ตอนที่ 2 การเดินทางหลังจากที่ตายไปแล้วกลายมาเป็นขยะ
ความเจ็บปวดพุ่งออกมาจากร่างกายของลู่จิ่วเชวีย เหมือนว่านางถูกมีดแทงพรุนไปทั่วทั้งร่างกาย นางลืมตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก ก่อนจะพบว่าตัวนางนอนอยู่บนทะเลดอกไม้สีแดง
นาง...ตอนนี้น่าจะตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ?แต่ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน? ลูจิ่วเชวียกำลังลุกขึ้น ทันใดนั้นร่างกายของนางก็ได้ส่งเสียงแตกหักดังขึ้นไปทั่วทั้งแขนและขา ความทรงจำเก่าๆพุ่งเข้ามาในหัวไม่หยุดหย่อน เวลาผ่านไปอยู่นานก่อนที่นางจะหายปวดหัว...
สวรรค์......นี้หรือสวรรค์
นางเดินทางเข้ามาอยู่ในโลกลี้ลับเทียนเฉิน จากนางสาวลู่จิ่วเชวียกลายมาเป็นคุณหนูลู่จิ่วเชวียแห่งตระกูลลู่? การเกิดใหม่ครั้งนี้ของนางเป็นโชคหรือคราวเคราะห์กันแน่? ลู่จิ่วเชวียถูกหมอดูทำนายว่าเป็นดาวหายนะ ร่างกายเป็นสวะ นางจึงต้องทนทุกข์ทรมานจนตาย ใครก็ตามที่แตะต้องตัวลู่จิ่วเชวียนั้นจะต้องตายและได้รับกับความหายนะไปตามๆกัน
มีข่าวลือว่าหมอดูที่ทำนายชะตาของนางก่อนที่จะทำนายชะตาเสร็จนั้น ก็ถูกฟ้าผ่าตาย คนในสกุลลู่เมื่อได้ไปออกรบก็ไม่เคยมีใครได้กลับมาอีกเลย สุดท้ายเหลือเพียงแค่ตัวนางกับคนรับใช้ผู้แก่ชราเท่านั้นในตระกูลลู่ที่เหลือเอาไว้หลังจากการถูกฆ่า นางจึงกลายมาเป็นเด็กกำพร้าไม่มีญาติสหายที่เหลือเหมือนชีวิตเดิมของนางไม่มีผิด?
ลู่จิ่วเชวีย...ลู่จิ่วเชวีย
เจ้าของร่างเดิมก็มีชื่อเดียวกันอย่างนั้นหรือ...มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือพรลิขิตกันแน่? ลู่จิ่วเชวียหลับตารู้สึกได้ถึงกลิ่นที่มีเพียงในโลกแห่งนี้เท่านั้นที่จะมี จากนั้นนางก็พึมพำออกมาว่า "ต่อไปนี้ข้าจะเป็นลู่จิ่วเชวียคนใหม่....ข้าจะใช้ชีวิตที่สงบสุขแทนเจ้าของร่างเดิมเอง"
ตอนนี้นางเป็นลู่จิ่วเชวียแล้ว และนางก็จะไม่ยอมปล่อยให้คนที่หลอกนางมาถ้ำปีศาจแห่งนี้ ได้มีชีวิตรอดกลับไปอย่างแน่นอน ข้างในตัวนางมีราชาแห่งขุมนรกสถิตอยู่ นางจึงใจร้ายไม่ปล่อยใครให้รอดไปอย่างง่ายๆ ความรู้สึกเจ็บปวดทำให้ลู่จิ่วเชวียหันไปมองรอบๆ นางรู้สึกกลัวว่าเถาวัลย์ที่อยู่รอบตัวจะแทงเข้าไปในร่างของนาง
"สารเลว"
ลู่จิ่วเชวียสาปแช่งออกมาด้วยความโกรธแค้น นางดึงเถาวัลย์อย่างแรงจนสุดกำลังเพื่อพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นแล้วโยนพวกมันออกไปทั้งหมด ตอนนี้นางรู้สึกว่าตัวเองอยู่ในทะเลดอกไม้สีเลือด....ใต้ดอกไม้นี้มีแต่โครงกระดูกเต็มไปหมด
นับพัน?นับหมื่น? นับแสนปี? มีผู้คนมากมายแค่ไหนกันที่ต้องมาตกตายในสถานที่แห่งนี้? หากนางไม่ได้เข้ามาในร่างนี้ ตัวนางคนเดิมก็อาจจะกลายเป็นกองกระดูกซากหนึ่งในที่นี้ไปแล้ว
ลู่จิ่วเชวียปรับตัวให้จิตใจกลับมาสงบอย่างรวดเร็ว นางเคยช่วยชีวิตคนเอาไว้มามาก แม้จะฆ่าคนมากไปด้วยนี้ก็ตาม ลู่จิ่วเชวียสันนิษฐานว่า เถาวัลย์เหล่านี้กินแต่ซากศพเท่านั้น เมื่อนางมีชีวิตอยู่พวกมันจึงไม่ได้กินนาง ตอนนี้นางไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น
ลู่จิ่วเชวียดึงเถาวัลย์มาพันรอบขาที่หักของนางเพื่อดามมันไว้ จากนั้นแล้วก็เริ่มเดินไป แต่ละวินาทีที่อยู่ที่นี่โอกาสตายจะสูงมาก หากมองไกลออกไป จะเห็นเด็กสาวตัวผอมแห้งมีเลือดออกเต็มตัว กำลังเดินออกมาจากกองโครงกระดูก
นางเม้มปากหายใจอย่างลำบาก ใบหน้าดูแข็งกร้าว แม้ดูยังเยาว์วัยนักแต่ท่าเดินพันเฝือกเอาไว้ดูเหมือนหญิงชราอย่างไรอย่างนั้น แววตาของนางส่องแสงสว่างไสวสะดุดตาเมื่อมองทั่วทั้งร่างนางเปรียบเสมือนหินผาที่ยืนหยัดอย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางกองเลือด ภาพที่ดูขัดแย้งกันนี้ทำให้คนที่แอบมองดูอยู่ต้องหัวเราะออกมา