ตอนที่ 23 จะพาไปทำอะไรที่ตื่นเต้น
พวกคนหนุ่มก็ปล่อยให้ลงทะเลไป ส่วนคนที่มีอายุก็ไม่อาจปล่อยไว้ให้ว่างอยู่เฉย ๆ ได้
เมื่อหลิวเฟยเห็นชาวบ้านเหล่าผู้อาวุโสยืนเก้กังไม่รู้จะทำอะไร เขาจึงเอ่ยเชิญชวนให้มาร่วมด้วยช่วยกันทำงาน “คุณตาคุณยายทุกท่านครับ ผมจะขอรบกวนให้ช่วยแยกหอยพวกนี้หน่อยได้ไหม มีค่าตอบแทนให้เหมือนกันนะครับ”
เมื่อพวกเขาได้ยินเช่นนั้นก็รีบเข้าไปช่วยในทันที
ไม่นานนัก ภายใต้การจับจ้องของเหล่าฝูงชน พวกเขาก็แยกหอยพวกนี้แล้วส่งต่อให้หลิวเฟยเป็นคนชั่ง เมื่อชั่งเสร็จหลิวเฟยก็จ่ายเงินให้ครอบครัวของสองหนุ่ม แล้วแบ่งเงินจำนวน 5 หยวนให้คุณตาคุณยายทุกคนที่ช่วยงาน
เมื่อเหล่าชาวบ้านเห็นสถานการณ์ตรงหน้าก็เลือกที่จะไม่รีรออีกต่อไป พวกเขาต่างก็ทยอยเข้ามาสมัคร มีทั้งชาวบ้านที่สมัครจะลงทะเลไปหาหอย และชาวบ้านที่สมัครมาคัดแยกหอย
หลิวเฟยก็จัดการแบ่งหน้าที่ของทุกคนอย่างไม่รีบร้อน เมื่อเห็นหลี่อวิ๋นโหรวและหลิวอวี้เหลียนยังอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง เขาก็เอ่ยกับพวกเธออย่างหมดคำพูด “พวกเธอสองคนจะมัวยืนทื่ออยู่ทำไม ? รีบเข้ามาช่วยสิ ไม่ต้องกังวล ฉันมีค่าตอบแทนให้พวกเธอเหมือนกัน ! ”
ทั้งสองคนได้ตอบรับ จากนั้นก็รีบเข้าไปช่วยอีกแรง
แค่ชั่วพริบตาเดียวเวลาก็ล่วงเลยไปถึงบ่ายสอง หลิวเฟยหยุดการรับซื้อ จากนั้นก็รีบปิดบัญชี วันนี้เขาได้หอยแครงทั้งหมด 150 กิโลกรัม หอยหลอดทั้งหมด 105 กิโลกรัม และหอยนางรมอีก 75 กิโลกรัม ทั้งหมดทั้งมวลเขาจ่ายลูกบ้านไปเกือบ 9,000 หยวน และเขาก็รับหน้าที่บรรทุกหอยสดพวกนี้ไปโรงแรมซันริชด้วยตัวเอง เมื่อนำไปขายแล้วอาจจะได้มากถึง 10,000 หยวน พอคำนวณดูแล้วเขาอาจจะได้ส่วนต่างอยู่ที่ 1,000 หยวน
แต่นี่ก็ยังไม่รวมค่าแรงของชาวบ้านที่มาช่วยคัดแยกชนิดของหอย ไหนจะค่าขนส่งอีก ฉะนั้นเมื่อลองคำนวณให้ละเอียด เขาอาจจะได้กำไรไม่เท่าไร แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจในจุดนี้มากนัก
แน่นอนว่าการที่เขาไม่ได้หวังผลกำไรเรื่องนี้ก็เพราะว่าตอนนี้การทำคะแนนให้ผู้คนกลับยอมรับในตัวเขานั้นเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า
