ตอนที่ 31 กระหนุงกระหนิง
นี่สาวน้อย เธอยังไม่เข้าใจฉันอีกหรือ ในเมื่อฉันไม่บอก นั่นก็แปลว่าไม่สะดวกจะพูด รอให้ถึงเวลาแล้วฉันจะบอกพวกเธอแน่ แบบนี้พอใจหรือยัง ? ”
เขาเหลือบมองหลิวอวี้เหลียนที่กอดรัดตัวเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย หลิวอวี้เหลียนเอาแต่งอนไม่หยุดแบบนี้ หลิวเฟยเองก็จนใจ
หลิวอวี้เหลียนยังคงพูดขณะที่ไม่ยอมปล่อย “พี่มีอะไรที่บอกฉันไม่ได้ ? ดูเหมือนตอนนี้พี่ยังทนไหวอยู่นี่ เจ็ดปีที่ผ่านมาพี่ต้องทำอะไรที่เป็นตำนานแน่ ๆ บอกมาเถอะ ช่วยเติมเต็มความอยากรู้อยากเห็นของพวกฉันหน่อยสิ”
หลิวเฟยดีดหน้าผากของเธอแล้วพูดว่า “เรื่องที่ฉันพูดไว้เมื่อตอนที่ฉันกำลังกินข้าวเย็นน่ะเป็นเรื่องจริง เจ็ดปีมานี้ฉันใช้ชีวิตลำบากมาไม่น้อย เพียงแต่ว่าบังเอิญได้จังหวะ โชคชะตากลับพลิกผัน เรื่องบางอย่างฉันยังบอกในตอนนี้ไม่ได้จริง ๆ ความสัมพันธ์ของพวกเราแน่นแฟ้นขนาดนี้ เธอจะเข้าใจฉันหน่อยไม่ได้เลยหรือ ? ”
หลิวอวี้เหลียนเบ้ปากแล้วพูด “ได้......ก็ได้ ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันรออีกหน่อยก็ได้ แต่ว่าพี่ต้องรับปากกับฉันเรื่องหนึ่งก่อน ! ”
หลิวเฟยตอบรับในทันที “ขอแค่เธอยินดีช่วยเก็บความลับและไม่ซักไซ้ฉัน เรื่องอะไรก็ตาม ฉันตอบตกลงได้ทั้งนั้น ! ”
หลิวอวี้เหลียนได้ฟังแบบนี้ ก็ตื่นเต้นอย่างยิ่งขึ้นมาทันที “พี่พูดแล้วนะ ! ”
“แค่ก ๆ......แต่เรื่องแต่งงาน เรื่องเข้าหออะไรทำนองนั้นเป็นข้อยกเว้น”
“บ้านพี่สิ ! " หลิวอวี้เหลียนกรอกตาใส่เขาแล้วพูดต่อ “พอพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ฉันนึกขึ้นมาได้ว่าฝีมือพี่ร้ายกาจถึงขนาดนี้ ตอนนั้นที่พ่อฉันมัดพี่เอาไว้ให้พี่แต่งงานกับฉัน ทำไมพี่ไม่ขัดขืนล่ะ ? ”
หลิวเฟยหัวเราะแล้วพูดต่อ “ก็ตอนนั้นฉันสงสัยมาก อยากจะรู้ว่าพวกเธอคิดที่จะทำอะไรกันแน่”
หลิวอวี้เหลียนยกมุมปากเล็กน้อยแล้วพูดต่อ “พี่คงไม่ได้มีความคิดอะไรอย่างอื่นใช่ไหม ? ”
หลิวเฟยรีบพูดไป “ไม่มีแน่นอน ! "
เมื่อเห็นพวกเขาทั้งสองกำลังพูดคุยกระหนุงกระหนิงกันอย่างกับว่าไม่เห็นเธออยู่ตรงนั้น หลี่อวิ๋นโหรวทนดูไม่ไหว เธอจึงกระแอมดัง ๆ แล้วเดินไปนอกประตู
หลิวอวี้เหลียนปล่อยหลิวเฟย ส่วนอีกมือหนึ่งจับเธอไว้ “รอก่อนสิ ฉันยังต้องนอนกับเธอนะ พี่เฟย คำขอของฉันนั้นง่ายมาก จากวันนี้เป็นต้นไปพี่ต้องหาเวลามาสอนฉันต่อสู้ ! "
