px

เรื่อง : The First Order ปฐมภาคีมวลมนุษย์
ตอนที่ 8 ชอบทำอะไรแปลกๆ


ตอนที่ 8 ชอบทำอะไรแปลกๆ

เมื่อตกกลางคืน ผู้คนในเมืองก็เริ่มกลับบ้านกลับช่องกัน คนที่อาศัยอยู่ในบ้านก็พากันปิดประตูแน่น ส่วนพวกที่อาศัยอยู่ในกระท่อมก็ซ่อนตัวอยู่หลังประตูม่านบางๆ

ตอนที่เหลินเสี่ยวซูกลับมาตอนเย็น เขาบังเอิญไปได้ยินมาว่า คนในโรงงานผลิตยางนั้นโดนแทงตายหลังจากกลับมาจากที่ทำงาน ตามข่าวลือว่ากันว่า ผู้ตายนั้นมีนิสัยชอบเก็บออม ทำให้คนเข้ามาฆ่าและชิงทรัพย์ไป

ผู้คนในเมืองนั้นชอบที่จะอยู่รวมกันเป็นกลุ่มเพื่อเฝ้าระวังซึ่งกันและกัน เพื่อน พี่น้อง คู่รัก ต่างอาศัยอยู่ด้วยกันแล้วผลัดกันดูแลความเรียนร้อยในยามค่ำยืน ถ้าทำแบบนั้น ความปลอดภัยในชีวิตจะมีมมากกว่า นั้นเป็นเหตุผลว่าทำไมเหลินเสี่ยวซูกับหยานหลิวหยวนถึงมาร่วมมือกันตั้งแต่แรก

แต่บางคนก็ดวงซวยดันตกเป็นเหยื่อของคู่หูที่พวกเขาไว้ใจเหมือนกัน

ความเชื่อใจมักจะทำให้คนเราตาบอดมองข้ามคนใกล้ตัวที่อาจจะมาทำร้ายเราได้ แต่คนที่ทำแบบนั้น ก็ต้องแลกมากับความเสี่ยงที่ว่าจะไม่มีใครเชื่อใจอีกเลย

และคนผู้นั้นสุดท้ายก็อยู่คนเดียวไม่รอดแล้วก็จบไม่สวยตามไปเช่นกัน

เหลินเสี่ยวซูนั่งอยู่ในกระท่อม และแกะผ้าพันแผลออกจากมือของเขา เขาขมวดคิ้วตอนที่เห็นสภาพแผล เนื้อรอบบริเวณแผลนั้นบวมแดงอย่างเห็นได้ชัดเป็นสัญญาณของอาการอักเสบ แต่พอเขาเห็นหยานหลิวหยวนเดินตรงเข้ามาใกล้ เขาก็รีบพันผ้ากลับเข้าไปรอบแผลตามเดิม

“พี่ แผลเป็นไงบ้าง?” หยานหลิวหยวนถาม

“ก็โอเคดีนี่” เหลินเสี่ยวซูพูดอย่างใจเย็น

“ฉันไม่เชื่อพี่หรอก ไหนเอามาดูหน่อย” หยานหลิวหยวนพูดพร้อมพยายามจะดึงผ้าพันแผลออกจากมือของเหลินเสี่ยวซู

“ก็บอกว่าโอเคดีไง” เหลินเสี่ยวซูผลักหยานหลิวหยวนออกไป “ถ้ามันแย่ลงเดี๋ยวฉันก็ไปซื้อยามากินเองแหล่ะน่ะ”

“อย่ามาโกหกฉันนะพี่ คราวที่แล้วพี่ก็ฝืนตัวเองแบบนี้อะ” หยานหลิวหยวนพูด

เหลินเสี่ยวซูถอนหายใจ “ไม่ต้องห่วงหรอกน่ะ ฉันไม่ทำเหมือนชีวิตเป็นเรื่องเล่นๆหรอก”

ในธรรมชาติ สัตว์นักล่าปรกติมักจะไม่ออกล่าอย่างสุดตัว เพราะพวกนั้นเข้าใจหลักการข้อนึงเป็นอย่างดี นั้นก็คือหากพวกมันฝืนจนบาดเจ็บล่ะก็ ความตายจะคืบคลานมาใกล้มากขึ้นเท่านั้น

แม้แต่สัตว์ป่ายังรู้เลย เหลินเสี่ยววูจะไม่รู้ได้ยังไง?

