ตอนที่ 38 ยืมเงิน
จางฉุ้ยเหลียนเป็นคนที่มีนิสัยพูดแล้วทำทันที ส่วนตงลี่หวาก็ไม่ใช่คนที่ทำอะไรเชื่องช้า
สองแม่ลูกพูดแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน โดยที่ไม่ได้สนใจเลยว่าเซี่ยจวินนั้นจะเห็นด้วยหรือไม่ แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นปกติของสองแม่ลูกคู่นี้อยู่แล้ว เขาไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าไปแทรก เมื่อตกลงกันได้แล้ว สองแม่ลูกก็พากันออกไปหาแผ่นไม้ และขุดดินจากในสวนผักมา ที่ห้องโถงพวกเธอวางกระถางดอกไม้ไว้ที่บริเวณหน้าต่างของห้อง ส่วนภายในห้องนอนของจางฉุ้ยเหลียน พวกเธอก็นำแผ่นไม้ที่ทำเป็นรางดินมาวางไว้
จากนั้นก็ทำการฝังเมล็ดกระเทียม รดน้ำให้ชุ่มฉ่ำ และรอให้กระเทียมที่ฝังลงไปนั้นค่อย ๆ แตกหน่อออกมา นอกจากนี้จางฉุ้ยเหลียนยังปลูกพริก แล้วก็กุยฉ่ายไว้ในกระถางดอกไม้อีกด้วย
หลังจากที่กินมื้อเที่ยงเสร็จ จางฉุ้ยเหลียนก็ออกไปซื้อถั่วเขียว ถั่วเหลือง และถั่วดำกลับมาที่บ้าน จากนั้นก็นำพวกมันมาฝังลงไปในดิน
“ปกติแล้วถ้าอยากกิน แม่ก็จะเป็นคนปลูกเอง แต่ที่บ้านก็มีแค่แม่กับพ่ออยู่กันสองคน แล้วยังมีผักดองที่ลูกทำไว้เยอะแยะคราวก่อนอีก ฤดูหนาวปีนี้แม่ก็เลยไม่ได้ปลูกผักพวกนี้เลย ถ้าแม่รู้ว่าลูกอยากกินล่ะก็ แม่ชิงปลูกก่อนดีกว่า !” ตงลี่หวามองไปทางจางฉุ้ยเหลียนที่กำลังกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อยอยู่ ด้วยความรู้สึกอบอุ่นหัวใจ
ถ้าจางฉุ้ยเหลียนไปแล้ว บ้านหลังนี้ก็คงจะเงียบเหงามากเลยทีเดียว นอกจากต้องทำความสะอาดบ้าน ปกติพวกเขาสองสามีภรรยาก็ไม่ได้อยู่ในบ้านบ่อยนัก
หลังจากที่จางฉุ้ยเหลียนกลับมา เธอก็นำพวกกระถางปลูกผักส่วนหนึ่งมาวางไว้ตรงขอบหน้าต่างและอีกส่วนหนึ่งวางไว้ตรงด้านข้างติดกับผนัง ส่วนบนเตียงอิฐที่มีปล่องก่อผิงไฟใต้เตียงขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่นั้น ก็มีอ่างน้ำขนาดใหญ่ 3 อ่างวางอยู่
ดูเหมือนว่าเมื่อมีลูกสาวเพิ่มเข้ามาอยู่ด้วย บ้านหลังนี้จะดูอุดมสมบูรณ์และมีชีวิตชีวาขึ้นมากเลยทีเดียว
“พ่อกับแม่อยากกินอะไรก็กินได้เลยนะคะ ถ้าอนาคตฐานะครอบครัวของเราดีขึ้นแล้ว ถ้าพ่อกับแม่อยากจะกินผักดองล่ะก็ หนูไม่ทำให้กินแล้วนะ!” จางฉุ้ยเหลียนก้มหน้าลง พร้อมกับนึกถึงช่วงเวลาอีกหลายสิบปีต่อจากนี้ ตั้งแต่ปี 1990 เป็นต้นไป ฐานะของผู้คนจะมั่งคั่งมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2000 ผักดองและขนมปังนึ่งก็เป็นสิ่งที่หากินได้ยาก อีกทั้งผักโผ่วโผ่วติงที่หากินได้ง่ายในปัจจุบัน ในอนาคตก็หากินได้ยากเช่นเดียวกัน ถ้าอยากจะกินก็ต้องเสียเงินไปกินที่ไร่แถวชานเมืองถึงจะได้กิน
ตงลี่หวาไม่เข้าใจคำพูดของจางฉุ้ยเหลียนเลยแม้แต่น้อย เมื่อหล่อนเห็นว่าตอนนี้ก็เริ่มดึกแล้ว หล่อนจึงลงจากเตียง จากนั้นก็สวมรองเท้า และเดินเข้าไปในห้องของตัวเอง ก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้อง หล่อนก็หันมาพูดกับจางฉุ้ยเหลียนว่า “เพราะลูกไม่ได้กลับมาที่บ้านนาน ห้องก็เลยชื้น อีกทั้งยังเย็นมากด้วย ผักที่ลูกตากไว้ในห้องนี้มันก็เลยไม่แห้ง ลูกก็ก่อไฟใต้เตียงซะนะ !”
