px

เรื่อง : ราชันสามภพ (นิยายแปล)
ตอนที่ 2 บิดาผู้สนับสนุน สหายผู้ซื่อสัตย์


ตอนที่ 2 –บิดาผู้สนับสนุน สหายผู้ซื่อสัตย์

 

-------------------------

Note - เปลี่ยนชื่อพระเอกเป็นเจี้ยงเฉิน

 

Note - เจี้ยนหานคือชื่อดินแดนนะครับ

 

Note - ตระกูลราชา ตระกูลตงฟาง(ตะวันออก)

 

ในที่สุดเจี้ยงเฉินก็เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด ทั้งเรื่องที่เกิดขึ้น และเรื่องที่เจี้ยงเฉินคนก่อนตายยังไง

 

"อืมม ดูเหมือนว่าเจี้ยงเฉินคนก่อนเป็นคนไม่มีโชคจริงๆ ตายเพราะผายลมนี่นะ? ราชาองค์นี้ช่างเป็นคนที่โหดเหี้ยมจริงๆ ว่าแต่พิธีบูชาสวรรค์งั้นเหรอ? หืมม ก็ไม่อยากจะโม้หรอกนะ ว่าข้าหนะคือบุตรแห่งจักรพรรดิสวรรค์ ได้พบเจอกับพิธีบูชามามากมายนับไม่ถ่วน แต่กลับไม่เคยได้ยินเลยว่ามีการมอบพรให้กับผู้ที่ชำระร่างกายจนสะอาด เปลี่ยนชุดใหม่ หรือว่ามีธูปหอมจำนวนมาก แต่โดยส่วนมากแล้วผู้ที่ควรจะได้รับรางวัลก็คือ ผู้คนที่มีจิตใจเมตตา ผู้คนที่ไม่ทารุณผู้อื่น อ้อเกือบลืมไป ต้องขอบคุณเจ้าทรราชนั้นหละนะที่ฆ่าเจี้ยงเฉิน"

 

เจี้ยงเฉินถอนหายใจขณะที่นอนอยู่ในโลง เขาได้รับรู้ความรู้สึกมากมายปนเปกันไปหมด แม้เขาจะรู้สึกแค้นใจแทนเจี้ยงเฉินคนก่อน แต่เขาก็อดที่จะยินดีไม่ได้ที่ได้เกิดใหม่

 

หลังจากที่เขาได้ยินคำสนทนาของคนสองคน หนึ่งคือพ่อของเจี้ยงเฉินคนก่อน หรืออาจจะกลายเป็นพ่อของเขาไปแล้ว

 

เมื่อเขาเห็นท่านพ่อของเขาในชาตินี้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แทบจะก่อกบฏได้ทุกเวลา หัวใจของเจี้ยงเฉินอบอุ่นขึ้นมาทันตา มันเหมือนกับเดจาวู ที่ท่านพ่อรักและเอ็นดูเขามากกว่าสิ่งใด

 

"ใครจะคาดคิดว่าเขาจะโชคดี ที่มีบิดาคอยช่วยเหลือเขาทั้งสองภพสองชาติ แม้ว่าขุนนางแห่งเจี้ยนหานผู้นี้จะเป็นเสาหลักของอาณาจักร เขาก็เต็มใจที่ก่อกบฏเพื่อบุตรชายที่ถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม ช่างเป็นชายที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความกล้าหาญและความเที่ยงธรรมโดยแท้"

 

บางทีอาจจะเป็นเพราะเลือดที่ไหลเวียนอยู่ภายในร่างของเขาและเจี้ยงเฟิงก็ได้ ที่ทำให้เขารู้สึกว่าเจี้ยนเฟิงคือพ่อจริงๆ ของเขาตั่งแต่ครั้งแรกที่เจอ

 

อย่างน้อยเขาก็ไม่ขี้ขลาดตาขาว

 

และแน่นอนว่าเจี้ยงเฉินไม่ยอมปล่อยให้เหตุการณ์มันบานปลายจนเกิดการกบฏแน่นอน

 

แม้ว่าการก่อกบฏต่อราชา เนื่องจากขุนนางคนหนึ่งมันจะน่าสนุกก็ตาม แต่นั่นมันก็เป็นเพียงแค่การรนหาที่ตายเท่านั้น ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเจี้ยงเฟิงนั้นไม่มีคนหนุนหลังด้วยซ้ำ

 

หรือต่อให้เขามีกองกำลังนับล้านคน แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะต่อกรกับกองกำลังทั้งอาณาจักร

 

