px

เรื่อง : เกิดใหม่ทั้งทีขอลิขิตรักเอง (นิยายแปล) **จบแล้ว**
ตอนที่ 36 ข่มขู่


ตอนที่ 36 ข่มขู่

 

จางฉุ้ยเหลียนไม่รู้เลยว่าพ่อกับแม่ของเธอต้องการจะทำอะไรกันแน่ แต่ทั้งสองคนก็ทำให้เธอรู้สึกท้อแท้ใจอยู่ไม่น้อย เพราะความเห็นแก่ตัวของพวกเขา เธอจึงไม่อยากจะสนใจพวกเขามากนัก

 

โชคดีที่พวกเขาไม่รู้ว่าเธอมีเงินเก็บอยู่เท่าไหร่ ไม่อย่างนั้นเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอจะเจอกับเรื่องวุ่นวายอะไรบ้าง ในเวลานี้จางฉุ้ยเหลียนก็กำลังนั่งรถประจำทางเพื่อที่จะเข้าไปในเมือง เมื่อมาถึงสถานีขนส่งในเมืองแล้ว เธอก็ลงไปซื้อผักจำนวนมากจากตลาดหน้าสถานีขนส่ง

 

ตลาดหน้าสถานีแห่งนี้เป็นตลาดเก่าแก่ที่เปิดขายมายาวนานมากกว่าสิบปีแล้ว มันเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในเมือง Q จางฉุยเหลียนรู้จักนิสัยของสองสามีภรรยาตระกูลเซี่ยเป็นอย่างดี เธอจึงซื้อแต่ของที่จำเป็นเท่านั้น

 

เธอซื้อกุยช่าย ถั่วเขียว ถั่วเหลืองรวมทั้งอาหารกระป๋องมาสองสามกระป๋อง นอกจากนี้เธอก็ยังซื้อเนื้อวัว และน้ำมันหอยมาด้วย

 

เธอหอบเอาถุงน้อยใหญ่เดินโซซัดโซเซลงมาจากรถ และในที่สุดเธอก็สามารถแบกถุงเหล่านั้นมาถึงบ้านตระกูลเซี่ยจนได้ เมื่อจางฉุ้ยเหลียนเดินมาถึงประตูหน้าบ้านตระกูลเซี่ย เธอก็เห็นประตูบ้านกำลังปิดอยู่ และดูเหมือนว่าวันนี้เซี่ยจวินและตงลี่หวาจะไม่เปิดร้าน

 

จางฉุ้ยเหลียนขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกสงสัยขึ้นมาในทันที เธอรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก เธอคิดว่าหรือจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับสองสามีภรรยาตระกูลเซี่ย ?

 

เมื่อคิดได้ดังนั้น จางฉุ้ยเหลียนจึงวางถุงของที่เธอซื้อมาไว้ตรงประตูหน้าบ้าน จากนั้นก็ค่อย ๆ ผลักประตูบ้านเข้าไป เธอผลักประตูบ้านเบามาก เพราะแม้แต่บานพับประตูก็ยังไม่มีการสั่นสะเทือนเลยแม้แต่น้อย เมื่อจางฉุ้ยเหลียนเดินเข้าไปในตัวบ้านแล้ว เธอก็ได้ยินเสียงคนทะเลาะกันดังออกมาจากในบ้าน

 

“ทำไมพวกเธอถึงไม่ให้ฉันยืมเงิน เธอยังคิดว่าฉันเป็นพี่สาวของเธออยู่ไหม ? พวกเธอจะเก็บเงินไว้ทำไมนักหนา ? เธอเอาเงินนั่นมาให้หลานชายของยืมไม่ได้รึไง ทำไมพวกเธอถึงใจจืดใจดำกับหลานชายแบบนี้ ? ” มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้น และน้ำเสียงของหล่อนก็ดูหยาบกระด้างมากเลยทีเดียว

 

เมื่อได้ยินดังนั้นจางฉุ้ยเหลียนก็นิ่งอึ้งไปทันที เธอไม่คิดเลยว่าคนที่จะมาขอยืมเงินคนอื่นจะทำกริยาแบบนี้

