px

เรื่อง : ราชันสามภพ (นิยายแปล)
ตอนที่ 8 สั่นสะเทือนหอโอสถ


ตอนที่ 8 – สั่นสะเทือนหอโอสถ

 

-------------------------

มีใครบางคนกล่าวไว้ว่า เหรียญสลักมังกรนั้นมีอำนาจมาก แม้แต่หัวหน้าหอโอสถลำดับสามหรือผู้อาวุโสคนอื่นๆ ก็ยังไม่มีใครกล้าทำให้ผู้ถือครองผิดใจ

 

ไม่ใช่ว่าพวกเขากลัว แต่พวกเขาไม่อยากต่างหาก

 

เจี้ยงเฉิงถูกเชื่อเชิญเข้าไปยังด้านในทันที คนที่มาต้อนรับนั้นมีตั้งแต่หัวหน้าหอลำดับที่สามและผู้อาวุโสทั้งชายและหญิงหลายคน นี่แสดงให้เห็นถึงความจริงใจของพวกเขา

 

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจี้ยงเฉิงมายังหอโอสถแห่งนี้ คนตำแหน่งสูงสุดที่เขาเคยเจอคือผู้ดูแลและนั่นก็เป็นแค่การเดินผ่านเฉยๆ เขาไม่มีโอกาสแม้จะได้คุยกันด้วยซ้ำ

 

แต่วันนี้ หัวหน้าหอและผู้อาวุโสอีกสองคน กำลังยืนต้อนรับเขาอยู่เบื้องหน้าอย่างให้เกียรติ

 

จากหน้ามือเป็นหลังมือจริงๆ

 

ตอนนี้ภายในใจเจี้ยงเฉิงนั้นรู้สึกดีเอามากๆ แต่เขาก็ไม่แสดงออกมา เขาเพียงเอ่ยกับตนเองในใจให้ใจเย็นเข้าไว้ และอย่าแสดงความกลัวออกมา เขารู้ดีว่าคนพวกนี้ไม่ได้เคารพเขา แต่เขารพเหรียญสลักนี้ต่างหาก

 

เมื่อเขามีเหรียญสลักนี้ในมือ เขายังต้องกลัวอะไรอีกงั้นเหรอ?

 

เมื่อเขามีเหรียญนี้อยู่ในมือ เขาย่อมต้องทำตัวให้ดูดีเข้าไว้

 

หลังจากผ่านการดื่มน้ำชาไปสามรอบ เหล่าหัวหน้าหอทั้งสามก็ยังไม่สามารถมองตัวตนของเจี้ยงเฉิงออก เขาหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะกล่าขึ้น "ในเมื่อขุนนางท่านนี้ได้รับเหรียญสลักจากราชาด้วยตนเอง ดังนั้นย่อมไม่ใช่คนสามัญแน่นอน ไม่ทราบว่าสาเหตุที่ท่านมาวันนี้คืออะไรงั้นรึ?"

 

ได้รับจากองค์ราชาโดยตรงงั้นเหรอ? เจี้ยงเฉิงแทบจะทำแก้วชาในมือหล่น

 

ตอนที่เจี้ยงเฉินมอบมันให้กับตัวเขานั้น เจี้ยงเฉินเพียงกล่าวว่ามันอาจจะช่วยอะไรได้เท่านั้น เขาไม่ได้บอกว่าได้มันมาจากองค์ราชาเลยแม้แต่น้อย ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมหอโอสถถึงได้นอบน้อมขนาดนี้

 

"อันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก ข้ามาเพื่อหาส่วนผสมยาและคุยเรื่องธุรกิจนิดหน่อย"

 

การมาซื้อส่วนผสมยานั้นเป็นเรื่องเล็กน้อยมากในสายตาของผู้นำหอโอสถและเหล่าผู้อาวุโส แต่ที่พวกเขาสนใจคือ "ธุรกิจเล็กน้อย" นั่นต่างหาก!!

