“เหยาเหยาตื่นแล้วหรือ?”
ในตอนนี้เย่เจิ้นมีอาการปวดหัวคล้ายกับว่า มันกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
แต่เมื่อได้ยินเสียงของหญิงผู้หนึ่งดังขึ้นที่ด้านข้างของตนเอง จึงพยายามที่จะลืมตาขึ้นอย่างยากเย็น
และมีความรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากเมื่อได้เห็นแสงสว่างพุ่งเข้ามาที่ดวงตาของนาง
ในตอนแรกนั้น การมองเห็นยังคงฝ้ามัว มิชัดเจน และยังมีความคลุมเครืออยู่มาก
แต่นางก็ยังสามารถมองเห็นสีหน้าที่แสดงถึงความกังวลใจของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าได้
เมื่อได้เห็นใบหน้าของหญิงแปลกหน้าผู้นี้ นางจึงพยายามนึกอย่างจริงจังว่า หญิงผู้นี้คือใครกัน
แต่กลับพบว่า ตนเองมิได้รู้จักกับหญิงผู้นี้เลย
"ท่านคือผู้ใดกัน?" เย่เจิ้นเอ่ยถามอย่างสับสน
หญิงผู้นี้มีอาการตกใจจนเห็นได้ชัด เมื่อได้ยินคำกล่าวเหล่านั้น
“เหยาเหยา เจ้าจำแม่ของตนเองมิได้หรืออย่างไร”
เย่เจิ้นเกิดความงุนงงจนแทบจะเป็นบ้า และคิดอยู่ในใจว่า
เหยาเหยา?
นางเรียกข้าด้วยชื่อเล่นของตัวข้าเอง นี่ข้ายังมิได้ตายหรอกหรือ?
แล้วเหตุใดข้าจึงมาอยู่ที่นี่?
และในตอนนี้เย่เจิ้นมีความรู้สึกว่าแขนและขาของตนเองอ่อนแรงราวกับเด็กทารก อีกทั้งที่ศีรษะของนางยังมีความเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ
ในขณะที่นางกำลังพยายามเรียกสติให้กลับคืนมา
ทันใดนั้นเอง จิตใจของนางก็ได้จมดิ่งลง และภาพตรงหน้าได้มืดมิดลงในทันที หลังจากนั้นทุกอย่างก็มีแต่ความว่างเปล่า
ใบหน้าของนางได้เปลี่ยนเป็นสีขาวซีดราวกับผีดิบ และนางได้หมดสติลงไปอีกครั้ง
และเย่เจิ้นได้ฟื้นขึ้นมาในอีกสามวันต่อมา
แต่ในครั้งนี้ ภายในจิตใจของนางมิได้ว่างเปล่าเหมือนดังเช่นเมื่อสามวันที่แล้ว นางสามารถจดจำได้ในหลายสิ่งหลายอย่าง
เย่เจิ้นเหลือบมองขึ้นไปที่หลังคาของเตียงนอนอย่างสงบเงียบ
แม้ว่าจะยังมีอาการงุนงงอยู่บ้าง และรู้สึกสับสนเล็กน้อยกับสถานการณ์ในตอนนี้
นางกลับมามีชีวิตอีกครั้ง และได้กลายมาเป็นบุตรสาวบุญธรรมของหลูซือหมิง!
หลูซือหมิงเป็นท่านลุงของหลูหลินจือ
ตอนนี้เย่เจิ้น...นางกลับมาเกิดใหม่ในร่างของน้องสาวฝาแฝดของตนเอง
จึงอดมิได้ที่จะมีความรู้สึกวุ่นวายและสับสนกับความคิดมากมายที่กำลังตีกันอยู่ในหัวขณะนี้
ใช่แล้ว! นางมีน้องสาวฝาแฝด!
