ตอนที่ 26 แปดสมบัติแห่งท้องทะเลกับบิลสุดท้าย !
สำหรับลูกค้าแล้ว “การต่อราคาเหลือครึ่งนึง” เป็นเรื่องที่ยากมาก
ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาหลิวเฟยไม่เคยต่อสู้โดยที่ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน เขารู้ราคาของชุดดำน้ำดี ถึงกล้าทำเช่นนี้
2,000 หยวนกับชุดดำน้ำคุณภาพดี 2 ชุดถือว่าคุ้มค่ามาก ที่สำคัญไปกว่านี้คือเป็นการเปิดช่องทางการซื้อให้กับชาวบ้าน ต่อไปจะต้องมีชาวบ้านจำนวนมากมาเลือกซื้อ ทำให้พวกชาวบ้านสามารถประหยัดเงินได้มากขึ้นด้วย
เขากับหลิวอวี้เฟยเดินเตร็ดเตร่อยู่บนถนนมาชั่วโมงกว่าแล้ว หลิวเฟยไปถอนเงินสด 20,000 หยวนที่ธนาคารเพื่อกลับไปที่หมู่บ้านหลิวเจีย
เมื่อมองเห็นชาวบ้านรวมตัวกันบนสะพานเล็ก ๆ มีเสียงตะโกนเอะอะโวยวาย หลิวเฟยก็รู้สึกถึงความผิดปกติทันที มันเกิดอะไรขึ้นอีกละเนี่ย ?
หลี่อวิ๋นโหรวมองเห็นหลิวเฟยจากไกล ๆ เธอจึงวิ่งเยาะ ๆ ไปหาหลิวเฟย “นายกลับมาก็ดีแล้ว ตอนนี้ชาวบ้านกำลังทะเลาะกันเรื่องจับปลาในทะเล ! ”
หลิวเฟยเอ่ยขึ้น “ประเด็นอยู่ตรงไหน ? ”
“พูดง่าย ๆ ก็คือสินค้าทางทะเลเป็นของส่วนรวม ใครจะจับมาขายก็ได้”
“ก็แค่เรื่องกระจายผลประโยชน์ไม่ใช่หรือ ? ”
หลี่อวิ๋นโหรวพยักหน้าแล้วพูดว่า “ก็ใช่ ทุกคนอาจเคยชินกับการเป็นคนยากจนมาก่อน ตอนนี้มีลู่ทางทำเงินใหม่แล้ว และทุกคนก็อยากได้ส่วนแบ่ง เลยทำให้เกิดปัญหาขึ้นมากมาย เช่น บางบ้านคนหนุ่มสาวก็ออกไปทำงานนอกบ้านหมด หรือบางบ้านก็มีคนหนุ่มสาวหลายคน เห็นได้ชัดว่ามันไม่ยุติธรรม ! ”
หลิวเฟยยิ้มและพูดว่า “บนโลกนี้ไม่มีเรื่องใดยุติธรรมหรอก แค่ต้องหาจุดสมดุลเท่านั้น ฉันหาวิธีแก้ไขได้แล้ว เดี๋ยวฉันไปคุยกับพวกเขาเอง ! ”
การกระจายผลประโยชน์เป็นเรื่องใหญ่และยุ่งยากเสมอ หากแก้ปัญหาได้ทุกคนก็จะมีความสุข แต่หากแก้ปัญหาไม่ได้ก็จะเกิดความขัดแย้งอย่างต่อเนื่อง
เขาเดินไปในหมู่ชาวบ้านแล้วส่งสัณญาณให้ทุกคนเงียบ จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า "ผมรู้แล้วว่าประเด็นที่ทุกคนเถียงกันคืออะไร ผมคิดแผนไว้แล้ว พวกคุณฟังนะ ! พวกเรามาทำงานเป็นกลุ่มกันตามบ้านกันเถอะ จับกลุ่มกลุ่มละสองถึงสามหลังก็ได้ จากนั้นแต่ละกลุ่มก็จับปลา และเอาไปแยกกันเองในกลุ่ม ผมจะรับเฉพาะปลาที่แยกเสร็จแล้วเท่านั้น ส่วนพวกคุณจะแบ่งกันยังไงก็แล้วแต่เลย นี่เป็นธุรกิจของพวกคุณเอง"
