“ท่านแม่กับท่านพ่อกลับมาอยู่เมืองหลวงได้มินาน! ดังนั้นจึงมีเพื่อนเก่ามาเยี่ยมมากมาย
หลังจากแขกกลับไปแล้ว พวกเขาจะเข้ามาหาเจ้า มิต้องกังวล!”
หลูเฉิงจือให้ความมั่นใจกับน้องสาว ในขณะที่เขาคิดว่า
น้องสาวผู้นี้กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น เพราะมิได้เห็นหน้าท่านพ่อและท่านแม่ในตอนที่ฟื้นขึ้นมา
จิตใจของเหยาเหยานั้น มีความอ่อนไหวเป็นที่สุด
แม้ว่าโดยปกติแล้ว จะเป็นผู้ที่มีชีวิตชีวา และมองโลกในแง่ดีอยู่เสมอ แต่นางก็มีสภาพจิตใจที่เปราะบาง
มันเริ่มต้นเมื่อมินานมานี้ เมื่อนางพบว่า ตนเองมิใช่บุตรสาวที่แท้จริงของ บ้านตระกูลหลู
เย่เจิ้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ข้าเข้าใจดีว่าพวกท่านมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องทำ เพราะเรากลับมาที่เมืองหลวงได้มินาน หลังจากพวกเราย้ายไปอยู่ที่อื่นเสียนาน”
หลูเฉิงจือตบหัวน้องสาวอย่างแผ่วเบา และรู้สึกว่าวันนี้นางดูมีเหตุผลมาก
“ในเมื่อเจ้าหายดีแล้ว เช่นนั้นพี่จะพาเจ้าออกไปเดินเล่นข้างนอก จะได้เปิดหูเปิดตาบ้าง
เราจะเดินดูให้รอบเมืองหลวง ซึ่งที่นี่ค่อนข้างแตกต่างจากเมืองชายแดนที่น่าเบื่อของเรามาก
เมืองหลวงแห่งนี้สนุกสนานกว่า และอาหารก็หลากหลาย อีกทั้งยังมีรสชาติดีด้วย
เมืองหลวงมีความเจริญรุ่งเรืองกว่าเมืองอื่น ๆ ในหลาย ๆ ด้าน หากมิเชื่อพี่จะพาเจ้าไปดู!”
“อืม”
เย่เจิ้นยังคงยิ้มและพยักหน้า
แต่ส่วนลึกในใจนั้น นางต้องการที่จะกล่าวกับเขาว่า หลูเหยาเหยาน้องสาวที่รักของเขาได้ตายไปแล้ว
และนางคุ้นเคยกับเมืองหลวงแห่งนี้มากกว่าทุกคนในครอบครัวนี้
“ทุกวันนี้ข่าวของจักรพรรดิองค์ใหม่ใหม่กำลังแพร่สะพัดไปทั่ว
ด้วยความที่เมืองนี้วุ่นวายจนเกินไป ข้าเกรงว่า ตอนนี้เจ้าคงจะมิได้รับอนุญาตให้ออกไปด้านนอก”
หลูเฉิงจือถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง
ดูเหมือนว่า พวกเขาจะต้องทนอยู่ในบ้านไปก่อน ในระหว่างนี้
มุมปากของเย่เจิ้นกระตุกขึ้น และเกิดรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
นางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบโดยซ่อนความประหลาดใจเอาไว้ภายในว่า
“จักรพรรดิองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์แล้วหรือ?
จักรพรรดิองค์ใหม่คือผู้ใด”
โม่หรงซานขึ้นครองบัลลังก์เมื่อสองปีก่อนมิใช่หรือ?
นางจำได้ว่าตนเองได้ตายไปแล้วเมื่อสองปีก่อน
มีผู้ใดบางคนแย่งชิงบัลลังก์หลังจากการตายของนางเช่นนั้นหรือ?
“ใช่แล้ว องค์ชายแห่งราชวงศ์ฉินผู้นี้ขึ้นครองบัลลังก์เมื่อมิกี่วันที่ผ่านมานี้เอง
ด้วยเหตุผลบางประการเมื่อสามวันก่อนหวังเฟยของเขาและสาวใช้คนสนิทถูกไฟคลอกตายทั้งหมด
วันนี้เซียงเอ๋อจะได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นหวังเฟย ครอบครัวนางก็เลยมีสถานะที่สูงส่งขึ้น…”
หลูเฉิงจือยังคงกล่าวต่อไปเรื่อย ๆ แต่เย่เจิ้นมิได้ยินคำกล่าวใด ๆ อีกต่อไปแล้ว
โม่หรงซานเป็นจักรพรรดิ และนางคือหวังเฟยผู้ล่วงลับของเขา!
