ตอนที่ 4 : จิ้งจกภูเขา
รายการคุณสมบัติของโฮส : ท่านฟ่างหยุน
ระดับ: 3
พลังงานทางชีวะภาพ: 0/30
คะแนนทักษะ: 0
ความยาวของลำตัว: 35 เซนติเมตร
เส้นผ่าศูนย์กลาง: 1.2 เซนติเมตร
ความแข็งแรง: 0.2
พลังป้องกัน: 0.1
ความเร็ว: 0.4
ความคล่องตัว: 0.7
วิญญาณ: 1.5
ความแข็งแรงทางกายภาพ: 1.0
ทักษะ: พิษมรณะ 1/5
ค่าชื่อเสียง: 0/10000000
..................................
แน่นอนว่าหากเทียบกับก่อนหน้านี้แล้วนั้นคุณลักษณะทางกายภาพของฟ่างหยุนมีการพัฒนาที่ดีขึ้นทั้งความยาวและเส้นผ่าศูนย์กลาง เพราะสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ฟ่างหยุนกังวลมาตลอดแต่ตอนนี้มันกลับได้รับการพัฒนา และที่เห็นได้ชัดที่สุดคือขนาดความยาวของลำตัวซึ่งมันเปลี่ยนจาก 20 เซนติเมตรไปเป็น 35 เซนติเมตร มันเพิ่มขึ้นมาเกือบจะสองเท่า! และนอกจากนี้เส้นผ่าศูนย์กลางมันยังมีขนาดถึง 1.2 เซนติเมตร มันทำให้การกลืนเหยื่อที่มีขนาด 2-3 เซนติเมตร นั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ของเขาอีกต่อไป
ทันทีที่ฟ่างหยุนกำลังนึกถึงเหยื่อนั้น มันก็ทำให้เขารู้สึกหิวขึ้นมาทันที ในการวิวัฒนาการครั้งล่าสุดนั้นมันทำให้เขารู้ว่าเมื่อเสร็จสิ้นการลอกคราบหรือวิวัฒนาการแล้วเขาสามารถอยู่ได้4-5 วันโดยไม่ต้องกินอาหาร และตอนนี้ร่างกายของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นมาเป็นสองเท่าเขาจึงรู้สึกว่าอยากจะหาเหยื่อใหม่ๆเพื่อที่จะลองใช้ทักษะที่พึ่งจะได้รับมา แม้ว่าความคิดนี้มันจะเป็นความคิดที่ดีแต่แล้วเขาก็ต้องหยุดความคิดนี้ลง เพราะการพัฒนาที่มีการเปลี่ยนแปลงต่ำแบบนี้เขาคิดว่ามันไม่น่าจะคุ้มค่าที่จะเสี่ยง ในป่าที่เต็มไปด้วยอันตรายเช่นนี้แล้วความรอบครอบและมีสตินั้นเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้เขามีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น
“ จากที่ฟ่างหยุนจะใช้พลังและทักษะในตอนนี้ สู้เก็บไว้รอใช้วันพรุ่งนี้น่าจะดีกว่า เพราะตอนนี้เป็นเวลากลางคืนที่ไหนในป่าย่อมมีแต่อันตราย เก็บแรงไว้ล่าเหยื่อวันพรุ่งนี้ดีกว่า ” เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วเขาก็ค่อยๆหลับตาเอนตัวลง และเริ่มที่จะเข้าสู่ภวังค์