เจี้ยงเฉินเป็นถึงบุตรแห่งจักรพรรดิสวรรค์ในชาติที่แล้ว ความรู้ต่างๆก็ล้วนแตกฉาน เขาเข้าใจดีว่าความหมายของ "ขุนนางผู้มีจริยธรรมไม่ควรเร่งร้อนในการแก้แค้น" คืออะไร และเขาจะต้องหยุดยั้งบิดาในชาตินี้ของเขาไม่ให้ทำอะไรสิ้นคิด

 

.ในชาติที่แล้วเขาคือบุตรแห่งจักรพรรดิสวรรค์ แต่ในชาตินี้เรื่องราวในชาติที่แล้วก็เป็นได้แค่เรื่องเหลวไหล

 

ถ้าหากบิดาของเขาก่อกบฏจริงๆ ทุกคนจะไม่ล้มหายตายจากกันหมดหรอกหรือ?

 

ในที่สุดเจี้ยงเฉินก็ขยับร่างของตนเอง เขาไม่อยากตายซ้ำสองหรอกนะ

 

เมื่อเขามองเห็นบิดากำลังจะทิ้งสายเลือดของเขาไว้และจากไป เจี้ยงเฉินรีบเรียกความสนใจด้วยการไอออกมา ส่งผลให้เจี้ยงเฟิงนิ่งค้างไปทันที

 

ตัวของเจี้ยงเฟิงยื่นนิ่งเป็นหินไม่ไหวติง เขามองมายังร่างที่ทอดอยู่ในโลงศพด้วยแววตาเลื่อนลอย ทันใดนั้นแววตาที่ดุร้ายก็เขาก็พลันเปลี่ยนเป็นแววตาอันแสนอบอุ่น อันเปี่ยมไปด้วยความรักทันที

 

ความรักของบิดานั้นดุจดังภูผา เจี้ยงเฟิงนั้นกระโจนเข้าเกาะกุมมือของเจี้ยงเฉินราวกับพยัคฆ์ร้าย "เฉินเอ๋อ นี่เจ้า...นี่เจ้ายังไม่ตายงั้นรึ?"

 

แม้ว่าการแสดงออกของเขาจะแปลกไปบ้าง ความรักความเป็นห่วงของบิดาเช่นนี้นั้น สำหรับเขาที่เคยได้รับมันมาเมื่อชาติที่แล้ว ย่อมไม่รู้สึกแปลกประหลาดอะไร

 

"ท่านพ่อ ข้าลากให้ท่านตกต่ำกับข้าแล้ว..."

 

เจี้ยงเฟิงนั้นมีความสุขอย่างมากที่ได้บุตรชายกลับมา ใครจะสนหละ ว่าต้องตกต่ำลงขนาดไหน

 

"ไร้สาระ เจ้าคือบุตรของข้า เจี้ยงเฟิงผู้นี้ แล้วเจ้าจะทำให้ข้าตกต่ำได้ยังไงกัน ทุกอย่างมันดีไปหมดเมื่อเจ้ายังไม่ตาย เฉินเอ๋อ ต่อให้เจ้าผายลมในพิธีขอพรจากสวรรค์เพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยของบุตรสาวของเจ้าหลู่ ที่ไม่มีทางรักษาหายก็ตาม ถ้าหากว่าการขอพรแล้วรักษาได้ทุกอย่างแล้วหละก็ จะมีหมอไปเพื่ออะไรกัน?"

 

"ต่อให้ชีวิตของบุตรสาวของเขาจะสำคัญมาก แต่ชีวิตของบุตรชายข้าหละไม่สำคัญงั้นรึ แค่เขาต้องการจะขอความเมตรตาต่อสวรรค์ไม่ได้หมายความว่าบุตรชายของข้าต้องถูกโบยจนตาย เพราะการผายลมที่ไม่คาดคิดหรอกนะ"

 

เจี้ยงเฟิงไม่คิดจะปิดบังความเดือดดาดของเขาซักนิด เข้ากล้าแม้แต่เรียกชื่อของราชาห้วนๆ

 

ดูเหมือนว่าขุนนางแห่งเจี้ยนหานผู้นี้จะโกรธมากจริงๆ เจี้ยงเฟิงแน่ใจเลยว่าถ้าเขาตายไปจริงๆ เจี้ยงเฟิงต้องก่อกบฏอย่างแน่นอน

 

ชายผู้นี้กล้าแม้กระทั้งระเบิดสวรรค์ทลายนภาเพื่อบุตรของตนเองอย่างแน่นอน

 

"มีบิดาเช่นนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน" ความเชื่อถือในบิดาผู้นี้ของเจี้ยงเฟิงยิ่งมากขึ้นไปอีก