เมื่อนำเด็กหนุ่มเอ้อระเหยว่ายน้ำเล่นอยู่ในทะเลจนไม่ยอมขึ้นฝั่งขึ้นมาได้ หลิวเฟยก็ป่าวประกาศเสียงดัง “เป็นไงบ้าง ? ผมไม่ได้โกหกทุกคนใช่ไหม ? ผมขอพูดตามตรงกับทุกคนว่าที่จริงผมได้ส่วนต่างราคาไม่เท่าไรหรอก แต่เมื่อหักค่าขนส่งแล้ว ไม่ขาดทุนก็ถือว่าโอเคแล้ว หากทุกคนไม่เชื่อก็ลองไปสอบถามราคารับซื้อในเมืองได้เลย ! ”
เขาหยุดชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยต่อ “ชาวบ้านหลายคนอาจจะคิดว่าผมไม่ได้กำไรอะไรเลย แล้วผมจะดึงดันทำไปทำไมกัน นี่มันไม่ใช่วิธีของคนโง่เขลาหรอกหรือ ? ผมแค่อยากจะบอกกับพวกเราทุกคนว่า ไม่รู้ว่าเราต้องทนกล้ำกลืนอยู่กับความยากจนนานกี่ชั่วอายุคนแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาที่เราจะเปลี่ยนวิธีในการหาเลี้ยงชีพกันได้เสียที หากทุกคนยอมเชื่อผม ผมจะทำให้ลูกบ้านของผมลืมตาอ้าปากได้กันทุกครัวเรือน ! ”
หลิวเทียนป้ามองหลิวเฟยหัวจรดเท้า จากนั้นจึงเอ่ยออกมา “ไม่เลวเลยนี่พ่อหนุ่ม ฉันจะคอยดูว่ามีไอ้หน้าไหนมันไม่เห็นแก่เงินบ้าง ยังมีไอ้หน้าไหนที่มันอยากจะปลดตำเหน่งผู้ใหญ่บ้านของแกอีก ! ”
ทันใดนั้นก็เกิดการพูดคุยขึ้นมาภายในหมู่ชาวบ้าน ทุกคนล้วนแต่พูดไม่ออกกันทั้งนั้น เพราะเขาอุตส่าห์ช่วยส่องแสงสว่างนำทางให้พวกเขาได้ไปสู่ความร่ำรวยแล้ว อีกทั้งยังยอมจ่ายเงินสดอีกตั้งมากมาย แม้ว่าจะเป็นค่าตอบแทนที่พวกเขาสมควรจะได้รับ แต่ถ้าหากไม่มีหลิวเฟย ลำพังตัวพวกเขาเองก็คงไม่มีโอกาสนี้
ดังนั้นพวกเขาก็เลยเห็นพ้องต้องกันว่าเรื่องการถอดถอนตำแหน่งของหลิวเฟยนั้นค่อยว่ากันทีหลัง
คำว่า “ค่อยว่ากัน” นั้นยังมีผลข้างเคียงก็คือชาวบ้านเตรียมพร้อมจะหาตำแหน่งอื่นที่รองลงมาให้หลิวเฟย
หลิวเฟยเข้าใจข้อนี้ดี เขาเลยไม่ได้พูดอะไร จากนั้นก็ขอแรงชายหนุ่มสามสี่คนช่วยแบกวัตถุดิบเหล่านี้ไปที่ปากทางขึ้นเขา และตอนที่เขากำลังจะออกเดินทางนั้นเอง หลิวอวี้เหลียนก็คว้าตัวเขาไว้จากนั้นก็เอ่ยกับเขา “ไม่เลวเลยนี่พี่เฟย พี่มีเงินสดติดตัวเยอะขนาดนั้นเลยหรือ ใช้ได้เลย แต่ที่จริงพี่ไม่ใช่คนประเภทที่มักจะเก็บเงินไม่เคยอยู่หรอกหรือ ? ”
หลิวเฟยยิ้มรับ “จริงอยู่ที่ฉันเก็บเงินไม่ค่อยอยู่ ไปดิ้นรนอยู่ข้างนอกด้วยตัวเองมาเจ็ดปี ก็เก็บมาได้นิดหน่อย”
หลี่อวิ๋นโหรวเดินเข้าไปหยุดตรงหน้าเขา จากนั้นก็ลูบเส้นผมที่ไม่เป็นระเบียบข้างหูตนแล้วส่งยิ้มให้เขา “นี่คือแผนการที่นายตั้งใจจะทำให้การลงประชามติไปต่อไม่ได้ใช่ไหม ? ”
