px

เรื่อง : ราชันสามภพ (นิยายแปล)
ตอนที่ 45 กระบี่ที่ส่องแสงไปยังฟากฟ้า


ตอนที่ 45 กระบี่ที่ส่องแสงไปยังฟากฟ้า

 

-------------------------

เจี้ยงเฉินเดินทางกลับจากพระราชวังพร้อมกระบี่

 

เริ่มแรก แม้ว่ากระบี่นี้ไม่ได้มีลักษณะเหมือนกัน แต่ก็ทำให้เจี้ยงเฉินรู้สึกถึงการพบกับเพื่อนเก่า

 

นอกจากนี้ แผนการขององค์หญิงโจวหยู่เพื่อจัดส่งองค์รักษ์ให้เขาซึ่งสามารถแก้ปัญหาวิกฤตการณ์ของเขาซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตของเขาได้

 

ถึงแม้ความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มมากขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ แต่ความแข็งแกร่งของเขาไม่สามารถจะจัดการกับความวุ่นวายใหญ่หลวงที่จะเกิดขึ้นในเมืองหลวงซึ่งอาจเลวร้ายลงได้ตลอดเวลา

 

ถ้ามีองค์รักษ์ที่มีความสามารถสักสองสามคนถูกส่งตัวมา อย่างน้อยที่สุดก็อาจจะทำให้เจี้ยงเฉินยินยอมให้พวกเขาอยู่ในคฤหาสน์และให้พวกเขารับผิดชอบเรื่องต่าง ๆ ด้วยความอุ่นใจ

 

มันเป็นช่วงเวลากลางคืนเมื่อเขากลับไปถึงคฤหาสน์

 

เจี้ยงเฉินนั่งไขว่ห้าง กระบี่ไร้นามวางอยู่ข้างหน้าเขา

 

ชายหนุ่มและกระบี่นั่งหันหน้าเข้าหากันภายใต้แสงจันทร์

 

การไหลเวียนของคลื่นพลังขนาดใหญ่ของลมปราณฉีที่แท้จริงฉีภายในร่างกายของเขา เจี้ยงเฉินคนปัจจุบันเป็นเหมือนวาฬยักษ์ที่กำลังข้ามแนวมหาสมุทรอันกว้างใหญ่

 

เขาดึงพลังคลื่นที่กว้างใหญ่ของลมปราณฉีที่แท้จริงออกมาอย่างต่อเนื่องและมันหมุนรอบตัวเขาดังเช่นคลื่นของมหาสมุทรที่ขยายเป็นชั้น ๆ

 

ภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว พลังคลื่นอันกว้างใหญ่ของลมปราณฉีที่แท้จริงของเจี้ยงเฉินถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีขาวสีเงินที่งดงาม ให้แสงสว่างที่แจ่มจรัสต่อกันและกันด้วยเส้นเสี้ยวโค้ง ชั้นของแสงสีเงินเป็นประกายทำให้สัมผัสได้ถึงความลึกลับของมัน

 

ปัจจุบันเจี้ยงเฉินเป็นเหมือนมังกรน้อยที่กำลังหยอกล้อกับคลื่นอย่างสนุกสนาน ในขณะที่เขาหมุนเวียนพลังลมปราณฉีที่แท้จริงออกมา จิตวิญญาณของเขาราวกับว่ามังกรสวรรค์ท่องเที่ยวไปยังสวรรค์ชั้นเก้าโดยปราศจากการสกัดกั้นและความกังวล

 

ความสุกใสที่ส่องลงมาจากหมู่ดาวที่ลอยอยู่ในท้องฟ้าทำให้เกิดการไหลเวียนที่แปลกประหลาดที่ก่อให้เกิดการหมุนเวียนของสิ่งแปลกใหม่กับพลังคลื่นที่แท้จริงของลมปราณฉีที่แท้จริงที่เจี้ยงเฉินกำลังควบคุมมัน

 

ในขณะนั้น หมู่ดาวที่โคจรรอบ ๆ ดูเหมือนจะเป็นดวงตาของเทพผู้ทรงอำนาจซึ่งส่งความอบอุ่นไปสู่สถานที่ทั่วไปนี้อย่างเหมาะเจาะพร้อมเพรียงกัน

 

ทันใดนั้นฉากแปลกประหลาดได้เกิดขึ้น !