 

"อย่ากลัวไปเฉินเอ๋อ ตอนนี้เจ้าตื่นขึ้นมาแล้ว เจ้าจะไม่กลายเป็นแบบนั้นอีกครั้งตราบเท่าที่ข้ายังมีลมหายใจอยู่ ข้าจะติดต่อไปยังสหายขุนนางคนอื่นๆ เพื่อให้ยื่นเรื่องร้องทุกข์ อภัยโทษให้กับเจ้า"

 

ทำให้พื้นที่สกปรก ทำให้วัดศักดิ์สิทธิ์ต้องเสียเกียรติ ดูหมิ่นเหล่าทวยเทพ และยังทำลายพิธีการบูชาสวรรค์

 

ถ้าสิ่งเหล่านี้ยังไม่กระจ่าง พวกเขาก็ไม่มีวันให้อภัยเจี้ยงเฉินแน่ ต่อให้เขากลับมาจากความตายก็ตาม

 

เจี้ยงเฉินเข้าใจดีว่าถ้าหากเขาต้องการจะอาศัยอยู่ที่นี่ เรื่องที่เกิดขึ้นก็อย่าพึ่งเก็บมาใส่ใจ

 

"ท่านพ่อ ไม่ต้องเร่งรีบเพื่อกู้ชื่อเสียงให้ข้าหรอก ตอนนี้เหล่าตระกูลตงฟาง ต่างกำลังโกรธแค้น พวกเราสามารถไปเยี่ยมเยือนพวกเขาภายหลัง ปล่อยให้ความโกรธของพวกเขาลดทอนลงก่อน ข้าถูกลงโทษไปแล้วหนึ่งครั้ง เขาคงไม่เสียสัตย์ในฐานะราชาเพื่อมาลงโทษข้าอีกครั้งหรอกจริงมั้ย?" เขามีวิธีมากมายที่จะกุมสถานการณ์เหล่านี้ไว้ในกำมือของตนเอง เขาไม่จำเป็นต้องรีบร้อนนัก เพราะตอนนี้เขาต้องการทำความคุ้นเคยกับร่างใหม่นี่เสียก่อน

 

ดูเหมือนว่าเจี้ยงเฟิงจะจับสัมพัสใครสักคนที่เขารู้จักได้ "เฉินเอ๋อ นอนลงก่อน มีใครบางคนกำลังมา" เขากล่าวออกมาเบาๆ

 

การฟื้นคืนชีพของเจี้ยงเฉินนั้น เป็นเรื่องที่น่าตื่นตะลึงมาก ถ้าใครเห็นเขาเข้าหละก็เป็นเรื่องแน่นอน ตอนนี้บิดาของเขาให้เขาเก็บสิ่งนี้ไว้เป็นความลับเสียก่อน

 

แน่นอนว่าการแกล้งตายในโลงศพแค่นี้มันสบายสุดในสามโลกแล้ว

 

"พี่เฉิน ท่านตายโดยที่ไม่จำเป็นจริงๆ" เสียงเท้าดังอยู่ห่างออกไป แต่เสียงร้องอันน่าเวททนากลับแทรกเข้าสู่โสตประสาทของเขา

 

เสียงกลิ้งไปมาพร้อมกับเสียงร้องอันโหยหวน

 

ใช่ เสียงกลิ้ง!!!

 

บุคคลที่พึ่งมาถึงนั้น เขาดูราวกับเป็นลูกชิ้นก็ไม่ปาน รูปร่างของเขานั้นไม่ว่าจะมองด้านไหนก็ดูเหมือนราวกับลูกชิ้นก็ไม่ปาน ทั้งส่วนเว้าส่วนโค้ง

 

ลูกชิ้นคงไม่เสียใจแน่นอนถ้ามาเห็นร่างของเขา แต่ที่น่าดีใจไปกว่านั้นคือ เขาขอลาออกจากการเป็นขุนนางทั้ง 108 คน เขาเป็นคนที่มีจิตใจกล้าหาญและตงฉิน และยังฉลาดและวางแผนเก่งอีกด้วย แค่นั้นยังไม่พอ เขายังได้รับอันดับหนึ่งในฐานะคนที่น้ำหนักเยอะที่สุด!!