จางฉุ้ยเหลียนทำเป็นไม่รู้สึกอะไรกับพูดของตงลี่หวา ทั้ง ๆ ที่ในใจของเธอก็รู้สึกแย่เป็นอย่างมาก เพราะเธอคิดว่าการที่เธอกลับมาที่บ้านตระกูลเซี่ยในวันนี้ มันจะทำให้สองสามีภรรยาดีใจขึ้นมาได้บ้าง แต่มันกลับไม่เป็นอย่างนั้นเลย
ตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมาถึง 20.00 น. แล้ว ที่บ้านตระกลูเซี่ยไม่ต้องเสียเงินค่าไฟเลยแม้แต่น้อย เพราะพวกเขามีตะเกียงไฟสีทองที่สว่างไสวไปทั่วทั้งบ้าน จางฉุ้ยเหลียนคิดว่าถ้าเวลานี้เธออยู่ที่บ้านของพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอ เธอก็อาจจะกำลังทำงานอยู่ก็ได้ และเธอก็คงจะไม่สบายเหมือนอย่างตอนนี้
เช้าวันถัดมา วันนี้เป็นวันที่ 23 ตามปฏิทินจันทรคติ
จางฉุ้ยเหลียนรู้ว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ก็จะเริ่มเข้าสู่ช่วงวันปีใหม่อย่างเป็นทางการแล้ว ทุก ๆ ปีเมื่อใกล้ถึงวันขึ้นปีใหม่ สิ่งที่ต้องเตรียมหรืองานทุกอย่างที่ต้องทำก็ล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของจางฉุ้ยเหลียนทั้งสิ้น แต่ปีนี้เธอไม่ได้กลับไปที่บ้านตระกูลจาง เธอก็อยากจะรู้จริง ๆ ว่าแม่ของเธอจะทำอย่างไร
หลังจากที่กินอาหารเช้าเสร็จแล้ว จางฉุ้ยเหลียนก็นั่งดูสองสามีภรรยาตระกูลเซี่ยที่กำลังถกเถียงกันไปมา เพราะพวกเขาคิดว่าจางฉุ้ยเหลียนจะต้องกลับไปฉลองวันปีใหม่ที่บ้านของเธอ พวกเขาจึงเถียงกันว่าจะเอาอะไรให้เธอไปฉลองปีใหม่ดี
“แม่ หนูบอกแล้วไงคะว่าปีใหม่นี้หนูจะอยู่ฉลองกับพ่อแม่ที่นี่ ทำไมพ่อกับแม่ต้องไล่หนูให้กลับไปฉลองปีใหม่ที่บ้านด้วย !” จางฉุ้ยเหลียนนั่งมองพ่อแม่บุญธรรมของเธออยู่บนเตียงด้วยรอยยิ้ม และพูดในสิ่งที่เธอคิดออกมา
“อ่า ? จริงหรือ ? แม่ฟังไม่ผิดใช่ไหม !” ตงลี่หวาตบมือลงไปบนหน้าขาของตัวเองด้วยความดีใจในทันที
เซี่ยจวินที่กำลังทำหน้าเคร่งขรึม เมื่อได้ยินคำพูดของจางฉุ้ยเหลียน เขาก็คลี่ยิ้มออกมา “ลูกคงไม่ได้หลอกให้พ่อกับแม่ดีใจเล่นใช่ไหม ได้ ! งั้นเรามาฉลองปีใหม่กันดีกว่า ถ้าฉลองปีใหม่เสร็จแล้ว พ่อกับแม่ก็จะไปส่งลูกที่วิทยาลัยด้วยตัวเอง !”
