px

เรื่อง : ราชันสามภพ (นิยายแปล)
ตอนที่ 30 เล่นสนุกกับหยานยี่หมิงอีกครั้ง


ตอนที่ 30 เล่นสนุกกับหยานยี่หมิงอีกครั้ง

 

-------------------------

วันรุ่งขึ้น องค์หญิงโจวหยู่เดินทางส่วนตัวไปเยี่ยมเยือนคฤหาสน์ตระกูลเจี้ยงพร้อมกับจดหมายขององค์ราชาและรางวัลมากมาย เพื่อเป็นการชื่นชมพ่อลูกตระกูลเจี้ยง

 

เหตุผลที่ได้รับ : บิดาและบุตรชายของตระกูลเจี้ยง ได้ประสบผลสำเร็จสำหรับการรักษาองค์หญิงจื่อยั่วในการต่อสู้กับโรคของนาง

 

นี่เป็นเหตุผลที่ยากจะเข้าใจ นอกเหนือจากพยานไม่กี่คนที่ได้รู้ ไม่มีใครสามารถคิดได้ว่าพ่อลูกตระกูลเจี้ยงไปช่วยองค์หญิงจื่อยั่วได้อย่างไร

 

แต่บรรดาผู้ที่ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงที่จวนขุนนางมังกรทะยาน ก็มีโอกาสได้เห็นว่าองค์หญิงจื่อยั่วพูดคุยและหัวเราะเป็นปกติ การปรากฎตัวของนางนั้นดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก มันเป็นสิ่งที่ห่างไกลกับตอนที่นางมีร่างกายที่อ่อนแอในก่อนหน้านี้

 

มันอาจจะเป็นเพราะว่าพ่อลูกตระกูลเจี้ยง ประสบผลสำเร็จในการรักษาองค์หญิงจื่อยั่วจริง ๆ ?

 

ข่าวลือได้พัดกระพือไปตามข้อคาดเดาของผู้คน

 

แต่มีสิ่งหนึ่งที่แน่ใจได้เลยก็คือ พ่อลูกตระกูลเจี้ยงคงจะกลายเป็นจุดสนใจในเมืองหลวงในอนาคตอันใกล้นี้

 

ในฐานะที่เป็นตัวเอกของเรื่อง เจี้ยงเฉินกลับไม่ได้สนใจปฎิกิริยาจากโลกภายนอกเสียด้วยซ้ำ สิ่งที่เขาสนใจในตอนนี้คือการเพิ่มความแข็งแกร่งของเขา

 

เมื่อเวลาผ่านไปถึงเส้นตาย การทดสอบตอนสิ้นเดือนอยู่อีกไม่ไกลแล้ว

 

เจี้ยงเฉินไม่ได้ตื่นตระหนกแต่อย่างใด เนื้อหาในการสอบพื้นฐานเป็นเรื่องที่ง่ายดายมากสำหรับเขาในตอนนี้

 

สามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว

 

ในเวลาสามวันนี้ เจี้ยงเฉินมุ่งมั่นที่จะสร้างความแข็งแกร่งของเส้นลมปราณที่ห้าของเขา หลังจากสามวันผ่านไป ความแข็งแกร่งของเส้นลมปราณที่ห้าของเขาก็มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับเส้นลมปราณอีกสี่เส้น

 

ด้วยวิธีนี้ เส้นลมปราณที่ห้าจะแข็งแกร่งขึ้นและก้าวไปอยู่ในระดับเดียวกัน

 

ในวันนั้นที่คฤหาสน์จวนขุนนางมังกรทะยาน เจี้ยงเฉินเพียงแค่ใช้ความแข็งแกร่งของลมปราณแท้จริงระดับสามเท่านั้น และเขายังไม่เคยสัมผัสถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของระดับห้า (ผู้แปล. นี่เอ็งใช้แค่สามเรอะ เดี๋ยวตบซะเละเลย)

 

แน่นอน เขาตระหนักดีว่ามันต้องใช้องค์ประกอบและโชคเล็กน้อย ที่ทำให้เขาสามารถที่จะจัดการไป่ชานอวิ๋นที่อยู่ในระดับแปดลมปราณแท้จริงได้