หลิวเฟยตกใจแล้วพูด “ทุกวันเลยหรือ ? ”
หลิวอวี้เหลียนหัวเราะแล้วตอบรับ “คิก ๆ ใช่ ทุกวัน ! ไม่อย่างนั้นฉันจะรัดพี่ให้ตาย”
หลิวเฟยเอามือกุมขมับ ในหัวตีกันยุ่งเหยิงไปหมด หลี่อวิ๋นโหรวจึงฉวยโอกาสนี้พูดขึ้นว่า “ไม่อย่างนั้น......เอางี้ดีไหม นายช่วยสอนกระบวนท่าป้องกันตัวให้ฉันหน่อย ดีป่ะ ? ”
ได้ยินเธอพูดแบบนี้แล้ว หลิวเฟยไม่รู้จะพูดยังไงดี ตอนนี้เขายุ่งมากพออยู่แล้ว แต่ยังจะต้องมาสอนศิลปะการต่อสู้ให้พวกเธออีก ถ้าจะทำทุกอย่างให้ทันเกรงว่าคงต้องใช้วิชาแยกร่างแล้วล่ะ
แต่ในเมื่อก่อนหน้านี้เขาพูดไปแล้ว จะปฎิเสธก็ลำบากใจอยู่พอสมควร ดังนั้นเขาจึงยิ้มเหยแล้วพูด “สอนให้ฟรี ๆ ไม่ได้หรอก พวกเธอต้องจ่ายค่าเรียน ! "
หลิวอวี้เหลียนชำเลืองมองเขาด้วยสายตานิ่งเฉยแล้วถามย้อน “ค่าเรียน ? พี่ยังจะเอาอีกหรือ ! วางใจเถอะ ขอแค่พี่สอนได้ดี รับรองเรามีสวัสดิการให้พี่ไม่ขาดแน่ ทำให้พี่พอใจได้แน่นอน พี่อวิ๋นโหรว พี่ว่าอย่างนั้นไหม ? ”
หลี่อวิ๋นโหรวได้ฟังคำพูดที่ชวนให้คนเข้าใจผิดนั้นแล้วก็รู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างบอกไม่ถูก เธอมองหน้าหลิวเฟยอย่างกระดากอายแล้วหมุนตัวเดินจากไป
หลิวเฟยล้มตัวไปนอนบนตียง ตอนนี้เขากำลังคิดในสิ่งที่หลิวอวี้เหลียนพูด สาวน้อยคนนี้ยิ่งอยู่ยิ่งทำตัวไม่น่ารักเลย
เดิมทีเขาทั้งเหนื่อยทั้งง่วง ตามหลักแล้วเขาควรได้นอนถึงจะถูก แต่เขากลับข่มตาให้หลับได้ยากยิ่ง เหตุผลง่าย ๆ เพราะสาวงามสองคนที่อยู่ข้างห้องนั้นกำลังพูดคุยด้วยคำพูดที่กระตุ้นช่วงล่างของเขา
เรียกได้ว่าผนังห้องของพวกเขาเก็บเสียงได้แย่มาก และพวกเธอก็ไม่รู้ว่านึกคึกมีอารมณ์อะไรขึ้นมาถึงได้พูดคุยจ้อกันไม่หยุด ไหนจะหลิวอวี้เหลียนที่ชักจะเริ่มทำตัวไม่น่ารักอีกแล้ว เธอไม่รู้เวล่ำเวลามาพูดวิจารณ์ว่าพี่หลี่อวิ๋นโหรวผิวขาวเนียนสวยอย่างนั้น สะโพกงอนเต่งตึงอย่างนี้ ทำให้ในใจของหลิวเฟยราวกับมีมดนับหมื่นนับพันกำลังไต่ไปมาอย่างนั้น
ในเช้าตรู่วันถัดมา หลิวเฟยลืมตาหมีแพนด้าขึ้นมาและนำชาวบ้านขึ้นเขาไปทำงานอย่างวุ่นวาย เขาคำนวนดูแล้ว หากคิดตามแผนการดำต้นกล้าในตอนนี้ อีกสองวันพืชทั้งสองชนิดของเขาก็จะสามารถปลูกลงดินได้ทั้งหมด แต่ตอนนี้เขายังต้องคำนึงถึงการจับปลาและสัตว์ทะเลอื่น ๆ ชาวบ้านช่วยกันทำได้เร็วขนาดนี้เป็นที่น่าพอใจแก่เขาแล้ว