หลังจากหยุดพัก เขาก็พูดต่อ "สำหรับครอบครัวที่ไม่มีคนหนุ่มสาว ให้มาลงชื่อกับผม ผมจะจัดการเอง ต้องได้รับค่าตอบแทนทุกคน ! พวกคุณคิดอย่างไร ? "
ชาวบ้านคนหนึ่งตะโกนขึ้นว่า “ก็ยังไม่ยุติธรรมอยู่ดี บางบ้านมีคนสองสามคนที่สามารถลงทะเลได้ ! ”
หลิวเฟยยิ้มและพูดว่า "ถ้าอย่างนั้นคุณก็ร่วมมือกับพวกเขาสิ ตราบใดเท่าที่พวกเขาเต็มใจ คุณก็สามารถทำกำไรได้เช่นกัน พี่น้องทั้งหลายเอ๋ย ไม่มีสิ่งใดที่ยุติธรรมบนโลกนี้ และถ้าลงทะเลคุณก็ต้องยอมรับความเสี่ยงด้วย หน้าผาสูงชันขนาดไหนก็ไม่ใช่ว่าพวกคุณจะไม่เห็น ดังนั้นเมื่อค้าขายร่วมกันแล้ว ต้องแบ่งเท่ากันทั้งหมู่บ้าน มันเป็นไปไม่ได้แน่นอน สิ่งที่ผมทำได้ตอนนี้คือให้พวกคุณมีอิสระและทำให้ทุกคนมีรายได้ แน่นอนว่าถ้าพวกคุณมีวิธีที่ดีกว่านี้ก็พูดมาได้เลย"
หลังจากที่ทุกคนพูดคุยกันอย่างดุเดือดแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้แผนอะไรที่ดีกว่านี้
เมื่อหลิวเฟยเห็นดังนั้นก็พูดขึ้นเสียงดัง "ถ้าอย่างนั้นก็เรียบร้อย เอาตามแผนนี้เลย ! นี่คือเวลาทดสอบความสัมพันธ์ของคนด้วย ใครที่เข้ากับคนในหมู่บ้านได้ดี ก็จะหาคนมาร่วมกลุ่มได้ มาเริ่มลงมือกันเลย แต่ละกลุ่มต้องไม่เกิน 3 ครัวเรือน ถ้าได้แล้วให้ไปลงชื่อที่เลขาหลี่ หากหมู่บ้านตะวันออกกับตะวันตกรวมกลุ่มกัน ผมจะมีรางวัลเงินสดให้ ผมจะจ่ายเอง ! เรื่องนี้จบภายในครึ่งชั่วโมง ครึ่งชั่วโมงต่อมาก็ลงไปจับสัตว์ในทะเล ใครที่ถ่วงเวลาทำมาหากิน ก็จะโดนโกรธเอานะ แล้วจะหาว่าผมไม่เตือน"
ทันทีที่เขาพูดจบ ชาวบ้านทั้งหมดก็ "รวมตัวเป็นกลุ่ม" ทันที
เมื่อหลี่อวิ๋นโหรวเห็นเจตนาของหลิวเฟย จึงเดินเข้าไปหาเขาด้วยรอยยิ้ม "นายนี่ยังมีแผนการเยอะแยะเลยนะ! นี่เป็นเคล็ดลับที่ดี เพราะมันไม่เพียงแต่ปลูกฝังการทำงานเป็นทีมเท่านั้น แต่ยังสร้างเงื่อนไขความร่วมมือระหว่างสองหมู่บ้านอีกด้วย เพียงแต่ว่าเราจะสนับสนุนพวกเขาเป็นกลุ่มเล็ก ๆ แค่นี้หรือ ? "