 

ก็น่าภูมิใจอยู่หรอกที่สามารถเลี้ยงดูจนมีร่างกายแบบนี้ได้ และที่ยิ่งไปกว่านั้นบิดาของเขายังมอบชื่อที่เหมือนกับผู้หญิงอย่าง "ซวนซวน" อีก

 

ชายสองคนที่ดูอายุไล่เลี่ยกันเดินตามเจ้าลูกชิ้นมาด้านหลัง ทั้งสองคนต่างเต็มไปด้วยใบหน้าเศร้าโศกเสียใจ ชัดเจนว่าพวกเขามาเพื่อเคารพศพของเจี้ยงเฉิน

 

เจ้าลูกชิ้นเดินมาด้านข้างของโลงศพ พร้อมกับดอกไม้ ไม่มีใครตามเข้ามา พวกเขาทำเพียงรออยู่เบื้องหลัง

 

เจ้าลูกชิ้นเช็ดน้ำตาของตนเองออก ก่อนจะเผาทั้งอาหารและเงินทองในกระโถน

 

"พี่เฉิน นี่คือสิ่งที่พี่ชอบ มันคือหนังสือโป๊ที่มีรูปภาพประกอบ เล่มนี่มันเคยเป็นของรักของข้าเลยนะ และตอนนี้ข้าจะมอบมันให้กับท่าน เมื่อท่านไปแล้วข้าก็ไม่มีสหายที่มีงานอดิเรกเช่นเดียวกันเหลืออยู่ แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรสำหรับข้ากัน ข้าจะเผามันส่งไปให้ท่าน เพื่อเวลาที่ท่านอยู่ที่นั่นแล้วเบื่อจะได้เอามันมาอ่านได้ แล้วท่านก็อย่าเห็นแก่ตัวเหมือนข้าหละ แบ่งให้คนอื่นๆ ได้อ่านบ้าง"

 

"และนี่คือแผ่นเงิน 10000 เงิน ที่ท่านช่วยแก้ปัญหาให้ข้าคราวก่อน ที่ข้าไปทำผู้หญิงท้อง พ้อของข้าต้องฆ่าข้าแน่ หากท่านรู้เรื่องนี้ แต่ข้ากลับไม่มีโอกาสได้นำมันมาคืนท่านเลย..."

 

เจ้าลูกชิ้นร้องให้อย่างน่าสงสาร ราวกับว่าหัวใจจะแตกสลาย เขาก้มลงที่พื้นพลางทุบมันอย่างแรงหลังจากเผาของมาให้กับเจี้ยงเฉิน

 

เจี้ยงเฉินนอนเงียบๆ อยู่ภายในโลงโดยไม่ส่งเสียงใดๆ ออกมา เขาต้องใช้โอกาศนี้เพื่อสังเกตุปฏิกิริยาของเพื่อนสนิทคนนี้ก่อน

 

เจ้าอ้วนซวนซวนนั้นเป็นคนที่ซื่อสัตย์อย่างแท้จริง

 

"อ่า พี่เฉิน ข้านั้นสบายดี อย่างไรก็ตาม ผู้เฒ่าหลู่นั้น โบยท่านจนต้องตาย ข้าขอสาบายเลยว่า ข้าเจ้าอ้วน หากได้รับการสืบทอดตำแหน่งจากท่านผู้เฒ่าจินชาน ข้าจะไม่ส่งกองกำลังหรืออะไรก็ตามไปช่วยเหลือตระกูลตระวันออกเด็ดขาดตราบจนกว่าชีวิตข้าจะหาไม่!!"

 

หลังจากนั้น เจ้าอ้วนก็หันกลับหลัง และมองไปยังคนที่อยู่เบื้องหลัง ก่อนจะถามพวกเขา "พวกเจ้า เจ้าคือสหายของพี่เฉินหรือไม่? พวกเจ้านับถือพี่เฉินเป็นพี่น้องของเจ้าหรือไม่ ถ้างั้นพวกเจ้าเจ้าจงมาสาบานต่อหน้าโลงศพของพี่เฉินซะ"

 

เด็กหนุ่มผู้มีแววตาที่เข้มแข็งโต้กลับทันที "เจ้าอ้วน เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นคนเดียวหรือไงที่เป็นคนซื่อสัตย์ ข้าทายาทผู้สืบทอดของขุนนางหูปิง ก็มีไม่น้อยไปกว่าเจ้า"

 

หลังจากกล่าวเสร็จเด็กหนุ่มผู้นั้นพุ่งไปยังหน้าโลงศพก่อนจะสาบานขึ้น "พี่เฉิน ข้าหูปิงเย่ว ข้าขอสาบานว่า เมื่อข้าได้รับการสืบทอดตำแหน่งในอนาคต ข้าจะไม่ส่งกองกำลังหรืออะไรก็ตามไปช่วยเหลือตระกูลตระวันออกเด็ดขาดตราบจนกว่าชีวิตข้าจะหาไม่!!"