“เป็นไงบ้าง ใช้ได้เลยใช่ไหมล่ะ ? ” หลิวเฟยถาม
เมื่อเห็นสีหน้าโอ้อวดของหลิวเฟย หลี่อวิ๋นโหรวแทบจะไม่อยากกล่าวชมอะไรเขาเลย แต่เรื่องนี้ถือว่าเขาทำได้ดีเกินความคาดหมายมาก ๆ เธอกัดริมฝีปาก จากนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย “ก็ใช้ได้ แต่ครั้งหน้าก็ช่วยบอกก่อนสักหน่อยได้ไหมล่ะ ? ”
“แล้วแต่อารมณ์ตอนนั้น ! ”
หลิวเฟยโบกมือปัด จากนั้นก็หันไปมองสวี่เยี่ยนที่ตอนนี้สีหน้าแทบจะดูไม่ได้ เขาก็ไม่ได้พูดอะไร จากนั้นก็ให้ยกพวกหอยต่าง ๆ ใส่รถแล้วรีบขับออกไป
เมื่อมาถึงทางขึ้นเขา เขาก็นำของทั้งหมดยกขึ้นรถตู้ที่จอดรออยู่สักพักแล้ว หลิวเฟยจ่ายค่าตอบแทนพวกคนหนุ่มที่ช่วยขนของ จากนั้นก็นั่งบนรถตู้เข้าเมืองเฟิ่งหวงเพื่อที่จะไปยังโรงแรมซันริชด้วยตัวเอง
หลิวเฟยโทรบอกโม่อวี้ว่าสินค้าของเขาพร้อมส่งแล้ว จากนั้นทำตามขั้นตอนที่โม่อวี้บอกในการส่งสินค้า แล้วจึงค่อยเอาใบเสร็จส่งสินค้าขึ้นมาที่ออฟฟิศของเธอ
คราวนี้ไม่ได้ยินเสียงบ่นอุบอิบ แต่กลับเป็นเสียงของการแผดคำรามด้วยความโกรธเคืองแทน หลิวเฟยก็ห้ามที่จะขมวดคิ้วด้วยความสงสัยไม่ได้ หรือว่าเขาจะโดนดีเข้าอีกแล้ว ? ดวงซวยถึงขนาดนี้เลยหรือ ? แต่จะว่าไปมีเวลาไหนบ้างที่เธอจะมีอารมณ์ต้อนรับแขกับเขา ?
เขาเคาะประตู รอแค่ครู่เดียว จากนั้นโม่อวี้ก็เปิดประตูออกมา เธอยังคงสวมกระโปรงทรงเอตามสไตล์ของสาวออฟฟิศ แต่เผ้าผมตรงหน้า หัวและข้างหูนั้นยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงเหมือนเดิม และทรงผมก็มีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นเนื่องด้วยความโมโห
หลิวเฟยส่ายหัวแล้วเอ่ย “ไอ้เศษเดนคนนั้นมันหาเรื่องคุณหรืออีกหรือ ? ”
โม่อวี้หันกลับเข้าออฟฟิศแล้วตอบคำถาม “ไอ้เศษเดนอีกคนหนึ่ง ! ”
เอ่อ อีกคนหนึ่ง ? ทำไมถึงได้มีชีวิตอยู่ในความวุ่นวายขนาดนี้ ?
หลิวเฟยกระแอมเบา ๆ เมื่อประตูของออฟฟิศถูกปิดลง เขาก็ส่งใบเสร็จให้เธอ เมื่อเธอดูก็ถามเลขบัญชีธนาคารของหลิวเฟยแล้วโอนเงินออกไปอย่างรวดเร็วทันใจ
หลิวเฟยควักโทรศัพท์ออกมาดู เมื่อเห็นแจ้งเตือนว่ามีเงินเข้า เขาก็ยิ้มออกในทันที “เร็วขนาดนี้เชียว ขอบคุณมาก ! เดี๋ยวพรุ่งนี้จะพยายามให้ได้สัก 500 กิโล.....”