ทว่าเมื่อผ่านพ้นเรื่องวุ่นวายเมื่อวานไป หลิวอวี้เหลียนและหลี่อวิ๋นโหรวกลายเป็นเหมือนพี่น้องที่สนิทสนมกัน พวกเธอจูงมือกันมาอยู่ข้างกายหลิวเฟย หลังจากที่ได้เห็นขอบตาหมีแพนด้าของเขา ต่างก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงดังเอิ๊กอ๊ากขึ้นมา
หัวเราะเสร็จ หลี่อวิ๋นโหรวชี้ไปที่ซอกหินที่เพิ่งจะปลูกพืชลงไปแล้วพูดว่า “นายเอา ‘หญ้า’ ปลูกไว้ระหว่างก้อนหินแบบนั้นจะรอดไหม ? ทำไมดูเหมือนว่าจะตายได้ตลอดเวลาเลยล่ะ ? ”
หลิวเฟยหัวเราะ “เธอดูถูกพวกมันเกินไปแล้ว พวกมันมีพลังชีวิตที่แข็งแรง พวกเธอคอยดูให้ดี สิบกว่าวันหลังจากนี้ ‘หญ้า’ 6 หมู่ที่ฉันปลูกนี้จะต้องเติบโตขึ้นได้ดีมากแน่ ส่วนต้นกล้าที่ปลูกพื้นที่ 1 หมู่ จะกลายเป็นต้นไม้ใหญ่เช่นกัน”
“ต้นไม้ใหญ่ ? ” หลินอวิ๋นโหรวยิ้มแห้ง ๆ แล้วพูดต่อ “นายกล้าคิดจริง ๆ ไม่บอกว่านายเปลี่ยนหินให้กลายเป็นทองได้ไปเลยล่ะ ! "
หลิวเฟยหัวเราะแล้วพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นมาพนันกันสักตาไหม หากว่าเป็นความจริงขึ้นมา ฉันพนันไม่เยอะหรอก เธอช่วยฉันซักผ้าสักเดือนสิ ยังไงซะในบ้านก็มีผู้หญิงคนหนึ่ง ใช้งานใช้การไม่ได้ ! "
หลิวอวี้เหลียนตอบทันที “ฉันพนันกับพี่ ฉันช่วยพี่ซักเอง ! "
หลิวเฟยมองหน้าเธอ “เธอหรือ ? ฉันว่าช่างมันเถอะ เกรงว่าฉันจะต้อง ‘ซักอีกครั้ง’ น่ะสิ ! ”
“พี่......พี่ทำไมน่าเกลียดแบบนี้นะ ? ฉันไม่สนใจพี่แล้ว ! "
หลี่อวิ๋นโหรวอดไม่ได้ที่จะหัวเราะแล้วพูดว่า “ได้ ถ้าหากว่านายแพ้ หลังจากนี้เรื่องราวน้อยใหญ่ในหมู่บ้านทั้งหมด นายจะต้องฟังฉัน”
หลิวเฟยอึ้งไปเล็กน้อย เขาคิดไม่ถึงว่าภายใต้ท่าทางอ่อนโยนของเธอเช่นนั้นยังมีด้านที่ชอบใช้อำนาจเข้าครอบงำอย่างคาดไม่ถึงด้วย แต่ยังไงเธอก็ไม่มีทางชนะ ดังนั้นเขาจึงตอบกลับไปอย่างไม่ลังเล
ยุ่งจนถึงเก้าโมงครึ่ง หลิวเฟยเติมพลังด้วยอาหารเช้า จากนั้นมาถึงยังข้างขอบหน้าผาเพื่อทำงานต่อ
บ่ายสี่โมงกว่า ตอนที่เขากำลังเตรียมที่จะส่งสินค้าไปที่ตลาด หลิวอวี้เหลียนมาคนเดียวพร้อมลากเขามาอยู่ด้านข้างแล้วกระซิบว่า “ทำไมไม่เห็นพี่พูดถึงเรื่องที่นักเลงหลิวส่งคนมาฆ่าพี่เลย ? พี่วางแผนที่จะยึดรังของเขาใช่ไหม ? พาฉันไปด้วยเถอะ ? ”