เมื่อฟ่างหยุนค่อยๆลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ในตอนนี้รังของเขาก็สว่างขึ้นมาจากแสงอาทิตย์อุทัย และความหิวในท้องของเขานั้นก็ส่งผลรุนแรงมากกว่าเมื่อคืนเป็นหลายเท่า เขาค่อยๆตื่นขึ้นมาอย่างเกลียดคร้าน และบิดซ้ายบิดขวา ร่างกายของฟ่างหยุนนั้นแข็งขึ้นมาเล็กน้อยทำให้การเลื้อยของเขานั้นช้ามากยิ่งขึ้น
ต้องบอกก่อนว่างูนั้นเป็นสัตว์เลือดเย็น หากอุณภูมิภายนอกต่ำเกินไป การไหลเวียนของเลือดก็จะช้าลงทำให้ปฏิกิริยาของร่างกายที่มีต่อประสาทสัมผัสนั้นช้าลงไปเช่นกัน ดังนั้นในทุกๆเช้าฟ่างหยุนก็จะแอบออกไปตากแดด เพื่อให้อุณภูมิในร่างกายของเขาสูงขึ้นและปล่อยให้การทำงานของร่างกายเข้าสู่ปกติอย่างรวดเร็วที่สุด
หลังจากแกว่งศีรษะเล็กน้อยแล้ว ฟ่างหยุนก็เลื้อยออกจากถ้ำ เขารู้สึกว่าเลือดและอุณภูมิในร่างกายเขานั้นต่ำทำให้เขาหนาวและหนาวยิ่งขึ้นไปอีกเรื่อยๆผลกระทบน่าจะมาจากความหิวด้วย มันทำให้เขานั้นแทบจะคลั่ง
“ ข้าคงเป็นคนที่น่าสังเวชที่สุดแล้วหลังจากข้ามมาสู่โลกใหม่ใบนี้ ” ฟ่างหยุนคิดอย่างอดกลั้น เขาต้องรีบหาทางทำให้อุณภูมิในร่างกายกลับขึ้นมาเป็นปกติโดยเร็วที่สุด เมื่อเลื้อยออกมาจากรังนอนอันแสนสุขแล้ว แสงอาทิตย์อันอบอุ่นก็ส่องต้องมากระทบกับร่างกายของฟ่างหยุน จนเขารู้สึกได้ถึงความสดชื่นกระปรี้กระเปร่า เรียกได้ว่าแทบจะครางออกมา เขาอยู่นิ่งๆที่เดิมและไม่ต้องการที่จะขยับไปหาแสงอาทิตย์ที่มีความร้อนแรงกว่านี้แล้ว เพราะเขาอยู่เพียงแค่ปากทางของรังนอนของเขานั่นเอง และเขาคิดว่าเมื่อใดก็ตามที่อันตรายย่างไกล้เข้ามา เขาก็สามารถเลื้อยหนีเข้าไปในรังได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยแน่นอน
ขณะที่เขากำลังอาบแดดสักพัก อุณภูมิในร่างกายของฟ่างหยุนก็เริ่มสูงขึ้นมาอย่างช้าๆ จากตอนแรกที่มันแข็งทื่อกลับกลายเป็นยืดหยุ่นได้ดังเดิมอีกครั้ง และในเวลาเดียวกันนั้นเองเขาก็ไม่ได้ประมาท เขาเริ่มแลบลิ้นเข้าออกไปมา เป็นครั้งคราวเพื่อตรวจจับความเคลื่อนไหวของเหยื่อและนักล่าในเวลาเดียวกัน
ดวงตาทรงกลมดวงเล็กของฟ่างหยุนที่ทอเป็นประกาย ได้มองไปรอบๆ และแล้วทันใดนั้นเขาก็มองเห็นนกตัวหนึ่งบนต้นไม้ที่อยู่ทางขวา เจ้านกผู้โชคร้ายตัวนี้กำลังจัดแต่งขนอันสวยงามของตัวเองโดยที่ไม่ทันได้ระวังตัว ในใจของฟ่างหยุนเองในขณะนั้นก็นึกขึ้นมาเบาๆ ว่า “ ดูเหมือนว่าเจ้านกตัวนี้จะเป็นอาหารมื้อที่วิเศษเอาเสียมากๆ ” แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ตระหนักได้ว่าเขานั้นไม่มีความสามารถพอที่จะฆ่ามันได้ ฟ่างหยุนจึงทำได้แค่มองสายตาละห้อยพร้อมกับน้ำลายที่ไหลยืดออกมา อย่างหิวโหย
