ตอนที่ 24 ตัวตนที่หก
หลิวเฟยพาโม่อวี้เดินออกจากโรงแรม แล้วพาเดินเอ้อระเหยให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเดินเล่นเลือกซื้อของ
โม่อวี้ไม่รู้ว่าเขามีลับลมคมในอะไร จึงอดไม่ได้ที่จะถามเขาขึ้นมา "นายจะพาฉันมาจับคนวิปริตคนนั้นหรือ ? "
หลิวเฟยพยักหน้า
“เขาอยู่แถวนี้ใช่ไหม ? ”
"เดินสัก 15-20 นาทีก็ถึง"
“ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่ไปจัดการเขาเลยล่ะ เกิดเขาหนีไปจะทำยังไง ? ”
หลิวเฟยบิดขี้เกียจอย่างสบายใจแล้วพูดว่า "เพื่อนของผมบอกว่าหมอนั่นมีความสามารถ อีกทั้ง การจะเจอใครสักคนที่เก่งเรื่องแฮกข้อมูลแบบนี้มันยากมาก เลยอยากจะเล่นสนุกกับเขา ผมเองก็ปฏิเสธไม่ได้หรอก แต่ไม่ต้องกังวล หมอนั่นเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับการแฮกข้อมูลจนไม่รู้ตัวว่าถูกล็อคพิกัด ip ไว้เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เขาคงกำลังแฮกข้อมูลสู้กับเพื่อนของผมอยู่แน่ ๆ ไม่มีทางหนีไปได้หรอก คนที่เชี่ยวชาญด้านการแฮกข้อมูล เมื่อเจอคนที่มีฝีมือทัดเทียมกันแล้ว มันเร้าใจยิ่งกว่าการหาแฟนสาวซะอีก ! "
เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด โม่อวี้ก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเขาอีกครั้ง "ที่จริงแล้วนายเป็นใครกัน ? ทำไมถึงมีเพื่อนที่เก่งแบบนั้น ? "
หลิวเฟยยิ้มและพูดว่า "คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะได้เห็นตัวตนที่หกของผม ที่นอกจากชาวนา หัวหน้าหมู่บ้าน หมอ อันธพาลและพ่อค้า"
โม่อวี้ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่หลิวเฟยกลับไม่ยอมตอบ
หลังจากที่พวกเขาเดินเอ้อระเหยอยู่เกือบ 20 นาทีก็มาถึงอพาร์ตเมนต์ธรรมดา ๆ เมื่อมีคนเปิดประตูออกมา หลิวเฟยก็พาโม่อวี้แอบลอดตัวเข้าไปอย่างรวดเร็ว และแล้วทั้งคู่ก็มาหยุดอยู่ที่ห้องสุดทางเดินของชั้นสอง
เขาส่งสัญญานไม่ให้โม่อวี้ขยับตัว จากนั้นจึงหยิบพวงกุญแจออกมาแล้วยัด "ลวด" เส้นเล็กพิเศษที่ทำขึ้นมาโดยเฉพาะเข้าไปในรูกุญแจ เขาขยับมันสองสามครั้ง ก่อนมีเสียง "พลั่ก" แล้วประตูก็เปิดออก
เมื่อเห็นดังนี้ โม่อวี้ถึงกับตะลึงงัน เครื่องมือนี้ต้องใช้ความชำนาญสูง แต่เขากลับใช้มันได้ชำนาญมาก ? หรือว่าตัวตนที่หกของเขาคือขโมย ?
แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร ? หัวหน้าหมู่บ้านอย่างเขาที่มุ่งมั่นจะพัฒนาหมู่บ้านของตนขนาดนี้จะเป็นโจรได้อย่างไร ?
ยิ่งคิด โม่อวี้ก็ยิ่งรู้สึกว่าชายผู้นี้ช่างลึกซึ้งเกินกว่าจะคาดเดาได้ เขาเหมือนตัวประหลาดที่ไม่สามารถคาดเดาตัวตนได้เลย !