 

หนึ่ง ความเข้าใจในเรื่องศิลปะการต่อสู้ของเขามีมากกว่าผู้ที่มีระดับปราณแท้จริงไปมากแล้ว

 

สอง ทั้งสองได้ตกลงที่จะตัดสินกันด้วยดัชนีราชันย์บูรพา ซึ่งมันจะวัดกันด้วยความเข้าใจถึงดัชนีราชันย์บูรพา เจี้ยงเฉินที่กระบวนท่าของเขาได้เข้าสู่ระดับตำนานแล้ว ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่ไป่ชานอวิ๋นที่อยู่เพียงระดับ 'ไร้ที่ติ' จะต่อกรด้วยได้

 

และประการที่สามจุดที่สำคัญที่สุดคือ ไป่ชานอวิ๋นได้แสดงกระบวนท่าดัชนีราชันย์บูรพาของเขาแล้วก่อนหน้านี้ ทำให้เจี้ยงเฉินได้รู้ถึงจุดอ่อนในกระบวนท่าของเขา

 

และบวกกับที่ ไป่ชานอวิ๋นได้เสียสมาธิของเขาตั้งแต่เริ่มการต่อสู้ มิเช่นนั้นความจริงไป่ชานอวิ๋นคงจะตอบโต้ได้บ้าง (ผู้แปล. คือ เจี้ยงเฉินฉวยโอกาสจากจุดอ่อนท่าของไป่ชานอวิ๋นในการหลบและใช้ทักษะของตัวเองทันที ไป่ชานอวิ๋นเลยเสียสมาธิครับ)

 

แน่นอนว่าไป่ชานอวิ๋นก็ยังโชคร้ายอย่างมาก เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าคู่ต่อสู้ของเขาเป็นคนที่มีความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนท่าที่มีไปไกลเกินกว่าคนโลกนี้จะพึงมีไปแล้ว

 

ถ้าทั้งสองฝ่ายได้ใช้ท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาและได้ใช้พลังทั้งหมดในการแข่งขัน มันก็เป็นเรื่องยากที่จะตัดสินว่าใครจะชนะ หากไป่ชานอวิ๋นได้แสดงกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา

 

จากทั้งหมดนั้น ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเจี้ยงเฉินอยู่เพียงระดับห้าลมปราณแท้จริงเท่านั้น และไป่ชานอวิ๋นได้อยู่ในระดับแปด สามระดับที่ห่างกันนี้ไกลเกินกว่าจะเปรียบเทียบกันได้

 

แต่เจี้ยงเฉินก็มั่นใจว่าหากเขาสามารถรับมือหรือหลบหลีกไปได้จนเกินกว่ากระบวนท่าที่ 30 เมื่อนั้นเจี้ยงเฉินก็จะเป็นผู้ชนะในท้ายที่สุด

 

หลังจากการต่อสู้ ความเข้าใจในระดับพลังของนักสู้ปราณแท้จริงของเจี้ยงเฉินได้เพิ่มมากขึ้น

 

 พูดได้เลยว่า ไม่ว่าจะเป็นทางการปฎิบัติหรือทางทฤษฎีทั้งพันหมื่น ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งหลอกลวงทั้งนั้น ศิลปะการต่อสู้แห่งเต๋าคือการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงอย่างมั่นคงถาวร ข้าสามารถนั่งอยู่นี่แล้วทำเพียงนั่งฝึก แต่ประสบการณ์แห่งการต่อสู้มากมายนั้นไม่ได้มาจากการนั่งฝึก มันเป็นหัวใจหลักของสิ่งนี้ ข้าต้องการที่จะพัฒนาตัวเองให้มากขึ้น โชคดีที่เส้นลมปราณที่ห้าของข้าได้ผ่านการเริ่มต้นเสริมสร้างความแข็งแกร่งเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อไปมีเพียงค้นหาและทะลวงจุดพลังที่หก

 

เขาได้จุติลงในร่างนี้ และเขาใช้เวลาเพียงครึ่งเดือนในการพัฒนาพลังของเขาที่อยู่เพียงลมปราณแท้จริงขั้นที่สามเป็นห้า ที่แม้แต่อัจฉริยะก็ยังต้องการเวลาสามถึงห้าเดือน

 

แต่เจี้ยงเฉิน เขาใช้เพียงครึ่งเดือน (ผู้แปล. ลูก GM ปลอมตัวมา!!)