โอ้! ทางด้านซ้ายของฟ่างหยุนได้ปรากฏร่างของสัตว์ชนิดหนึ่งซึ่งเป็นแมงมุมตัวเขื่อง ขนาดพอๆกับฝ่ามือที่กำลังอยู่ในตำแหน่งจุดศูนย์กลางระหว่างหยากไย่ ของมันเองและดูเหมือนว่าเจ้าแมงมุมก็กำลังเฝ้ารอเหยื่อของมันเช่นกัน
ไม่ไกลจากรังของฟ่างหยุนนั้น มีดอกหญ้าที่อุดมสมบูรณ์สองสามต้น แทงช่อเจาะดอกออกมาจากพื้นดินเป็นที่ดึงดูดของฝูงตั๊กแตนจำนวนมากตั๊กแตนพวกนี้ไม่ต่างจากฟ่างหยุนที่กำลังหิวโหยและกำลังพุ่งตรงเข้าหาอาหาร
หลังจากที่ฟ่างหยุนจ้องมองมาสักพักเขาก็เริ่มที่จะย้ายตำแหน่งของตัวเองกลับมาแล้วขยับไปต่ออย่างช้าๆ เวลาผ่านไปเรื่อยๆ และหลังจากนั้นห้านาที เจ้านกที่กำลังตกแต่งขนของตัวมันเองนั้นก็บินจากไป ในตอนนั้นเองอุณภูมิในร่างกายของฟ่างหยุนก็ค่อยๆ สูงขึ้นเป็นอย่างมาก อัตราการไหลเวียนของเลือดกลับมาเป็นปกติ และที่สำคัญตอนนี้ร่างกายของเขานั้นกลับมามีความยืดหยุ่นอีกครั้ง นอกจากนั้นแล้วอุณภูมิในป่าก็กำลังเพิ่มสูงขึ้นไปอีก ฟ่างหยุนจึงเริ่มขยับและเลื้อยต่อไปเพราะเขาไม่มีความคิดที่จะนอนอาบแดดต่อแล้ว
“ ได้เวลาสนุกแล้วซิ ได้เวลาสนุกแล้วซิ! ” เขาปลุกใจของตัวเอง
ฟ่างหยุนชูคอสูงขึ้นพร้อมกับเตรียมตัวที่จะคลานเข้าไปยังพุ่มไม้ด้านหน้า แต่ในตอนนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงดังกรอบแกรบขึ้นมันถึงกับทำให้เขาต้องชะงักเล็กน้อยพร้อมกับค่อยๆ เลื้อยต่อไปด้วยความระมัดระวัง และแล้วสิ่งที่เขาเห็นตรงหน้าก็คือพุ่มไม้ที่อยู่ห่างไปประมาณสามเมตร หย่อมหญ้าบนพื้นนั้นมีรอยถูกกัดกินและเหยียบเป็นรอยแหวก และเพียงอึดใจเดียวเท่านั้นก็มีกิ้งก่าภูเขา มองเผินๆแล้วมีลำตัวยาวถึง 25 เซนติเมตร ค่อยๆคลานออกมาจากโพรงหญ้านั้นพร้อมกับมองจ้องมาที่ฟ่างหยุน
“ ระบบตรวจพบเป้าหมาย ” เสียงจากระบบดังขึ้น
“ กิ้งก่าภูเขา ประเภท: สัตว์เลื้อยคลาน,สามารถเพิ่มพลังงานทางชีวะภาพได้ถึงสิบหน่วย ”