หลิวเฟยผลักประตูเข้าไปเบา ๆ พร้อมหันหน้ามองโม่อวี้ เธอยังคงยืนนิ่งอยู่ เขาจึงยื่นมือเข้าไปคว้ามือเธอแล้วพาเธอเดินเข้าด้านใน
เมื่อถูกฝ่ามือหนาของหลิวเฟยคว้ามือเอาไว้ หัวใจของโม่อวี้ก็เต้นรัวขึ้นอย่างประหลาด ทันใดนั้นเธอก็เหมือนตกอยู่ในห้วงอารมณ์ของสาวน้อยที่มีชายหนุ่มผู้แข็งแรงกำยำคอยปกป้องอยู่เบื้องหน้า แต่หลิวเฟยกลับไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งเหล่านี้
ความสนใจทั้งหมดของเขาถูกดึงดูดโดยชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะยาว เขาสวมกระโปรงสีแดง สวมวิกผมยาวสีแดงพร้อมใส่หูฟังและกำลังเคาะแป้นพิมพ์ของแล็ปท็อปอย่างเมามัน
แน่นอนว่าสิ่งที่ดึงดูดเขาได้อีกอย่างก็คือบรรดาเซ็กส์ทอยและบรรดาเสื้อผ้าคอสเพลย์หลากหลายรูปแบบเหมือนในหนังเอวี
“วิปริตเกินไปแล้ว ! ”
เมื่อเห็นขนขาที่สะดุดตาของเขา หลิวเฟยก็แทบจะอาเจียนออกมา นี่มันผู้ชายชัด ๆ เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ทำไมถึงแต่งตัวแบบนี้ !
เมื่อโม่อวี้เห็นดังนี้ เธอก็กำมือของหลิวเฟยแรงขึ้นไปอีก เธอทั้งรู้สึกขยะแขยงและตกใจ
โตมาจนถึงทุกวันนี้ เห็นคนบ้ามาก็เยอะ แต่ไม่เคยเห็นใครที่วิปริตแบบนี้มาก่อน !
หลิวเฟยหันหน้ากลับไปมองเธอแวบหนึ่ง พร้อมส่งสัญญาณให้เธอไม่ประหม่า จากนั้นเขาก็ย่องตัวเข้าไปยืนข้าง ๆ ชายโรคจิตคนนั้น อีกทั้งยังไม่วายคว้าเมล็ดแตงโมจากโต๊ะพร้อมกับใช้มือปลอกเปลือกพลางพูดเสียงดังว่า “ว่าไง นายทำลายโปรแกรมรบกวนของอีกฝ่ายได้หรือยัง ? ”
"ยังเลย……"
ชายโรคจิตคนนี้ตอบอย่างร้อนใจ จากนั้นเขาก็หันศีรษะมาช้า ๆ ราวกับว่าจู่ ๆ เขาก็นึกอะไรขึ้นได้ เมื่อเขาเห็นหลิวเฟยกำลังแคะเมล็ดแตงโมอยู่ เขาก็รีบลุกขึ้นยืนและกระโจนออกไปไกลหลายเมตร หูฟังที่ติดอยู่บนหัวเพราะยังไม่ทันได้ถอดออกถึงกับถูกกระชากจนหลุด ทำให้ได้ยินเสียงดังออกมาจากแล็ปท็อป
หลิวเฟยได้ยินเสียงครางกะเสร่าที่ดังมาจากในแล็ปท็อป เขาจึงกระแอมเบา ๆ และมองไปที่โม่อวี้ที่ตอนนี้หน้าแดงก่ำไปถึงใบหู แล้วปิดเสียงลงพร้อมพูดกับชายหนุ่มว่า "สิ่งที่แกเสพเนี่ยช่างวิเศษจริง ๆ ทำให้ฉันได้เปิดหูเปิดตา ! ”
ชายหนุ่มก้าวถอยหลังพร้อมกับพูดว่า "แก... แกเป็นใคร พวกแกเข้ามาได้อย่างไร ? "
เขาถามว่าหลิวเฟยเป็นใคร แต่กลับไม่ได้ถามว่าโม่อวี้คือใคร นี้คือสิ่งที่เปิดเผยออกมาแล้ว
หลิวเฟยมองไปที่รอยนูนตรงหน้าอก เขาอาจจะสวมชุดชั้นในของผู้หญิงอยู่จึงยิ้มแห้ง ๆ และพูดว่า "ฉันเป็นใครไม่สำคัญ สำคัญว่าแกรู้ว่าตัวเองเป็นใครก็พอ ! แกแต่งตัวแบบนี้ ดูเหมือนว่าอยากจะเป็นผู้หญิงมากกว่านะ แกทำไมไม่ไปที่ญี่ปุ่นซะเลยล่ะ ที่นั่นเขาอิสระเสรีเรื่องเพศ จะมาก่อกวนเธอทำไม หรือว่าแกบ้าไปแล้ว ? ”
ชายหนุ่มเหลือบมองโม่อวี้ แล้วถอยหลังไปสองก้าว ทันใดนั้นก็ใช้มือทั้งสองข้างยื่นเข้าไปในกองหนังสือ หลิวเฟยเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติเขาจึงรีบ "ฟิ้ว" พุ่งตัวเข้ามาราวกับสายลม
แต่ก็สายไปแล้ว……..
