px

เรื่อง : ตำนานงูยักษ์เขมือบโลก
ตอนที่ 2 : ล่าเหยื่อกันเถอะ!


ตอนที่ 2 :  ล่าเหยื่อกันเถอะ!

 

            เมื่อมองออกไปข้างนอกของกองเศษซากใบไม้ที่ทับถมกันนั้น ทำให้เขามองเห็นถึงท้องฟ้าที่ ณ เวลานี้กลายเป็นสีแดงเข้มบริเวณปลายทิวเขาแสดงถึงภาพของตะวันที่คล้อยไกล้จะลาลับขอบฟ้าเต็มทีแล้ว และในไม่ช้าป่าผืนนี้ก็จะถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิดนับว่าเป็นเวลาของค่ำคืนวันใหม่

 

            วิสัยทัศน์ในการมองเห็นของงูโดยปกตินั้นค่อนข้างแย่ แต่เป็นเพราะฟ่างหยุนนั้นยังคงเป็นวิญาณของมนุษย์ผู้ซึ่งกลายพันธุ์หลังจากฟักตัวออกมาจากไข่

 

            นั่นจึงทำให้เขา มีการมองเห็นรวมถึงการได้ยิน ที่คล้ายคลึงกับมนุษย์ ทั้งยังมีความเป็นเอกลักษณ์พิเศษในแบบของงู ที่ทำให้เขามีสัญชาตญาณ ในการดมกลิ่น และจับความร้อน ของเหยื่อ จากอวัยวะภายในของเขา

 

            ดังนั้นในเวลานี้เขาสามารถมองออกไปบริเวณรอบๆ ได้อย่างชัดเจน โดยปราศจากปัญหาใดๆ บนพื้นดินที่ถูกปกคลุมไปด้วยกองใบไม้ที่ร่วงหล่นจากลำต้น และต้นหญ้าหนาทึบ รวมไปถึงต้นไม้สูงใหญ่ แผ่กิ่งก้านสาขาออกมาบดบังกลุ่มเมฆบนท้องฟ้าจากมุมมองของเขาอย่างได้สัดส่วนพอดีเป๊ะราวกับถูกจับวาง

 

            ขณะที่เขากำลังสังเกตบรรยากาศโดยรอบนั้นเอง เขาก็แลบลิ้นและตวัดมันเข้าออกอย่างต่อเนื่องเพื่อตรวจจับสัญญาณเคมีในอากาศโดยมันจะทำให้รู้สึกถึงการมีตัวตนอยู่ของเหยื่อ....แต่แล้วก็น่าเสียดายยิ่งนักเพราะในบริเวณนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ ปรากฏอยู่เลย

          ฟ่างหยุนเองในขณะนั้นรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเขาห้อยหัวลงมาพร้อมกับเลื้อยไปข้างหน้าเพราะเขานั้นไม่เคยออกมาไกลจากรังขนาดนี้จึงทำให้ในใจของเราเริ่มรู้สึกว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่นั้นมันไม่ได้ง่ายเลยแม้แต่น้อย

 

            เขาออกมาไกลเกินจากที่เขาคาดคิดไว้มากและถ้าหากเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันขึ้นจากภัยอันตรายต่างๆแล้วละก็ เขาจะไม่สามารถหลบหนีออกจากสถานการณ์อันเลวร้ายนั้นเพื่อหลบซ่อนในรังของเขาอย่างรวดเร็วได้ แต่ด้วยความหิวกระหายและความที่อยากจะเข้าสู่วิวัฒนาการขั้นต่อไปนั้น ทำให้เขาไม่มีทางเลือกที่จะต้องเสี่ยงอันตรายอย่างนี้ต่อไป

 

            เจ้ากบลายจุดสีดำก่อนหน้านี่ที่ถูกเขากินไปก่อนหน้านี้ยังคงทำให้เขามีพลังงานเหลือล้นเป็นอย่างมาก มันเพียงพอที่จะทำให้เขานั้นอยู่ได้อีกสองสามวันโดยที่ไม่ต้องกินอะไรเลย แต่ตัวของฟ่างหยุนต้องการที่จะเติบโตโดยเร็วมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดังนั้นเขาจึงต้องล่าเหยื่อให้มากขึ้น

 

            หลังจากที่เขาเลื้อยไปข้างหน้าได้สักพัก ฟ่างหยุนก็เปลี่ยนทิศทางของเขาจากซ้ายไปขวา เขาไม่สามารถที่จะรับความเสี่ยงนี้ได้อีกต่อไป เขากำลังจะสร้างอาณาเขตเพื่อล่าเหยื่อของเขาในบริเวณรัศมี 300 เมตรนี้