 

“พวกเธอสองคนก็ไม่มีลูก แล้วพวกเธอจะเก็บเงินไว้ให้ใครล่ะ ถึงอย่างไรเขาก็เป็นหลานชายของเธอ ทำไมเธอถึงไม่ให้เขายืมเงิน ! ” เมื่อจางฉุ้ยเหลียนได้ยินดังนั้น เธอก็รู้ได้ในทันทีว่าเสียงนี้ต้องเป็นเสียงของตงลี่เจวียน พี่สาวของตงลี่หวาที่ต้องการมายืมเงินเพื่อจะเอาไปให้ลูกชายของหล่อนอย่างแน่นอน

 

ความจริงแล้วเซี่ยจวินก็ไม่ได้เป็นคนขี้เหนียวแต่อย่างใด แต่ถ้าคนพวกนี้เอาเงินของเขาไปใช้อย่างไม่เกิดประโยชน์ เขาก็ไม่อยากให้ยืม

 

เมื่อเซี่ยจวินได้ยินคำพูดของตงลี่เจวียน เขาก็พูดตอบกลับออกไป เพราะเซี่ยจวินพูดเสียงเบา จางฉุ้ยเหลียนจึงไม่รู้ว่าพวกเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันอยู่ แต่เธอก็ได้ยินชื่อของตัวเองอยู่ในบทสนาของพวกเขาด้วยลาง ๆ  นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก เมื่อเซี่ยจวินพูดชื่อของเธอออกมา ทันใดนั้นก็มีเสียงของตงลี่เจวียนสวนขึ้นมาทันที

 

และก็เป็นอย่างที่จางฉุ้ยเหลียนคิดไว้จริง ๆ เธอได้ยินเสียงของตงลี่เจวียนพูดออกมาว่า “แล้วการที่จางฉุ้ยเหลียนจะต้องจ่ายค่าเทอมวิทยาลัยมันเกี่ยวอะไรกับพวกเธอสองคนล่ะ ? หล่อนไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของพวกเธอสักหน่อย ทำไมพวกเธอจะต้องเอาเงินไปให้หล่อนด้วย พวกเธอให้เงินหล่อนได้ แต่พวกเธอให้เงินหลานชายของตัวเองไม่ได้อย่างนั้นหรือ”

 

“พวกเธอถูกยัยเด็กนั่นหลอกเอาเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้วล่ะ ระวังตัวไว้เถอะ นังเด็กนั่นจะต้องมาหลอกเอาเงินจากพวกเธอไปให้พ่อแม่ของหล่อนแน่ ๆ แล้วในอีกสองปีต่อจากนี้หล่อนก็ต้องแต่งงานมีครอบครัวเป็นของตัวเอง มีพ่อแม่สามี มีสามีที่หล่อนจะต้องดูแล ขนาดแม่ผู้ให้กำเนิดของหล่อน หล่อนก็ยังไม่เห็นหัวเลยด้วยซ้ำ แล้วพวกเธอที่เป็นแค่พ่อแม่บุญธรรม หล่อนจะมาสนใจทำไม ในสายตาของหล่อนพวกเธอทั้งสองคนก็เป็นแค่ของไร้ค่าเท่านั้นแหละ”

 

เมื่อตงลี่เจวียนพูดจบ ก็มีเสียงของผู้ชายคนหนึ่งพูดเสริมขึ้นมาว่า “ใช่แล้ว หล่อนกลับไปอยู่ที่บ้านตั้งหลายปี แต่หล่อนไม่เคยกลับมาเยี่ยมพวกเธอเลยสักครั้ง พอไม่มีเงิน หล่อนก็บากหน้ากลับมาหาพวกเธอแบบนี้ หล่อนจะต้องวางแผนอะไรเอาไว้แน่ ๆ”

 

เมื่อได้ยินพี่สาวของตัวเองพูดว่าร้ายจางฉุ้ยเหลียน ตงลี่หวาที่นิ่งเงียบมาโดยตลอด ก็รู้สึกโมโหขึ้นมา จากนั้นจึงพูดออกไปว่า “ลูกของฉันเป็นยังไง ฉันรู้อยู่แก่ใจดี ไม่จำเป็นต้องให้พี่มาพูดสอนแบบนี้หรอก ! ”