ในความห่างไม่ถึง 2 เมตร ชายหนุ่มก็ดึงปืน 2 กระบอกออกมาจากกองหนังสือ กระบอกหนึ่งเล็งไปที่เขา ส่วนอีกกระบอกเล็งไปที่โม่อวี้
"คนที่ควรจะไปญี่ปุ่นคือแกหรือเปล่า ? หรือไม่ตอนนี้ฉันจะช่วยแกเอง ! "
เสียงของชายหนุ่มทั้งเล็กและแหลม ฟังดูแล้วแสบแก้วหูอย่างมาก
หลิวเฟยยกมือขึ้นช้า ๆ และพูดว่า "แกอย่าวู่วามไปสิ ฉันก็แค่ล้อเล่น แค่ล้อเล่นเอง ฮี่ฮี่... "
ถ้าในห้องตอนนี้มีแค่เขาคนเดียว เขาอาจจะจัดการไอ้โรคจิตคนนี้ไปแล้ว แต่ตอนนี้มีโม่อวี้อยู่ด้วย เกรงว่าเธอจะตกใจจนสติหลุด แต่หากว่าผลีผลามก็อาจถูกฆ่าตายได้
เมื่อชายหนุ่มเห็นว่าหลิวเฟยยังคงให้ความร่วมมืออยู่ จึงส่งสัญญาณให้เขาถอยหลังไปสองสามก้าว จากนั้นก็เหลือบมองโม่อวี้ที่ยังตื่นตกใจอยู่ตรงที่เดิม เขาแสยะยิ้มและพูดว่า “โม่อวี้เอ๋ย นี่เป็นครั้งแรกของฉันที่ได้ชื่นชมเธออย่างใกล้ชิดขนาดนี้ เธอช่างงดงามจริง ๆ งดงามจนน่าเหลือเชื่อ เป็นไงบ้าง เธอชอบของที่ฉันส่งให้ไหม ? ของพวกนั้นฉันคัดสรรมาเป็นอย่างดีเลยนะ "
"แก ! "
โม่อวี้กัดฟันกรอด เธออยากจะระบายความโกรธออกมา แต่เธอรู้ดีว่าเวลานี้ไม่ควรยั่วโมโหเขา มิฉะนั้นเขาอาจจะทำอะไรก็ได้
ชายหนุ่มมองเธออย่างจองหองอีกครั้งและพูดเจื้อยแจ้วขึ้นมาว่า “รูปร่างของเธอมันสวยจนไม่มีใครเปรียบได้ แต่ฉันว่าเสื้อผ้าบนตัวเธอมันเยอะไปนิด มันรกหูรกตาฉันซะเหลือเกิน ! ฉันก็แค่อยากจะหยอกล้อเธอเล่น แต่วันนี้เธอกลับส่งตัวเองมาเข้าปากเสือเสียเอง เรื่องนี้โทษฉันไม่ได้นะ เธอเห็นชุดนี้บนตัวฉันไหมล่ะ ? มันคือชุดของสาวสวยที่ฉันพึ่งไปซื้อมาเมื่อวาน สวยไหมล่ะ ? แต่พอฉันเห็นเธอ ฉันก็เกลียดชุดนี้ทันที เลยคิดจะเปลี่ยนชุดใหม่ ไม่ก็เปลี่ยนเป็นชุดบนตัวเธอแทนดีไหม ? "
ใบหน้าที่ซูบผอมของเขาเมื่อฉีกยิ้มออกมาก ดูแสนจะชั่วร้ายและน่ากลัวมาก
โม่อวี้หัวใจหล่นวูบ เธอถอยหลังสองสามก้าวโดยไม่ได้ตั้งใจ: "แก ... อย่ามายุ่งกับฉัน ! แกทำแบบนี้มันผิดกฎหมายนะ ! "