เซี่ยจวินนั้นเกิดความรู้สึกละอายใจขึ้นมา เขารู้สึกเสียใจที่ลูกสาวของคนอื่นไม่ได้กลับไปฉลองปีใหม่ที่บ้านของตัวเอง แต่กลับต้องมาฉลองปีใหม่ที่บ้านของเขา
จางฉุ้ยเหลียนส่ายหน้า และมองไปทางพ่อแม่บุญธรรมทั้งสองที่ยังคงตามไม่ทันความคิดของพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอ ในสายตาของเช่าหวา หล่อนไม่มีทางเอาเงินของตัวเองมาฉลองปีใหม่อย่างแน่นอน ที่หล่อนให้จางฉุ้ยเหลียนมาที่บ้านตระกูลเซี่ยก็เพื่อหวังอยากจะได้ของจากสองสามีภรรยาตระกูลเซี่ยเอาไปฉลองปีใหม่ และก็เป็นไปตามที่หล่อนคิดเพราะเซี่ยจวินและตงลี่หวาต่างก็เอาของให้จางฉุ้ยเหลียนมาฉลองปีใหม่ทุกปี
“แม่คะ สองวันนี้เรายังมีงานให้ทำอีกเยอะไหมคะ ? พวกเรารีบเตรียมของฉลองปีใหม่ตั้งแต่วันนี้กันเถอะค่ะ !” คำเตือนของจางฉุ้ยเหลียนนั้นทำให้ตงลี่หวาร้อนใจขึ้นมาทันที
“เราจะเตรียมทันรึเปล่าเนี่ย ! ไอ้หยา เราไม่รู้ว่าลูกจะมา เราเลยไม่ได้เตรียมอะไรไว้เลย แม่กับพ่อก็ฉลองปีใหม่เหมือน ๆ กันทุกปี แต่ปีนี้เราได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาแบบนี้ มันดีมากเลยจริง ๆ !” เพราะความตื่นเต้นดีใจ ตงลี่หวาจึงพูดออกมาไม่เป็นภาษาเลยทีเดียว หล่อนลงจากเตียงและสวมรองเท้าเดินออกไปข้างนอก หลังจากที่เดินออกไปได้ไม่นาน หล่อนก็กลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง จากนั้นหล่อนก็พูดออกไปว่า “ไอ้หยา เสี่ยวเหลียน ตอนนี้ลูกมีเสื้อผ้าใหม่รึยัง ? ”
จางฉุ้ยเหลียนคลี่ยิ้มออกมา “แม่คะ !ไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้นหรอกคะ แม่กลับมานั่งก่อนเถอะ เรามาวางแผนกันดีกว่า ว่าหลังจากนี้เราจะทำอะไรกันบ้าง !” เธอรู้อยู่แก่ใจดีว่าการที่เธอมาฉลองปีใหม่กับพวกเขาในปีนี้ มันจะทำให้ตงลี่หวารู้สึกตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก และไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร
“เราไม่ต้องซื้ออะไรมาเพิ่ม เพราะตอนนี้เรามีโมจิไส้ถั่วเหลือง เกี๊ยวแช่แข็ง ซาลาเปา แล้วก็หมั่นโถวที่บ้านแล้ว หรือแม่อยากจะซื้ออะไรเพิ่มอีกไหมคะ ? ” จางฉุ้ยเหลียนคลี่ยิ้มและถามตงลี่หวาออกไป
ตงลี่หวาก็พูดออกมาอย่างกระดากอายเล็กน้อยว่า “แม่กับพ่อของลูกก็ไม่ค่อยได้เตรียมอะไรเป็นพิเศษมาหลายปีแล้วล่ะ จำได้ว่าตอนที่แม่ได้กินอาหารดี ๆ ในวันปีใหม่ ก็ตอนที่อายุ 30 ปีโน่นแล้ว แล้วมันก็นานมากแล้วด้วย ในช่วงวันปีใหม่เราก็มักจะดูโทรทัศน์เหมือน ๆ กับทุกวันนั่นแหละ”
ในความทรงจำของจางฉุ้ยเหลียน เธอจำได้ว่าตอนที่เธออยู่ที่บ้านตระกูลเซี่ย เซี่ยจวินและตงลี่หวานั้นมีฐานะที่ร่ำรวยมาก นั่นจึงทำให้ชีวิตในวัยเด็กของเธอดีมากจริง ๆ แต่เมื่อเธอกลับไปอยู่ที่บ้านตระกูลจาง ถ้าเปรียบกันระหว่างตอนที่เธออยู่ที่บ้านตระกูลเซี่ยกับตระกูลจางแล้ว ชีวิตเธอก็แตกต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยทีเดียว และความทรงจำที่เลวร้ายนั้นมันก็ยังคงติดอยู่ในความทรงจำของเธอมาตลอดจนเธออายุได้ 40 ปี
ดูเหมือนว่าหลังจากที่เธอกลับไปอยู่ที่บ้านของพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดแล้ว เทศกาลที่สำคัญอย่างวันปีใหม่สำหรับเซี่ยจวินและตงลี่หวาก็กลายเป็นเทศกาลที่ไม่ได้สำคัญอีกต่อไป
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของพวกเขา แต่ดูจากการที่พวกเขาปฏิบัติตัวกับเธอแล้ว ก็ไม่มีใครกล้าปฏิเสธได้เลยว่าพวกเขาไม่เหมือนพ่อแม่ที่แท้จริงของเธอ
“ทำอย่างนั้นไม่ได้นะคะ ! หลังจากที่เราฉลองปีใหม่ปีนี้แล้ว ในปีต่อ ๆ ไปเราก็จะฉลองปีใหม่ด้วยกันอีก !หนูจะมาฉลองปีใหม่กับแม่ทุกปีเลย !” ขณะที่จางฉุ้ยเหลียนพูดอยู่นั้นน้ำตาของเธอก็เอ่อล้นออกมา
ตงลี่หวาเองก็ดีใจไม่น้อย แต่ก็ยังไม่วายรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี “ทำอย่างนั้นไม่ได้นะลูก !หลังจากที่ลูกเรียนจบ ลูกก็ต้องแต่งงาน หลังจากนั้นลูกก็ต้องฉลองปีใหม่กับครอบครัวสามีของลูกสิถึงจะถูก !”