 

อย่างไรก็ตาม มันยังไกลเกินกว่าคำว่าเพียงพอ ห้าเส้นชีพจรลมปราณก็ยังคงอ่อนแอ เจี้ยงเฉินยังมีโอกาสที่จะพ่ายแพ้ให้กับทายาทขุนนางคนอื่น ๆ อยู่ ยังไม่ต้องพูดถึงการต่อสู้กับผู้ที่มีการเพาะปลูกความแข็งแกร่งที่แท้จริงในอาณาจักร

 

 การทดสอบหลักของการทดสอบมังกรซ่อนกำลังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ดูจากบรรยากาศในเมืองหลวง คล้ายเหมือนว่าลมจะพัดพาเมฆครึ้มเข้ามาแล้วสินะ มันดูเหมือนว่าแม้แต่ในอาณาจักรเล็ก ๆ เช่นนี้ ก็ยังคงมีกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว มันมักจะเกิดขึ้นเสมอเมื่อสายลมและสายน้ำได้ปั่นป่วน ความแข็งแกร่งของข้ายังไม่เพียงพอ ข้าต้องการมากกว่านี้เพื่อรับมือกับกระแสน้ำนี้

 

สิ้นเดือนมาถึงอย่างรวดเร็ว

 

ในวันสุดท้ายของเดือน เจี้ยงเฉินอยู่ที่สนามทดสอบกับเจี้ยงเฉิง เขาไม่ได้รู้สึกถึงแรงกดดันแต่อย่างใด (เจี้ยงเฉิงคนรับใช้ที่ใช้ไปซื้อยา คนละคนกับพระเอกนะครับ)

 

ถ้าหากเขาไม่ได้อยู่ในร่างคนที่ไม่เคยผ่านการทดสอบมาก่อน ใครจะคิดล่ะว่ายังมีคนที่ไม่แม้แต่จะผ่านการทดสอบขั้นพื้นฐานได้อยู่?

 

เนื่องจากการกระทำที่จวนขุนนางมังกรทะยานในคืนนั้น ทำให้เจี้ยงเฉินค่อนข้างจะเป็นจุดสนใจของคนอื่น ๆ ได้มากทีเดียว แค่ที่แตกต่างก็คือผู้ที่เคยนินทาเกี่ยวกับเขาเช่นในหอโอสถ กลับไม่มีแม้แต่คนเดียวและพวกเขายังระแวดระวังเกี่ยวกับเจี้ยงเฉินอีกด้วย

 

ด้วยธรรมชาติของเจี้ยงเฉินเขาไม่ได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับสิ่งรอบข้างเลย และเขากำลังคิดถึงเรื่องของอาคารที่ทำการทดสอบ

 

ใครบางคนได้เดินออกมาเช่นเดียวกับคนที่เดินเข้าไป มันคือทายาทแห่งหยานเหมิน หยานยี่หมิง

 

 เจี้ยงเฉิน!  หยานยี่หมิงจ้องมองเจี้ยงเฉิน ตาของพวกเขาเต็มไปด้วยไฟโทสะ

 

การพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือของเจี้ยงเฉินในกระบวนท่าเดียวที่จวนขุนนางมังกรทะยาน นั่นเป็นความอัปยศที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขาสำหรับหยานยี่หมิง ไม่เพียงเขาต้องมาเสียหน้าต่อหน้าฝูงชนที่เข้าร่วมงาน ที่สำคัญกว่านั้น เขาได้ดูเหมือนคนโง่ต่อหน้าแม่นางยู่ซือ! แม้แต่ตอนนี้แม่นาง ยู่ซือ ก็ยังวางท่าบึ้งตึงกับเขาอยู่เลย