ชายหนุ่มหัวเราะเยาะและพูดว่า "กฎหมาย ? ฉันไม่รู้มานานแล้วว่ากฎหมายคืออะไร ! รีบทำตัวดี ๆ แล้วเดินไปหยิบเชือกสองเส้นที่อยู่ข้างหลังมัดให้มัน เอาปมเชือกไว้ด้านหน้านะ อย่ามาตุกติกกับฉัน ไม่งั้นฉันไม่รับประกันว่าปืนจะลั่นหรือเปล่า”
"แก……"
ทันใดนั้นใบหน้าของชายหนุ่มก็เริ่มบึ้งตึงและพูดด้วยเสียงที่ดุดันว่า "เร็วเข้า ! "
โม่อวี้กัดฟันหยิบเชือกสีดำสองเส้นขึ้นมา เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นต่อหน้าหลิวเฟย “ขอโทษนะ เป็นฉันเองที่ทำร้ายนาย”
หลิวเฟยส่ายหน้าและพูดว่า “เป็นผมเองที่ไม่รอบคอบ ไม่น่าพาคุณมาเลย มันให้คุณทำอะไร คุณก็ทำเถอะ”.
“แต่ว่า……”
“ไม่มีแต่ รีบมัดเร็วเข้า ”
หลิวเฟยนั่งลงกับพื้นอย่างให้ความร่วมมือ จากนั้นจึงยื่นมือและเท้าออกไปให้เธอมัด เมื่อชายหนุ่มเห็นดังนี้จึงพูดด้วยความพึงพอใจ "มีสติ ดีมาก ไม่ต้องกังวล ฉันชอบที่สุดก็คนที่ว่าง่าย ๆ นี่แหละ ฉันจะทำให้เห็นเป็นบุญตา คอยดูไว้นะ"
เมื่อเห็นคนวิปริตผิดเพศจะชายก็ไม่ชาย จะหญิงก็ไม่หญิง หลิวเฟยก็รู้สึกขยะแขยงถึงขีดสุด ถ้าไม่ใช่เพราะต้องปกป้องโม่อวี้ เขาจะต้องส่งหมอนั้นไปเป็นขันทีตั้งแต่แรกแล้ว
หลังจากที่โมอวี้ใช้เชือกสีดำมัดเขาเรียบร้อบแล้ว ชายหนุ่มก็ชี้กระบอกปืนไปยังถุงที่วางอยู่มุมห้องพร้อมกับพูดว่า "เธอบังเอิญมาทันเวลาพอดี ชุดนั้นก็เพิ่งมาถึงวันนี้สด ๆ ร้อน ๆ ถ้าเธอใส่มันจะต้องดูดีแน่เลย ไปหยิบมันมาสิ"
แม้ว่าโม่อวี้จะรู้สึกไม่เต็มใจ แต่หลังจากที่เธอเห็นสายตาของหลิวเฟย เธอก็ยอมทำตาม
เมื่อชายหนุ่มเห็นว่าเธอให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เขาจึงยิ้มและพูดว่า "จะมัวยืนนิ่งอยู่ทำไมล่ะ ? เอาออกมาดูแล้วรีบเปลี่ยนซะ ! "
โม่อวี้หยิบเสื้อผ้าออกมาอย่างไม่เต็มใจ เพียงมองแค่แว็บเดียวเข่าก็แทบทรุด
หลังจากที่หลิวเฟยเหลือบมองเสื้อผ้า เขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี นี่มันชุดอะไร ? ชิ้นเล็กชิ้นน้อยจนแทบจะไม่เหลืออะไรแล้ว ! แบบนี้ยังกล้าเรียกว่าชุดอีกหรือ ?