 

กระบี่ไร้นามที่อยู่ข้างหน้าเขาเหมือนกับอัญมณีล้ำค่าของสวรรค์ชั้นเก้าที่ซ่อนตัวอยู่ในยุคมืด มันเปล่งลำแสงสว่างไสวอันงดงามออกมา

 

เมื่อความงดงามพุ่งขึ้นไป มันเปล่งลำแสงเป็นอุโมงค์ตรงไปยังสวรรค์ เช่นลำแสงสูงตระหง่านที่แขวนคว่ำลงจากทางช้างเผือก !

 

ราวกับว่าโลกบรรพกาลได้เหลือบตามอง ราวกับว่าเทพเจ้าบรรพกาลลืมตาอีกครั้ง

 

ความงดงามที่ยอดเยี่ยมนี้ราวกับว่าเป็นสายฟ้าในท้องฟ้า - ที่กำลังจะตกลงมาหลังจากที่มันแผ่กระจาย

 

ในวินาทีต่อมา กระบี่ไร้นามนี้ได้ปล่อยคลื่นแห่งเสียงสะท้อนดังกังวานเป็นเสียงต่ำ ฝักกระบี่ทั้งหมดเริ่มสั่นสะเทือน

 

คลื่นแห่งอานุภาพอันน่ากลัว ราวกับว่าไม่อาจควบคุมได้ มันระเบิดออกมาจากปลอกนั้น

 

ราวกับว่าปีศาจมหึมาจากยุคโบราณกำลังทำลายตราประทับของพวกเขา- ราวกับว่าแสงที่เกาะติดโลกปะทุออกมาจากพื้นดิน - ราวกับว่าสัตว์ประหลาดดุร้ายหลายพันตัวกำลังจะพุ่งออกจากกรงของมัน ...

 

ในขณะนี้ เจี้ยงเฉินก็เปิดตาทันทีและใช้มือขวาของเขากดลงที่ฝักกระบี่เบา ๆ  เจ้าเพื่อนยาก นี่หมายความว่าเจ้าตื่นแล้วใช่หรือไม่?

 

แรงกดของเจี้ยงเฉินเป็นเหมือนตราประทับที่แข็งแกร่ง การกดเพียงหนึ่งครั้งเพิ่มแรงกระตุ้น -เพิ่มแสงสว่างและความดุร้าย

 

ฝักกระบี่ในมือเขาขยับไปเล็กน้อยสองครั้งและหยุดลงช้า ๆ

 

จากนั้นวงแหวนแห่งแสงก็กระจายออกมาอย่างรวดเร็วจากด้ามของกระบี่ขณะที่มันปกคลุมร่างกายของเจี้ยงเฉิน

 

ในขณะนั้นชายหนุ่มและกระบี่ของเขากลายเป็นหนึ่งเดียวกัน

 

ราวกับว่าพิธีการเคร่งขรึมและสง่างามเสร็จลง เป็นจับคู่ที่เหมาะสมและสมบูรณ์แบบ

 

ในวินาทีต่อมาความคิดก็กระพริบผ่านใจเจี้ยงเฉิน กระบี่นี้ได้ถูกสร้างขึ้นมาและยอมรับว่าเขาเป็นเจ้านายของมันแล้ว!