 

หยานยี่หมิงรู้สึกว่าทั้งหมดนี้มันเป็นความผิดของเจี้ยงเฉิน ถ้าไม่ได้เป็นเพราะไอ้เวรนี่ เจี้ยงเฉิน เขาจะมีโอกาสที่จะเป็นตัวตลกของเมืองหลวงนี้ได้อย่างไร? (ผู้แปล. มันพาลลูก GM โดนทืบแน่เมิง)

 

 เจ้ามันเจ้าลิงหยานที่แย่งที่นั่งของข้า?  ตอนแรกเจี้ยงเฉินจำไม่ได้ว่าเขาเป็นใคร แต่แล้วเขาก็ได้นึกออกถึงคนที่อยู่ด้านหน้าของเขา

 

นอกจากนี้ เขารู้สึกได้ถึงความกรุ่นโกรธในตาของหยานยี่หมิง

 

 เจี้ยงเฉิน เจ้าไปเอาความกล้าที่จะปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้มาจากไหน! ถ้าหากไม่ใช่เพราะวิชาปีศาจของเจ้า เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าเจ้าจะสามารถโจมตีข้าด้วยระดับสามลมปราณแท้จริงของเจ้า?!  หยานยี่หมิงตะโกนออกมาเสียงดัง ตั้งแต่แรกเขาคิดจะหาโอกาสพูดแบบนี้มานานแล้ว

 

 หมายความว่าเจ้าไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ของเจ้า?  เจี้ยงเฉินแย้มยิ้ม

 

 ยอมรับ? ใครที่เจ้ากำลังคิดว่าจะให้การยอมรับเจ้า? เป็นแค่ขุนนางแห่งเจี้ยงหาน คิดว่าจะต่อกรกับขุนนางหยานเหมินที่อันดับสูงกว่าได้งั้นรึ? หรือระดับการฝึกฝนของเจ้าดีถึงเพียงนั้น?

 

 แล้วเจ้าต้องการอะไร?  เจี้ยงเฉินควบคุมอารมณ์ของเขาได้เป็นอย่างดี

 

 ข้า....ข้าต้องการที่จะสู้กับเจ้า!  หยานยี่หมิงตะโกนเขาไม่เคยยอมรับการพ่ายแพ้ เขาจะไม่ยอมรับมัน! เขาจะทวงคืนศักดิ์ศรีและสิ่งต่าง ๆ ของเขากลับคืน!

 

และวิธีที่ตรงที่สุดคือการเอาชนะผู้ร้ายในคดีนี้ เจี้ยงเฉินได้ลูบคมของเขาอย่างหนักหน่วง เขาได้ถูกข่มเหงและได้ถูกเหยียบจมลงในพื้นดิน!

 

 สู้? ข้าไม่มีเวลาพอที่จะมาสนใจเจ้าหรอก!  เจี้ยงเฉินยิ้มอย่างดูถูกและส่ายหัวของเขา เจี้ยงเฉินเดินผ่านหยานยี่หมิงราวกับว่าเขาเป็นอากาศธาตุ

 

 เจี้ยงเฉินเจ้ามันคนขี้ขลาด! เจ้าชนะได้โดยบังเอิญและไม่ได้มีความกล้าหาญที่จะสู้กับข้าอีกครั้ง? ดี! ข้าได้รู้แล้วว่าตระกูลเจี้ยงมันก็มีเพียงแค่คนขี้ขลาด เจ้าไม่สู้? ได้! ข้าจะปล่อยเจ้าไป ตราบใดที่เจ้ายอมรับต่อหน้าทุกคนว่า เจ้าเป็นเพียงคนขี้ขลาดตาขาว!

 

เจี้ยงเฉินไม่คิดจะสู้กับเขา ในสายตาของหยานยี่หมิง นี่เป็นการกระทำที่ฟ้องว่าความคิดของเขานั้นถูกต้อง และทำให้เขาเชื่อมั่นว่าที่เจี้ยงเฉินชนะเขาได้ก็เพราะโชคช่วยเท่านั้น

 

ทันใดนั้นเท้าของเจี้ยงเฉินได้หยุดชะงัก (ผู้แปล. เปิดโหมด GOD!!)