 

เมื่อได้ยินคำพูดของน้องสาว ตงลี่เจวียนจึงแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา “ทำไม ! ฉันว่าหล่อนแค่นี้ไม่ได้เลยรึไง? ทำไมเธอต้องโกธรด้วย หล่อนก็ไม่ได้เป็นลูกแท้ ๆ ของเธอสักหน่อย ฉันสิที่เป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเธอ ฉันมีปัญหาแต่เธอกลับไม่สนใจ เธอดันไปสนใจคนนอกอย่างนั้นหรือ ? เธอยังมีมโนธรรมอยู่รึเปล่า? เธอแค่ให้ฉันยืมเงินแค่นี้ มันยากนักรึไง ? ”

 

เมื่อได้ยินดังนั้น ตงลี่หวาจึงพูดออกไปเสียงสูงว่า “ฉันไม่มีเงิน ! ใครมีเงินพี่ก็ไปยืมคนนั้นสิ ! ”

 

“ได้ ! ตงลี่หวา ! เธอจำคำพูดที่เธอพูดกับฉันวันนี้เอาไว้เลยนะ หลังจากนี้ต่อไปเราไม่ต้องมาเป็นพี่น้องกันอีก !” ตงลี่เจวียนด่ากราดออกไปเสียงดัง

 

ตงลี่เจวียนเป็นพี่สาวของตงลี่หวาที่แต่งงานออกไปแล้ว หล่อนก็อาศัยอยู่ในเมืองหลินโค่วด้วยเช่นกัน บ้านของหล่อนห่างจากบ้านตระกูลเซี่ยไม่มากเท่าไหร่นัก ถ้าเดินเท้าก็จะใช้เวลาประมาณ 40 นาทีเพียงเท่านั้น หล่อนและสามีของหล่อน มีลูกด้วยกันหลายคน นั่นจึงทำให้พวกเขามักจะมีปัญหาทางการเงินอยู่เสมอ

 

“ตงลี่หวา เธอมันใจแคบ ! มิน่าล่ะเธอถึงไม่มีลูก ! ฉันจะบอกอะไรเธอให้นะ การที่เธอจิตใจคับแคบแบบนี้ สักวันเธอจะต้องไม่ตายดีแน่ ! ”

 

ยืมเงินไม่ได้ก็ด่ากราดใส่คนอื่นแบบนี้ จางฉุ้ยเหลียนทนฟังไม่ได้อีกต่อไป เธอจึงพูดออกไปเสียงดังว่า “คุณพูดว่ายังไงนะคะ ? เอ้า! เงียบทำไมล่ะ ? ใครติดหนี้คุณอย่างนั้นหรือคะ ? คุณว่าคนอื่นจิตใจคับแคบ คุณไม่สำเหนียกดูตัวเองบ้างเลยรึไง ! ” ยังไม่ทันที่จางฉุ้ยเหลียนจะเดินเข้าไปในบ้าน เธอก็พูดออกไปเสียก่อน

 

เมื่อจู่ ๆ ก็มีเสียงของใครบางคนดังขึ้น สองสามีภรรยาตระกูลเซี่ยจึงหันไปมองหน้ากันด้วยความตกใจในทันที ส่วนตงลี่เจวียนและสามีของหล่อนก็ตกใจมากเช่นเดียวกัน ได้ยินแต่เสียงคนพูด แต่ไม่เห็นตัว จะมีใครที่ไหนไม่กลัวบ้างล่ะ ?