หลิวเฟยพูดว่า “บนโลกนี้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็มีคนกลุ่มเล็ก ๆ อยู่เสมอ ! หากคนกลุ่มเล็ก ๆ นั้นสามารถพัฒนาไปสู่เป้าหมายพร้อมกันกับเราได้ แบบนี้ไม่ดีตรงไหน ? แล้วถ้าถามว่าฉันจะควบคุมพวกเขาได้อย่างไร ! เอาเป็นว่าฉันทำได้ก็แล้วกัน ดังนั้น ... "
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นคำพูดที่หลงตัวเองมาก แต่ครั้งนี้หลี่อวิ๋นโหรวกลับไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจเขาใด ๆ
เธอมองเขาอย่างตั้งใจสักพักแล้วกระซิบว่า "นายช่างเป็นคนที่วิเศษจริง ๆ ! "
“อะไรนะ ? ”
เนื่องจากรอบด้านเสียงดังเกินไป หลิวเฟยได้ยินเธอพูด แต่ไม่เข้าใจว่าเธอกำลังพูดถึงอะไร
หลี่อวิ๋นโหรวหันหน้าไปมองด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ "ไม่ ... ไม่มีอะไร ฉันไปล่ะ ! "
เมื่อเห็นเธอเดินจากไปด้วยท่าทีที่ลนลาน หลิวเฟยก็ส่ายหน้า
‘ทำไมเธอถึงทำตัวเหมือนจะสารภาพรักเลยล่ะ ? หน้าก็แดงแจ๋เป็นแอปเปิ้ลเลย ! ’
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง เมื่อกลุ่มถูกจัดเรียบร้อย หลิวเฟยก็พาชาวบ้านไปที่ริมหน้าผาอย่างวุ่นวาย
หลังจากเก็บสินค้ามาเกือบ 2 ชั่วโมง เขาก็มอบเงินสด เครื่องชั่งน้ำหนักและอื่นๆ ให้แก่หลิวอวี้เหลียนและหลี่อวิ๋นโหรว แต่ตัวเขาเองกลับสวมชุดดำน้ำแล้วลงทะเลไป
แตกต่างจากชายหนุ่มคนอื่น ๆ เขาไม่ได้เก็บอาหารทะเล แต่ยังคงว่ายน้ำไกลออกไปหลายร้อยเมตร จากนั้นก็ดำลึกลงไปสำรวจใต้ก้นทะเล
ในขณะที่ว่ายไปรอบ ๆ เขาพบเข้ากับสิ่งมีชีวิตทรงกระบอกสีคล้ำ ๆ ซีด ๆ และมีเนื้อนิ่มงอกออกมาเหมือนหนาม มองแวบแรกของสิ่งนี้น่าเกลียดมาก แต่หลิวเฟยกลับคิดว่ามัน "สวย" เสียเหลือเกิน เขาตื่นเต้นมากจนอยากจะรีบเอามันขึ้นมาจากน้ำ
เขาหยิบมันใส่ลงในถุงตาข่ายอย่างรวดเร็ว แล้วค้นหาบริเวณใกล้เคียง จากนั้นก็ขยายพื้นที่ไปเรื่อยๆ ผ่านไปชั่วโมงครึ่งก็ใส่ถุงไปแล้วครึ่งหนึ่ง แล้วจึงว่ายกลับไปที่หน้าผา
ชาวบ้านเห็นว่าเขาขึ้นมาพร้อมกับสิ่งของครึ่งถุง ทุกคนต่างก็พากันมามุงดู หลิวอวี้เหลียนผลักฝูงชนออกไปอย่างไม่ใยดี เธอยื่นศีรษะออกไปและเหลือบมองเข้าไปในถุงตาข่ายพร้อมกับทำหน้าบึ้งและพูดว่า "อี๋ น่าเกลียด น่าขยะแขยงมาก ! "
หลิวเฟยเหงื่อแตกพลั่ก ขณะที่เขากำลังจะพูด ก็มีชาวบ้านคนหนึ่งพูดแทรกขึ้นว่า “นี่มันปลิงทะลไม่ใช่หรือ ? เสี่ยวเฟย มีปลิงทะเลอยู่แถวทะเลของเราด้วยหรือ ? ”