 

เมื่อเห็นทั้งสองคนนั้นสาบานอย่างจริงจัง หลงเหลือเพียงเด็กหนุ่มในชุดสง่างามเป็นคนสุดท้าย

 

"หยางโซ่ว พี่เฉินเป็นพี่น้องของเจ้าหรือไม่?" เจ้าลูกชิ้นเริ่มที่จะมีแววตาโกรธเมื่องเขาเห็นเด็กหนุ่มในชุดสง่างามลังเล

 

"เจ้าลืมไปแล้วงั้นเหรอ? ไม่ใช่พี่เฉินหรอกเหรอที่อยู่ข้างๆ เจ้า เวลาที่เจ้าถูกรังแกโดย เอียน อันหมิง ผู้สืบทอดของขุนนางเอียนเหมินหลังจากที่ยังเมืองหลวง?"

 

"และเมื่อตอนนั้น เมื่อเจ้าล้มเหลวในการหาส่วนผสมในการทำยาเพื่อเลื่อนขึ้นการฝึกฝน ไม่ใช่พี่เฉินหรอกรึ ที่แบ่งส่วนของเขาให้กับเจ้า แล้วเจ้ารู้รึเปล่า เพราะว่าเขามอบส่วนแบ่งให้กับเจ้า เขาถึงถูกลดขั้นลง จนเหลือแค่ระดับมาตรฐาน?" เจ้าอ้วนกล่าวออกมาด้วยความเดือดดาด แทบจะพุ่งเข้าไปคว้าคอเสื้อของมันพร้อมกับต่อยหน้าของมัน

 

ความทรงจำเริ่มจะพรั่งพรูออกมา หลังจากที่เจ้าอ้วนกล่าวจบ ความทรงจำต่างๆ เริ่มจะหลังไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย

 

หลังจากที่เจ้าอ้วนกล่าวจบ ทันใดนั้นหัวหน้าคนใช้ก็เริ่งรีบวิ่งเข้ามาที่ประตูอย่างรวดเร็ว "นายท่านเจี้ยง องค์ราชามาขอรับ พร้อมกับเหล่าขุนนางคนอื่นๆ เพื่อจะมาเคารพศพของนายน้อย"

 

"เคารพศพ?" เจ้าอ้วนซวนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันที "น้ำตาจระเข้เสียไม่ว่า พวกมันคิดเหรอว่าเพียงแค่เผาไม้ไม่กี่แท่งจะทดแทนชีวิตของคนคนหนึ่งที่ต้องเสียไปได้"

 

Note : น้ำตาจระเข้ คือพวกหลอกร้องให้แสดงว่าเสียใจแต่ไม่ใช่ ใครที่ดูเป็นต่อจะเข้าใจนะครับ

 

เจ้าอ้วนซวนนั้นสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดี นอกจากนี้ เจี้ยงเฟิงผู้เป็นขุนนางแห่งอาณาจักรย่อมต้องเสแสร้งแกล้งทำเป็นไม่โกรธ นอกจากนี้บุตรของเขายังไม่ตาย เขาต้องคิดให้รอบคอบมากๆ ถึงผลที่จะตามภายหลัง

 

ชีวิตและจุดยืนของบุตรชายของเต้องมาก่อน แม้ว่าต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม นี่คือสิ่งที่เจี้ยงเฟิงคิด

 

เจี้ยงเฟิงทราบดีว่า ที่ราชาหลู่มานั้นไม่ได้มาเพื่อขอโทษหรอก ราชาที่จิตใจเย็นชาแบบนั้นไม่มีทางแน่ๆ

 

สาเหตุที่เขามาเคารพศพก็คือ มาเพื่อเตือนเจี้ยงเฟิง ว่าอย่าทำอะไรใจร้อน

 

ถึงแม้ว่าราชาหลู่จะไม่กลัวเจี้ยงเฟิงเกลียดชังเขาจนก่อกบฏก็เถอะ แต่ในฐานะผู้ปกครองอาณาจักรก็ย่อมต้องไม่อยากให้สิ่งเหล่านี้มันเกิดขึ้น

 

นอกจากนี้ใครจะรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง มันอาจจะสร้างความจลาจลไปทั่วทุกแห่งก็ได้ นอกจากนี้เจี้ยงเฟิงยังมีสายสัมพันธ์กับตระกูลตงฟางอีกต่างหาก

รีวิวผู้อ่าน


997 วันที่แล้ว

ความว่า: ตงฉิน มันแปลว่าอะไร อ่านไปงงไป


  แสดงความคิดเห็น