แม้ว่าระบบจะแจ้งมาในความคิดของฟ่างหยุนแบบนั้น แต่บอกตามตรงฟ่างหยุนก็ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรกับระบบเลย เพราะตอนนี้ฟ่างหยุนนั้นใจจดใจจ่อกับเจ้ากิ้งก่าภูเขาตรงหน้าของเขามากกว่าสิ่งอื่นใด
“ เป็นเจ้าตัวนี้จริงๆ ”
ฟ่างหยุนชูคอแผ่แม่เบี้ยขึ้นมาอย่างระมัดระวัง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพบกับเจ้ากิ้งก่าภูเขาตัวนี้จริงๆแล้วนั้นเขาพบกับมันก่อนหน้านี้มาก่อน ตอนเขานั้นออกไปล่าเหยื่อเมื่อสามวันที่แล้ว เขาเห็นมันอยู่ใต้ต้นไม้ห่างจากเขาไปราวๆสามร้อยเมตร เพราะเจ้ากิ้งก่าภูเขาตัวนี้มีแผลอยู่ที่ริมฝีปากซ้ายของมัน ฟ่างหยุนจึงสามารถจำได้ทันทีหลังจากที่เขาเห็นแผล
กิ้งก่านั้นปกติแล้วเป็นสัตว์ที่กินไม่เลือกแถมพวกมันนั้นก็เป็นอาหารอันโอชะของงูตัวเล็กๆอีกด้วย นอกจากนี้เจ้ากิ้งก่าภูเขาตัวนี้เพิ่งจะโตเต็มวัย แถมยังหิวโหยเอามากๆ ทำให้พลังในร่างกายของมันนั้นก็ไม่ได้ดีเหมือนกับกิ้งก่าภูเขาตัวอื่นๆเป็นแน่ เมื่อเห็นดังนั้นแล้วเจ้ากิ้งก่าก็พยายามเบือนหน้าหนีอย่างเงียบๆ
ลึกๆแล้วในใจของฟ่างหยุนนั้นก็รู้สึกแปลกใจ เพราะเขาไม่คิดว่าจะได้เจอเจ้ากิ้งก่าตัวเดิมนี่อีก
“ เฮ้ เฮ้! ” เจ้ากิ้งก่าภูเขาสะบัดลิ้นสีแดงเข้มของมัน และค่อยๆเดินเข้ามาหาฟ่างหยุ่น เมื่อเห็นเช่นนั้นฟ่างหยุนก็อดคิดไม่ได้
“ มันคิดว่าข้าเป็นเหยื่อของมันยังงั้นเรอะ ? ” เมื่อความคิดดังนั้นเกิดจากจิตใต้สำนึก มันทำให้ฟ่างหยุนตกใจกลัวและเขาก็ค่อยๆ คลานถอยหลังโดยไม่ได้ตั้งใจ
“ ไม่นะ! ดูเหมือนว่ามันต้องการที่จะชิงรังของข้าไป ” ฟ่างหยุนคิดในใจ
ในตอนนั้นเองเจ้ากิ้งก่าได้ใจ จึงเริ่มส่งเสียงขู่ฟ่างหยุน ลำตัวของเจ้ากิ้งก่าเริ่มที่จะเปลี่ยนสีให้ดูสดสว่างมากขึ้นกว่าเดิม แต่ถึงอย่างงั้นมันเองก็ยังไม่ได้เริ่มจู่โจมฟ่างหยุนอย่างจริงจัง
ดูเหมือนว่าเจ้ากิ้งก่ามันแค่พยายามจะขู่! เมื่อคิดได้อย่างนั้นตอนนี้ฟ่างหยุนก็ขอออกโรงบ้าง เขาทำการขู่กลับไปที่เจ้ากิ้งก่าทันที ฟ่างหยุนยังคิดอีกว่า หากเจ้ากิ้งก่าคิดจะขโมยรังของเขา ฟ่างหยุนเองก็ไม่ได้คิดสนใจจะกลับเข้าไปในนั้นอีก
แต่ที่นี่มันคืออาณาเขตของฟ่างหยุน หากว่าเจ้ากิ้งก่าตัวนี้เข้าครอบครองแล้วละก็ เขาจะต้องกลายเป็นงูจรจัดแล้วยิ่งในป่าที่อันตรายแบบนี้แล้วละก็ เขาอาจจะต้องเผชิญกับวิกฤตถึงชีวิตก็ได้ หากไม่มีที่ให้หลบซ่อน โอ้พระเจ้า! หากว่าเขากำลังหลับอยู่ที่มุมใดมุมหนึ่งของป่า อยู่ๆ เขาอาจจะต้องกลายเป็นขนมขบเคี้ยวของพวกสัตว์นักล่าแน่นอน