จางฉุ้ยเหลียนคร่ำครวญออกมาว่า “แล้ววันที่สองหลังจากที่ฉลองปีใหม่เสร็จแล้ว หนูกลับมาหาพ่อกับแม่ไม่ได้หรือคะ ? ”
เมื่อพูดจบเธอก็หันหน้าไปทางเซี่ยจวินและเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนขึ้นมาทันที “พ่อคะ พ่อดูแม่สิคะ แม่เขาวางแผนจะให้ลูกเขยแล้วก็หลานชายของตัวเองกินแต่บะหมี่ในวันฉลองปีใหม่ !”
เมื่อพูดจบเธอก็หันไปทำท่าทางออดอ้อนตงลี่หวาอีกครั้ง “แม่ยายจอมขี้เหนียว !”
ถึงแม้ว่าจะพูดล้อเล่นกัน แต่ตงลี่หวาก็ยังรู้สึกดีอยู่ในใจ หล่อนไม่เคยคิดเลยว่าหล่อนจะมีวันนี้ เมื่อได้ยินจางฉุ้ยเหลียนพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนราวกับเด็กแบบนี้แล้ว ภาพต่าง ๆ มันก็ฉายชัดขึ้นมาหัวของหล่อน มันเป็นภาพตอนที่จางฉุ้ยเหลียนกำลังอุ้มลูกและก็พาลูกเขยของหล่อนพร้อมทั้งถือเหล้าและยาสูบกลับบ้านมาฉลองปีใหม่ในวันที่สองกับหล่อนและสามี
ส่วนตัวหล่อนก็ยิ้มเริงร่าอย่างมีความสุขพร้อมกับทำอาหารอร่อย ๆ เตรียมไว้จนเต็มโต๊ะ บนโต๊ะอาหารเซี่ยจวินก็ดื่มไปพลางพูดคุยกับลูกเขยไปพลาง ส่วนตัวหล่อนนั้นก็กำลังป้อนข้าวหลานชายตัวน้อยอยู่ พร้อมกับเล่าเรื่องราวในชีวิตประจำวันให้กับจางฉุ้ยเหลียนฟังอย่างมีความสุข
เมื่อคิดได้ดังนั้นดวงตาของหล่อนก็แดงก่ำขึ้นมาในทันที หล่อนก้มหน้าลงปาดน้ำตาเล็กน้อย จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไอ้หยา ! แม่จะรอให้ถึงวันนั้นนะ !”
เมื่อเห็นดังนั้น จางฉุ้ยเหลียนก็อดกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป เธอยื่นมือออกไปโอบกอดตงลี่หวาไว้ และพูดออกไปว่า “แม่คะ ! หนูขอโทษ! ที่เมื่อก่อนหนูไม่เข้าใจอะไรเลย ทำให้แม่ต้องเสียใจ !”