หลิวเฟยพยักหน้าและพูดว่า: "ใช่ แต่มันอยู่ในพื้นที่ที่ห่างจากฝั่งไปหลายร้อยเมตรแล้วก็หายากมาก ผมพบมันตอนไปสำรวจทะเล โชคดีมากเลยที่ผมพบสิ่งเหล่านี้ ! เรื่องนั้น ...พวกพี่น้องทุกคน เมื่อพวกเราจับสัตว์ทะเลเป็นวงกว้างขึ้น สัตว์ทะเลก็จะยิ่งลดจำนวนน้อยลงเรื่อย ๆ และแน่นอนว่าเราจะต้องขยายพื้นที่ไปยังทะเลลึกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นฉันขอแนะนำว่าทุกคนควรซื้อชุดดำน้ำ ! นอกจากนี้เพื่อให้เราสามารถทำการประมงต่อไปได้ ผมยังคงต้องพยายามควบคุมปริมาณ แต่พี่น้องทุกคนไม่จำเป็นต้องกังวลมากเกินไป พื้นที่ทะเลนี้อุดมไปด้วยสัตว์ทะเลต่าง ๆ และผมก็จะยังไม่ควบคุมในตอนนี้”
หลิวอวี้เหลียนเข้ามาขัดจังหวะทันที "เดี๋ยวก่อน บอกฉันก่อนว่าปลิงทะเลนี้คืออะไร"
หลิวเทียนป้าตบหน้าผากตัวเองก่อนพูดว่า "ลูกสาวสุดที่รัก ลูกหยุดทำให้พ่อของตัวเองขายหน้าได้ไหม นี่คือหนึ่งในแปดสมบัติแห่งท้องทะเล มีราคาแพงกว่ารังนก หอยเป๋าฮื้อ และหูฉลามซะอีก ! "
หลิวเฟยหัวเราะและพูดว่า "คุณลุงพูดถูกแล้ว เจ้าสิ่งนี้เรียกอีกอย่างว่าปลิงทะเล มันเป็นยาชูกำลังชั้นยอดคล้ายกับโสมที่มีความนุ่มละมุนและมีคุณค่าทางโภชนาการมาก ! หลังจากที่ตัวผมแห้ง ผมจะไปในเมืองเพื่อถามราคา แล้วจะกลับมาบอกทุกคน"
หลิวเทียนป้าพูดขึ้น “ยังจะถามอีกหรือ ในตลาดครึ่งกิโลกรัมก็พันหยวนแล้ว เจ้านี่ต้องขายได้เป็นหมื่น ๆ หยวนแน่ วันนี้นายโชคดีจริง ๆ ! ”
เมื่อถูกเปิดโปงง่าย ๆ เช่นนี้ หลิวเฟยก็รู้สึกอายเล็กน้อย เขากระแอมอย่างแห้ง ๆ "น่าจะใช่แหละ ประเด็นคือผมต้องการหาลู่ทาง บางทีในอนาคตผมอาจจะเลี้ยงปลิงทะเลร่วมกับชาวบ้านทุกคน ! "
หลิวเฟยส่ายหน้าแล้วพูดว่า “เจ้าหมอนี่อย่ามาล้อเล่นได้ไหม ? นายก็รู้ว่าต้นทุนการเลี้ยงปลิงทะเลมันสูงแค่ไหน แล้วเจ้านี่ก็เลี้ยงยากด้วย ! ”
หลิวเฟยแสยะยิ้มแล้วพูด “ผมชอบอะไรที่มันท้าทาย ชอบเลี้ยงอะไรที่แปลกประหลาด ! ”
หลี่อวิ๋นโหรวและหลิวอวี้เฟยไม่มีอารมณ์ที่จะสนใจว่าจะเลี้ยงหรือไม่เลี้ยงปลิงทะเล แต่ครั้งนี้เขาทำเงินได้หลายหมื่นหยวน จนทุกคนต่างพากันอิจฉา คาดว่าชาวบ้านหลายคนคงอยากจะวิ่งลงไปในทะเลจนแทบแย่แล้วล่ะ !