 

"พวกข้าขอถามได้หรือไม่ว่าเป็นธุรกิจอันใดขอรับ?" หัวหน้าหอสอบถามอย่างไม่เร่งร้อน เขาจะไม่รีบตกลงอะไรก่อนที่จะเข้าเบื้องหลังของคนแปลกหน้าผู้นี้มากพอ

 

"ข้ามีตำหรับยามาด้วย ซึ่งมันเคยสูญหายไปในอดีตกาลนานมาแล้ว" เจี้ยงเฉิงไม่กล่าวอ้อมค้อม เขารีบกล่าวเข้าจุดมุ่งหมายทันที "ข้าจะไม่ขายตำหรับยาชิ้นนี้ แต่จะเสนอให้แบ่งส่วนแบ่งกัน 50/50 ส่วนผสมพวกเจ้าเป็นคนจัดการ ส่วนข้าก็จะยังเป็นเพียงเจ้าของสิทธิ"

 

ยึดต่ำแหน่งเจ้าของสิทธิแถมยังเรียร้องขอส่วนแบ่ง 50/50 นี่มันจะไม่มากเกินไปหน่อยหรือ?

 

ต่อให้มันเป็นตำหรับยาเฉพาะ แต่ก็ไม่มีทางที่หอโอสถจะไม่เคยเห็นมันมาก่อน เจ้าหมอนี่มันจะคิดเข้าข้างตนเองมากไปแล้ว ผลตอบแทน 50/50 นี่มันปล้นกันชัดๆ!!

 

"หืมม ก่อนหน้านี้หอเราเคยแลกเปลี่ยนสูตรยากันมาก่อน พวกเราเพียงซื้อมันมาจากเจ้าของคนเดิม และไม่เคยมีการแบ่งผลประโยชน์กับคนอื่นมาก่อน ไม่ต้องกล่าวถึงราคาตรงนั้นก็ได้ เพียงแต่ว่า ส่วนแบ่ง 50/50 นี้มัน อาจจะมากเกินไปหน่อย....เอาแบบนี้เป็นไง..ขอพวกข้าดูสูตรยานั้นก่อนได้หรือไม่?"

 

หัวหน้าหอลำดับสามนั้นไม่ได้ปฏิเสธโดยทันที แต่เขาก็ไม่ได้แสดงออกว่าอยากดูสูตรยานั้นมากนัก สมกับเป็นคนที่มีประสบการณ์สูงจริงๆ

 

"จะดูก็ไม่มีปัญหา เพียงแต่ข้ากลัวว่าพวกเจ้าจะไม่เข้าใจมันต่างหาก อ่า ช่างมันเถอะ พวกเจ้าจะดูมันก็ได้ ยังไงข้าก็มีวิธีกลั่นมันอยู่ และไม่ได้ใส่ตัวยาสำคัญๆ ลงไปด้วย เพราะฉะนั้นดูให้สบายใจเถอะ แล้วก็อย่าคิดที่จะขโมยมันเชียวหละ!!"

 

เจี้ยงเฉิงยื่นรายชื่อออกไปอย่างใจกว้าง เขาแสดงออกอย่างไม่สนใจ และสงบนิ่งราวขุนเขา แม้ว่าภายนอกเขาจะแสดงออกมาอย่างสบายใจ แต่ภายในใจของเขาต่างรู้ดีว่าสถานการณ์ตอนนี้มันเป็นยังไง

 

หัวหน้าหอลำดับที่สามรับสูตรยาไปพลางเหล่มองซักเล็กน้อย ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้น มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่สูตรยานี้ได้สูญหายไปเมื่อครั้งอดีต?

 

กระดาษธรรมดา ลายมือปกติทั่วไป.....สิ่งแรกที่เข้ามาในหัวของเขาคือ เขาถูกหลอกแล้ว!!

 

ถ้าจะทำตำหรับยาปลอมมาแบบนี้ อย่างน้อยก็ช่วยหากระดาษเหลืองๆ และเขียนลายมือสวยๆ กว่านี้ไม่ได้รึไง

 

แล้วนี่มันอะไรกัน?

 

ตำหรับยาอันนี้มันช่างน่าขำสิ้นดี หรือว่าคนผู้นี้ต้องการใช้เหรียญสลักมังกรเพื่อหลอกต้ม หอโอสถของเรางั้นรึ?