 

คำพูดดูถูกและการดูหมิ่นบิดาของเขา ทั้งสองนี้เป็นเส้นที่เขาขีดไว้ ไม่มีใครควรจะข้ามเส้นของเขามา

 

บรรดาผู้ที่ข้ามเส้นที่ขีดไว้ จะไม่มีผู้ใดได้รับการให้อภัย!

 

 สามกระบวนท่า!  เจี้ยงเฉินจ้องหยานยี่หมิงอย่างเย็นชา  เจ้าจะมีคุณสมบัติที่จะต่อสู้กับข้า หากเจ้าสามารถที่จะยังยืนอยู่ได้หลังจากผ่านไปสามกระบวนท่าจะถือว่าเจ้าชนะ!

 

 ฮ่า ๆ ๆ ! เจ้ามันก็แค่คนอวดดี ! ข้าไม่ต้องการสามกระบวนท่าของเจ้า ! ข้าเป็นถึงทายาทขุนนางหยานเหมิน...  หยานยี่หมิงกำลังจะพูดโอ้อวดแต่ทันใดนั้น เขาได้รู้สึกว่าการหายใจของเขาเต็มไปด้วยความยากลำบาก

 

เขาไม่กล้าที่จะพูดอะไรต่อและเขาไม่สามารถพูดอะไรได้อีกแล้ว ที่ด้านหน้าของเขาเจี้ยงเฉินได้เป็นเหมือนลูกศรที่แหลมคม กลิ่นอายที่น่าหวาดหวั่นตรงเข้าสู่หยานยี่หมิง

 

 กระบวนท่าแรก ระวังตัวให้ดี!

 

เจี้ยงเฉินไม่ใช้การเคลื่อนไหวที่แยบยลแต่อย่างใด เขาทำแต่เพียงพุ่งตัวไปด้านหน้า และยกแขนข้างหนึ่งของเขาขึ้นมา

 

เว้นเสียแต่ว่าเมื่อเจี้ยงเฉินได้ยกแขนของเขาขึ้นมา มันก็ทำให้หัวใจคนอื่น ๆ รู้สึกเหมือนถูกบีบ

 

 สายฟ้า!

 

กลิ่นอายที่คมดั่งเช่นใบดาบได้แผ่ออกมาจากปลายนิ้วของเจี้ยงเฉิน มันกรีดอากาศจนขาดห้วง และที่น่าตระหนกไปกว่านั้น พลังที่เหมือนความโกรธเกรี้ยวของพระเจ้านั้นกำลังพุ่งตรงไปยังหยานยี่หมิง!

 

หยานยี่หมิงรู้สึกว่าแก้วหูเขาแตกโดยเสียงคำรามของสายฟ้า และที่น่าพิศวงไปกว่านั้นการโจมตีที่เหมือนลูกศรนี้ได้จู่โจมเข้าไปยังจุดอ่อนของร่างกายเขา !

 

 เหอะ เทคนิคเดิม พยายามที่จะทำให้ข้าบาดเจ็บด้วยดัชนีราชันย์บูรพา?

 

แม้ว่าหยานยี่หมิงจะตกตะลึงกับสิ่งนี้ แต่เขาก็ยังมีความเชื่อมั่นว่าเขาจะสามารถหลบหลีกมันได้

 

ร่างกายของเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว มันพลิ้วไหวเช่นการเคลื่อนไหวกิ่งต้นหลิว

 

 ย่างก้าวต้นหลิว! ระลอกแห่งลม!

