บทที่ 5 เมื่อรู้สึกถึงภัยอันตราย สาวน้อยก็ได้รับการช่วยเหลือจากหมาคลั่งแล้ว
เมื่อซ่งหว่านเอ๋อเห็นนักเลงที่กำลังพุ่งเขาไปหาเจียงฮ่าว เธอก็ได้ร้องออกมา
“กรี๊ดดดด ระวังตัวนะ”
ทันใดนั้นเอง จิตใต้สำนึกของเจียงฮ่าวก็รู้สึกเจ็บจี๊ดราวกับถูกเข็มทิ่ม เขาได้หมุนตัวหลบการฟันจากนักเลงตรงหน้าด้วยการเคลื่อนไหวที่คนทั่วไปทำไม่ได้
ขณะที่หมุนตัวหลับเขาก็ยื่นมือฟาดเข้าไปที่หัวของหวางเหมาด้วยหลังมือในทันที
แต่ด้วยการที่ก่อนหน้านี้เขาหยิบก้อนอิฐไว้ในมือ ก่อนที่หวางเหมาจะทำอะไรได้มันก็ได้เสถลาไปในทันที
“ปั้ก”
หวางเหมาได้หน้าทิ่มพื้นอย่างแรงและได้นอนแน่นิ่งไป
เมื่อได้เห็นดังนั้น นักเลงอีกสองคนที่ยืนคุมเชิงซ่งหว่านเอ๋ออยู่ก็ได้ตกตะลึงในฉากที่เกิดขึ้น พวกมันได้ตะโกนเรียกหวางเหมาที่แน่นิ่งไปกับพื้น
“พี่เหมา พี่เหมา.....”
เจียงฮ่าวที่เห็นดังนั้นก็อดที่จะประหลาดใจไม่ได้และได้ทำการสำรวจร่างกายตัวเองในทันที
ตอนนั้นเอง นักเลงอีกสองคนที่ได้เห็นลูกพี่ของตัวเองหมอบกระแตอยู่ก็พื้นนิ่งไม่ไหวติงก็ได้เลือดขึ้นหน้าในทันที พวกมันผลักซ่งหว่านเอ๋อพลางชี้หน้าเชิงไม่ให้ไปไหนด้วยสายตาอาฆาต ก่อนที่จะนำมีดปีกผีเสื้อออกจากกระเป๋าเสื้อของตนและพุ่งเข้าไปหาเจียงฮ่าวอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นดังนั้น สัญชาตญานของเจียงฮ่าวพลันกระตุ้นเตือน และในตอนนั้นเองราวกับกล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างได้ตื่นตัวจนทำให้เจียงฮ่าวนั้นเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว
“ผลั้วะ ผลั้วะ”
“อ่ะเฮื้อออออ อั่ก”
เพียงสองการเคลื่อนไหว นักเลงทั้งสองได้ลงไปกองกับพื้น
“อ่า....ท้องชั้นนน”
“อึ่ก หัววววว”
นักเลงทั้งสองได้ร้องคลางออกมาจนได้ยินแม้จะอยู่ไกล
ซ่งหว่านเอ๋อที่ยืนอยู่ข้างหลังนั้นตอนนี้ตกอยู่ในสภาพตกตะลึงในสิ่งที่เห็น
เธอจ้องมองไปยังเจียงฮ่าวสลับกับมองไปนักเลงสามคนที่กองลงไปอยู่กลับพื้นสลับไปมาด้วยท่าทีที่แสดงออกว่าตกใจแบบสุดๆ
เกิดอะไรขึ้นกัน นักเลงสามคนแพ้นักเรียนคนเดียวง่ายๆแบบนี้เนี่ยนะ
นี่ถ้าเธอไม่เห็นว่าหนึ่งนักเลงมีเลือดไหลออกจากหัวเธอต้องคิดว่าสี่คนนี้คือพวกเดียวกันแล้วแกล้งแสดงละครไปแล้ว
ในตอนนี้เอง เธอจึงรู้สึกได้แล้วว่าเด็กหนุ่มที่เธอไม่คิดว่าจะกลายเป็นผู้ช่วยชีวิตเธอได้ กลับกลายเป็นแสงสว่างในยามคับขันให้เธอได้อย่างน่าประหลาด