 

“เออ พี่ ทำไมที่ใต้เก้าอี้มันมีมันฝรั่งซ่อนอยู่ 2 หัวอยู่ด้วยล่ะ โอ๊ะ แถมยังมีเม็ดยาอีก 3 เม็ดตรงนี้ด้วย ยาพวกนี่มันยาแก้อักเสบที่พี่อยากจะซื้อวันนี้ไม่ใช่เหรอ หน้าตามันเหมือนกับที่อยู่ในร้านเลย” หยานหลิวหยวนตกใจมาก “พี่วางมันไว้ตรงนั้นรึเปล่า?

“เปล่านี่” เหลินเสี่ยวซูส่ายหน้าแล้วมองยาพวกนั้น “นี่มันยาแก้อักเสบจริงด้วย”

“งี้หมายความว่าพี่เสี่ยวหยูต้องเป็นคนที่แอบเอายากับมันฝรั่งมาวางไว้แน่เลย เพราะนางเป็นคนเดียวที่ฉันบอกเรื่องที่พี่บาดเจ็บน่ะ” หยานหลิวหยวนยิ้มแล้วยื่นมันฝรั่งให้กับเหลินเสี่ยวซู “พี่เสี่ยวหยูนี่ก็ดีกับพี่จริงๆนะ ทำไมพี่ไม่แต่งงานกับนางซะล่ะ?

เหลินเสี่ยวซูสวนกลับ “นายนี่ก็เปลี่ยนสีเร็วเหมือนกันนะ พอเธอทำดีเข้านิดให้ของกินหน่อย นายก็ชมเธอซะแล้ว เมื่อวานก่อนนายยังปากเสียใส่เธออยู่เลย”

“แหะแหะ” หยานหลิวหยวนกัดมันฝรั่งที่เอาไปย่างแล้วเสียงดัง ปรกติแล้วพวกเขาจะไม่กินมื้อเย็นกัน เหลินเสี่ยวซูนั้นจะกินแค่ข้าวเช้านิดหน่อย กับข้าวเที่ยงเยอะๆ แต่การกินตอนกลางคืนมันไม่ค่อยจะดีกับร่างกาย

มันเป็นปรัชญาที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ยุคก่อนเกิดภัยพิบัติแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น เหลินเสี่ยวซูก็รู้เหตุผลดียิ่งกว่าใคร ว่าที่เขาไม่กินข้าวเย็นนั้นเป็นเพราะว่าตอนนี้เขาไม่มีจะกินซะมากกว่า

“นี่ พี่”

เหลินเสี่ยวซูหันมามอง จากนั้นเขาก็สังเกตุเห็นหยานหลิวหยวนที่ก้มหัวน้ำเสียงแอบเศร้าเล็กน้อย เขาถามกลับ “มีอะไรล่ะ?

“พี่ยังจำตอนที่พี่กลับมาจากป่าหลังจากที่โดนฝูงหมาป่าเข้าโจมตีเมื่อปีที่แล้วได้รึเปล่า? ตอนนั้นก็มีใครบางคนแอบเอายามาให้พี่เหมือนกันนะแล้วยานั้นก็ช่วยชีวิตพี่ไว้ด้วย” หยานหลิวหยวนพูด

“จำได้ซิ แน่นอน ฉันยังพยายามตามหาอยู่เลยว่าเขาคนนั้นเป็นใครกัน” เหลินเสี่ยวซูพูด

“บางที่พี่เสี่ยวหยูอาจจะเป็นคนที่มอบยานั่นให้กับเราก็ได้นะ” หยานหลิวหยวนพูด “เพราะตำแหน่งที่ซ่อนยาเองก็เป็นจุดเดียวกันเลยด้วย”