การกล่าวถึงน้องสาวฝาแฝดผู้นี้เป็นสิ่งต้องห้ามในตระกูลเย่
นางรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับน้องสาวฝาแฝดของตนเอง ในตอนที่ท่านยายของนางเสียชีวิต
บ้านตระกูลเย่เชื่อในคำกล่าวของลัทธิเต๋าที่ว่า พวกเขาสามารถเลี้ยงดูฝาแฝดได้เพียงผู้เดียวเท่านั้น
มิเช่นนั้น ครอบครัวของพวกเขาจะต้องพังพินาศ
ดังนั้นท่านยายของนาง จึงส่งน้องสาวฝาแฝดผู้นี้ไปเป็นบุตรบุญธรรม ของบ้านอื่น
ส่วนน้องสาวของนางนั้นได้ถูกส่งไปที่ใดนั้น มีเพียงท่านยายของนางเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม ท่านยายของนางได้เก็บซ่อนความลับนี้เอาไว้กับตนเองมาตลอดทั้งชีวิต
ในตอนแรกนั้นท่านยายได้แอบเลี้ยงดูน้องสาวฝาแฝดโดยมิมีผู้ใดล่วงรู้
แต่ในท้ายที่สุดท่านยายก็ต้องจำยอมยกน้องสาวฝาแฝดผู้นี้ให้เป็นบุตรบุญธรรมของหลูซือหมิงไป
และเมื่อเดือนที่แล้วครอบครัวของหลูซือหมิงได้ย้ายกลับเข้ามาอยู่ที่เมืองหลวงพร้อมกับนาง
บุตรสาวบุญธรรมของเขากำลังอยู่ในระหว่างความเป็นและความตายเป็นเวลาถึงครึ่งเดือน เนื่องจากโรคหัวใจที่ร้ายแรง
และตอนนี้เย่เจิ้นได้ฟื้นขึ้นมาในร่างของเหยาเหยา แล้ววิญญาณของเหยาเหยาหายไปไหนกัน
เย่เจิ้นได้กลายเป็นหลูเหยาเหยาไปแล้ว
และในที่สุดเย่เจิ้นก็เข้าใจแล้วว่า เหตุใดมารดาของนางจึงมิได้ให้ความสนใจนางมานานหลายปีแล้ว
เมื่อรู้ว่าตนเองมีน้องสาวฝาแฝดที่ต้องยกให้ผู้อื่นไป และตอนนี้นางยังปล้นร่างกายของน้องสาวฝาแฝดผู้นี้อีก
อย่างไรก็ตาม เย่เจิ้นรู้ว่าน้องสาวฝาแฝดของนางนั้น มีชีวิตที่น่าอิจฉาเป็นอย่างมาก
เหยาเหยาได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจาก หลูซือหมิงและภรรยาของเขา
และยังมีท่านยายของนางมาช่วยดูแลบ้างเป็นครั้งคราว
อย่างน้อยที่สุด สิ่งที่เย่เจิ้นเห็นในความทรงจำของน้องสาวผู้นี้คือ ช่วงเวลาแห่งความสุขเท่านั้น
นางมิได้รับความทุกข์ทรมานใด ๆ เลย และสิ่งนี้ทำให้เย่เจิ้นมีความรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก
เมื่อมองไปยังกระจกเงา ที่อยู่ใกล้กับบริเวณเตียงนอนนั้น
เมื่อได้เห็นใบหน้านั้นอย่างชัดเจน จึงแน่ใจแล้วว่า วิญญาณของตนเองได้เข้ามาอาศัยร่างของน้องสาวฝาแฝดผู้นี้
แล้วเหตุใดนางจึงเข้ามาอยู่ในร่างของน้องสาวได้
เย่เจิ้นยกมือขึ้นมา และลูบไล้ไปที่ใบหน้านั้น จากนั้นได้มีอารมณ์มากมายหลั่งไหลเข้ามาในหัวใจของนาง
ทุกอย่างกลับกลายมาเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?
“เหยาเหยาเป็นอันใดไป? ตอนนี้นางไปอยู่ที่ใด?"
เย่เจิ้นครุ่นคิดอย่างหนักจนมิได้สังเกตุว่า มีชายหนุ่มอายุประมาณสิบแปดปี ได้เดินเข้ามาในห้องตั้งแต่เมื่อใด
และเมื่อได้เห็นชายผู้นี้ นางจึงพยายามเพ่งสติเข้าไปในความทรงจำของน้องสาวฝาแฝด
เพื่อรื้อฟื้นความทรงจำเกี่ยวกับเขาในช่วงระยะเวลาสิบสามปีที่ผ่านมา
เย่เจิ้นหันไปจ้องมองหน้าเขาในทันที หลังจากที่นางได้เรียนรู้จากความทรงจำของน้องสาวว่า
ชายหนุ่มผู้นี้เป็นบุตรชายของหลูซือหมิง และเป็นพี่ชายบุญธรรมของน้องสาวฝาแฝด
พวกเขาสนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็ก อีกทั้งยังเป็นพี่ชายที่แสนดีของเหยาเหยาด้วย
หลังจากที่เย่เจิ้นค้นพบสิ่งนี้ นางจึงเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
“พี่ใหญ่ เหตุใดท่านจึงมาที่นี่?”
หลูเฉิงจือนั่งลงที่ปลายเตียงและจ้องมองมายังเย่เจิ้นด้วยสายตาที่มีแต่ความรู้สึกกังวลใจ
“เหยาเหยาเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?
เดี๋ยวพี่จะเรียกให้ท่านแม่มาดูแลเจ้า”
ความห่วงใยปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเขาอย่างเห็นได้ชัด
“มิได้เป็นอันใดมาก อาจจะเป็นเพราะข้านอนราบเป็นเวลานาน จึงรู้สึกปวดเมื่อยเนื้อตัวเล็กน้อย
มันมิใช่เรื่องใหญ่ ข้าสบายดีจริง ๆ ” เย่เจิ้นกล่าว
เป็นเรื่องบังเอิญที่น่าขบขันเสียเหลือเกิน ที่บิดาของนางก็ตั้งชื่อเล่นให้กับนางว่า เหยาเหยา ตั้งแต่เด็ก
มิคาดคิดเลยว่า ชื่อเล่นของน้องสาวฝาแฝดผู้นี้ก็คือเหยาเหยาด้วยเช่นกัน
นี่เป็นชะตากรรมของฝาแฝดใช่หรือไม่?