เจียงฮ่าวในตอนนี้ได้จ้องมองไปยังเศษอิฐในมือสลับไปกับการมองนักเลงที่หมอบกระแตอยู่ที่เท้าของตน พลางนึกถึงการเคลื่อนไหวของคนเมื่อครู่นี้ก่อนที่จะรู้สึกตื่นเต้นจนต้องยิ้มออกมา
“นี่คือความรู้สึกถึงภยันตรายสินะ”
หลังจากจัดแจงความคิดเสร็จสิ้น เขาได้เดินไปหาซ่งหว่านเอ๋อที่กำลังจ้องมองเขาอยู่
มีเพียงตอนนี้เองที่เจียงฮ่าวได้เห็นใบหน้าของสาวน้อยคนนี้ได้อย่างถนัดตา ก่อนหน้านี้ที่เขาเข้ามาช่วยเพราะเห็นเป็นชุดนักเรียนของโรงเรียนเดียวกันเท่านั้น
เธอมีผมที่สลวยเงางาม และเรียวยาว พร้อมคิ้วที่ได้รูป ดวงตากลมโตที่ตอนนี้แดงกล่ำและชื้นเพราะขวัญเสียไปเล็กน้อย จมูกของเธอนั้นเรียวยาวและริมฝีปากที่อมชมพู
หากเปรียบเธอเป็นสมบัตินั้น ก่อนหน้านี้เขาคงจะเปรียบเธอได้ดั่งสมบัติของเมือง แต่เมื่อได้เห็นชัดใกล้ เขาเชื่อได้ว่าหญิงสาวคนนี้คือสมบัติของประเทศชาติอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ด้วยร่องรอยน้ำตาถึงแม้ว่าจะเหือดหายไปแล้ว แต่ก็ยังทำให้ใบหน้าของเธอนั้นกลับมีมลทินได้อย่างไม่สมควร เพียงมองดูใบหน้าที่ซีดเซียวในตอนนี้ก็รู้ได้เลยว่าก่อนหน้านี้เธอหวาดกลัวขนาดไหน นี่ทำให้เขาเจ็บปวดจนรู้สึกอยากจะปกป้องเธออย่างช่วยไม่ได้
เจียงฮ่าวนิ่งคิดไปด้วยเสียงหัวใจที่เต้นดังจนได้ยิน
ซ่งหว่านเอ๋อในตอนนี้เองก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อยเมื่อได้จ้องมองไปยังเจียงฮ่าวผู้ที่ช่วยชีวิตเธอจนต้องก้มหน้าลงมาเล็กน้อย
ราวกับเจียงฮ่าวจะรับรู้ได้ เขาทำเพียงหันหน้ามองไปทางอื่นในขณะเดินเข้ามาหา
“เป็นอะไรรึเปล่า”
ทั้งสองพูดขึ้นมาพร้อมกัน
เมื่อได้ยินดังนั้น ทั้งสองได้หันมาสบตากันเล็กน้อยพร้อมรอยยิ้มประหลาดใจ
“ไม่เป็นไร”
ทั้งสองพูดพร้อมกันอีกครั้ง
ในตอนนี้ทั้งสองต่างก็รู้สึกเคอะเขินจนมองหน้ากันไปทางอื่น
เป็นตอนนั้นเองที่เจียงฮ่าวพึ่งจะนึกได้ว่าแถวนี้ยังมีนักเลงอีกสามคนกำลังนอนกองอยู่กับพื้น เขาจึงได้เอ่ยปากถามออกมาว่า
“จะเอายังไงกับไอ้สามตัวนี้ดีล่ะ จะเรียกตำรวจรึเปล่า”
ซ่งหว่านเอ๋อที่ได้ยินเธอก็เลิกคิ้วขึ้นมาก่อนที่จะหันไปจ้องมองยังนักเลงสามคนที่ราวกับนอนรอคำพิพากษาอยู่กับพื้น
“ฉันก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีเหมือนกัน”
ซ่งหว่านเอ๋อกัดฟันเล็กน้อยในขณะที่พูดออกมา ราวกับรู้สึกว่าแค่การส่งสามคนนี้เข้าคุกยังไม่สาสม
เจียงฮ่าวที่เห็นดังนั้นจึงได้พูดออกมา
“งั้นให้ฉันลงโทษมันก็แล้วกัน”