           

ทันใดนั้นเอง! จึงปรากฏเสียงดังขึ้นเข้ามาในการรับรู้ของเขา “ กรอบแกรบๆ! ”

           

เสียงนั้นทำให้ฟ่างหยุนรู้สึกถึงการสั่นสะเทือนบางอย่างของสัตว์ที่เหยียบเท้าลงบนพื้น แม้ว่าเสียงนั้นมันจะแผ่วเบามากเพียงใด แต่มันก็ไม่สามารถหนีพ้นจากสัญชาตญาณพิเศษของงูไปได้ ดังนั้นมันจึงทำให้ฟ่างหยุน รู้สึกได้ทันที ตอนนี้ฟ่างหยุนจึงรู้สึกตื่นตัวขึ้นมาเล็กน้อย

            เขาอำพรางร่างอันน้อยนิดของเขาไว้ในพุ่มไม้ที่เขียวชอุ่มใกล้ๆ และส่งสายตาลอดผ่านทางช่องว่างระหว่างใบไม้นั้นออกไป เพื่อมองหาเจ้าของแรงสั่นสะเทือนนั้น

           

มันคือ ไก่ฟ้าตัวโตเต็มวัย มีหางลากยาวตามหลังของมัน ในขณะที่มันเดินไปข้างหน้าอย่างสง่างามทุกย่างก้าว ขนหลากสีเงางามของมัน ดูสะดุดตาเป็นพิเศษ

 

            โดยทั่วไปไก่ฟ้าชอบกินทุกอย่างที่ขวางหน้า ไม่ว่าจะเป็นพืช ไม้ล้มลุก เมล็ดพืช สำหรับเนื้อนั้นไก่ฟ้าก็สามารถหากินแมลง ไส้เดือนและสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำขนาดเล็ก ฟ่างหยุนจำมันได้จากความรู้ที่เขาเคยได้รับมาจากชีวิตที่แล้ว

 

            ขนาดปัจจุบันของฟ่างหยุนนั้นแล้ว ไม่ต่างอะไรจากหนอนขนาดใหญ่มากนัก เขาคิดขึ้นในใจเบาๆว่า “ หากไก่ฟ้าพบตัวเราเข้า เรานั้นอาจจะเป็นขนมขบเคี้ยวเล่นสำหรับไก่ฟ้าก็ได้ ”  เมื่อนึกขึ้นได้ยังงั้นแล้วเขาก็ค่อยๆขยับตัวและเลื้อยเข้าไปขดหลบในพุ่มไม้ให้ลับตามากขึ้น เพื่อจะไม่เป็นที่สะดุดตาราวกับว่าเขานั้นเป็นเพียงแค่ก้อนหิน

 

            ในขณะเดียวกันนั้นเจ้าไก่ฟ้าก็ค่อยๆเดินผ่านไปอย่างช้าๆ กรงเล็บอันแหลมคมของมันนั้นกวาดพื้นคุ้ยเขี่ยเป็นครั้งคราว เพื่อพลิกใบไม้ที่ร่วงหล่นบนพื้น จะงอย ปากอันน่ากลัวก็จิกลงไประหว่างเศษซากใบไม้ บางครั้งมันก็จิกเมล็ดโอ๊คขึ้นมาบางครั้งมันก็จิกหนอนสีขาวผู้น่าสงสารขึ้นมากินอย่างเอร็ดอร่อย

 

            ฟ่างหยุน รู้สึกว่าตัวเองนั้นประสบความสำเร็จในการพลางตัวเป็นอย่างมาก ซึ่งทำให้ไก่ฟ้าตัวนี้ไม่สามารถมองเห็นตัวของฟ่างหยุนได้ตั้งแต่ต้นจนจบ

            ประมาณสามนาทีต่อมาหลังจากเจ้าไก่ฟ้าเดินจากไปแล้วนั้น ฟ่างหยุนที่กำลังหลบอยู่ในพุ่มไม้ก็ค่อยๆผ่อนคลายอิริยาบทหลังจากหลบซ่อนมานาน เขาก็ค่อยๆเลื้อยออกมาจากพุ่มไม้พร้อมกับแลบลิ้นเข้าออกและมุ่งหน้าตรงต่อไปรอบ ๆ

 

            ระหว่างที่เขากำลังตามหาเหยื่อของเขาต่อไปนั้น ฟ่างหยุนเองก็ยังได้พบเจอกับสัตว์อื่นๆอีกมากมาย ยกตัวอย่างเช่นสิ่งมีชีวิตที่คล้ายคลึงกับเจ้ากบลายจุดดำที่เขาเคยกินมาก่อนหน้านั้น แต่คราวนี้กบสีดำที่เขาได้พบเป็นตัวเต็มวัยซึ่งมีพละกำลังมากกว่า และมีความยาวของลำตัวประมาณสี่ถึงห้าเซนติเมตร มันใหญ่เกินกว่ากำลังที่เขาจะล่า....