เมื่อพูดจบ เขาเตรียมจะเดินทางกลับ แต่โดนโม่อวี้ดักไว้ก่อน “จะไปแล้วหรือ ? ”
หลิวเฟยหันหน้ากลับไปมองเธอ เมื่อเห็นเธอหน้าแดง และดูเหมือนว่ากำลังร้องขอความเห็นใจจากตน เขาจึงคิดในใจว่าฉันมาขายอาหารทะเลไม่ใช่มาขายตัว เธอคงไม่ได้รู้สึกเหงามากจนอยากจะบีบอัดฉันให้เละหรอกนะ ? ผู้หญิงที่ดุเหมือนเสือขนาดนี้ชักจะน่ากลัวไปหน่อยแล้ว......
เมื่อโม่อวี้เห็นเขาไม่ส่งเสียงอะไร เธอจึงถอนหายใจแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ช่างเถอะ นายกลับไปเถอะ”
หลิวเฟยขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เธอเหมือนจะเอ่ยอะไรมากกว่านั้น แต่สุดท้ายกลับไม่ยอมปริปากสักคำ
นี่เธอต้องการจะเล่นอะไรอีก เขาคิดแล้วคิดอีก จากนั้นก็เอ่ยถามเธอเบา ๆ “คุณ......คุณมีอะไรให้ผมช่วยรึเปล่า ? ”
โม่อวี้เม้มริมฝีปากของเธอ จากนั้นก็จ้องมองเขาด้วยสายตาที่เขินอาย แล้วก็ก้มหน้ารับพูดต่อด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “จริง ๆ ก็มีแหละ แต่ว่ามันพูดยากไปหน่อย ไม่รู้ว่านายจะยอมรึเปล่า”
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า หลิวเฟยก็ตะลึงไป
เธอมีแง่มุมแม่สาวน้อยอย่างนี้ด้วยหรือ สายตาที่เย้ายวนนั้น ไหนจะร่างกายที่มีทรวดทรงพร้อมด้วยท่าทีเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าและรังสีที่แผ่ความเป็นแม่เสือสาวออกมานั้นราวกับจะประหารคนตรงหน้าเสียให้ได้ !
แต่ว่าจะบอกออกมาอย่างนี้ก็เหมือนจะตรงเกินไป ฉันไม่ใช่ผู้ชายใจง่ายที่จะมีอะไรกับเขาไปทั่วขนาดนั้นนะ.......
หัวใจของหลิวเฟยร้องโหยหวนอยู่ในอก เขากลืนน้ำลายลงคอดังเฮือก จากนั้นก็ตอบแม่เสือสาว “เอ่อ....ผู้จัดการโม่ครับ ผมเป็นผู้ชายที่มีเหตุผลและรู้จักขอบเขตคนหนึ่ง ไม่เคยขายวิญญาณตัวเองให้ใครหน้าไหนมาก่อน....”
เขาพูดพล่ามไปเยอะแยะมากมาย
ทว่าเมื่อโม่อวี้ได้ฟังเช่นนั้นเธอก็ขมวดคิ้วเป็นปม หลังจากนั้นเธอก็เผยอยิ้มที่มุมปาก คิ้วที่ขมวดเป็นปมได้คลายลง ขณะเดียวกันเธอได้เดินส่ายเอวเพรียวพลิ้วเข้าไปหาหลิวเฟย จู่ ๆ เธอก็ผลักหลิวเฟยไปที่โซฟาแล้วกระเถิบตัวเองไปนั่งลงบนขาของเขาแล้วยื่นมือไปกระชากต้นคอของเขา พร้อมส่งสายตายั่วยวนไปหาเขา “งั้นหรือ ? จะเปลี่ยนใจไหม ? นายพูดอย่างมีหลักการเสียยืดยาวก็เพื่อจะเปลี่ยนเรื่องเบี่ยงเบนความสนใจฉันใช่ไหมล่ะ ? ”