 

จากนั้นจางฉุ้ยเหลียนก็ปรากฎตัวออกมา เธอจ้องมองไปทางตงลี่เจวียนและสามีของหล่อนด้วยความโกธร

 

“หนูได้ยินว่าคุณมายืมเงินแม่ของหนูอย่างนั้นหรือคะ ? คุณมาขอความช่วยเหลือจากคนอื่น แต่คุณกลับมาแสดงกิริยาแบบนี้อย่างนี้หรือ ? พ่อแม่บุญธรรมของหนูไม่มีลูกแล้วมันยังไง ? มันผิดกฎหมายข้อไหนไม่ทราบ ? พวกเขาเลี้ยงดูหนูแล้วจะทำไม ? เราไปขอข้าวบ้านคุณกินอย่างงั้นหรือ ? ”

 

ทุกคนต่างพากันนิ่งอึ้งไปในทันที แต่เมื่อเห็นว่าจางฉุ้ยเหลียนเดินเข้ามา พวกเขาก็รู้ได้ในทันทีว่าเสียงที่พวกเขาได้ยินเมื่อสักครู่นี้เป็นเสียงของใคร เมื่อเห็นหน้าจางฉุ้ยเหลียน ตงลี่เจวียนจึงได้สติกลับมา หล่อนขมวดคิ้วพร้อมกับด่าออกไปเสียงดังว่า “นังเด็กเหลือขอ เธอกำลังพูดถึงใครอยู่ไม่ทราบ ? ”

 

เมื่อเห็นท่าทางหยิ่งยโสของตงลี่เจวียน จางฉุ้ยเหลียนก็คิดขึ้นมาในใจว่าทำไมเธอจะต้องกลัวหล่อนด้วยล่ะ ? เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอก็ยกมือขึ้นมาเท้าสะเอวและพูดออกไปทันทีว่า “ใครหน้าไม่อายก็หมายถึงคนนั้นแหละค่ะ ! ”

 

เมื่อได้ยินดังนั้น ตงลี่เจวียนก็เดินมายืนประจันหน้าจางฉุ้ยเหลียนทันที จากนั้นหล่อนก็พูดออกไปด้วยน้ำเสียงหาเรื่องว่า “เธอด่าใคร ? ”

 

จางฉุ้ยเหลียนก็ตอกกลับไปด้วยท่าทางหยิ่งผยองว่า “ทำไม ? คุณจะตีหนูอย่างนั้นหรือ ? อยากตีก็ตีเลยสิคะ พอยืมเงินคนอื่นไม่ได้ก็พาลหาเรื่องจะมาตบตีคนอื่น หนูล่ะอยากรู้จริง ๆ ว่าบ้านเมืองนี้ยังจะมีกฎหมายอยู่รึเปล่า โชคดีที่บ้านของเราอยู่ห่างจากสถานีตำรวจและโรงพยาบาลไม่ไกลด้วย กลับมาฉลองปีใหม่ครั้งนี้มีเรื่องสนุกให้ทำเยอะจริง ๆ ! ”

 

ตงลี่เจวียนนั้นอาศัยอยู่ในชนบท เดิมทีหล่อนก็ไม่เคยเห็นโลกภายนอกอยู่แล้ว นั่นจึงทำให้หล่อนเป็นคนไม่มีความรู้ อีกทั้งหล่อนยังเป็นคนที่ไร้คุณธรรมมากอีกด้วย แม้แต่พี่สะใภ้และแม่สามีของหล่อน หล่อนก็ยังไม่เคยยอมพวกเขาเช่นเดียวกัน แต่วันนี้หล่อนจะมาแพ้ให้กับนังเด็กเหลือนี่อย่างนั้นหรือ ยืมเงินก็ไม่ได้ ยังมาโดนเด็กด่าอีก นั่นจึงทำให้หล่อนรู้สึกโกธรเป็นอย่างมาก

 

ตงลี่หวาคิดว่าถ้าไม่ใช่เพราะจางฉุ้ยเหลียนล่ะก็ หล่อนก็คงยืมเงินจากสองสามีภรรยาตระกูลเซี่ยได้ตั้งนานแล้ว เมื่อคิดได้ดังนั้นหล่อนก็ยื่นมือออกไปตบหน้าของจางฉุ้ยเหลียนในทันที !