เซี่ยจวินที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ที่มีบทความของจางฉุ้ยเหลียนอยู่ เมื่อได้ยินน้ำเสียงออดอ้อนราวกับเด็กของจางฉุ้ยเหลียน ภาพความฝันอันสวยหวานที่ทุกคนต่างก็มีความสุขก็ฉายชัดขึ้นมาในหัวสมองของเขา เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นสองแม่ลูกกำลังกอดกันร้องไห้อยู่
เขาหัวเราะอย่างมีความสุข จากนั้นจึงพูดขึ้นมาว่า “มีเรื่องอะไรกันหรือ! ทำไมต้องร้องไห้ด้วย ? พวกเธอสองแม่ลูกกำลังเล่นละครกันอยู่รึไง แสดงเป็นหลินไต้อวี้อย่างนั้นหรือ ร้องไห้ไปปาดน้ำตาไป ! ”
ตงลี่หวาหลุดขำออกมาในที่สุด หล่อนเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้า จากนั้นก็พูดกับเซี่ยจวินออกไปด้วยน้ำเสียงประชดประชันว่า “คุณรู้จักหลินไต้อวี้ด้วยหรือ ? คุณแย่งฉันดูโทรทัศน์ทุกวัน แถมคุณยังบอกว่าอีกว่าละครเรื่องความฝันในหอแดง ไม่สนุกเลยสักนิด แล้วคุณจะรู้จักหลินไต้อวี้ได้ยังไง !”
จากนั้นจางฉุ้ยเหลียนก็พูดออกมาว่า “ความฝันในหอแดงก็เป็นนิยายหนึ่งในสี่เรื่องที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของจีน ไม่ต้องดูโทรทัศน์ พ่อก็ต้องรู้จักอยู่แล้วล่ะค่ะ”
เช่นเดียวกับทุกคน แม้ว่าจะมีละครอยู่ไม่กี่เรื่อง แต่ทุก ๆ บ้านไม่ว่าใครต่างก็ต้องแย่งกันดูโทรทัศน์กันทั้งนั้น ไม่ว่าจะตระกูลจางหรือตระกูลเซี่ยก็เช่นกัน
เซี่ยจวินนั้นชอบดูเรื่องไซอิ๋ว ส่วนตงลี่หวาชอบดูเรื่องความฝันในหอแดง ทั้งสองคนจึงทะเลาะกันหน้าโทรทัศน์อยู่เป็นประจำ คนหนึ่งก็บอกว่าไซอิ๋วนั้นเป็นลิงเจ้าเล่ห์ ส่วนอีกคนก็บอกว่าความฝันในหอแดงนั้นเป็นเรื่องที่เอาแต่ร้องไห้คร่ำครวญและไม่ซื่อตรง
เมื่อเห็นว่าทั้งสองทะเลาะกันเรื่องดูโทรทัศน์ จางฉุ้ยเหลียนจึงให้ทั้งสองคนดูเรื่องมังกรหยกกับเธอแทนจะได้ไม่ต้องแย่งกัน สองสามีภรรยาคู่นี้ก็ยอมดูละครกับเธอ ก๊วยเจ๋งเอย หลงเอ๋อเอย ทั้งสองก็ตั้งใจดูกันอย่างเพลิดเพลิน และไม่ได้ทะเลาะกันแต่อย่างใด
“วันที่ 23 เป็นวันประเพณีบูชาโคมไฟ วันที่ 24 วันทำความสะอาดบ้าน วันที่ 25 โม่เต้าหู้ วันที่ 26 หั่นเนื้อ วันที่ 27 ไปซื้อไก่ วันที่ 28 ทำบะหมี่ วันที่ 29 ทำงาน และวันที่ 30 ฉลองปีใหม่ ! ” จางฉุ้ยเหลียนกำลังทบทวนประเพณี พร้อมกับวางแผนว่าจะไปซื้อของวันไหนและทำอะไรบ้าง
“วันนี้เป็นคืนวันสิ้นปี ไม่น่าจะมีเรื่องอะไรให้ทำมากหรอก พรุ่งนี้เราสองคนค่อยทำความสะอาดบ้านแล้วกัน” ตงลี่หวาคิด “จากนั้น วันที่ 25 เราสองคนก็ออกไปจ่ายตลาด ส่วนวันที่ 26 ก็ค่อยหาคนมาฆ่าหมูที่บ้านดีไหม ? ”
หล่อนหันไปถามเซี่ยจวิน เมื่อได้ยินดังนั้น เขาก็พยักหน้าเห็นด้วย : “วันที่ 27 ค่อยให้เหล่าหลิ่วมาฆ่าหมู”
