px

เรื่อง : วิญญาณอาฆาต
ตอนที่5 มือขวา


         “ท่านแม่กับท่านพ่อกลับมาอยู่เมืองหลวงได้มินาน! ดังนั้นจึงมีเพื่อนเก่ามาเยี่ยมมากมาย

 

          หลังจากแขกกลับไปแล้ว พวกเขาจะเข้ามาหาเจ้า มิต้องกังวล!” 

 

          หลูเฉิงจือให้ความมั่นใจกับน้องสาว ในขณะที่เขาคิดว่า 

 

          น้องสาวผู้นี้กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น เพราะมิได้เห็นหน้าท่านพ่อและท่านแม่ในตอนที่ฟื้นขึ้นมา

 

          จิตใจของเหยาเหยานั้น มีความอ่อนไหวเป็นที่สุด 

 

          แม้ว่าโดยปกติแล้ว จะเป็นผู้ที่มีชีวิตชีวา และมองโลกในแง่ดีอยู่เสมอ แต่นางก็มีสภาพจิตใจที่เปราะบาง

 

         มันเริ่มต้นเมื่อมินานมานี้ เมื่อนางพบว่า ตนเองมิใช่บุตรสาวที่แท้จริงของ บ้านตระกูลหลู

 

         เย่เจิ้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

         “ข้าเข้าใจดีว่าพวกท่านมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องทำ เพราะเรากลับมาที่เมืองหลวงได้มินาน หลังจากพวกเราย้ายไปอยู่ที่อื่นเสียนาน”

 

         หลูเฉิงจือตบหัวน้องสาวอย่างแผ่วเบา และรู้สึกว่าวันนี้นางดูมีเหตุผลมาก

 

        “ในเมื่อเจ้าหายดีแล้ว เช่นนั้นพี่จะพาเจ้าออกไปเดินเล่นข้างนอก จะได้เปิดหูเปิดตาบ้าง

 

         เราจะเดินดูให้รอบเมืองหลวง ซึ่งที่นี่ค่อนข้างแตกต่างจากเมืองชายแดนที่น่าเบื่อของเรามาก

 

         เมืองหลวงแห่งนี้สนุกสนานกว่า และอาหารก็หลากหลาย อีกทั้งยังมีรสชาติดีด้วย 

 

         เมืองหลวงมีความเจริญรุ่งเรืองกว่าเมืองอื่น ๆ ในหลาย ๆ ด้าน หากมิเชื่อพี่จะพาเจ้าไปดู!”

 

         “อืม”

 

         เย่เจิ้นยังคงยิ้มและพยักหน้า

 

         แต่ส่วนลึกในใจนั้น นางต้องการที่จะกล่าวกับเขาว่า หลูเหยาเหยาน้องสาวที่รักของเขาได้ตายไปแล้ว 

 

         และนางคุ้นเคยกับเมืองหลวงแห่งนี้มากกว่าทุกคนในครอบครัวนี้

 

         “ทุกวันนี้ข่าวของจักรพรรดิองค์ใหม่ใหม่กำลังแพร่สะพัดไปทั่ว 

 

         ด้วยความที่เมืองนี้วุ่นวายจนเกินไป ข้าเกรงว่า ตอนนี้เจ้าคงจะมิได้รับอนุญาตให้ออกไปด้านนอก”

 

         หลูเฉิงจือถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง

 

         ดูเหมือนว่า พวกเขาจะต้องทนอยู่ในบ้านไปก่อน ในระหว่างนี้

 

         มุมปากของเย่เจิ้นกระตุกขึ้น และเกิดรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย

 

         นางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบโดยซ่อนความประหลาดใจเอาไว้ภายในว่า

 

         “จักรพรรดิองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์แล้วหรือ?

 

          จักรพรรดิองค์ใหม่คือผู้ใด”

 

          โม่หรงซานขึ้นครองบัลลังก์เมื่อสองปีก่อนมิใช่หรือ? 

 

         นางจำได้ว่าตนเองได้ตายไปแล้วเมื่อสองปีก่อน 

 

         มีผู้ใดบางคนแย่งชิงบัลลังก์หลังจากการตายของนางเช่นนั้นหรือ?

 

         “ใช่แล้ว องค์ชายแห่งราชวงศ์ฉินผู้นี้ขึ้นครองบัลลังก์เมื่อมิกี่วันที่ผ่านมานี้เอง 

 

         ด้วยเหตุผลบางประการเมื่อสามวันก่อนหวังเฟยของเขาและสาวใช้คนสนิทถูกไฟคลอกตายทั้งหมด 

 

         วันนี้เซียงเอ๋อจะได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นหวังเฟย ครอบครัวนางก็เลยมีสถานะที่สูงส่งขึ้น…”

 

         หลูเฉิงจือยังคงกล่าวต่อไปเรื่อย ๆ แต่เย่เจิ้นมิได้ยินคำกล่าวใด ๆ อีกต่อไปแล้ว

 

         โม่หรงซานเป็นจักรพรรดิ และนางคือหวังเฟยผู้ล่วงลับของเขา! 

