบรวมความกล้าเพื่อพูดกดดันไรอัน “ผู้หมวดไรอันครับ! ผมอยากได้โอกาสครั้งนี้จริงๆ เพราะแม่ของผมป่วย และทุกเดือนผมต้อง…” 

“แล้วใครไม่มีเหตุผลในการเลื่อนขั้นบ้างล่ะ?” ไรอันพูดแทรกอย่างไม่แยแส

“แต่ที่ตรงนั้นมันควรเป็นของผม! ผมรอโอกาสนี้มาเป็นปี!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ไรอันก็เปิดกระเป๋าเพื่อดูของด้านในก่อนพึมพำ “เนื้อแห้งกับสเต๊ก...ของดีทั้งนั้น...ฉีหลิน เอาอย่างนี้แทนไหม? ฉันจะให้ไวน์แดงสองขวดพร้อมเงินหนึ่งหมื่นหยวน แล้วนายช่วยไปบอกให้ผู้กำกับการตำรวจหลี่เลื่อนตำแหน่งให้ฉันด้วย” 

ฉีหลินอึ้งสุดขีด!

“ฉีหลิน...โอกาสบนโลกใบนี้มักตกเป็นของคนรวยและคนมีอำนาจก่อนเสมอ...บอกหน่อยสิ เนื้อของนายทำอะไรได้บ้าง? สิ่งเดียวที่ฉันทำได้คือให้คำมั่นสัญญา เพราะต่อไปคงมีคนอีกมากนำของพวกนี้มาติดสินบนเพื่อขอเลื่อนตำแหน่งกับฉัน” ไรอันกล่าวพร้อมโยนกล่องในมือทิ้ง “เอากลับไปเถอะ...ยังไงนายก็ต้องรอ!”

ฉีหลินเม้มริมฝีปากแน่นก่อนพูดขึ้น “ผมจะรอครับ…”

“อย่าลืมเอาของนายกลับไปด้วย!”

“รับมันไว้เถอะครับ” ฉีหลินตอบก่อนเดินจากไป

ไรอันก้มหน้าทำรายงานต่อไปอย่างเงียบๆ

ขณะที่กำลังเดินออกจากห้อง ฉีหลินได้เหลือบไปเห็นเสื้อผ้าเปรอะเปื้อนแขวนอยู่บนราวแขวนเสื้อ จึงหันกลับไปถามไรอันทันที “เสื้อผ้าของผู้หมวดสกปรก...ผมเอาไปส่งซักให้นะครับ”

ไรอันพยักหน้าขณะก้มเขียนรายงาน “อืม”

“รองเท้าของผู้หมวดก็เปื้อน...เดี๋ยวผมขัดให้นะครับ

“อืม”

“ผมไปก่อนนะครับ”

“อืม!”

“...!”

ฉีหลินเดินออกจากห้องพร้อมถือของพะรุงพะรัง

ไม่กี่นาทีต่อมา ไรอันโยนของขวัญที่ได้รับจากฉีหลินให้กับตำรวจหญิงคนหนึ่งพร้อมกล่าว “เนื้อสเต๊ก...เอากลับไปทำกินสิ”

“ผู้หมวดไม่เอาแล้วเหรอคะ?”

“มันเก็บมานานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้! แม้แต่หมายังกินไม่ลงเลย!” ไรอันจัดระเบียบเสื้อผ้าก่อนเดินจากไป 

ภายในห้องซักรีด

ฉีหลินขัดรองเท้าอย่างขะมักเขม้นพร้อมคุยโทรศัพท์ “ผมต้องการยาของเดือนนี้ด้วย...อืม...แล้วผมจะหาเงินมาจ่ายครับ”

ณ สำนักงานหน่วยหนึ่ง สังกัดสาม

ฉินอวี่ปรบมือพร้อมตะโกน “จาบี...นายทำหน้าที่เบิกและแจกจ่ายอาวุธ คืนนี้มีปฏิบัติการสำคัญ และห้ามใครกลับบ้านก่อนสองทุ่มเด็ดขาด!”

อาการบาดเจ็บที่ต้นขาของจู้เหว่ยยังไม่หายดี เขาจึงถามอย่างระมัดระวัง “หัวหน้า...ผมต้องไปด้วยไหมครับ?”