 

เมื่อความคิดนี้กระทบผ่านใจของเขา คลื่นพลังของการครอบครองผ่านร่างกายของเจี้ยงเฉิน ทั้งหมด ราวกับว่าเครื่องรางป้องกันตัวได้ปลูกฝังอยู่ในร่างกายของเขา ความรู้สึกที่น่าทึ่งของความปลอดภัยครอบคลุมรางกายของเขา

 

ในมุมลับที่อยู่ในอาณาจักรบูรพา มีสายตาของผู้อาวุโสลึกลับที่กำลังจ้องมองภาพที่น่าประหลาดใจอย่างฉับพลัน มองไปที่ความงดงามที่สาดผ่านท้องฟ้าเหมือนสะเก็ดดาวตก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกตกใจ พิศวง และแม้แต่ความกลัวเล็กน้อย

 

 ความงดงามที่น่ากลัวเช่น จะเป็นไปได้ไหมว่าคนที่ยิ่งใหญ่กำลังผ่านมาทางนี้ ? 

 

ถ้าองค์ราชาตงฟางหลู่อยู่ เขาก็คงรู้จักชายชราคนนี้แล้ว เขาเป็นผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ด้วยพลังเต๋าจิตวิญญาณที่อยู่อย่างสันโดษเป็นเวลาหลายร้อยปีซึ่งเป็นตำนานของอาณาจักรตะวันออก !

 

วันรุ่งขึ้นองค์หญิงโจวหยู่นำคนสี่คน ต้องพูดว่าชายที่แข็งแกร่งที่สุดสี่คน พวกเขาเป็นผู้ฝึกฝนที่ก้าวหน้าในยุทธภพด้านพลังลมปราณฉี

 

 เจี้ยงเฉิน ทั้งสี่คนนี้มาจากกองทหารเซิ่งของท่านแม่ทัพเทียนดู เจ้าสามารถเรียกพวกเขาได้ตามลำดับ เซิ่งที่หนึ่ง เซิ่งที่สอง เซิ่งที่สาม และเซิ่งที่สี่ 

 

เซิ่งที่หนึ่งมีร่างกายกำยำอายุราว ๆ สามสิบปี ตาของเขาฉายประสบการณ์และการเคลื่อนไหวของเขาคมชัด เห็นได้ชัดจากรูปลักษณ์ที่เขาเป็นผู้นำในกลุ่มทั้งสี่คนและเป็นผู้ฝึกฝนพลังลมปราณฉีระดับเส้นชีพจรที่เก้า

 

เซิ่งที่สองและสามเป็นพี่น้องฝาแฝด ทั้งสองคนแข็งแรงเหมือนหมียักษ์เมื่ออยู่ด้วยกัน และมีการเฝ้าระวังหลังให้กันเหมือนเสือ ร่างกายของพวกเขาเต็มไปด้วยพลังและความแกร่งของพลังลมปราณฉีระดับเส้นชีพจรที่แปด

 

เซิ่งที่สี่เป็นชายหนุ่มผิวขาว ที่อายุน่าจะมากกว่าเจี้ยงเฉินไม่เกินสองหรือสามปี บุคลิกภาพของเขาก็เหมือนกับการปรากฏตัวของเขาที่เย็นและห่างเหิน - ทำให้คนอื่น ๆ รู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ด้วยกับการพูดคุยเพียงชั่วครู่

 

 พวกเจ้าทั้งสี่คนรู้หน้าที่แล้วใช่ไหม ?  องค์หญิงโจวหยู่ถาม

 

 จงปฏิบัติตามคำสั่งของขุนนางเจี้ยงแม้ว่าจะหมายถึงการผจญภัยไปในภูเขามีดและมหาสมุทรที่ลุกเป็นไฟหรือวังมังกรและถ้ำเสือ เพื่อปกป้องขุนนางเจี้ยง พวกเราจะสละชีวิตของเรา   ทั้งสี่ตอบอย่างชัดเจนและกระฉับกระเฉง

 

พวกเขาเป็นผู้ฝึกฝนและยิ่งกว่านั้นพวกเขาเป็นทหาร การปฏิบัติตามคำสั่งจากผู้นำเป็นหน้าที่ของทหาร

 

 ดีมาก. ขุนนางเจี้ยงเป็นคนสำคัญสำหรับพระราชวงศ์ ตอนนี้เจ้าทั้งสี่คนกำลังปฏิบัติภารกิจของราชอาณาจักร จงจำไว้ว่าอย่าทำให้กองทัพเซิ่งต้องขายหน้า อย่าทำให้ท่านแม่ทัพเทียนดูต้องอับอาย 

 

 เรายอมตายมากกว่าต้องขายหน้า !