 

“ทำไมต้องทำร้ายร่างกายกันด้วย ! ” เมื่อเห็นว่าจางฉุ้ยเหลียนที่เป็นเหมือนกับแก้วตาดวงใจถูกพี่สาวของตัวเองตบ ตงลี่หวาก็ตะโกนถามพี่สาวของตัวเองออกไปเสียงดังด้วยความไม่พอใจในทันที เดิมทีสองสามีภรรยาตระกูลเซี่ยนั้นก็ไม่มีลูก แต่ด้วยความที่พวกเขารับจางฉุ้ยเหลียนมาเลี้ยงดูตั้งแต่เธอยังเด็ก จางฉุ้ยเหลียนจึงกลายเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของพวกเขาไปโดยปริยาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงตลอดหลายเดือนที่ผ่านมานี้ จางฉุ้ยเหลียนเข้าใจอะไรมากขึ้น เชื่อฟัง ไม่ได้เป็นอย่างที่คนภายนอกกล่าวหาแต่อย่างใด ถึงแม้ว่าคนภายนอกจะคิดว่าจางฉุ้ยเหลียนจะเข้ามาปอกลอกพวกเขาสองสามีภรรยาก็ตาม แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย จางฉุ้ยเหลียนสามารถหาเงินค่าเทอมและเงินค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของตัวเองได้ อีกทั้งยังนำเงินที่ตัวเองหามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองเอามาให้พวกเขาเพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูของเธออีกต่างหาก นั่นจึงทำให้พวกเขารู้ว่าจางฉุ้ยเหลียนไม่ได้เป็นอย่างที่คนอื่นกล่าวหา

 

เมื่อเห็นว่าจางฉุ้ยเหลียนถูกพี่สาวของตัวเองตบ อารมณ์ของตงลี่หวาตอนนี้ก็เหมือนกับแม่ไก่แก่ที่พร้อมจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ

 

“โอ้ยย ! คุณป้าตบหนูทำไมคะ ! ” จางฉุ้ยเหลียนแกล้งทำเป็นล้มลงไปกองกับพื้นในทันที “โอ้ยย หนูเจ็บ หัวก็ปวดไปหมด ! ”

 

เมื่อได้ยินคำพูดของจางฉุ้ยเหลียน ทุกคนต่างพากันตกใจไปตาม ๆ กัน ตงลี่หวารีบพุ่งเข้าไปหาจางฉุ้ยเหลียนในทันที “เป็นไงบ้าง ลูกเจ็บตรงไหนรึเปล่า ? ”

 

เซี่ยจวินไม่มีกะจิตกะใจจะมาสู้รบปรบมือกับพี่สาวของภรรยาและสามีของหล่อนอีกต่อไป เขาตรงเข้าไปกระชากแขนหล่อนให้ออกห่างจากลูกสาวของเขาทันที จากนั้นจึงพุ่งเข้าไปถามอาการของลูกสาวด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม “หล่อนตบลูกตรงไหน บอกพ่อมา ? ”

 

เมื่อได้ยินคำถามที่แสดงออกมาถึงความห่วงใยของพ่อและแม่บุญธรรม จางฉุ้ยเหลียนก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในใจทันที จากนั้นเธอก็ร้องตะโกนออกไปเสียงดังว่า “โอ้ย ! หนูปวดหัวมากค่ะ แล้วก็ยังปวดที่ใจอีก พ่อกับแม่รีบพาหนูไปโรงพยาบาลเถอะค่ะ แล้วก็ให้พวกเขาชดใช้ค่ารักษาพยาบาลให้หนูด้วย ! ”

 

ตอนนี้ใครทำร้ายใคร ? เซี่ยจวินก็รู้สึกสับสนไปหมดแล้ว จากนั้นสมองของเขาก็เริ่มตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อได้ยินคำว่าโรงพยาบาล ตงลี่หวาก็ตกใจขึ้นมาในทันที จากนั้นหล่อนก็เงยหน้าขึ้นมองตงลี่เจวียนและพูดออกไปว่า “ถ้าลูกของฉันเป็นอะไรขึ้นมา ฉันไม่เอาพี่ไว้แน่ ! ”

 

ตงลี่เจวียนนิ่งอึ้งในทันที “ฉันแค่ตบหน้าหล่อนไปแค่ครั้งเดียว ! หล่อนจะเป็นอะไรได้ล่ะ ? ”

 