 

“ ถ้าเราต้องการที่จะจับเจ้ากบตัวนี้ เกรงว่าต้องใช้เวลาเพื่อรอการวิวัฒนาการขั้นต่อไปถึงจะสามารถจับได้ “

 

“ ชิชิ! ”

 

ลิ้นของฟ่างหยุน สะบัดออกมาในอากาศพร้อมกับหุบเข้าไปในปากของเขา เขาทำอย่างนั้นต่อไปเรื่อยๆเพื่อตรวจจับความร้อนและรับสัญญาณเคมีในอากาศเพื่อนำเข้ามาวิเคราะห์และเก็บรวบรวมสัญญาณของสิ่งมีชิวิต

 

ทันใดนั้นเอง! ฟ่างหยุนก็ต้องตื่นเต้น อย่างสุดขีด เพราะคราวนี้เขารับรู้ถึงกลิ่นของเหยื่อ ฟ่างหยุนรีบตวัดลิ้นเข้าออกในปากไปหลายครั้งเพื่อกำหนดทิศทางของกลิ่นและมุ่งหน้าไปสู่จุดหมายจากนั้นเขาก็เลื้อยไปยังที่มาของกลิ่นอย่างช้าๆ

หลังจากฟ่างหยุนเลื้อยไปได้ไม่กี่นาที เขาก็หยุดชะงัก ในขณะนั้นเองเขาก็เห็นกลุ่มมดกลุ่มใหญ่พวกมันมีจุดสีดำหนาแน่นตรงหน้าเขา เจ้ามดกลุ่มใหญ่นี้เคลื่อนที่ไปข้างหน้าเป็นแถวอยู่ตลอดเวลา และแน่นอนว่าพวกมันกำลังจะกลับไปที่รังของพวกมันอย่างแน่นอน

 

ภายใต้การสังเกตการณ์ของฟ่างหยุนนั้น ฝูงมดงานพวกนี้เกือบจะทุกตัวในมือของพวกมันนั้นถืออาหารชิ้นเล็ก ๆ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไรสำหรับฟ่างหยุน ณ ขณะนั้นแต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของฟ่างหยุนเป็นอย่างมากคือกลุ่มมดงานขนาดใหญ่ที่รวมตัวกันแน่น พวกมันกำลังแบกลากร่างของไส้เดือนยาวประมาณสี่ถึงห้าเซนติเมตร

 

“ ล็อกเป้าหมาย หนอนไส้เดือน สามารถเพิ่มพลังทางชีวภาพได้ 1 หน่วย ”

 

เสียงของระบบที่คุ้นเคยดังขึ้นมาอีกครั้งในหัวของฟ่างหยุน มันทำให้เขาตัดสินใจโดยไม่ลังเล ว่าจะต้องปล้นเหยื่อจากเจ้าพวกมดกลุ่มนี้ เขาคลานพุ่งตรงเข้าไปคว้าตัวไส้เดือนด้วยปากของเขา ทันทีที่สามารถงับเหยื่อได้แล้ว เขาก็เลื้อยออกไป หลังจากที่พ้นระยะห่างของเจ้ากลุ่มมดพวกนั้นแล้ว ฟ่างหยุนจึงกลืนร่างไร้วิญญาณของเจ้าไส้เดือนลงไปในท้องของเขาทันที

 

สำหรับมดงานพวกนั้นแล้วฟ่างหยุนไม่ได้ให้ค่าอะไรกับพวกมันเลย เพราะฟ่างหยุนเคยลองกินมดมาแล้ว พลังชีวภาพที่ได้รับจากมดนั้นดูเหมือนว่าจะน้อยเกินไปเขาหรับเขา และกว่าเขาพยายามจะกินมดทั้งฝูงที่มีพวกมดอยู่อย่างมากมายขนาดนี้แล้ว ฟ่างหยุนต้องถูกพวกมดงานทั้งฝูงรุมกัดอย่างแน่นอน มันอาจจะทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ หรือเรียกง่ายๆว่าอาจจะต้องตายทั้งเป็น การถูกมดทั้งฝูงรุมกัดจนตายทั้งเป็นนั้น ฟังดูแล้วมันไม่เข้าท่าเอาเสียเลย ใช่ไหม?