เหลินเสี่ยวซูตกอยู่ในภวังค์ความคิด

ทันใดนั้นเอง ที่จู่เขาได้ยินเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาจากด้านนอก

ไม่ใช่แค่ 1 แต่มาเป็นกลุ่ม

การที่ผู้คนจะออกเดินบนถนนยามค่ำคืนเป็นกลุ่มแบบนี้ถือว่าหาได้ยากมาก ทำให้เหลินเสี่ยวซูเดาได้ทันทีว่าใครกันที่กำลังตรงมาทางนี้และพวกเขามีจุดประสงค์อะไรกัน

...

เหตุผลที่ว่าทำไมคณะวงดนตรีถึงอยากจะออกเดินทางผ่านภูเขาจิงกันนักหนาเวลาแบบนี้นั้น เป็นไปตามที่เหลินเสี่ยวซูเคยคาดการไว้เป๊ะ หน่วยทหารที่ติดตามไปด้วยนั้นมีภารกิจอื่นอยู่ด้วยจริงๆ ทางกองบัญชาการของป้อมปราการที่ 113 นั้นพบข้อมูลบางอย่างที่พิสูจน์ได้ว่าภูเขาจิงนั้นแท้จริงแล้วพึ่งจะเกิดขึ้นมาหลังจากการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลกครั้งใหญ่ ซึ่งนั้นหมายความว่ามันอาจจะมีสิ่งที่หลงเหลืออยู่จากยุคก่อนเกิดภัยพิบัติอยู่ตรงจุดนั้นก็ได้

ทั้งกลุ่มนั้นรู้เรื่องเหลินเสี่ยวซูมาจากตาแก่หวางที่ร้านขายของชำ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะยังมีความลังเลเกี่ยวกับเรื่อง “อาการป่วย” ของเขา แต่หลังจากที่พวกเขาลองหาข้อมูลจากหลายแหล่ง เกือบทุกคนก็รู้สึกเหมือนกันว่าเหลินเสี่ยวซูนั้นน่าจะเป็นคนที่เหมาะกับการมาเป็นผู้นำทางให้พวกเขามากที่สุด

บางคนถึงขั้นสงสัย ว่าเหลินเสี่ยวซูนั้นมีดีอะไรนักหนาเขาถึงได้เป็นที่รู้จักกว้างขวางในเมืองแบบนั้น

และด้วยความสงสัย ทำให้พวกเขาไม่อาจรอช้าได้ และในที่สุด พวกเขาก็ได้คำตอบกลับมา นั่นก็เพราะเหลินเสี่ยวซู เป็นคนเดียวในเมืองนี้ที่รอดจากการถูกโจมตีโดยหมาป่าทั้งฝูง แล้วยังรอดกลับมาถึงเมืองได้

เมื่อปีก่อน ตอนที่เหลินเสี่ยวซูกลับเมืองมาหลังจากที่ล่าสัตว์ สภาพของเขาไม่ต่างอะไรจากคนที่ตายแล้ว เลือดไหลนองออกจากร่างเขาเต็มไปหมด บาดแผลจากคมเขี้ยวของหมาป่าฝังลึกลงไปในผิวหนังและกล้ามเนื้อของเขา

ไม่ว่าคนในเมืองจะโหดเหี้ยมขนาดไหน พวกเขาก็ไม่คิดจะทำอะไรไม่ดีกับเด็กที่ปางตายหรอก แต่พวกเขาก็ไม่คิดจะช่วยเหมือนกัน ทุกคนต่างมองอยู่รอบข้างอย่างเฉยชา

ทุกคนที่รู้เรื่องต่างก็คิดว่าเหลินเสี่ยวซูคงได้ตายในคืนนั้นแน่ แต่เขากลับฟื้นตัวขึ้นมาแล้วรอดตายมาได้จนถึงทุกวันนี้