หลิวเฟยส่ายหัวปฏิเสธทันที “เธอคิดจะทำอะไรอีก ? สามคนนั้นถูกจับแล้ว เธอคิดว่าเขาจะยังเดินเตร่อยู่บนถนนอีกหรือ ? คงหลบซ่อนตัวไปตั้งนานแล้ว ! "
“แล้วพี่คิดจะทำยังไงต่อ ? ”
“ทำงานก่อนไง ! "
……
มาถึงเมืองเฟิ่งหวง หลิวเฟยที่ส่งสินค้าแล้วเตรียมตัวจะกลับ ทว่าขณะเดียวกันนั้นเองโม่อวี้กลับมายืนขวางหน้าเขาไว้ เธอเม้มปากแล้วพูดว่า “นี่......นาย วันนี้นายคงไม่มีธุระแล้วมั้ง ? ไปเป็นแขกบ้านฉันเถอะ ? ”
หลิวเฟยหัวเราะเบา ๆ เขากำลังจะพูด ทว่าโม่อวี้กลับรีบปิดปากของเขาไว้แล้วพูดดักทาง “ห้ามพูดประโยคนั้นอีก”
“ประโยคไหน ? ”
“ก็ ประโยคที่ว่า ‘ได้แน่นอน วันหลังเถอะ’......”
“คุณช่วยผมพูดแล้ว ขอบใจมาก ผมไปนะ ! "
“อ๊า ! นายมันงี่เง่า ! "
โม่อวี้หงุดหงิดจึงเข้าไปทุบตีใส่หลิวเฟยอย่างสะเปะสะปะ จากนั้นก็บิดเนื้อหน้าท้องของเขา
หลิวเฟยร้อง ‘โอ๊ย’ ออกมาเบา ๆ แล้วยื่นมือไปหยุดมือขาวของเธอไว้ พลางยิ้มอย่างเจื่อน ๆ “คุณเชิญแขกไม่สำเร็จเลยจะฆาตกรรมหรือ ? วันนี้ไม่ได้จริง ๆ ผมยังต้องไปช่วยผ่าตัดให้ลูกสาวผู้อำนวยการอีก”
โม่อวี้ส่ายหัวอย่างระอา สุดท้ายเธอก็ยอม “นายเป็นคนงานยุ่งจริง ๆ ก็ได้ ช่วยคนสำคัญกว่า นายไปเถอะ”
“ขอบใจมากที่เข้าใจ ! "
“แล้วเมื่อไหร่นายจะเข้าใจฉันล่ะ ? ”
“แล้วคุณว้าเหว่ เหงา หรืออ้างว้างล่ะ ? ”
“……”
เมื่อถูกเปิดโปงอย่างไม่ปราณี โม่อวี้ก็ปรี๊ดแตกขึ้นมา เธอแทบจะขว้างรองเท้าส้นสูงใส่เขา ทว่ากลับเห็นเขาหนีหายไปอย่างฉับไว เธอกัดฟันกรอดแล้วพูดว่า “หนุ่มน้อย นายหลบได้ก็หลบไปเถอะ ช้าเร็วฉันจะต้องมีวันได้กินข้าวกับนาย เหอะ ! ”
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลเฟิ่งหวง เขามองดูหลี่ซานซานที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยโดยทั้งร่างถูกพันด้วยผ้าพันแผล โผล่มาแค่ปาก จมูกและดวงตา หลิวเฟยจึงพูดขึ้นว่า “คุณตื่นขึ้นมาก็ดีแล้ว ต่อจากนี้ไปผมน่าจะผ่าตัดให้คุณประมาณ 3 ครั้ง เป็นการผ่าตัดช่วยรักษาเยียวยาบาดแผลที่ถูกไฟไหม้”
หลี่เจิ้งมองดูลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวของตัวเอง เมื่อเห็นว่าเธอมองหลิวเฟยตาไม่กระพริบอย่างเงียบ ๆ ก็แนะนำทันที “ซานซาน นี่ก็คือคนที่พ่อบอกว่าเป็นผู้มีพระคุณของลูก เขาชื่อหลิวเฟย หากว่าไม่มีเขา......”