ชายหนุ่มพูดขึ้น "ถอดแล้วรีบเปลี่ยนเร็วเข้า ! ไม่งั้นเธอเชื่อไหมว่าฉันจะยิงมันก่อน ! "
พูดจบ ชายหนุ่มก็เล็งปืนพกทั้งสองไปที่หลิวเฟยพร้อมกัน
โม่อวี้อุทานออกมาด้วยความตกใจ "อย่านะ ฉันจะเปลี่ยนเดี๋ยวนี้แหละ ! "
เธอเหลือบมองไปที่หลิวเฟย พร้อมกัดริมฝีปากน้ำตาคลอ จากนั้นเริ่มถอดถอดเสื้อสูทออกก่อนแล้วจึงปลดกระดุมเสื้อเชิตออกทีละเม็ด ๆ
เมื่อเธอถอดเสื้อเชิตออกและสวมเพียงเสื้อรัดรูป ชายหนุ่มก็จ้องมองมาที่เธออย่างหมกมุ่น มุมปากของเขาดูเหมือนจะมีน้ำลายไหลย้อยออกมา
“ฉึบ ... ”
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็ยื่นมือออกไปเพื่อดึงซิปของกระโปรงสั้นขึ้น ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะเดินไปข้างหน้าสองก้าวเพื่อชื่นชมร่างที่น่าภาคภูมิใจของเธอ พลางเร่งเร้าไม่หยุด
หลิวเฟยไม่ได้มอง นั่นเป็นเพราะอย่างแรกเขากลัวเสียสมาธิ อย่างที่สองก็กลัวว่าจะพลาดโอกาสจัดการไอ้โรคจิตตรงหน้า
ความสนใจทั้งหมดของชายหนุ่มอยู่ที่เรือนร่างของโม่อวี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นโอกาสดีที่สวรรค์ประทานให้ ข้อมือของเขาโค้งงอเล็กน้อยและนิ้วของเขาก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วราวกับโน้ตเพลงที่กระโดดโลดเต้น
เมื่อเขาเห็นชายหนุ่มหรี่ตาพร้อมเดินไปข้างหน้าสองก้าว และเมื่อเขาเข้ามาใกล้มากพอ หลิวเฟยก็คุกเข่าลงเล็กน้อย จากนั้นก็ยันตัวกระโดดขึ้นไปราวกับมังกรบินขึ้นจากน้ำ กระโจนเข้าใส่เบื้องหน้าของชายหนุ่ม
ชายหนุ่มยังไม่ทันที่จะตั้งตัว หลิวเฟยก็หลุดพ้นจากปมที่มัดมือไว้ เขาคว้าเท้าทั้งสองของชายหนุ่มโรคจิตแล้วกระแทกลงกับพื้นอย่างแรงส่งเสียงดัง "ตุ๊บ"
หลิวเฟยในเวลานี้เหมือนกับเสือที่กำลังล่าเหยื่อ เมื่อเป้าหมายถูกล็อคไว้แล้ว เขาจะไม่ยอมให้เหยื่อหลบหนีไปได้เด็ดขาด
หลังจากชายหนุ่มล้มลง หลิวเฟยก็รีบดึงร่างเขาขึ้นมาพร้อมกดลำตัวเขาลงพื้น รวมทั้งกดแขนเขาไว้แน่น
ทั้งสองต่อสู้กันอย่างอุตหลุดอยู่พักหนึ่ง จู่ ๆ ชายหนุ่มก็ตะโกนออกมา "ไปตายซะเถอะ"
แล้วทุกคนก็ได้ยินเพียงเสียงปืนสองนัด ตามด้วยเสียงศีรษะโขกกัน จากนั้นทั้งคู่ก็เงียบไป
เมื่อโม่อวี้เห็นดังนี้ มือทั้งสองข้างก็สั่นสะท้าน กระโปรงสั้นของเธอเลื่อนหลุดลงมา เพียงชั่วพริบตาเดียวน้ำตาของเธอก็ไหลออกมา...
ก่อนหน้านี้เธอไม่ชอบเขาและเกลียดเขาด้วยซ้ำ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลาย ๆ เหตุการณ์ในช่วงสองวันที่ผ่านมาได้เปลี่ยนมุมมองของเธอเกี่ยวกับเขา เธอไม่อยากเห็นเขาตาย !