“ เฮ้ย! ”
ฟ่างหยุนร้องออกมาพร้อมกับชูคอแผ่แม่เบี้ย พลังและความคล่องตัวของเขาอาจจะไม่เทียบเท่ากับเจ้ากิ้งก่าภูเขาตัวนี้ แต่อย่าลืมว่าเมื่อคืนเขาได้เปิดใช้งานทักษะแรกของเขาแล้ว นั่นก็คือ “ พิษมรณะ ” นั่นเอง
“ ไหนๆเจ้ากิ้งก่าตัวนี้ก็รนหาที่ตายแล้ว เอาเจ้ากิ้งก่าภูเขาตัวนี้เป็นหนูทดลองเลยก็แล้วกัน ” เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้ว สายตาของฟ่างหยุนที่กำลังจ้องมองเจ้ากิ้งก่าอยู่นั้นก็เริ่มเปลี่ยนไปจนทำให้มองดูแล้วน่ากลัวยิ่งขึ้นเพราะตอนนี้เป็นโอกาสดีที่จะโต้ตอบกลับบ้าง ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ากิ้งก่าภูเขาตัวนี้ ให้พลังงานทางชีวภาพถึงสิบหน่วย
“ ไม่แน่ใจว่าหากข้ากัดเจ้ากิ้งก่าแล้วพิษของข้าจะเพียงพอที่จะทำให้มันตายรึเปล่า ” ในใจของเขาเกิดคำถามแบบนั้นขึ้นมาและในเวลาเดียวกันฟ่างหยุนก็ไม่รอช้าที่จะคลานพุ่งเข้าไปหาเจ้ากิ้งก่าภูเขาที่อยู่ตรงข้ามอย่างกระตือรือร้น
เห็นได้ชัดว่าเจ้ากิ้งก่าภูเขาดูเหมือนจะไม่คาดฝันว่าฟ่างหยุนจะแสดงทีท่าออกมาเช่นนี้ มันนิ่งอยู่ที่เดิมไปสักพักแต่ลำคอของมันนั้นกลับพองโตขึ้นมา แต่โดยรวมแล้วมันดูเหมือนว่าลังเลอยู่มากที่จะโจมตีหรือหนี!
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ระยะห่างระหว่างฟ่างหยุนกับเจ้ากิ้งก่าภูเขานั้นราว ๆ เกือบครึ่งเมตร แต่ฟ่างหยุนรู้สึกถึงความได้เปรียบและเพียงพอที่จะเปิดฉากโจมตีเจ้ากิ้งก่าตัวนี้
“ ตอนนี้แหละ! ”
ทันใดนั้นฟ่างหยุนก็ตัดสินใจว่าระยะห่างเท่านี้เพียงพอสำหรับเขาแล้วที่จะโจมตี เขาเกร็งทุกส่วนของร่างกายพร้อมกระชับกล้ามเนื้อให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการปลิดชีพศัตรูที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
“ ย้ากกกกกก! ” ไม่ใช่ว่าฟ่างหยุนนั้นพุ่งโจมตีศัตรู เพราะในพื้นที่โล่งดังกล่าวกลับมีเสียงของสิ่งแปลกประหลาดตกลงไปบนพื้น จากมุมมองของสายตาที่ฟ่างหยุนมองเห็นมันตกลงมา เป็นเงาสีดำคล้ายกับอุกกาบาตก็ว่าได้ ตกลงสู่พื้นดิน!
โดยที่ไม่ต้องลังเลอะไรสักอย่าง ฟ่างหยุนจึงพุ่งตัวเต็มกำลังเพื่อคลานหนีเข้าไปในรังของเขาอย่างรวดเร็ว