 

ร่างกายของหยานยี่หมิงเคลื่อนไหวดั่งเช่นดอกแดนดิไลออน ทะยานผ่านอากาศ จังหวะการเคลื่อนไหวของเขาเหมือนระลอกน้ำที่เกิดจากลม มันมีความสง่างามสุดพรรณนา (ผู้แปล. ดอกไม้ที่พอเป่าแล้วกระจายเลยอ่ะครับสีขาว ๆ กลม ๆ ว่าแต่เกี่ยวอะไรกับต้นหลิว)

 

นี่คือมรดกแห่งตระกูลหยานเหมิน --  ย่างก้าวต้นหลิว

 

หยานยี่หมิงมีความมั่นใจมากเขาเชื่อมั่นว่าที่เขาพ่ายแพ้ในวันนั้นเป็นเพราะข้อจำกัดของการใช้พลังของเขา เขาจะใช้ทักษะของตระกูลในวันนี้และจะใช้มันในการเอาชนะเจี้ยงเฉิน!

 

แต่เขามีช่วงเวลาที่จะคิดเช่นนั้นได้ไม่นาน เจี้ยงเฉินก้าวอีกหนึ่งแต่การเคลื่อนไหวแขนของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

 

 จุดที่สอง ดาวกระจาย!

 

เจี้ยงเฉินเคลื่อนที่อย่างสามัญ รวดเร็วไม่ได้มีความพิเศษใด ๆ มันอาจจะดูเหมือนเรียบง่ายเกินไปในสายตาของผู้อื่น

 

มีแต่ตัวเขาเท่านั้นที่รู้ถึงความหมายที่แท้จริงของกระบวนท่าที่เรียบง่ายนี้

 

มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับการทำเทคนิคสวรรค์ให้กลายเป็นเทคนิคที่เข้าใจได้ยาก แต่มันเป็นเรื่องยากสำหรับการที่จะทำให้ทักษะที่มีความยากให้กลายเป็นง่าย (ผู้แปล. การปรับทักษะสวรรค์ให้ร่างนี้สามารถใช้ได้)

 

เจี้ยงเฉินได้สำเร็จแล้วถึงสองจุดสำหรับการใช้ทักษะสวรรค์ การเคลื่อนไหวของเขาเริ่มที่จะซับซ้อนมากยิ่งขึ้น

 

มองหาความเปลี่ยนแปลงทว่ากลับมั่นคง

 

แน่นอน ร่องรอยของรอยยิ้มภาคภูมิใจปรากฎบนใบหน้าของหยานยี่หมิง  เจี้ยงเฉิน แม้ว่าดัชนีราชันย์บูรพาของเจ้าจะไม่ได้เลวร้าย แต่เจ้าสามารถทำได้แค่นี้? เจ้าต้องการที่จะสร้างบาดแผลให้กับข้าด้วยพลังเช่นนี้รึ? ฝันไปเถอะ!

 

แต่มันเป็นคำสุดท้ายที่เขาได้พูด

 

ท่าทางของเจี้ยงเฉินเปลี่ยนไปอย่างมาก นิ้วมือของเขาเคลื่อนไหวเล็กน้อยพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง

 

 จุดที่สาม! ไร้นาม!

 

จุดนี้ทำให้เกิดบุปผาที่ไม่ใช่บุปผาเกิดสายหมอกที่ไม่ใช่สายหมอก มันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้ มันเห็นได้ชัดว่ามันคือดัชนีราชันย์บูรพา แต่มันก็มีสิ่งที่มากเกินกว่าที่ดัชนีราชันย์ควรจะมี

 

เส้นสายที่น่าเหลือเชื่อ ความพลิ้วไหวที่แปลกประหลาด จุดเชื่อมต่อที่ไม่ควรจะมี

 

มันเป็นการโจมตีที่น่าหวาดกลัว

 

หยานยี่หมิงเพียงรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่คมชัดภายใต้กระดูกซี่โครงของเขาในเวลานั้น แต่เขากลับรู้สึกเหมือนกับว่าเขาโดนโจมตีมากกว่าสิบครั้งในชั่วพริบตา มันทำลายทุกการเคลื่อนไหวและการป้องกันของเขาอย่างเลือดเย็นราวกับฉีกกระดาษ

 

ร่างกายของหยานยี่หมิงล้มกระแทกกับพื้นดินอีกครั้ง ไม่มีใครรู้ว่าเขาตายแล้วหรือไม่!

รีวิวผู้อ่าน