 

สองผู้อาวุโสต่างพากันมองไปยังสูตรยาแผ่นนั้นด้วยแววตาแปลกประหลาด พวกเขาต่างหันมาจ้องหน้ากันโดยไม่ต้องกล่าวอะไร ต่างคนต่างเห็นคำว่า "หลอกลวง" ในแววตาของแต่ละฝ่าย

 

หัวหน้าหอโอสถลำดับที่สามดึงตำหรับยากลับไปพร้อมกับพินิจอีกครั้ง เขาย่นคิ้วขึ้นพลางกล่าว "ยาชะตาสวรรค์? ข้าไม่เคยได้ยินชื่อมันมาก่อนเลย"

 

"นี่มันเป็นสูตรยาจากอดีต มันก็ไม่แปลกที่เจ้าจะไม่เคยได้ยินมันรึเปล่า? ถ้าเจ้าเคยได้ยินมันมาก่อน แล้วมันจะเป็นตำหรับยาที่สูญหายไปเมื่อครั้งอดีตได้อย่างไร?" เจี้ยงเฉิงกล่าวอย่างใจเย็นพลางจิบชาเบาๆ

 

เขาวางถ้วยชาลงบนโต๊ะพลางเอื้อมไปหยิบตำหรับยากลับมา "ตอนนี้พวกเจ้าก็ได้เห็นมันแล้ว แต่ก็ไม่สามารถมองออกถึงคุณค่าของมันได้ ซึ่งมันต้องมีคนอื่นที่เห็นค่ามันแน่ ข้ารู้ว่าพวกเจ้าคิดเช่นไร พวกเจ้าคิดว่าตำหรับยาชิ้นนี้ใช้กระดาษและการเขียนที่ธรรมดามาก และคงคิดว่ามันเป็นของปลอม อ้อก็อย่างว่าหละนะ อย่าไปพูดกับแมลงฤดูร้อนเกี่ยวกับน้ำแข็ง ถ้าพวกเจ้าเข้าใจพวกเจ้าก็คงไปต้องการคำอธิบายใดๆ ถ้าพวกเจ้าไม่ต้องการ งั้นก็ไม่ต้องกล่าวอะไรกันอีก ข้าจะไม่รบกวนพวกเจ้าแล้ว โชคดี!!"

 

แม้ว่าเบื้องนอกของเจี้ยงเฉิงจะกล่าวออกมาด้วยใบหน้าสบายๆ แต่ภายในใจของเขาตอนนี้นั้น เต้นราวกับกลองไปแล้ว นี่คือแผนสุดท้ายของเขา แสดงออกให้ยากจะเข้าใจ แกล้งทำเป็นคนสุขุมรอบคอบ และไม่กังวลสิ่งใด

 

ถ้าพวกเขาไม่ตกหลุมกับแผนการนี้ งั้นเขาก็ไม่มีปัญญาแล้วหละ

 

"เฮ้ออ ข้าหวังว่าสวนแห่งพระเจ้าหรือสวนยาแห่งราชันจะเข้าใจถึงคุณค่าของมันหละนะ ก็หวังไว้ว่าจะมีใครได้รับชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่นี้ไป"

 

เจี้ยงเฉิงแกล้งลุกขึ้นพร้อมกับเตรียมตัวจะออกจากหอโอสถไป

 

หัวหน้าหอลำดับสามรู้สึกว่าเจี้ยงเฉิงนั้นเป็นคนที่ค่อนข้างเข้าใจได้ยาก ไม่สามารถอ่านใจได้เลย หากว่าแขกผู้นี้จากไปเช่นนี้ หอโอสถของเราจะต้องถูกดูหมิ่นอย่างมากแน่นอน หากพูดตามจริงแล้วพวกเขาค่อนข้างที่จะดีใจที่แขกคนนี้จากไปเช่นนี้

 

แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ที่ทำให้หัวหน้าหอลำดับสามรู้สึกว่าหากเขาปล่อยแขกผู้นี้จากไปเช่นนี้ เขาจะต้องสูญเสียงบางสิ่งบางอย่างแน่นอน

 

ในขณะที่ความอยากรู้อย่างเห็นของเขาพุ่งขึ้นสูงสุด หัวหน้าหออันดับสามจึงกล่าวออกมา "นายท่าน โปรดใจเย็นก่อน หัวหน้าหอโอสถลำดับที่หนึ่งและลำดับที่สองกำลังกลับมาภายในไม่กี่วันนี้ แม้ว่าข้าอาจจะไม่รู้จักยาชนิดนี้ บางทีสองคนนั้นอาจจะรู้ก็ได้..."