“พี่มีสิทธิ์อะไรมาตบลูกของฉัน ? พี่มีสิทธิ์อะไรมาตบลูกของฉัน หา ? เพราะฉันไม่ให้พี่ยืมเงินอย่างนั้นหรือ ? ” เมื่อได้ยินคำพูดของพี่สาว คนที่โกรธใครไม่เป็นอย่างตงลี่หวาก็เริ่มตวาดเสียงดังออกมาอย่างไม่พอใจ เมื่อเห็นท่าทางของตงลี่หวาแล้ว แม้แต่จางฉุ้ยเหลียนก็รู้สึกกลัวขึ้นมาเช่นกัน “ฉันจะบอกพี่ไว้ให้เอาบุญนะ ถึงฉันจะมีเงิน ฉันก็ไม่ให้พี่ยืมหรอก”

 

จางฉุ้ยเหลียนคร่ำครวญอยู่ในใจ แม่บุญธรรมของเธอโกธรถึงขนาดต้องพูดความจริงออกมาเลยหรือเนี่ย ?

 

จางฉุ้ยเหลียนพูดสมทบออกไปทันทีว่า “ใช่ แม่ไม่ต้องให้หล่อนยืมเงินนะคะ ! แม่คะ หนูปวดหัวมากเลย แม่พาหนูไปโรงพยาบาลนะคะ ส่วนค่ารักษาพยาบาล ค่าประกัน ค่าดูแล แม่ก็ให้พวกเขาเป็นคนจ่ายให้หมดเลย ! ”

 

เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนต่างเข้าใจได้ในทันทีว่า จางฉุ้ยเหลียนกำลังแสดงละครอยู่

 

“เธอคิดจะหลอกพวกเราอย่างนั้นหรือ ? ” เมื่อเห็นท่าทางเจ็บปวดของจางฉุ้ยเหลียน ตงลี่เจวียนก็ตกใจขึ้นมาในทันที แต่จากนั้นหล่อนก็รู้ได้ในทันทีว่าจางฉุ้ยเหลียนกำลังแสดงละครตบตาหล่อนอยู่ หล่อนจึงพูดออกไปด้วยความโกรธว่า “เธอคิดว่าฉันจะเชื่อเด็กเหลือขออย่างเธอรึไง ? ”

 

เมื่อได้ยินดังนั้นจางฉุ้ยเหลียนก็ขยับเข้าไปในอ้อมกอดของตงลี่หวามากขึ้น จากนั้นเธอก็หันไปพูดกับเซี่ยจวินด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงว่า “ถ้าพวกเขาบอกว่าหนูแสดงละคร งั้นพ่อก็แจ้งตำรวจเลยค่ะ ! แล้วค่อยโทรเรียกรถโรงพยาบาล ให้รถพยาบาลมารับหนู พอไปถึงโรงพยาบาลอันดับแรกก็ให้หมอแสกนสมองของหนูก่อน แล้วจากนั้นก็ให้พวกเขาแสกนหัวใจของหนู แล้วเราก็มาดูกันว่าหนูแสดงละครอยู่รึเปล่า”

 

เมื่อเซี่ยจวินได้ยินดังนั้น เขาก็รู้ได้ในทันทีว่าจางฉุ้ยเหลียนกำลังแกล้งสองสามีภรรยาคู่นั้นอยู่ เขาจึงพยายามกลั้นขำเอาไว้ และพูดพร้อมกับพยักหน้าเป็นการตอบรับว่า “ได้ พ่อจะไปจัดการเดี๋ยวนี้ ! ”

 

เมื่อได้ยินดังนั้น ตงหลี่เจวียนและสามีของหล่อนก็กระวนกระวายใจขึ้นมาทันที  จากนั้นตงลี่เจวียนก็กัดฟันและชี้นิ้วไปทางสองสามีภรรยาตระกูลเซี่ยและพูดออกไปเสียงดังว่า “ก็ได้ ! ก็ได้ ฉันยอมแล้ว ! ”

 