ตงลี่หวาหันกลับไปพูดกับจางฉุ้ยเหลียนว่า “วันที่ 26 เรานึ่งแป้งถั่วเหลืองกัน ส่วนวันที่ 27 เราสองคนก็น่าจะยุ่งตลอดทั้งแล้ววันที่ 28 ค่อยมานึ่งซาลาเปา แล้วก็หมั่นโถว วันที่ 29 ก็ไม่มีอะไร แต่ก็น่าจะยุ่งทั้งวันเหมือนกัน และวันที่ 30 ก็ฉลองปีใหม่ ! ”
วันเวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถ้าไม่ไช่เพราะจางฉุ้ยเหลียนกลับมาที่บ้าน พวกเขาก็คงไม่ต้องร้อนใจกันมากขนาดนี้ ตอนนี้ก็ยังไม่ได้ทำอะไรเลยสักอย่าง อีกทั้งยังมีคนมาที่บ้านของพวกเขาแล้ว ตงลี่หวาจึงรู้สึกหงุดหงิดในใจอยู่ไม่น้อย
จางฉุ้ยเหลียนนั้นดูออก เธอจึงยิ้มและพูดกับหล่อนออกไปว่า “มีคนเพิ่มเข้ามาในบ้านแค่ไม่กี่คนเอง มันก็แค่มีเสียงดังเพิ่มขึ้นเท่านั้นแหละค่ะ แม่อย่ากังวลไปเลย พวกเราช่วยกันทำเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”
อาหารในคืนก่อนวันปีใหม่ก็ยังไม่ได้ทำ แต่ตอนนี้ก็มีคนมาที่บ้านตระกูลเซี่ยแล้ว จางฉุ้ยเหลียนไม่รู้ว่าเมื่อกี้เธอได้พูดวางแผนกับตงลี่หวาดีแล้วรึยัง เป็นไงเป็นกัน ! ในตอนนี้จางฉุ้ยเหลียนและตงลี่หวาก็กำลังช่วยกันแบกถั่วเหลืองออกไปที่ลานนอกบ้าน สองแม่ลูกกำลังปรึกษาหารือกันว่าพวกเธอควรที่จะบดเต้าหู้เพิ่ม
“พี่สาม บ้านพี่มีต้นถั่วงอกเยอะเลย อีกสองวันฉันขอมาเก็บเอากลับไปที่บ้านบ้างได้ไหม !” คนที่พูดอยู่ในขณะนี้ก็คือน้องสะใภ้ของเซี่ยจวินนั่นเอง เมื่อหล่อนเดินเข้ามาในบ้าน หล่อนก็เริ่มมองสำรวจไปรอบ ๆ บ้านทันที
“ฉันว่าเราควรฉลองปีใหม่ด้วยกันนะ วันแรกเราก็ไปเคารพบรรพบุรุษด้วยกัน ครอบครัวของเราจะได้มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง” เซี่ยโหย๋วที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงก็พูดจุดประสงค์ของตนเองออกมา
“พี่สาม ฉันเห็นพี่ปลูกอะไรไว้ในบ้านด้วย ? ” เมื่อหลี่หงพูดเรื่องถั่วงอกจบ หล่อนก็เริ่มพูดเรื่องอื่นต่อทันที โดยที่ไม่ได้สนใจคำพูดของสามีแต่อย่างใด
เมื่อถูกตัดบทสนทนา เซี่ยโหย๋วก็ไม่สบอารมณ์ขึ้นมาในทันที จากนั้นก็ตะโกนตอบภรรยาของตัวเองไปว่า “พวกเขาชอบอะไรก็ปลูกอันนั้นแหละ เธอจะสนใจทำไม !”
หลี่หงเบะปากเล็กน้อย จากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า : “ฉันก็แค่ถามไม่ได้รึไงล่ะ !ก็มีผักดองตั้งเยอะแยะขนาดนั้นอยู่แล้ว ยังกินกันไม่พออีกหรือ ถึงยังปลูกผักไว้ในบ้านอีก ? พวกพี่จะขายถั่วงอกรึไง ? ”
เซี่ยจวินไม่ได้พูดอะไรออกมา นอกจากพูดกับน้องชายตัวเองว่า “ไม่ต้องมาฉลองปีใหม่ด้วยกันหรอก ไว้พรุ่งนี้เช้าฉันค่อยไปหาพวกเธอก็ได้ ! ”
“อ่า ? อย่าบอกว่านะว่าปีนี้พี่จะไม่ฉลองปีใหม่ด้วยกันน่ะ ? ” หลี่หงพูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ ปีที่แล้วหล่อนเป็นคนเสนอให้สองสามีภรรยาคู่นี้มาฉลองปีใหม่ด้วยกัน และพวกเขาก็ตอบตกลง แต่ทำไมตอนนี้ถึงปฏิเสธล่ะ ?