 

"อ้ออ ลืมมันไปเสียเถอะ บางทีโอกาสก็ไม่รอใครนะ ข้ามาที่หอโอสถแห่งนี้เพราะว่าข้าอยากมา ข้าไม่ได้มีความอดทนมากพอที่จะรอใครหรอกนะ ใครจะไปคาดคิดหละว่าหอโอสถอันแสนยิ่งใหญ่แห่งนี้ จะไม่มีใครแม้สักคนเดียวที่จะรู้จักราคาของมัน ช่างน่าสงสาร ช่างน่าละอายนัก"

 

เจี้ยงเฉิงเริ่มจะดำเนินแผนการขั้นต่อไป

 

หัวหน้าหอลำดับสามและสองผู้อาวุโสไม่เคลื่อนไหวหรือกล่าวอันใดพวกเขาทำเพียงยืนส่งแขกอย่างยินดีเท่านั้น

 

ทันใดนั้นที่โถงทางเดินพลันมีลมเย็นยะเยือกพุ่งเข้ามา เสี่ยงอันสูงส่งพุ่งทะลวงทุกสิ่งเข้ามาทันที "สูตรอะไรงั้นรึ? อย่ามาอวดอ้างแถวนี้ รีบนำมันออกมาให้ข้าดูซะ!!"

 

ก่อนที่เจี้ยงเฉิงจะทันได้ทำอะไร หัวหน้าหอลำดับสามก็กล่าวขึ้นทันที "ท่านคือผู้อาวุโสชุน ท่านเป็นคนต่างแดน และท่านยังเป็นแขกผู้ทรงเกียรติของหอเรา และเก่งกาจอย่างมาก แม้แต่ท่านจ้าวแห่งหอโอสถยังต้องให้ความเคารพแก่ท่านผู้อาวุโสชุน"

 

"โอ้ งั้นแขกผู้ทรงเกียรติท่านนี้ สามารถตัดสินใจได้หรือไม่?" เจี้ยงเฉิงเงยหน้ากล่าวอย่างถือดี

 

"หากเป็นการประเมินของผู้อาวุโสชุน หอของเราพร้อมที่จะเชื่ออยู่แล้ว"

 

แขกผู้ทรงเกียรติมีอำนาจขนาดนี้เชียวรึ? เจี้ยงเฉิงคิดอย่างหนัก แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาที่เขาต้องกังวล

 

สุตรยาถูกส่งต่อไปยังอีกห้องหนึ่ง ที่มีตาแก่ผมขาวผู้หนึ่งนั่งอยู่ เมื่อเขาได้รับสูตรยานั้นไปเขาก็เหล่มองมันเล็กน้อย ครั้งที่ที่เขาเห็นมันเขาก็มีความคิดไม่ต่างจากหัวหน้าหอลำดับสาม แต่สักพักเขาก็ย่นคิ้วพร้อมกับจมลงสู่ความคิดทันที

 

เขาจมลงสู่เบื้องลึกของจิตใจ ก่อนจะพึมพำขึ้นกับตัวเอง "ในโลกนี้มีสูตรยาคงอยู่ด้วยรึ? ข้าเรียนรู้ศาสตร์แห่งการปรุงยาแห่งเต๋ามานับสองร้อยปี กับไม่เคยรับรู้เลยว่ามันมีสิ่งนี้อยู่"

 

ผู้อาวุโสชุนรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนจะพลักประตูเข้าไปยังสวนเบื้องหลังห้องนั้น ณ กลางสวนปรากฏร่างของสาวน้อยในชุดผ้าไหมสีเขียวอ่อน อยู่ท่ามกลางต้นไผ่สีหยกเงางาม เธอกำลังป้อนอาหารแก่เหล่านกน้อยอยู่ หมอกยามเช้ายิ่งขับเน้นให้ผิวราวหิมะของเธอเนียนใสดูผุดผ่องขึ้นไปอีก

 

"ฮ่วงเอ๋อ!" ผู้อาวุโสชุนร้องเรียกขึ้น

 

