ตอนที่ 7 : ผู้ใหญ่บ้าน (II)
ตอนแรกก็แต่งงาน ตอนนี้มาเป็นผู้ใหญ่บ้านอีก เพียงครึ่งเดือนที่กลับมาก็เกิดเรื่องราวมากมายขึ้น หลิวเฟยจากที่นี่ไปนานเจ็ดปี กลับทำให้ชาวบ้านรักได้มากเพียงนี้เชียวหรือ ?
หลิวเทียนป้าใช้เวลาสองวันเพื่อส่งต่องานทั้งหมดให้แก่เขา แล้วกำหนดภารกิจที่ยากขึ้นมาสองข้อ หนึ่ง คือทำให้สองหมู่บ้านเป็นมิตรต่อกัน สอง คือทำให้หมู่บ้านร่ำรวยขึ้นมา
สองงานที่หลิวเทียนป้าส่งต่อให้นี้คงต้องใช้เวลา 20-30 ปีกว่าจะสำเร็จ
เมื่อมองไปทางไร่ที่เต็มไปด้วยมะเขือเทศ แตงกวาและถั่วเขียว หลิวเฟยแทบกระอักเลือดเพราะความยากของภารกิจนี้
เขาเดินไปที่ไร่แตงกวาแล้วหยิบมันขึ้นมากัดอย่างแรง เคี้ยวแล้วกลืนลงคอ จากนั้นจึงก้มลงหยิบแตงกวาอีกลูกขึ้นมาซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่หลิวอวี้เหลียนเดินเข้ามาพอดี
หลิวอวี้เหลียนมองไปยังแตงกวาในมือของหลิวเฟย “พระเจ้า แค่อาทิตย์เดียว....มันโตขนาดนี้ได้ยังไง ? เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? ”
หลิวเฟยส่งแตงกวาในมือให้หลิวอวี้เหลียน พอกัดเข้าไปคำหนึ่งก็อุทานออกมา “ นี่....มันอร่อยมาก เป็นแตงกวาที่ดีที่สุดเท่าที่ฉันเคยกินมาเลย”
หลิวเฟยได้แต่ยิ้ม รู้สึกภูมิใจจนพูดไม่ออก
หลังจากกินแตงกวาจนหมด เธอก็หันไปมองมะเขือเทศแล้วยื่นมือออกไปหวังเด็ดมะเขือเทศ แต่ถูกหลิวเฟยจับมือไว้เสียก่อน “ยัยตะกละ เธอไม่ควรกินแตงกวาและมะเขือเทศด้วยกัน แตงกวามีเอนไซม์ย่อยสลายวิตามินซี มันจะทำลายวิตามินซีที่อยู่ในมะเขือเทศ ถ้ากินด้วยกันแล้วจะไม่ให้สารอาหารใดเลย”
หลิวอวี้เหลียนเข้าใจเรื่องนี้ดี “ ฉันรู้ว่ามันมีปัญหา แต่ฉันไม่ได้อยากได้สารอาหารเพิ่ม...”
หลังพูดจบ เธอก็เด็ดมะเขือเทศขึ้นมาเช็ด พอเห็นเปลือกสีแดงปลั่ง เธอก็ยิ้มออก
“สมเป็นนักกินตัวยงเชียวนะ ทำเหมือนไม่ได้กินอะไรมาแปดร้อยปี เอาล่ะ ตามที่พนันกันไว้ ดูเหมือนว่าฉันชนะ เธอไม่ต้องมาตามติดอีก”
หลิวอวี้เหลียนได้แต่พยักหน้า “ได้ ก็ฉันแพ้นี่ ฉันไม่มาหาพี่ทุกวันก็ได้”
“ก็ดี”
“แต่เปลี่ยนเป็นมาเกาะติดพี่ทุกวินาทีเลย ฮ่าๆๆ ”
เมื่อเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเธอ หลิวเฟยได้แต่ส่ายหน้า “สลัดยังไงก็ไม่หลุด”
หลิวอวี้เหลียนกอดอกแล้วพูดขึ้น “ไม่มีทาง เมื่อเจ็ดปีก่อนเรายังเล่นเป็นคนรักกันอยู่เลย ตอนนี้เราจะได้เป็นแบบนั้นจริง ๆ เสียที อย่าหวังว่าฉันจะปล่อยพี่ไป ! ”
หลิวเฟยยัดมะเขือเทศเข้าปากหลิวอวี้เหลียน “สนใจเรื่องที่เราเล่นกันตอนเด็กทำไม ? เธอน่ะโตแล้ว”
เมื่อได้ยินแบบนั้น หลิวอวี้เหลียนก็กัดมะเขือเทศก่อนจะพึมพำออกมา “ก็ฉันอยากสนใจ มันเรื่องของฉัน...”