ผู้ชายแบบนี้เธอเข้าใจดี เธอไม่เชื่อว่าเขาจะมีแรงต้านทานต่อเสน่ห์ของเธอได้จริง ๆ
ทว่าผิดคาด เธอกลับคิดไม่ถึงว่าหลิวเฟยจะหยิกแก้มของเธอ แล้วก็พลิกตัวเธอให้นอนราบไปบนโซฟา จากนั้นก็ยืนขึ้นแล้วแยกเขี้ยวยิงฟันใส่เธอ “ขอโทษด้วยนะที่ไม่เปลี่ยนใจ ไว้เจอกันใหม่ ! ”
เมื่อเห็นหลิวเฟยดินออกไปด้วยท่าทีสง่าผ่าเผย โม่อวี้ก็รีบพูดออกไป “เดี๋ยวก่อน นายเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ฉันเองก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่มีอะไรกับคนอื่นไปทั่วหรอกนะ เมื่อกี้ฉันก็แค่อยากจะหยอกนายเล่นก็เท่านั้นเอง ที่จริงฉันอยากจะขอร้องให้นายช่วยเรื่องของพวกนั้นที่นายเห็นเมื่อครั้งก่อน”
หลิวเฟยหยุดฝีเท้า จากนั้นก็หันกลับไปคุยกับเธอ “ของอะไรหรือ ? ”
“นายนี่มันน่าขยะแขยงจริง ๆ หากฉันหาทางออกได้เอง ฉันคงไม่ขอความช่วยเหลือนายหรอกนะ ! ”
พูดจบ เธอก็เดินไปหยิบกล่องในลิ้นชักของตนออกมาแล้วเควี้ยงต่อหน้าหลิวเฟย จากนั้นเซ็กส์ทอยนานาชนิดก็กระจัดกระจายไปทั่ว
หลิวเฟยจึงกระแอมขัดจังหวะออกมา “นี่คุณ....คุณหมายความว่าไงกัน ? ”
โม่อวี้เอามือทาบอกแล้วเอ่ยออกมา “ครั้งก่อนฉันก็นึกว่านายยอมรับจริง ๆ เสียแล้ว ว่าฉันคือหญิงคนพิเศษของนาย ใช่ไหมล่ะ ? ”
หลิวเฟยเงียบไปครู่หนึ่ง อย่าว่าตนเลย หากตอนนี้มีใครมาเห็นเข้าก็เกรงว่าจะเหมารวมว่าทั้งสองเป็นคู่รักขึ้นมาจริง ๆ
โม่อวี้พูด “ที่จริงแล้ว....ไอ้หยา จะบอกว่าไงดีล่ะเนี่ย ฉันกำลังถูกไอ้โรคจิตคนหนึ่งมันจับตามองอยู่ ทุกวันมันก็จะส่งของประหลาดแบบนี้มาให้ฉัน ช่วงนี้ฉันรู้สึกหงุดหงิดมากที่มีพัสดุใส่ของสกปรกแบบมาส่งทุกวัน นับวันก็ยิ่งโมโห ! เมื่อวานที่นายพูดถึงการปลอมการสั่งซื้อก็ช่วยเตือนฉันได้อย่างหนึ่ง ฉันเลยตามหาร้านค้าจากหมายเลยพัสดุ ปรากฏว่าร้านค้าก็บอกว่าชื่อของคนที่สั่งซื้อก็เป็นชื่อฉันเอง”
หลิวเฟยพูดด้วยน้ำเสียงตกใจ “ตอนนี้ก็เป็นคุณเองสินะที่เปลี่ยนเรื่อง ? หรือว่าเสียงที่ผมได้ยินเมื่อวานนั้นจะเป็น.....”
โม่อวี้หน้าแดงขึ้นมา “นาย.....นายได้ยินอะไร? หรือนายจะบอกว่า เป็นเขาที่ส่งของเล่นสกปรก ๆ นี้เข้ามาให้....”
หลิวเฟยลองคิดทบทวนแล้วพูดออกมา “คงไม่ใช่ฝีมือของไอ้ผู้ชายเศษเดนแฟนเก่าคุณหรอกนะ ? ”
โมอวี้ส่ายหัว “แม้ว่าเขาจะเป็นคนเศษเดน แต่ยังไงก็คงไม่เลวถึงขั้นนี้หรอก”
“งั้นก็แจ้งความสิ.....”