เมื่อเธอหันมาความงดงามของเธอทำให้ผู้พบเห็นแทบจะหยุดหายใจ ราวกับพระจันทร์สีเงิน เหมันต์อันแสนผ่องใส ช่างเป็นทิวทัศที่แสนติดตราตรึงใจยิ่งนัก แต่กลับปรากฏความกลัดกลุ้มและความโศกเศร้าขึ้นบนใบหน้าของเธอ มิเช่นนั้นความงดงามของเธอจะต้องน่าหลงไหลมากมายกว่านี้มากนัก

 

สตีนางนี้ช่างราวกับเหล่าเทพธิดาบนสรวงสวรรค์มากนัก

 

"มีอะไรเหรอคะ ผู้อาวุโสชุน"

 

ผู้อาวุโสชุนยิ้มออกมา "ข้าพึ่งได้สูตรยามาชิ้นหนึ่ง แต่ข้ากลับไม่เข้าใจมันแม้แต่น้อย ไม่ทราบว่าเจ้าจะช่วยข้าดูมันหน่อยได้หรือไม่?"

 

สาวน้อยยิ้มออกมาบางๆ ร้อยยิ้มของเธอขจัดความมืดมนในใบหน้าของเธอออกไป ส่งผลให้เธอดูมีชีวิตชีวามากขึ้น

 

"แม้แต่ผู้อาวุโสชุนยังไม่สามารถเข้าใจมันได้ งั้นฮ่วงเอ๋อก็คงไม่ต่างกันมากนัก งั้นขอให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่?"

 

เมื่อเธอรับสูตรยาไป เธอกลับไม่กล่าวถึงกระดาษที่ใช้หรือลายมือที่เขียนแม้แต่น้อย เธอกลับอุทานออกมาเบาๆ "ยาชะตาสวรรค์? นี่มันเป็นตำหรับยาโบราณนี่"

 

เธอแสดงออกมาอย่างประหลาดใจขณะที่เธออ่านมัน ในที่สุดเธอก็ต้องอ่านมันอีกครั้ง "ข้าเคยเห็นตำหรับยานี้มาก่อน ในหนังสือโบราณล้ำค่าเล่มหนึ่ง แต่มันกลับไม่สมบูรณ์ ส่วนผสมของมันมีไม่ครบ แต่กลับมีรายชื่อส่วนผสมที่เหมือนกันอยู่ที่นี่อีกอัน แต่รายชื่อส่วนผสมในหนังสือโบราณเล่มนั้นกลับไม่ครอบคลุมเท่ากับรายชื่อเหล่านี้เลย"

 

ครั้งนี้กลายเป็นผู้อาวุโสชุนที่ต้องแปลกใจเอง "งั้นก็หมายความว่าสูตรยาชะตาสวรรค์แผ่นนี้เป็นของจริงงั้นรึ?"

 

"อาจจะจริงหรือเท็จ เพราะฮ่วงเอ๋อไม่เคยเห็นสูตรที่สมบูรณ์มาก่อน แต่ถ้าคิดตามความจริงแล้ว ตำหรับยาแผ่นนี้มีโอกาสเป็นของจริงสูงมาก ผู้อาวุโสชุนตำหรับยาแผ่นนี้มาจากที่ได้งั้นรึ?"

 

ทันใดนั้นใบหน้าของผู้อาวุโสชุนก็แสดงออกมาอย่างดีใจ แววตาของเขาสว่างเจิดจ้า แต่ทันใดนั้นเขาก็เศร้าหมองสักพักก่อนจะหายไป

 

"อ่า ไม่ว่าตำหรับยาชะตาสวรรค์นี้จะเป็นของจริงหรือไม่ แต่มันก็เป็นเพียงของล้ำค้าสำหรับอาการบาดเจ็บทางร่างกายเท่านั้น มันไม่มีประโยชน์สำหรับอาการป่วยของเจ้าเลย ฮ่วงเอ๋อ"

 

ความตื่นเต้นของผู้อาวุโสชุนเริ่มลดน้อยลงหลังจากที่เขากล่าวจบ

 

อย่างไรก็ตาม ฮ่วงเอ๋อก็ยิ้มออกมาพลางกล่าว "ผู้อาวุโสชุน โชคชะตานั้นถูกกำหนดไว้แล้ว พวกเราไม่สามารถไปบังคับมันได้ ปล่อยให้มันเป็นไปตามที่มันจะเป็นเถอะ"

 