 

หลังจากที่เลื้อยตรงไปข้างหน้าเป็นระยะทางสิบกว่าเมตรแล้ว ฟ่างหยุนก็ต้องหยุดเลื้อยจากนั้นเขาก็กลิ้งตัวลงบนผืนหญ้าเพื่อที่จะสลัด มดออกจากลำตัวของเขา

 

“ หากนับไส้เดือนตัวนี้แล้ว ข้าจะมีพลังงานทางชีวภาพถึงสองหน่วย และการล่าครั้งนี้ก็ถือว่าผ่าน แต่ไม่เพียงพอเท่าที่ควร ฉะนั้นแล้ว ข้าคิดว่าข้าควรออกไปดูรอบๆอีกครั้ง หากพบเหยื่อที่พอจะล่าได้ก็จะล่า แต่ถ้าหากไม่พบเหยื่อแล้วละก็ ข้าจะมุ่งหน้ากลับรังอันแสนสุขของข้า ”

 

ฟ่างหยุนแหงนมองไปที่ท้องฟ้า ณ เวลานี้แสงของมันเริ่มจะสลัวแล้วในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าท้องฟ้าจะต้องมืดสนิทอย่างแน่นอน

 

บางทีอาจเป็นเพราะ ชีวิตที่ผ่านมาของเขานั้นได้เรียนรู้ว่าการล่าในตอนกลางคืนนั้นเขาไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้ล่าแต่เขายังสามารถเป็นผู้ถูกล่าจากสัตว์จำพวก นกฮูก หนู และ สัตว์ประเภทงูที่เหมือนกับเขา ก็ย่อมเป็นไปได้

 

ฉะนั้นแล้ว หลังจากทุกๆ ครั้งที่เขาล่าเหยื่อเสร็จ ฟ่างหยุน จะรีบกลับเข้ารังที่พักของเขาเพื่อนอนหลับพักผ่อนในตอนกลางคืนเสมอ

 

ท้องฟ้ายามนี้เริ่มที่จะมืดลงไปเรื่อยๆแล้ว ฟ่างหยุนก็อดที่จะถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ในขณะที่เขากำลังมุ่งหน้ากลับไปยังที่รังของเขา ทันใดนั้นเอง สัญชาตญาณที่ไวระดับสายฟ้าผ่าของเขาก็ สัมผัสกับบางอย่างที่เป็นพิเศษเข้า!

 

            ฟ่างหยุน พิจารณาที่มาของกลิ่นที่เขาสัมผัสได้นั้นอย่างระมัดระวัง ว่ามันมาจากทางไหนจากนั้นเขาก็หันหัวเลื้อยตรงไปยังทางทิศนั้นโดยไม่ลังเล เขาคลืบคลานเข้าไปอย่างมั่นใจ

 

            สองสามนาทีต่อมา ร่างกายของฟ่างหยุนก็หยุดชั่วคราว เขาค่อยๆชูคอของเขาขึ้นเล็กน้อยไปทางกิ่งไม้ สูงเหนือกิ่งไม้ขึ้นไปนั้น มันมีรังนกแห้ง อยู่ที่นั่น และเมื่อฟ่างหยุนมองเห็นรังนก เขาก็อดไม่ได้ที่จะดีใจขึ้นมาเพราะประสาทสัมผัสของเขาตอนนี้สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นของไข่ที่โชยออกมาจากรังนกนี้

 

            ขนาดของรังนกนั้น เทียบเท่ากับชามใบโต นอกจากไข่แล้วมันก็ไม่ปรากฏของร่างของสิ่งมีชีวิตอื่นใด เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ เจ้าของรังนกผืนนี้ อาจจะกำลังออกไปหาอาหารข้างนอกอยู่ก็ได้

 

            ฟ่างหยุนไม่รอช้า เขาคลานขึ้นต้นไม้เพื่อที่จะเข้าไปในรัง ทันทีที่เขาเห็นว่าในรังนั้นมีไข่ทั้งหมดอยู่สี่ฟอง เขาก็ค่อยๆขดตัวลงอย่างเงียบ ๆ

 

          “ ตรวจพบเป้าหมาย ไข่นกกระจอก แต่ละฟองนั้นให้พลังงานชีวภาพ 1 หน่วย! ”

 

รีวิวผู้อ่าน

mkli007
1217 วันที่แล้ว

ตัวเอกใช้คำแปลกๆนะ ข้าเนี้ย ต้องฉัน สิ ถ้าเป็นพวกสุภาพ ก็ ผม


  แสดงความคิดเห็น