เมื่อได้ยินว่าตงลี่เจวียนยอมแพ้แล้ว จางฉุ้ยเหลียนก็เลิกแสดงละครทันที จากนั้นเธอก็พูดออกไปด้วยท่าทางมาดขรึมว่า “พวกคุณมายืมเงินพ่อแม่บุญธรรมของหนู แต่พอพวกเขาไม่ให้พวกคุณยืมเงิน พวกคุณก็มาด่าสาดเสียเทเสียแบบนี้หรือคะ แล้วทำไมหนูจะข่มขู่พวกคุณไม่ได้ล่ะ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน รู้จักไหม ! ”

 

เมื่อได้ยินคำพูดของจางฉุ้ยเหลียน ตงลี่เจวียนก็โกรธจนหัวแทบจะระเบิดออกมา อยู่มาจนมีหลานชายโตขนาดนี้แล้ว แต่กลับมาถูกเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าด่าเอาเสียได้ และคนที่ด่าหล่อนก็ยังเป็นจางฉุ้ยเหลียนที่หล่อนเกลียดมากที่สุดอีกด้วย

 

“ตงลี่หวา เธอเห็นไหมว่านังเด็กเหลือขอนี่นิสัยเสียมากขนาดไหน เธอยังจะปกป้องมันอยู่อีกอย่างนั้นหรือ ! ” เมื่อได้ยินเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าด่าภรรยาของตัวเอง สามีของตงลี่เจวียนก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทันที เขาพูดออกไปว่า “ใช่ ! อายุแค่นี้ก็รู้จักที่จะเสี้ยมคนอื่นให้แตกคอกันแล้ว จิตใจของเด็กคนนี้มีแต่ความหยาบช้า พวกเธอเลี้ยงดูเด็กคนนี้ไว้ ระวังไว้เถอะ สักวันเด็กคนนี้มันจะย้อนกลับมาทำร้ายพวกเธอเอง ! ”

 

“ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเธอนะ ฉันจะหลอกเธอทำไมกัน ? ยัยเด็กนี่ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร อีกทั้งหล่อนยังมีจิตใจที่หยาบช้า ที่หล่อนกลับมาหาพวกเธอ มันก็เป็นเพราะหล่อนต้องการเงินจากพวกเธอ ถ้าเธอให้ฉันยืมเงิน ฉันก็จะถือซะว่าเรายังเป็นพี่น้องกันอยู่ แต่ถ้าเธอให้เงินยัยเด็กเหลือขอนี่ สักวันหล่อนก็ต้องหนีหายไปแน่ ! เพราะยัยเด็กนี่น่ะมันชั่วช้า ! ” ตงลี่เจวียนพูดจาหยาบคายออกมา เพราะหล่อนคิดว่าสองสามีภรรยาตระกูลเซี่ยนั้นหลงกลจางฉุ้ยเหลียนเข้าให้แล้ว

 

เมื่อได้ยินคำพูดของตงลี่หวา สองสามีภรรยาตระกูลเซี่ยก็ทนไม่ได้อีกต่อไป จางฉุ้ยเหลียนถูกพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของหล่อนรังแก พวกเขาก็โกธรมากพออยู่แล้ว แต่นี่กลับเป็นคนในครอบครัวของพวกเขาเองที่รังแกเธอ พวกเขาจึงโกธรมากขึ้นไปอีก

 

เซี่ยจวินชี้หน้าตงลี่เจวียนและด่าออกไปเสียงดังว่า “ เราไม่มีเงินให้เธอยืมหรอก แล้วพวกเธอก็ไม่มีสิทธิ์มาด่าลูกของเราแบบนี้ด้วย ถ้าพวกเธอไม่มีธุระอะไรแล้ว ก็ไสหัวออกไปจากบ้านของเราซะ ! ”

 

ตงลี่เจวียนนึกไม่ถึงว่าเซี่ยจวินที่ไม่ค่อยจะมีปากมีเสียงกับใครจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาได้ขนาดนี้ เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่พ่อแม่ของหล่อนยังมีชีวิตอยู่ เมื่อมีเรื่องเกิดขึ้นในบ้านหรือจำเป็นที่จะต้องใช้เงิน ตงลี่หวาก็มักจะเป็นคนออกเงินค่าใช้จ่ายเสมอ และเซี่ยจวินก็ไม่ได้ว่าอะไรเช่นกันที่ภรรยาเอาเงินไปช่วยครอบครัวของตัวเอง หล่อนคิดมาตลอดว่าเซี่ยจวินไม่มีทางที่จะโกรธใคร เมื่อเห็นว่าเซี่ยจวินโกธร หล่อนก็รู้สึกกลัวขึ้นมาทันที