เห็นท่าทีเศร้า ๆ ของเธอ หลิวเฟยก็รีบพูดขึ้นมา “ก็ได้ ไม่เลิกก็ไม่ต้องเลิก”
หลิวอวี้เหลียนรีบกินมะเขือเทศในปากแล้วมองไปรอบ ๆ “ นอกจากแตงกวา มะเขือเทศกับผักพวกนี้ ยังมีอะไรอีก ? ”
“แน่นอนว่ามี แต่เป็นความลับ”
“น่าหงุดหงิดจริง ๆ ” หลิวอวี้เหลียนมองไปทางหลิวเฟยแล้วก้มลงผูกเชือกรองเท้าให้อีกฝ่าย “พี่จะอยู่แบบนี้จริงหรือ ? ”
หลิวเฟยยิ้มแห้ง “ฉันไม่ได้เก่งแค่รักษาคนแต่เก่งเรื่องปลูกผักและดูแลสัตว์ด้วย ถือเป็นการพัฒนาสังคมอีกแบบ”
หลิวอวี้เหลียนแสดงสีหน้าประหลาดใจ “พี่คงเป็นพ่อค้าสินะ ถ้าเอาของพวกนี้ไปขายในเมือง พี่คงได้เงินก้อนโต...”
หลิวเฟยสวนขึ้น “ช่างเถอะ มานี่สิ นี่คือการทดลองของฉัน มันเอาไว้กินเล่น”
“พี่ปลูกมะละกอลูกใหญ่แบบนี้ได้ยังไง ? ”
“มะละกอ ? ”
หลิวเฟยพบว่ากระโปรงของเธอสั้นเกินไป “ใส่กระโปรงสั้นไปไหม ....เธอจะกินมะละกอไหมล่ะ ? ”
“ก็ผู้ชายชอบแบบนี้ไม่ใช่หรือไง...”
หลิวเฟยเบิกตาโต “หยุดพูดเลย ! ”
หลิวเฟยไม่สามารถพูดเรื่องพวกนี้ต่อได้ จึงรีบดึงหลิวอวี้เหลียนให้ลุกขึ้น จังหวะนั้นเองก็มีเสียงร้องดังขึ้นมา พอหันไปมองก็พบเข้ากับผู้หญิงในชุดเดรสสีขาว มือทั้งสองข้างของเธอยกปิดตาเอาไว้
ตัวเธอโผล่ออกมาจากประตูแค่ครึ่งเดียว เผยให้เห็นเอวคอดกิ่วที่สามารถเทียบกับหลิวอวี้เหลียนได้ !
หลิวเฟยถามขึ้นมา “หือ เธอเป็นใคร ? ”
เธอมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า “ฉันเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านคนใหม่ หลี่อวิ๋นโหรว ได้รับแต่งตั้งโดยสภาหมู่บ้าน เมื่อครู่ ฉันไปหาผู้ใหญ่บ้านคนเก่ามา เขาบอกให้ฉันมาหานายและคอยช่วยนายจัดการปัญหาต่าง ๆ ”
เรื่องเลขาธิการประจำหมู่บ้าน หลิวเฟยเคยได้ยินจากหลิวเทียนป้ามาแล้ว แต่ไม่คิดว่าสภาหมู่บ้านจะมีคนแบบนี้อยู่ด้วย เขาจ้องไปที่เธอจนหลิวอวี้เหลียนยื่นมือมาหยิกหลังเขา “ตาจะถลนออกมาอยู่แล้ว ! “
หลิวเฟยยิ้มน้อย ๆ “เธอคงเดินทางมาไกล เส้นทางเข้าออกหมู่บ้านไม่ค่อยสะดวกนัก เราจะจัดหาที่พักให้ ในหมู่บ้านดูเหมือนจะมีแค่บ้านฉันที่มีห้องว่าง หากเธอไม่ชอบ ก็คิดว่านอนแก้ขัดไปก่อนแล้วกัน”
หลิวอวี้เหลียนตอบกลับทันที “ฉันขอค้าน ! ”
หลี่อวิ๋นโหรวคล้ายมองบางสิ่งออกจึงรีบพูดขึ้นมา “ฉัน...ฉันมีแฟนแล้ว เราหมั้นกันแล้วด้วย อย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณมากจริง ๆ ได้โปรดดูแลฉันเพราะฉันไม่คุ้นเคยกับที่นี่ อาจต้องใช้เวลาสักพักในการทำความคุ้นเคย”