มิมีทางที่หลูเฉิงจือจะกล่าวถึงผู้อื่นไปได้
เขาขึ้นครองบัลลังก์ และหลังจากนั้นมินานหวังเฟยผู้นี้ก็ได้ถูกฆ่าตาย
…เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?
ตัวข้าย้อนกลับไปเมื่อสองปีก่อนได้อย่างไรกัน?
ในเมื่อดวงวิญญาณของข้าถูกขังเอาไว้ในวังหลวงเป็นเวลาถึงสองปีที่แสนจะเจ็บปวดและทรมาน!?
“หวังเฟย…หญิงสาวจากตระกูลเย่หรือ?”
เย่เจิ้นเอ่ยถามชายตรงหน้าอย่างมึนงง ขณะที่มือคู่นั้นกำลังสั่นเทา และกำหมัดอยู่ใต้ผ้านวม
หลูเฉิงจือพยักหน้าตอบรับ
และคิดอยู่ในใจว่า เหยาเหยารู้ได้อย่างไรว่านามสกุลของหวังเฟยผู้นี้คือ เย่
“ตระกูลเย่ทั้งหมดถูกตัดหัวที่ประตูเมืองเมื่อสองวันก่อน
ตอนนี้ที่บริเวณประตูนั้นยังคงเต็มไปด้วยเลือดอยู่เลย
แม้ว่าฝนจะตกหนักเป็นเวลานาน แต่ก็ยังมิสามารถชะล้างคราบเลือดเหล่านั้นได้
ตอนที่ข้าผ่านไปเห็นแล้วยังต้องรีบกลับทันที และมันทำให้ข้าหวาดกลัวจนนอนมิหลับทั้งคืน!”
ตระกูลเย่ทั้งหมดถูกตัดหัว รวมถึงผู้ที่นางรัก ... ครอบครัวของนาง...
นางจะลืมได้อย่างไรว่า เมื่อโม่หรงซานได้ขึ้นครองบัลลังก์ เขาได้เริ่มที่จะทำลายล้างผู้คนที่ต่อต้านเขา?
ตระกูลเย่เป็นเพียงหนึ่งในนั้น
เย่เจิ้นกัดฟันแน่นและรู้สึกเจ็บแปลบในหัวใจอีกครั้ง เมื่อนึกถึงเหล้าพิษที่ได้รับในตอนนั้น
เพื่อนที่ชั่วช้าอย่างหลูหลินจือ เพื่อเห็นแก่หลูอู๋เซียง ผู้ซึ่งเป็นน้องสาวของคนเอง เขากล้าที่จะทรยศหวังเฟยผู้นี้
ความแค้นครั้งนี้จะต้องได้รับการชำระสะสาง
มิต้องพูดถึงความมิแยแสของโม่หรงซานต่อการตายของนาง…
ความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับตระกูลเย่ จะต้องได้รับการชดใช้!
นางสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพยายามอดกลั้นความเกลียดชังเอาไว้ในหัวใจ จากนั้นจึงกวาดสายตามองทุกอย่างรอบกายอย่างใจเย็น
เย่เจิ้นใช้ความพยายามอย่างมากในการบังคับตนเองให้สงบลงในที่สุด เพื่อยับยั้งพฤติกรรมที่น่าสงสัยต่อหน้าหลูเฉิงจือ
โม่หรงซานสังหารตระกูลเย่ทั้งหมดรวมทั้งผู้บริสุทธิ์ด้วย
แล้วบิดาของนางเล่า?
บิดาของนางเป็นเพียงขุนนางที่มิเคยคิดร้ายต่อผู้ใด และยังเคยแอบช่วยเหลือเขาในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้
กระนั้น เขายังกล้าที่จะสั่งให้ประหารชีวิตทั้งตระกูลอีกหรือ?
เย่เจิ้นยกมือขึ้นมาปิดปากตนเอง
ความเกลียดชัง และความเคียดแค้นได้สะท้อนออกมาในดวงตาของนาง
ขณะที่ตั้งใจฟังสิ่งที่ชายหนุ่มผู้นี้กล่าวออกมาอย่างตื่นเต้นอยู่ด้านข้างนาง
ทันใดนั้น นางได้เกิดความรู้สึกเจ็บแปลบที่บริเวณฝ่ามือขวา จึงยกมันขึ้นมาดู เพื่อที่จะได้เห็นมันชัดเจน
ในตอนนี้มีเปลวไฟปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาของนาง ฝ่ามือข้างขวานี้รู้สึกปวดแสบปวดร้อนจนแทบจะทนมิได้อีกต่อไป
และเย่เจิ้นมีความรู้สึกว่า ฝ่ามือนี้เหมือนมิใช่ของตนเอง
นางร้องไห้ออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ จนถึงขั้นหมดสติไปอีกครั้ง