 

วันนี้ตงลี่เจวียนถูกตงลี่หวาและเซี่ยจวินชี้หน้าด่าต่อหน้าสามีของตัวเอง หล่อนจึงรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก หล่อนจึงพูดออกไปด้วยความโมโหว่า  “ไอ้สารเลว แกชี้หน้าด่าใคร ? แกไล่ให้ใครออกไปจากบ้าน ? ” ตงลี่เจวียนเต้นเร่า ๆ ด้วยความโกรธ จากนั้นก็พูดจาประชดประชันออกไปอีกว่า “แกด่าฉันอย่างนั้นหรือ แกมีสิทธิ์อะไรมาด่าฉัน ไอ้ผู้ชายไร้น้ำยา แกมันก็ไม่ต่างอะไรกับพวกขันที มีลูกไม่ได้ ฉันล่ะสมน้ำหน้าแกจริง ๆ เหอะ ! ไอ้ผู้ชายไม่ได้เรื่อง จากนี้ไปแกก็ใช้ชีวิตไร้น้ำยาต่อไปเถอะ”

 

คำพูดของตงลี่หวาถือว่าเป็นการสบประมาทเซี่ยจวินเป็นอย่างมาก มันเป็นคำพูดที่ดูถูกความเป็นชายมากเลยทีเดียว สามีของตงลี่เจวียนก็ตกใจกับคำพูดของภรรยาของตัวเองเช่นกัน เขาถึงกับก้มหน้าลงไปกล้าสบตาใครเลยทีเดียว

 

ตงลี่หวานึกไม่ถึงว่าพี่สาวของตัวเองจะกล้าพูดแบบนี้ออกมา ปกติแล้วพี่สาวของหล่อนก็มักจะเอาเรื่องนี้มาพูดล้อเล่นลับหลังสามีของหล่อนอยู่เสมอ แต่หล่อนก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่เมื่อตงลี่เจวียนพูดออกมาต่อหน้าสามีของหล่อนแบบนี้ นั่นจึงทำให้หล่อนทนไม่ได้อีกต่อไป

 

หล่อนตรงเข้าไปตบปากของตงลี่เจวียนในทันที จากนั้นจึงด่าออกไปด้วยความโกธรว่า “ไสหัวออกไป จากนี้ต่อไปพี่ไม่ใช่พี่สาวของฉันอีกแล้ว ถึงพี่จะเป็นตายร้ายดียังไงฉันก็จะไม่สนใจใยดีพี่อีก ไสหัวออกไปจากบ้านของฉันเดี๋ยวนี้ ! ”

 

เพราะตงลี่เจวียนโกรธ ปากของหล่อนก็เลยโพล่งคำที่ไม่สมควรพูดออกมา เมื่อถูกน้องสาวตบเข้าที่ปาก หล่อนก็ไม่กล้าอ้าปากพูดอะไรออกมาอีก จากนั้นหล่อนก็มองไปทางพวกเขาทั้งสาม นังเด็กเหลือขอที่ก่อนหน้านี้ชักดิ้นชักงออยู่บนพื้นก็มองมาทางหล่อนราวกับอยากจะฆ่าหล่อนให้ตายอย่างไรอย่างนั้น ส่วนเซี่ยจวินก็มองมาทางหล่อนด้วยสีหน้าไม่พอใจ เมื่อเห็นดังนั้นหล่อนก็ไม่กล้าที่จะอยู่ที่นี่ต่อ ตงลี่เจวียนและสามีจึงรีบร้อนออกไปจากบ้านตระกูลเซี่ยในทันที เพราะหล่อนกลัวว่าหล่อนจะโดนคนของตระกูลเซี่ยฆ่าตายจริง ๆ

รีวิวผู้อ่าน