 

องค์หญิงพอใจกับการแสดงออกของทั้งสี่คน คิ้วของนางขยับตัวและด้วยรอยยิ้มเพียงเล็กน้อย  เจี้ยงเฉิน เจ้าคิดอย่างไรเกี่ยวกับสี่คนนี้?

 

 ความแข็งแกร่งของพวกเขาค่อนข้างดีและพวกเขาฟังคำสั่ง ข้าคิดว่าข้าสามารถใช้ประโยชน์จากพวกเขาได้   เจี้ยงเฉินก็ไม่ได้หลีกเลี่ยงที่จะให้เกียรติองค์หญิงโจวหยู่

 

ความจริงองค์หญิงโจวหยู่กลัวว่าเจี้ยงเฉินจะพูดเรื่องไร้สาระอีกครั้ง ความกังวลในใจของนางหมดลงเมื่อได้ยินคำพูดของเขา

 

 ใช่แล้ว เจี้ยงเฉิน ข้าได้รับคำเชิญจากหอโอสถเมื่อเช้านี้เชิญชวนให้ข้าดูงานแสดงโอสถบางประเภทในวันพรุ่งนี้ มีอะไรเกิดขึ้น ? ไม่ใช่สวนโอสถหลวงหรอกรึที่จัดงานแสดงเกี่ยวกับโอสถ ? แล้วมันเกี่ยวอะไรกับหอโอสถ ? 

 

เจี้ยงเฉินหัวเราะเบาๆว่า  โอสถจิตวิญญาณที่ได้รับการยอมรับในเมืองหลวงไม่ได้จำกัดเพียงแค่สวนโอสถหลวง แล้วตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่สวนโอสถหลวงกลายเป็นเจ้าภาพการจัดงานในเมืองหลวง 

 

 สถานการณ์มันเป็นยังไงกัน ?  องค์หญิงโจวหยู่สงสัยอย่างมาก

 

 ท่านจะได้รู้รายละเอียดเฉพาะวันพรุ่งนี้ ใช่มั้ย? ท่านต้องไปร่วมงานให้ได้ บางทีอาจจะมีซองสีแดงขนาดใหญ่   เจี้ยงเฉินยิ้มและไม่เต็มใจที่จะพูดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้

 

 ซองสีแดงอะไร ข้าไม่สนใจในเรื่องนั้น แต่ดูเหมือนว่าจะมีการแสดงที่ดีอีกครั้ง ที่ข้าไม่ควรพลาด พรุ่งนี้เจ้าจะไปไหม? 

 

เจี้ยงเฉินโบกคำเชิญไว้ในมือ  ข้าจะพลาดช่วงเวลาที่ดีได้อย่างไร?

 

ขณะที่พวกเขากำลังพูดอยู่ เจี้ยงฟู่พาคนที่มีหน้าบึ้งตึงและหมดหวังเข้ามา เจี้ยงฟู่รู้วิธีปฏิบัติตนในสถานการณ์อันเปราะบางและโค้งคำนับเมื่อเห็นองค์หญิงโจวหยู่กำลังพูดอยู่กับเจี้ยงเฉิน  นายน้องเจี้ยง ชายคนนี้บอกว่าเขามาจากสวนโอสถหลวง เขากล่าวว่าพวกเขากำลังจัดงานแสดงโอสถในวันพรุ่งนี้ และพวกเขาก็เชิญตระกูลเจี้ยงของเราให้เขาร่วมชมด้วย 

 

ใบหน้าอันฉลาดของบุคคลนั้นมีรอยยิ้มที่สามารถเห็นได้ถึงความทะเยอทะยานของเขา เขาพูดเสียงดังว่า  ขุนนางเจี้ยง อย่างน้อยตระกูลเจี้ยงของท่านก็เคยเป็นหุ้นส่วนกับสวนโอสถหลวง เราจะจัดงานแสดงใหญ่ในวันพรุ่งนี้ ท่านคิดอย่างไร ท่านจะมาร่วมงานหรือไม่ ?