สมาชิกวงดนตรีต่างสนใจเรื่องราวนี้มาก เมื่อพวกเขารู้ว่าเหลินเสี่ยวซูรอดตายมาได้ยังไง ตาแก่หวางเล่าให้ฟังหมดเปลือกพร้อมรอยยิ้ม และบอกได้เต็มปากว่าเป็นเพราะว่า หยานหลิวหยวน ผู้เป็นเหมือนน้องชาย ไปไล่ขอเคาะประตูคุกเข่ากราบขอร้องขออาหารด้วยตัวเอง จนในที่สุดเหลินเสี่ยวซูก็รอดมาได้ และดูเหมือนกับว่ามีใครบางคนแอบให้ยาเขาแบบลับๆด้วย แต่ไม่มีใครรู้ว่าใครกันแน่

ทุกคนในเมืองนั้นต่างก็รู้ดีว่า ถึงเหลินเสี่ยวซูจะรอดมาได้ แต่ก็แลกมาด้วยอาการป่วยที่ฝังอยู่ในหัวของเขามานับตั้งแต่วันนั้น

“จะว่าไปแล้วเถ้าแก่หวาง” คนในกลุ่มนั้นพูดกับตาแก่หวางที่เดินนำทางมา “ที่เถ้าแก่บอกว่า เขาทำอะไรแปลกๆเนี่ย หมายความว่าไงกัน?

“อ้อ เปล่าหรอก ไม่มีอะไร แค่พูดเฉยๆน่ะ” ตาแก่หวางพูดด้วยรอยยิ้มกว้างจนตีนกาขึ้น “มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก ดูนั้นซิ บ้านของเขาอยู่ตรงนั้นล่ะ”

ตาแก่หวางกล้าออกมาเดินข้างนอกตอนกลางคืนแบบนี้เป็นเพราะว่าเขาพาคนจากป้อมปราการมาด้วย แถมเขายังตั้งใจพูดเสียงดังเหมือนกับเป็นการประกาศให้คนรอบข้างรู้ว่า เขารู้จักมักจี่กับคนในป้อมปราการดี

“เสี่ยวซู ออกมาหน่อยซิ มีแขกพิเศษมาหาหน่ะ” ตาแก่หวางตะโกนแล้วหัวเราะ

ทันใดนั้นเอง ประตูกระท่อมก็ได้ถูกแหวกออก

จากนั้นเหลินเสี่ยวซูก็พุ่งออกมาจับมือของตาแก่หวางแล้วพูดกับเขาด้วยรอยยิ้มแปลกๆ “ยินดีด้วยนะครับ! คุณพ่อกับเด็กปลอดภัยดี น้ำหนักแรกเกิดอยู่ที่ 3.24 กิโลกรัมเลยนะครับ!

ตาแก่หวางงงแตก คณะเดินทางวงดนตรี ทหาร งงกันหมด

สมาชิกวงดนตรีคนหนึ่งชี้ไปที่เหลินเสี่ยวซูแล้วพูดกับตาแก่หวาง “แบบนี้บอกว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ได้ยังไงกัน หมอนี่สติไม่ดีไปแล้วชัดๆ?!

อีกอย่าง อะไรคือ คุณพ่อกับเด็กปลอดภัยดีแล้วกันวะ ปรกติแล้ว มันต้องเป็นแม่และเด็กปลอดภัยดีไม่ใช่เหรอ?!

คณะเดินทางพูดด้วยความโกรธ “เถ้าแก่หวางรู้ดีใช่ไหมว่าโกหกพวกเราจะเกิดอะไรขึ้นน่ะ? นี่จงใจหลอกพวกเรามางั้นเหรอ?” ทันทีที่เขาพูดจบ วงดนตรีทั้งหลายก็หันหลังกลับแล้วจากไป พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่า เหลินเสี่ยวซู นักล่าคงกระพันในตำนานคนนั้น แท้จริงแล้วจะเป็นคนบ้าแบบนี้

ไม่แปลกใจเลยที่คนในเมืองบอกมาว่า เหลินเสี่ยวซูชอบทำอะไรแปลกๆ ดูเหมือนว่าที่พวกเขาพูดจะเป็นความจริงซะแล้ว

 

รีวิวผู้อ่าน