“ฉุ้ยเหลียนกลับมาฉลองปีใหม่ที่บ้านของเราน่ะ เมื่อกี้ก็เพิ่งจะออกไปข้างนอกกับพี่สะใภ้ของเธอ ผักดองกับถั่วงอกที่อยู่ในห้องนี้ก็เป็นฝีมือของฉุ้ยเหลียนทั้งนั้น เพราะลูกไม่ได้กลับบ้านมาหลายปีแล้ว ปีนี้เราก็เลยอยากจะฉลองกันเอง !” เซี่ยจวินไม่ใช่คนที่ชอบเฮฮา ปีที่แล้วน้องชายของเขาก็เห็นว่าพวกเขาฉลองปีใหม่กันยังไง นั่นจึงทำให้เซี่ยโหย๋วรู้ว่าพี่ชายของตัวเองไม่ชอบฉลองปีใหม่ แต่เมื่อหลี่หงได้ยินคำพูดของพี่ชายสามีของหล่อน หล่อนก็รู้สึกไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก
เซี่ยจวินเองก็ไม่ใช่คนโง่ เขารู้ว่าน้องสะใภ้ของเขาต้องการอะไร หล่อนอยากจะมาฉลองที่บ้านของเขาในวันปีใหม่ก็เพราะว่าหล่อนจะได้ประหยัดค่าอาหาร ไม่ว่าจะเป็นปลาหรือเนื้อสัตว์ หล่อนก็สามารถมากินที่บ้านของเขาได้ฟรี ๆ หล่อนเห็นแก่ตัวและขี้งกมากจริง ๆ
“ฉุ้ยเหลียนกลับมาที่บ้านอย่างนั้นหรือ ? งั้นก็ดีเลย เราจะได้ฉลองปีใหม่ด้วยกันไง คึกคักจะตายไป !” หลี่หงยิ่งดีใจเข้าไปใหญ่ที่จางฉุ้ยเหลียนกลับมาในครั้งนี้ เพราะหล่อนขี้เหนียวยิ่งกว่าสองพ่อลูกหยางป๋ายเหลาเสียอีก หล่อนนึกไม่ถึงเลยว่าปีนี้หล่อนจะได้กินเนื้อย่าง การฉลองปีใหม่ในครั้งนี้ กับข้าวจะต้องเยอะมากกว่า 10 อย่างแน่นอน เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หลี่หงก็ตื่นเต้นขึ้นมาในทันที
เซี่ยโหย๋วนั้นรู้จักนิสัยของพี่ชายของตัวเองเป็นอย่างดี ปีที่แล้วที่สองสามีภรรยาไม่ได้มาร่วมฉลองปีใหม่ด้วยกัน มันก็เป็นเพราะภรรยาของเขานั่นแหละ
โดยเฉพาะเรื่องปากของหล่อนที่ชอบพูดจาไร้สาระ อีกทั้งยังแสดงความเห็นแก่ตัวออกมา มันจึงทำให้เขารู้สึกเสียหน้า เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับญาติพี่น้องของตัวเองเป็นอย่างมาก
เมื่อได้ยินคำพูดของภรรยา เขาจึงตำหนิหล่อนออกไปว่า “เอาล่ะ พอแล้ว!เขาจะฉลองปีใหม่กันเอง เธอจะอะไรกันนักกันหนา เลิกพูดมากได้แล้ว คนเขาเบื่อกันจะตายอยู่แล้ว ! ”
หลี่หงก้มหน้าลงเล็กน้อย จากนั้นก็พูดต่อด้วยความไม่พอใจว่า “ฉลองปีใหม่ก็ต้องคึกคักกันหน่อยสิ พี่เซี่ยจวิน พี่ตงลี่หวา พวกพี่มาฉลองปีใหม่กับพวกเราเถอะ คนเยอะ ๆ จะได้สนุกไม่ใช่หรือ ? ”
เซี่ยจวินขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นว่า “เสี่ยวหง รอปีหน้านะ อีกอย่างตอนนี้พี่สะใภ้ของเธอก็กำลังทะเลาะกับครอบครัว พวกเราไม่มีอารมณ์ฉลองปีใหม่หรอก !”
เมื่อหลี่หงได้ยินดังนั้น หล่อนก็ฮึกเหิมขึ้นมาในทันที หล่อนไม่สนใจเซี่ยโหย๋วที่ขยิบตามาให้แต่อย่างใด จากนั้นก็พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างไม่ปิดบังว่า “มีเรื่องอะไรกัน ? เกิดอะไรขึ้น ? ไอ้หยา พี่สาม มีเรื่องอะไรพี่ต้องบอกเรานะ เราจะได้ช่วยกัน”
เซี่ยวจวินปรายตามองไปทางเซี่ยโหย๋วและพูดขึ้นมาว่า “ญาติทางฝ่ายภรรยาของฉันต้องการมายืมเงิน ฉันก็บอกพวกเขาไปแล้วว่าพวกเราไม่ได้มีเงินมากมายอะไรขนาดนั้นหรอก ยังขาดอีกตั้ง 2,000 หยวน พวกเธอพอจะมีให้ฉันยืมไหมล่ะ ถ้าพวกเขายืมไปแล้วไม่คืน ฉันก็จะเป็นคนคืนให้เอง !”