“ขอบคุณ"
หลังจากหลี่ซานซานเม้มปากแล้วพูดด้วยความจริงใจอย่างที่สุด ถึงแม้ว่าเสียงจะเบา แต่ความรู้สึกที่สัมผัสได้นั้นมันจริงใจยิ่ง
มองดูดวงตาใสแจ๋วไร้ความขุ่นมัวของเธอแล้ว หลิวเฟยจึงตอบกลับ “ไม่ต้องขอบคุณผมหรอก ผมทำในสิ่งที่หมอคนหนึ่งควรทำ คุณพร้อมแล้วหรือยัง ? ถ้าพร้อมแล้ว พวกเรามาเริ่มผ่าตัดรักษาครั้งแรกกันเถอะ”
หลี่ซานซานพยักหน้า จากตอนที่หลิวเฟยปรากฎตัวจนถึงตอนนี้ สายตาของเธอไม่ได้ละไปจากกายเขาเลย
จากนั้นเขานำเธอเข็นเขาไปในห้องผ่าตัด หลังจากวางยาชาระงับความเจ็บปวดแล้ว หลิวเฟยเริ่มใช้มีดลงมือผ่าตัดทันที
เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง หลังจากผ่าตัดเสร็จแล้ว เขาจึงมองตาหลี่เจิ้งแล้วพูดว่า “การผ่าตัดประสบความสำเร็จอย่างมาก ! เพียงแต่ต่อจากนี้ผมจะฝังเข็มช่วยเธอเปิดเลือดลมในร่างกาย จากนั้นค่อยให้เธอทาขี้ผึ้งที่ผมคิดค้น ดังนั้น......”
ขั้นตอนที่เขาบอกว่าไม่มีปัญหาใด ๆ คำว่าดังนั้นที่เขาตั้งใจพูดออกมา ทำให้หลี่เจิ้งเข้าใจความหมายของเขาในทันที
หลี่เจิ้งตบบ่าของเขาแล้วพูด “ถึงแม้จะบอกว่าลูกสาวฉันเป็นสาวบริสุทธิ์ แต่ว่าบาดเจ็บแบบนี้แล้ว ยังจะมีอารมณ์สนใจเรื่องแบบนั้นที่ไหน คุณก็ช่วยรักษาเธออย่างวางใจเถอะ”
หลิวเฟยพูด “ได้ อย่างนั้นผมจะรักษาเธอต่อไป”
เพราะไม่ว่าจะเป็นการฝังเข็ม หรือว่าการทายา เธอจำเป็นต้องเปลือยกายทั้งสิ้น หากเป็นแบบนี้ ร่างกายทั้งหมดของเธอก็จะถูกหลิวเฟยมองเห็นทุกส่วน
เพียงแต่ร่างกายของเธอถูกไฟคลอกสาหัสมาก และหลิวเฟยยังมีความเป็นมืออาชีพมาก ดังนั้นในระหว่างที่รักษา เขาเองก็ไม่มีความคิดอย่างอื่นเช่นกัน
เขาช่วยเธอทายาขี้ผึ้ง หลังจากที่รอเธอฟื้นขึ้นมา หลิวเฟยไถ่ถามอาการความรู้สึกของเธอ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีผลข้างเคียงอะไรแล้ว และขณะที่เขากำลังเตรียมตัวจะกลับ หลี่ซานซานกลับจับมือเขาไว้ทันที เธอพูดอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ว่า "ใบหน้าของฉัน......ยังจะกลับเป็นเหมือนเดิมได้ไหม ? ”