 

         มิมีทางที่หลูเฉิงจือจะกล่าวถึงผู้อื่นไปได้

 

         เขาขึ้นครองบัลลังก์ และหลังจากนั้นมินานหวังเฟยผู้นี้ก็ได้ถูกฆ่าตาย

 

         …เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? 

 

         ตัวข้าย้อนกลับไปเมื่อสองปีก่อนได้อย่างไรกัน? 

 

         ในเมื่อดวงวิญญาณของข้าถูกขังเอาไว้ในวังหลวงเป็นเวลาถึงสองปีที่แสนจะเจ็บปวดและทรมาน!?

 

         “หวังเฟย…หญิงสาวจากตระกูลเย่หรือ?” 

 

         เย่เจิ้นเอ่ยถามชายตรงหน้าอย่างมึนงง ขณะที่มือคู่นั้นกำลังสั่นเทา และกำหมัดอยู่ใต้ผ้านวม

 

         หลูเฉิงจือพยักหน้าตอบรับ 

 

         และคิดอยู่ในใจว่า เหยาเหยารู้ได้อย่างไรว่านามสกุลของหวังเฟยผู้นี้คือ เย่ 

 

         “ตระกูลเย่ทั้งหมดถูกตัดหัวที่ประตูเมืองเมื่อสองวันก่อน 

 

          ตอนนี้ที่บริเวณประตูนั้นยังคงเต็มไปด้วยเลือดอยู่เลย

 

         แม้ว่าฝนจะตกหนักเป็นเวลานาน แต่ก็ยังมิสามารถชะล้างคราบเลือดเหล่านั้นได้ 

 

         ตอนที่ข้าผ่านไปเห็นแล้วยังต้องรีบกลับทันที และมันทำให้ข้าหวาดกลัวจนนอนมิหลับทั้งคืน!”

 

         ตระกูลเย่ทั้งหมดถูกตัดหัว รวมถึงผู้ที่นางรัก ... ครอบครัวของนาง...

 

          นางจะลืมได้อย่างไรว่า เมื่อโม่หรงซานได้ขึ้นครองบัลลังก์ เขาได้เริ่มที่จะทำลายล้างผู้คนที่ต่อต้านเขา?

 

         ตระกูลเย่เป็นเพียงหนึ่งในนั้น

 

          เย่เจิ้นกัดฟันแน่นและรู้สึกเจ็บแปลบในหัวใจอีกครั้ง เมื่อนึกถึงเหล้าพิษที่ได้รับในตอนนั้น 

 

         เพื่อนที่ชั่วช้าอย่างหลูหลินจือ เพื่อเห็นแก่หลูอู๋เซียง ผู้ซึ่งเป็นน้องสาวของคนเอง เขากล้าที่จะทรยศหวังเฟยผู้นี้

 

         ความแค้นครั้งนี้จะต้องได้รับการชำระสะสาง

 

        มิต้องพูดถึงความมิแยแสของโม่หรงซานต่อการตายของนาง…

 

        ความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับตระกูลเย่ จะต้องได้รับการชดใช้!

 

         นางสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพยายามอดกลั้นความเกลียดชังเอาไว้ในหัวใจ จากนั้นจึงกวาดสายตามองทุกอย่างรอบกายอย่างใจเย็น

 

         เย่เจิ้นใช้ความพยายามอย่างมากในการบังคับตนเองให้สงบลงในที่สุด เพื่อยับยั้งพฤติกรรมที่น่าสงสัยต่อหน้าหลูเฉิงจือ

 

        โม่หรงซานสังหารตระกูลเย่ทั้งหมดรวมทั้งผู้บริสุทธิ์ด้วย 

 

        แล้วบิดาของนางเล่า? 

 

        บิดาของนางเป็นเพียงขุนนางที่มิเคยคิดร้ายต่อผู้ใด และยังเคยแอบช่วยเหลือเขาในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้

 

        กระนั้น เขายังกล้าที่จะสั่งให้ประหารชีวิตทั้งตระกูลอีกหรือ?

 

        เย่เจิ้นยกมือขึ้นมาปิดปากตนเอง

 

        ความเกลียดชัง และความเคียดแค้นได้สะท้อนออกมาในดวงตาของนาง

 

         ขณะที่ตั้งใจฟังสิ่งที่ชายหนุ่มผู้นี้กล่าวออกมาอย่างตื่นเต้นอยู่ด้านข้างนาง

 

        ทันใดนั้น นางได้เกิดความรู้สึกเจ็บแปลบที่บริเวณฝ่ามือขวา จึงยกมันขึ้นมาดู เพื่อที่จะได้เห็นมันชัดเจน 

 

       ในตอนนี้มีเปลวไฟปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาของนาง ฝ่ามือข้างขวานี้รู้สึกปวดแสบปวดร้อนจนแทบจะทนมิได้อีกต่อไป

 

       และเย่เจิ้นมีความรู้สึกว่า ฝ่ามือนี้เหมือนมิใช่ของตนเอง

 

        นางร้องไห้ออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ จนถึงขั้นหมดสติไปอีกครั้ง

รีวิวผู้อ่าน