 

เจี้ยงเฉินจ้องไปยังบัตรเชิญที่เขานำมาแต่ไม่ยอมรับ เขาพยักหน้าชี้เจียงฟู่ให้รับบัตรเชิญ

 

เจี้ยงฟู่ก็เป็นคนที่ฉลาดมาก เมื่อเขารับบัตรเชิญเขาได้เปิดมันออกและวางไว้ตรงหน้าเจี้ยงเฉิน

 

เจี้ยงเฉินมองคราวๆ และยิ้มจาง ๆ  ข้าเป็นคนที่ไม่ไว้หน้าคนอื่นและผู้อื่นไม่ยอมรับ เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าจะต้อนรับข้า? 

 

 ยินดีขอรับ เราจะต้อนรับท่านอย่างแน่นอน ฮะ ฮะ ฮะ แต่วันพรุ่งนี้นี่เป็นคราวของสวนโอสถหลวงที่จะตอกหน้าคนอื่นบ้าง หากท่านอยากมีช่วงเวลาที่ดีระวังอย่าพลาดงานนี้ 

 

ชายคนนั้นทิ้งทายด้วยรอยยิ้มอย่างภาคภูมิใจ เขาดูเหมือนจะไม่รู้จักองค์หญิงโจวหยู่ และเขาจึงไม่ได้แสดงความเคารพที่เหมาะสมกับเจ้าหญิง

 

 สวนโอสถหลวง จากพื้นฐานของชายคนนั้นสามารถสัมผัสได้ถึงความทะเยอทะยานของเขา  เจี้ยงเฉินตั้งข้อสังเกตว่าชายคนนี้ไม่มีมารยาทเบื้องต้น เขาไม่สนใจเจ้าหญิงเลย

 

สามารถพูดได้ว่าสวนโอสถหลวงเริ่มที่จะอวดดีและหลงตัวเองจนเกินไป

 

***

 

ภายในสวนโอสถหลวง

 

ผู้อาวุโสหวังและหัวหน้าระดับสูงคนอื่นของสวนโอสถหลวงรวมตัวอยู่ด้วยกัน

 

จากทั้งหมด นายท่านจื่อเซ่อนั่งตรงกลางล้อมรอบด้วยฝูงชน

 

  นายท่านจื่อเซ่อ ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วขอรับ ทั้งหมดที่เรากำลังรอคอยก็คือทำให้โลกประหลาดใจด้วยการแสดงที่ยอดเยี่ยมในงานแสดงโอสถในวันพรุ่งนี้   ผู้อาวุโสหวังเหมือนแมวที่ได้กินนกคีรีบูนและแสดงออกถึงความตื่นเต้นสุดขั้ว  เม็ดยาโลหิตพยัคฆ์มังกรเม็ดนี้มีศักยภาพสูง เมื่อไหร่ก็ตามที่มันได้ถูกตั้งอยู่บนชั้นวางโอสถ มั่นใจได้เลยว่ามันจะครองครึ่งหนึ่งของตลาดและมันจะไม่เป็นเรื่องยากเลยที่จะเปิดตลาดของอาณาจักรเพื่อนบ้านทั้งสิบหกอาณาจักร ทั้งสามโอสถของเรารวมถึง เม็ดยาเสริมพลังลมปราณฉี และ เม็ดยาหัวใจนกกระเรียน มันเพียงพอที่สวนโอสถหลวงจะแทนที่หอโอสถหลวงได้แน่นอน 

 

 ใช่ พรุ่งนี้เราสามารถตบหน้าหอโอสถได้ ผู้บริหารสวนอีกคนหนึ่งหัวเราะ  หอโอสถยึดอำนาจตลาดโอสถรักษาโรคอยู่ตลอดเวลา เมื่อเรามีเม็ดยาโลหิตพยัคมังกรแล้ว ลองดูว่าเม็ดยาใดที่พวกเขานำมาเพื่อแข่งขันกับเราในอนาคต? 