หลิวเฟยพยักหน้า ทิ้งเรื่องสภาพแวดล้อมของที่นี่ไปก่อน ด้วยสถานการณ์ที่เปรียบเสมือนน้ำกับไฟของทั้งสองหมู่บ้าน รูปร่างอรชรอ้อนแอ้นของเลขาคนนี้ หากสามารถทนได้ถึงหนึ่งเดือนก็ถือว่าปาฏิหาริย์แล้ว
คนมีคู่หมั้นซ้ำถูกส่งมาที่นี่เพียงลำพัง หลิวอวี้เหลียนจึงไม่พูดให้มากความ หลังได้ยินว่าตอนนี้กำลังขาดเตียงจึงรีบกลับไปที่บ้านแล้วสั่งให้คนยกเตียงเหล็กเข้ามา
หลังจากช่วยวางเตียงเสร็จแล้ว หลิวอวี้เหลียนพาดแขนไปที่ไหล่ของหลิวเฟยพลางกระซิบว่า “นี่เป็นเวลาทดสอบว่าพี่อุทิศตนให้พุทธศาสนาจริงหรือเปล่า อย่าคิดลงมือกับคนที่มีสามีแล้ว ! ”
หลิวเฟยเหงื่อตก “พูดเบา ๆ หน่อยสิ เธอคิดว่าฉันไม่เคยเห็นผู้หญิงหรือไง ฉันไม่ได้หื่นเป็นกิจวัตรประจำวันหรอกนะ ใครใช้ให้ฉันเป็นผู้ใหญ่บ้านล่ะ ? อีกอย่างฉันคิดว่าเธอคงอยู่แค่ไม่กี่วันหรอก”
หลิวอวี้เหลียนพูด “จริงสิ หมู่บ้านของพวกเราเป็นหมู่บ้านชนบทที่ห่างไกลจากความเจริญ ผู้หญิงคนนี้ดูลูกคุณหนูจะตาย คงทนความลำบากไม่ไหวแน่ อีกอย่างสองหมู่บ้านก็ชอบก่อเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน คิดว่าเธอคงอยากร้องไห้มากกว่า ฮ่าๆๆ...”
“เอาล่ะ ฉันจะไปทำอาหารก่อน เธอก็อยู่ที่นี่สักพักเถอะ”
“ฮิฮิ ฉันกำลังรอให้พี่พูดคำนี้อยู่เลย”
หลิวเฟยจัดการเก็บถ้วยให้หลี่อวิ๋นโหรวและเช็ดโต๊ะอาหาร จนถึงตอนนี้เธอไม่พูดแม้แต่คำเดียว ตลอดเวลาที่รับประทานอาหารมีเพียงหลิวอวี้เหลียนที่พูดจ้อไม่หยุด
หลังทานอาหารเย็นเสร็จ หลิวอวี้เหลียนก็กลับบ้าน ส่วนหลี่อวิ๋นโหรวก็พูดคุยกับเขาไม่กี่คำก่อนจะขอตัวกลับเข้าห้อง
หลิวเฟยนอนไม่หลับจนกระทั่งถึงเที่ยงคืน สุดท้ายเขาก็ลุกขึ้นนั่งโดยสวมแค่กางเกงเพื่อไม่ให้ดูอุจาดตา จากนั้นก็เดินออกไปที่ลานบ้าน นั่งขัดสมาธิ ก่อนที่มือทั้งสองข้างจะทำท่าทางอย่างรวดเร็ว ใช่แล้ว เขากำลังฝึกทักษะห้าชี่ไหลเวียน
ผ่านไปสักพัก เหงื่อของเขาก็ผุดขึ้นมา ขณะเดียวกันปราณธรรมชาติก็ไหลเข้าสู่ร่างกาย ปราณเหล่านี้คือรากฐานของการบ่มเพาะของเขา “หยวนชี่”
หลังจากหยวนชี่เหล่านี้เข้าสู่ร่างกาย เขาจะเปลี่ยนให้มันกลายเป็น “ห้าชี่” เพื่อใช้ในการทำการรักษาและเร่งการเจริญเติบโตของพืชผัก
“กรี๊ด...โรคจิต ! ”
ในขณะที่หลิวเฟยกำลังโลภมากกับการดูดซับปราณธรรมชาติอันไม่มีสิ้นสุด ก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นมา ร่างของเขากระตุกสั่น ก่อนจะรีบหันกลับไปมอง จึงเห็นหลี่อวิ๋นโหรวในชุดนอนยืนอยู่หน้าประตู โดยใช้สองมือปิดตาอยู่......