“ทางตำรวจได้สืบสวนแล้ว เบื้องต้นพบว่าเป็นการซื้อขายตามปกติ ฉันล่ะอยากจะบ้าตาย ! ”
หลิวเฟยกระอักกระอ่วนพูดไม่ออก “ตำรวจยังคงสืบหาข้อเท็จจริงไม่ได้ แล้วคุณยังอยากจะให้ผมช่วย คุณเอาอะไรมาตัดสินว่าควรจะเชื่อใจผมมากขนาดนั้น ? ”
โม่อวี้ตอบ “ก็ไม่ได้เชื่อใจอะไรหรอก แค่รู้สึกว่านายเป็นคนพิลึกพิลั่น บางทีนายอาจจะมีวิธีแปลก ๆ ช่วยฉันก็ได้ ”
“ก็ได้ ผมจะยอมช่วยพราะเห็นแก่คำชมของคุณก็แล้วกัน”
พูดจบเขาก็เดินไปที่ประตูแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออก “เซี๋ยจื้อ ฉันมีเรื่องอะไรอยากจะให้นายช่วย”
ปลายสายได้ยินแล้วก็หัวเราะกลบเกลื่อน “พี่เฟย กำลังล้อเล่นอะไรกันอยู่เนี่ยพี่ พี่คิดว่าผมเป็นยอดมนุษย์ที่สามารถช่วยพี่ได้หมดเสียทุกเรื่องหรือไง”
หลิวเฟยพูดแบบกระซิบกระซาบ “ไอ้บ้านี้จะพูดจาเหลวไหลอยู่ทำไม ? สั้น ๆ ง่าย ๆ ตอบมาจะช่วยหรือไม่ช่วย ! ”
“ช่วยสิพี่ ก็ต้องช่วยอยู่แล้ว เรื่องพี่มันก็เรื่องของผมนั่นแหละ บอกมาเลยว่ามีเรื่องอะไรให้รับใช้ ? ”
หลิวเฟยก็เล่าความเป็นมาเป็นไปให้ปลายสายฟัง จากนั้นก็สรุปข้อมูลสำคัญแล้วก็วางสายไป
โม่อวี้ก็รินชาให้เขาแล้วเอ่ยถาม “นายมีวิธีจริง ๆ หรือ ? ”
หลิวเฟยลิ้มรสชา จากนั้นก็ตอบเธอ “รอดูเถอะ แค่เวลาดื่มชาถ้วยเดียวเท่านั้น รับรองว่าได้ความคืบหน้ากลับมาแน่”
โม่อวี้ทำสีหน้าไม่เชื่อ “เป็นไปไม่ได้มั้ง ? จะเร็วขนาดนั้นได้ยังไง ? ”
หลิวเฟยไม่ยอมเอ่ยตอบ และยกถ้วยชาขึ้นซดต่อไป
เป็นไปตามคาด เขาไม่ทันได้ดื่มชาหมด เซี๋ยจื้อก็ส่งผลเบื้องต้นมาให้เขา เป็นฝีมือของแฮกเกอร์ระดับสูง แฮกเกอร์คนนั้นได้ทำการเปลี่ยนแปลงบัญชีซื้อของออนไลน์ของเธอ อีกทั้งยังซ่อนที่อยู่ IP มันเจ้าเล่ห์มาก และตอนนี้มันก็ยังติดตามเธออยู่
หลิวเฟยเอาข้อมูลเหล่านี้ไปบอกโม่อวี้ โม่อวี้ก็ตกตะลึง “แฮกเกอร์ระดับสูงหรือ ? ล้อเล่นป่ะเนี่ย ? ฉันจะไปถูกแฮกเกอร์ระดับสูงพวกนั้นเพ่งเล็งได้ยังไงกัน ? ”
“ผมจะไปรู้ได้ไงเล่า ? ” หลิวเฟยตอบพร้อมยักไหล่
ผ่านไปสักพัก เขาก้มลงมองข้อความอีกครั้ง แล้วก็ลุกขึ้นยืนตัวตรงขึ้นมา “ตามผมมา ผมจะพาคุณไปทำอะรที่น่าตื่นเต้นสักหน่อย ! ”
……