“คนของเรามีไม่มากพอ...นายรับหน้าที่เป็นคนขับรถแล้วกัน” ฉินอวี่สั่งการ

“ครับ” จู้เหว่ยพยักหน้าโดยไม่โต้แย้ง

สี่โมงเย็น...ทุกคนต่างพากันกินข้าวที่โรงอาหาร ก่อนหยิบอาวุธและกลับไปยังหอพัก

ทันทีที่ฉีหลินเข้าไปในห้อง เขาก็เห็นปืนไรเฟิลอัตโนมัติหายากก่อนเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ “ใช้ M464 ด้วยเหรอ? ออกปฏิบัติการครั้งใหญ่ใช่ไหม? จะไปจับใครล่ะ?”

“คนของตระกูลหม่ารับสารภาพแล้วว่าผู้จัดหายาของตระกูลหม่ามาถึงซ่งเจียงแล้ว” ฉินอวี่เหลือบมองนาฬิกา “ฉันสั่งให้คนจับตาดูพวกเขาไว้ และเราอาจได้รับข่าวสารบางอย่างเร็วๆ นี้”

“โอ้!” ฉีหลินพยักหน้าพลางครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนดึงเขาเข้ามาถาม “หัวหน้าทีม ฉันขอกลับบ้านสักพักได้ไหม?”

ฉินอวี่ถอนหายใจพร้อมตอบเสียงทุ้ม “นายไม่อยากเป็นแนวหน้าใช่ไหม?! ฉันอยากอนุญาตให้นายไป ทว่ากำลังพลของเราไม่พอ...ถ้านายกังวลจริงๆ ฉันจะให้นายทำหน้าที่ขับรถแทน ตกลงไหม?”

“ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากเป็น แต่ฉันมีธุระด่วนจริงๆ” ฉีหลินขมวดคิ้ว “แม่ของฉันป่วยหนัก ส่วนน้องสาวก็ตาบอด...ถ้าฉันไม่รีบกลับบ้าน พวกเขาก็จะไม่มีข้าวกิน และวันนี้ก็ต้องพาแม่ไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลด้วย…”

ฉินอวี่รู้ดีว่าแม้ฉีหลินจะขี้ขลาดแค่ไหน แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่จะใช้แม่เป็นข้ออ้าง ดังนั้นฉีหลินจึงเอ่ยถามหลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ “ถ้าอย่างนั้นนายกลับมาก่อนเริ่มปฏิบัติการได้ไหม?” 

“โทรเตือนฉันก่อนเริ่มปฏิบัติการ...จะได้รีบมาให้ทัน”

“อืม...ไปได้”

“ขอโทษที่สร้างปัญหานะหัวหน้า” ฉีหลินโค้งขอโทษ

“ไม่เป็นไร เราต่างมีปัญหากันทั้งนั้น ช่วยกันได้ก็ช่วย” ฉินอวี่ตบบ่าฉีหลิน “ไว้ฉันจะโทรหานะ”

“รับทราบครับ!” ฉินอวี่พยักหน้า

เวลาหนึ่งทุ่ม...

ณ สลัมแห่งหนึ่งในเขตพื้นทมิฬ เฒ่าหม่าลงจากรถพลางมองสำรวจโดยรอบ ก่อนกระชับเสื้อโค้ตทหารพลางเดินเข้าไปในตรอกสกปรก

“มาพบใคร?” ชายผู้อยู่ในความมืดเอ่ยถาม

เฒ่าหม่าหยุดฝีเท้าทันทีที่ได้ยิน “ฉันมาพบอาหลง”

“พี่หม่าใช่ไหม?” ชายผู้นั้นถามพลางเดินนำหน้า

“เขาอยู่ข้างในเหรอ?”

“ครับ” ชายผู้นั้นตอบอย่างนอบน้อม “พี่หม่าช่วยยกมือขึ้นหน่อยครับ ผมต้องตรวจสอบก่อน”

เฒ่าหม่ายกมือขึ้นเพื่อให้ชายผู้นั้นค้นตัว

อาหลงผู้ที่สวมเสื้อผ้ามอมแมม หนวดเครารกรุงรังกำลังนั่งดัดแปลงระเบิดอยู่ภายในบ้าน

ขณะเดียวกัน ณ ที่แห่งหนึ่งในเมืองซ่งเจียง

หยวนเค่อนั่งคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องทำงานก่อนเดินไปที่หน้าต่างพร้อมพูดว่า “ทำไมพี่ต้องขอให้ผมกลับมาเร็วขนาดนี้ด้วยล่ะ? อืม...งั้นปล่อยไปก่อน...แล้วผมจะรีบกลับไป”

………………………………….

รีวิวผู้อ่าน