 

ผลกระทบต่อหอโอสถในการเอาชนะพวกเขาในสามโอสถที่แตกต่างกันมันจะต้องเป็นเรื่องยากอย่างไม่ต้องสงสัย

 

ผู้บริหารอาวุโสของสวนโอสถเกือบจะเห็นภาพของวันที่พวกเขาสามารถแทนที่หอโอสถ แม้กระทั่งการคิดถึงฉากดังกล่าวก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาตื่นเต้นได้

 

นายท่านจื่อเซ่อกล่าวเบา ๆ  การตอกหน้าหอโอสถเป็นเพียงขั้นตอนแรก นอกจากหอโอสถจะเป็นหินก้อนใหญ่แล้ว ผู้นำสูงสุดก็ไม่ใช่คนที่จะกำจัดได้ง่าย อย่าคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเรื่องง่าย เราต้องทำงานควบคู่กับขุนนางแห่งมังกรทะยาน มิฉะนั้นจะเป็นไปไม่ได้ที่เราจะแทนที่หอโอสถในระยะเวลาสั้น ๆ 

 

สายตาของนายท่านจื่อเซ่อช่างดูโหดเหี้ยมนัก เขารู้อย่างชัดเจนว่าถ้าขุนนางแห่งมังกรทะยานไม่สามารถล้มอำนาจขององค์ราชาแห่งอาณาจักรตะวันออกได้ สวนโอสถหลวงก็อย่าหวังที่จะไปแทนที่หอโอสถในระยะสั้น

 

นี่เป็นเรื่องที่ใหญ่กว่า

 

อย่างไรก็ตาม นายท่านจื่อเซ่อยังเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าภาพลักษณ์ที่ใหญ่กว่านี้จะต้องตรงกันข้ามกับการมาถึงของตัวเขาเอง การกลับมาของเขาครั้งนี้จะเริ่มต้นด้วยงานแสดงโอสถในวันพรุ่งนี้ !

 

ทั้งหมดได้ถูกจัดเตรียมไว้แล้ว วันที่สวนโอสถหลวงรอคอยมานานแสนนานในที่สุดมันก็มาถึง

 

อากาศแจ่มใส ดวงอาทิตย์เจิดจ้าไม่ได้มีเมฆในท้องฟ้าเลย นี่แสดงให้เห็นว่าอนาคตของสวนโอสถหลวงจะราบรื่นและสดใส

 

เจี้ยงเฉินเดินออกจากห้องฝึกลับในตอนเช้าตรู่ และเดินทางไปยังตลาดใหญ่ที่สุด ทำเนียบของสมบัติล้ำค่า หลังจากที่เขามีความสุขกับการกินอาหารเช้า โดยได้รับการอารักขาจากผู้ฝึกฝนทั้งสี่ของกองทัพเซิ่ง

 

สวนโอสถหลวงได้จัดเตรียมพนักงานต้อนรับตั้งแต่ทางเข้าจนถึงทำเนียบของสมบัติล้ำค่า เมื่อพวกเขาได้เห็นการมาปรากฏตัวของเจี้ยงเฉิน พนักงานต้อนรับของสวนโอสถหลวงก็แสดงความประหลาดใจ

 

ในสายตาของสวนโอสถหลวงตราบใดที่ผู้นำตระกูลเจี้ยงยังผงาดอยู่ จะไม่มีทางใดที่พวกเขาจะเข้าร่วมในโอกาสนี้

 

ถ้าพวกเขามาถึง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาทำให้ทุกอย่างเหลือทนสำหรับตัวเอง ไม่ว่าอย่างไร วันนี้สวนโอสถหลวงได้ยกศักดิ์ศรีตัวเองขึ้นมา และตอกหน้าคนอื่น ถ้าตระกูลเจี้ยงมาถึง ก็จะเหมือนกับการเข้าถ้ำราชสีห์ !!

รีวิวผู้อ่าน