หลิวเฟยรู้ว่าทุกคนคิดเช่นนั้น เขาจึงพูดไปตามตรงว่าทะเลลึกในช่วงสามร้อยเมตรถูกเขาหาจนหมดแล้ว ยิ่งลึกลงไปยิ่งอันตราย หากไม่มีชุดว่ายน้ำแนะนำว่าอย่าลงไปเพราะหากพลาดขึ้นมาอาจถึงชีวิตได้
เมื่อเขาพูดดังนี้ ทุกคนจึงสงบลง
ชั่วพริบตาเดียว เวลาก็เดินมาถึงบ่ายสามครึ่ง หลิวเฟยได้รับสินค้าทะเลเกือบสองหมื่นหยวน เทียบกับเมื่อวานแล้ว วันนี้ถือว่าได้เยอะกว่ามาก
หลิวเฟยไปที่โรงแรมซันริช เพื่อส่งสินค้าตามปกติ จนค่ำเขาจึงกลับหมู่บ้านหลิวเจีย จากนั้นได้ตรวจดูพืชทั้งสองชนิดของเขาที่ปลูกไว้ในเพิง หลังจากพบว่าสามารถปลูกได้ เขาก็รีบหาชาวบ้าน 20 – 30 คนทันที เพื่อให้พวกเขาตื่นตอนเช้ามาช่วยงานพรุ่งนี้
วันรุ่งขึ้น เมื่อท้องฟ้าสว่างชาวบ้านจำนวนมากก็มารวมตัวกันอยู่ข้างๆ เพิง พวกเขาตกใจเมื่อเห็นว่าสิ่งที่คล้าย "หญ้า" เติบโตได้ดี
พวกเขาไม่ได้คาดคิดว่าพวกมันจะงอกและเติบโตได้ดีขนาดนี้
ชาวบ้านที่มีความรู้คนหนึ่งคุกเข่าลงมองดูมันอย่างระมัดระวังแล้วพูดว่า "นี่มันคือหญ้าคืนวิญญาณหรือ ? แต่มีส่วนเล็ก ๆ ที่แตกต่างจากส่วนอื่น แล้วมันคืออะไร ? ทำไมดูเหมือนต้นอ่อนของต้นสนหางม้าเลยล่ะ ? ”
หลิวเฟยไม่ตอบ เขาพูดเสียงดังว่า "รอมันโตขึ้นทุกคนจะเข้าใจ ! เพื่อที่จะไม่ให้เสียเวลาทำการประมง ดังนั้นผมจึงรบกวนทุกคนให้ตื่นมาช่วยในตอนเช้า ทุกคนสบายใจได้ เรื่องเงินผมไม่มีวันเอาเปรียบทุกคนเด็ดขาด ผมหวังว่าในสองสามวันนี้เราจะสามารถใช้เวลาช่วงเช้าและเย็นเพื่อปลูกมันได้”
ทั้งได้ค่าตอบแทนจากการเพาะปลูก ทั้งยังไม่เสียเวลาการทำประมง ใครกันจะไม่อยากทำ ชาวบ้านหลายคนที่หลิวเฟยไม่ได้เกณฑ์มาก็มาลงชื่อด้วย แต่หลิวเฟยก็ไม่ได้ปฏิเสธ
สำหรับเขาแล้ว สิ่งเหล่านี้ยิ่งปลูกลงดินเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น
พวกเขาทำงานยุ่งจนถึงเที่ยงวัน จากนั้นหันกลับที่ชายหาดเพื่อทำงานต่อ เวลาสี่โมงเย็นกว่า ๆ หลิวเฟยได้นำสินค้ามูลค่ากว่าสามหมื่นหยวน รวมทั้งปลิงทะเลตากแห้งไปยังโรงแรมซันริช
โม่อวี้ยังคงเป็นคนที่ตรงไปตรงมาเหมือนเดิม ราคาปลิงทะเลให้ 7,000 หยวนต่อ 1 กิโลกรัม และจะได้รับเงินหลังจากที่ชั่งน้ำหนัก รอบนี้หลิวเฟยทำรายได้จากการขายปลิงทะเลได้มากกว่าหนึ่งหมื่นหยวน ...
เมื่อทำข้อตกลงเสร็จสิ้น สีหน้าของโม่อวี้ก็ดูไม่ดีเลย
เธอก้มหน้าและนิ่งเงียบไปชั่วขณะก่อนจะพูดขึ้นว่า "นี่เป็นบิลสุดท้าย ตั้งแต่วันพรุ่งนี้โรงแรมจะไม่ร่วมมือกับนายอีกแล้ว"
หลิวเฟยที่กำลังเพลิดเพลินกับการจิบชา ได้ยินดังนั้นก็แทบจะพ่นน้ำชาออกมาจากปาก เขาถามด้วยความประหลาดใจว่า "ทำไมล่ะ ? "
"พรุ่งนี้ฉันจะไม่ได้มาทำงานแล้ว ... "
เมื่อเห็นเธอพูดประโยคนี้ด้วยท่าทางเศร้าสร้อย หลิวเฟยก็เข้าใจทันทีว่าสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นก็ได้เกิดขึ้นแล้ว เขาน่าจะคิดได้ตั้งนานแล้ว ...