ตำหรับยาถูกส่งกลับไปยังหัวหน้าหอลำดับที่สามและเหล่าผู้อาวุโสพร้อมกับคำบอกจากผู้อาวุโสชุน "ตำหรับยาชิ้นนี้มีโอกาสเป็นของจริงสูง หากว่ามันกลายเป็นสินค้าจริงๆ มันจะทำให้ ยารักษาที่มีอยู่ในอาณาจักรตอนนี้หรือแม้แต่อีกหกอาณาจักรที่เหลือกลายเป็นขยะไปเลยเมื่อเทียบกับมัน ความต้องการยาชะตาสวรรค์ชิ้นนี้จะกลายเป็นดั่งพายุที่โหมกระหน่ำแน่นอน เพราะงั้นเจ้าตัดสินใจเองเถอะว่าจะติดสินเช่นไร"

 

นี่แสดงให้เห็นแล้วว่าผู้อาวุโสชุนนั้นยิ่งใหญ่ขนาดไหน สถานะของเขานั้นสูงส่งแม้แต่หอโอสถก็ยังเชื่อถือเขา

 

หัวหน้าหอลำดับสามแปลกใจอย่างมาก เขาแทบไม่อยากจะเชื่อ แต่เพราะเป็นคำกล่าวของผู้อาวุโสชุนเขาจึงต้องเชื่อว่า ตำหรับยาที่ดูเหมือนหลอกลวงนั้นจะมีโอกาสเป็นของจริงไปได้

 

นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว และคำกล่าวของผู้อาวุโสชุนยังทำให้ตกใจอย่างมาก ยาชะตาสวรรค์ชิ้นนี้ จะทำให้ยาชนิดอื่นดูไร้ค่าไปเลยงั้นรึ? เรื่องนี้เขาต้องคิดให้รอบคอบเสียแล้ว

 

เราจะสามารถควบคุมตลาดได้!! นั่นหมายความว่าเราจะได้กำไรอย่างมหาศาล แค่คิดก็ทำให้สั่นสะท้านไปทั้งตัวแล้ว!!!

 

ในอีกด้านหนึ่ง เจี้ยงเฉิงนั้นเริ่มจะสงบใจลงได้แล้วเมื่อเขาได้ยินคำกล่าวของผู้อาวุโสชุน เป็นผู้ช่วยชีวิตเขาโดยแท้ เขาช่างเก่งจริงๆ ที่รู้ถึงคุณค่าของมันในที่สุด!!!

 

เจี้ยงเฉิงนั้นกลัวอย่างมากหากว่าในท้ายที่สุดแล้วนั้นผู้อาวุโสชุนสรุปว่ามันเป็นขยะ เขาจะต้องถูกจับโยนออกจากหอโอสถอย่างแน่นอน

 

แต่ตอนนี้เมื่อมีคำกล่าวของผู้อาวุโสชุนเป็นเกราะป้องกัน และเมื่อดูจากท่าทางของหัวหน้าหอลำดับสาม เจี้ยงเฉิงนั้นรู้ทันทีว่า นายน้อยของเขาชนะแล้ว นี่เขาได้รับการช่วยเหลือจากเหล่าเทพจริงๆ!!

 

ในที่สุดเขาก็วางใจได้เสียที ตอนนี้สถานะของเจี้ยงเฉิงนั้นยิ่งพิเศษมากขึ้นไปอีก เขายิ้มบางๆ ออกมา "ในเมื่อทางหอโอสถนั้นไม่กล่าวคำอันใด งั้นข้าก็จะไม่เสียเวลาอีกแล้ว ลาก่อน!"

 

"นายท่าน!! ได้โปรดรอก่อน!" หัวหน้าหอลำดับสามแสดงออกมาอย่างตึงเครียด

 

ไม่ได้เขายอมไม่ได้ หากตำหรับยาชิ้นนี้ตกไปอยู่ในมือคู่แข่งของพวกเขา มันจะกลายเป็นวิกฤตร้ายในอนาคตแน่นอน ไม่ใช่แค่อาณาจักรตงฟางเท่านั้นที่จะถูกสยบด้วยยาชิ้นนี้ แต่มันเป็นทั้ง 16 อาณาจักร!!!

 

มันจะกลายเป็นฝันร้ายที่น่ากลัว!!

รีวิวผู้อ่าน