ยังไม่ทันที่เซี่ยโหย๋วจะได้ตอบอะไรกลับไป หลี่หงก็เดินมาดึงตัวของเซี่ยโหย๋วให้มาอยู่ที่ด้านหลังของหล่อนด้วยใบหน้าบึ้งตึง “พี่สาม เราจะมีเงินมากมายขนาดนั้นได้ยังไงกันล่ะ แล้วอีกอย่าง ระหว่างพี่น้องก็ควรช่วยเท่าที่จะทำได้ ถ้าช่วยไม่ไหว พวกพี่ก็ไม่ต้องไปช่วย ”
เซี่ยโหย๋วหน้าแดงขึ้นมาทันใดด้วยความรู้สึกอาย จากนั้นก็แสดงสีหน้าลำบากใจออกมา แต่หลี่หงก็ไม่ได้สนใจสามีแต่อย่างใด หล่อนยังพูดต่อไปอีกว่า “พี่สาม เราทิ้งลูกไว้ที่บ้านคนเดียว เราต้องกลับแล้วล่ะ ไม่อย่างนั้นอาจจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นได้ !”
เมื่อพูดจบหลี่หงก็ลากเซี่ยโหย๋วออกไปโดยไม่สนแรงขัดขืนของเขาแต่อย่างใด เมื่อเปิดประตูบ้านออกมา พวกเขาทั้งสองคนก็บังเอิญเจอกับตงลี่หวาที่กำลังเดินกลับเข้ามาในบ้านพอดี
เมื่อตงลี่หวาเห็นน้องชายและน้องสะใภ้ของสามี หล่อนก็นึกถึงเรื่องที่พูดกันไว้เมื่อปีที่แล้วขึ้นมาได้ในทันที ปีนี้หล่อนก็ไม่ได้ฉลองปีใหม่กับพวกเขา เพราะงั้นหล่อนจึงรู้สึกไม่ดีอยู่ในใจ หล่อนยิ้มและพูดออกไปว่า “เสี่ยวหงมาแล้วหรือ ? ทำไมจะกลับกันแล้วล่ะ ? เธอกลับมาก่อนสิ พี่มีเรื่องอยากคุยด้วยหน่อย”
หลี่หงคิดว่าตงลี่หวานั้นต้องการจะมายืมเงิน ก็เลยรีบปฏิเสธไปว่า “ไอ้หยา พี่สะใภ้ ไม่ต้องหรอก เราสองคนมีเรื่องต้องไปจัดการ ต้องขอตัวกลับก่อน ปีนี้คงอยู่ร่วมฉลองปีใหม่กับพี่ไม่ได้แล้วล่ะ ที่บ้านก็มาตามแล้วด้วย !”
พูดจบทั้งสองคนก็รีบก้าวเท้าออกจากบ้านไปทันที เมื่อพวกเขาเดินไปถึงทางที่เต็มไปด้วยหิมะ พวกเขาก็พากันลื่นล้ม แต่เพราะกันว่าตงลี่หวาจะตามมา พวกเขาจึงรีบลุกขึ้นและเดินกลับบ้านไปในทันที
เมื่อเห็นภาพสองสามีภรรยาลื่นล้ม จางฉุ้ยเหลียนและตงลี่หวาก็หันมามองหน้ากัน พวกเธอรู้สึกขบขันขึ้นมาทันที เมื่อทั้งสองเดินเข้ามาในบ้าน เซี่ยจวินก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ให้ทั้งสองฟัง และมันก็ได้สร้างความขบขันให้กับจางฉุ้ยเหลียนและตงลี่หวาไม่น้อย
“ไอ้หยา ! หลี่หง ถึงแม้ว่าอายุของหล่อนจะมากขึ้น แต่สมองของหล่อนก็ไม่ได้ฉลาดขึ้นตามไปด้วยเลย !” ตงลี่หวายกมือขึ้นมาปิดปากหัวเราะ และหล่อนก็คิดว่าดีแล้วที่ปีนี้หล่อนไม่ได้ฉลองปีใหม่กับสองสามีภรรยาคู่นั้น
ส่วนเหตุผลมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว !เพราะปีนี้จางฉุ้ยเหลียนกลับมาฉลองปีใหม่ที่บ้าน พวกเขาจึงไม่อยากจะไปฉลองปีใหม่กับสองสามีภรรยาคู่นั้น ฉลองปีใหม่ที่บ้านกันแค่สามคน ดื่มไป กินไป บรรยากาศย่อมแตกต่างกันอยู่แล้ว !