หลิวเฟยลูบมือเธอเพื่อปลอบประโลมแล้วพูดว่า "ผมจะพยายามอย่างถึงที่สุด น่าจะพอทำได้"
หลี่ซานซานหน้าแดงขึ้นเล็กน้อยแล้วพยักหน้า เหมือนต้องการจะพูดอะไรต่อ แต่ก็หยุดไว้
หลิวเฟยลูปมือเธออีกครั้ง หลังจากที่ทำให้เธอเบาใจลงแล้ว ก็รีบกลับตำบลโซ่วเฉิง เพราะในเวลานี้ดึกมากแล้ว
เดิมทีเขาคิดว่าจะนอนค้างที่ในตัวตำบลสักคืน ใครจะรู้ว่าหลี่อวิ๋นโหรวจะโทรศัพท์มาบอกเขาว่าเปลี่ยนนายกตำบลคนใหม่แล้ว หลังจากที่นายกคนใหม่รับตำแหน่ง เรื่องแรกที่เขาจะทำก็คือย้ายคนทั้งหมดในหมู่บ้านหลิวออกจากภูเขาไห่หมิง
ทันทีที่ได้ยิน หลิวเฟยรีบร้อนกลับไปที่บ้านแล้วพูดอย่างกระอักกระอ่วน "ย้ายบ้านทั้งหมด ? ปุบปับเกินไปไหม ? "
หลี่อวิ๋นโหรวตอบกลับอย่างละเหี่ยใจ "นายกตำบลคนใหม่ของพวกเราทำหน้าที่อย่างเฉียบขาด พรุ่งนี้เช้าพวกเราต้องไปประชุมที่ตัวตำบล นายรีบคิดเถอะ ตามความหมายของเขาคือต้องการให้ชาวบ้าวในหมู่บ้านหลิวทั้งหมดย้ายออก ด้านหนึ่งช่วยทำให้หมู่บ้านหลิวหลุดพ้นจากความยากจน ขจัดปัญหาความขัดแย้งที่มีมาหลายสิบปี อีกด้านหนึ่งภูเขาไห่หมิงยังสามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเศรษฐกิจได้ เขาบอกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว"
หลิวเฟยมองตาเธอแล้วพูด "เธอคิดยังไงกับเรื่องนี้ ? "
หลี่อวิ๋นโหรวพูด "แนวคิดนี้ไม่เลว ฉันเองก็ถามชาวบ้านบางส่วนแล้ว พวกเขามีที่อยากย้าย และมีที่ไม่อยากย้าย จุดสำคัญก็คือต้องดูว่าเบื้องบนจะให้สวัสดิการอะไร ? ถึงยังไงตอนนี้หมู่บ้านแปดในสิบก็พัฒนาดีกว่าหมู่บ้านหลิวแล้ว วันคืนแห่งความยากจนแบบนี้ พวกชาวบ้านเองก็ผ่านกันมามากพอแล้ว"
หลิวเฟยพูด "ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็ย้าย ! "
หลี่อวิ๋นโหรวรู้สึกเหลือเชื่อ "นาย......นายเองก็สนับสนุนหรือ ไม่จริงมั้ง ? "
เธอดันคิดว่าเขาต้องคัดค้านสุดกำลังเป็นแน่ ทว่าเขาขึ้นมาที่นี่แล้วกลับเปลี่ยนท่าทางไป แบบนี้ดูไม่ค่อยปกติแล้ว