ตอนที่21 ปัญญาอ่อนรึเปล่า?
เมื่อซูหยางห่าวถูกหลู่เชียนสุ่ยตบหน้าไม่มียั้งเช่นนี้ เขาก็ร้องไห้คร่ำครวญไม่หยุด จนในที่สุุดก็มิอาจควบคุมร่างกายของตนเองได้ เวลานี้ปัสสาวะได้ไหลออกมารดกางเกงของเขา ทุกคนที่พากันจับจ้องมองอยู่นั้น ต่างก็พากันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น
หลู่เชียนสุ่ยจ้องมองสภาพของซูหย่างห่าวด้วยความรังเกียจพร้อมหยุดฝ่ามือของตนไว้ทันที แล้วเปลี่ยนมาใช้เท้าถีบร่างของเขากระเด็นออกไปไกลและร้องตะโกนบอกไปว่า
“เจ้าไสหัวไปกลับไปที่เดิม นี่เป็นคราวของข้า!”
เหล่าสหายของซูหยางห่าวต่างก็หน้าแดงก่ำด้วยความอับอาย และไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองผู้ใดอีกเลย ท่ามกลางเสียงหัวเราะของฝูงชน พวกเขาพยายามแบกหามร่างของซูหยางห่าวกลับออกไปอย่างทุลักทุเล
“ขอบพระคุณแม่ทั้งสองยิ่งนัก!”
พนักงานต้อนรับสาวรีบเร่งเดินตรงเข้าไปหาหญิงสาวทั้งสองคน พร้อมเอ่ยคำขอบคุณออกมาในทันที
“ข้าชื่อว่าเย่ฟางเฟย ไม่ทราบแม่นางทั้งสองต้องการซื้อสิ่งใด?”
“ข้าอยากจะขอพบกับท่านประธานสมาคมนักหลอมโอสถ จางเห่อ”
“เวลานี้ท่านประธานสมาคมกำลังปลีกวิเวกเก็บตัวหลอมกลั่นโอสถอยู่ ฉะนั้นแล้ววันนี้เขาจะไม่รับแขกข้างนอกเลย”
“เข้าใจแล้ว แม่นางเย่ มิทราบว่าโอสถถอนพิษจุติราคาเท่าใด?”
“เนื่องจากโอสถถอนพิษจุติเป็นโอสถระดับสองชั้นยอด ราคาจึงค่อนข้างสูง เวลานี้ราคาอยู่ที่ครึ่งล้าน”
“ครึ่งล้าน?”
หลู่เชียนสุ่ยถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ แม้นางพอจะทราบมาว่าโอสถชนิดนี้มีราคาค่อนข้างสูง แต่ก็ไม่คาดคิดว่าจะสูงเพียงนี้
หลู่เซียวเซียวซึ่งยืนอยู่ข้างๆได้ฟังเช่นนั้น จึงได้แต่กระซิบบอกหลู่เชียนสุ่ยว่า
“ข้าบอกเจ้าแล้วยังไงเล่า โอสถระดับสองชั้นยอดนั้นมีราคาสูงยิ่งนัก พวกเราไม่มีปัญญาจ่ายไหวแน่!”
“ใครบอกเจ้าว่าข้าไม่มีปัญญาจ่ายเล่า?” หลู่เชียนสุ่ยเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย พลางเอ่ยถามเย่ฟางเฟยต่อว่า
“ไม่ทราบทางสมาคมนักหลอมโอสถรับซื้อสูตรโอสถบ้างหรือไม่?”
ในความทรงจำที่หลู่เชียนสุ่ยได้รับมาจาก‘จอมเทพโอสถ’ท่านนั้น ยังมีสูตรโอสถอีกมากมายนับไม่ถ้วน ทุกสูตรล้วนมีมูลค่าที่มหาศาลยิ่ง! แม้ว่าในตอนนี้นางจะไม่มีเงินติดตัวเลย แต่นางก็มีวิธีที่จะหาเงินได้ด้วยสูตรโอสถเหล่านี้ ดังนั้นนางจึงมั่นใจตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาในสถานที่แห่งนี้แล้ว
ทันทีที่ได้ฟังคำพูดของหลู่เชียนสุ่ย หลู่เซียเซียวถึงกับนิ่งไปด้วยความตกตะลึง แต่เมื่อได้สตินางจึงรีบเอ่ยถามออกไป
“นี่เจ้ามีสูตรโอสถกับเขาด้วยรึ?”
นางช้อนสายตาจ้องมองหลู่เชียนสุ่ยด้วยความกังขา และกำลังสงสัยว่านางคิดที่จะหลอกลวงผู้อื่นอยู่หรือไม่?
“เรียนแม่นาง ทางสมาคมย่อมต้องรับซื้อสูตรโอสถเป็นแน่ มิทราบว่าแม่นางจะนำสูตรโอสถชนิดใดมาขายให้กับทางสมาคมงั้นรึ?”
“เจ้าช่วยนำโอสถแก้พิษจุติมาให้ข้าดูหน่อยจะได้หรือไม่? ข้าต้องการตรวจสอบสินค้าเสียก่อน”
ในความเป็นจริงแล้ว เวลานี้ภายในหัวของหลู่เชียนสุ่ยมีสูตรโอสถอยู่มากมายมหาศาล จนไม่สามารถตัดสินได้ว่าจะนำสูตรโอสถชนิดใดออกมาจำหน่ายขายดี
“แม่นางได้โปรดรอข้าอยู่ตรงนี้สักครู่ ข้าจะรีบไปนำโอสถแก้พิษจุติมาให้ท่านตรวจสอบเดี๋ยวนี้”
โอสถระดับสองชั้นยอดเป็นของหาได้ยากยิ่งภายในเมืองชิงหยุน ดังนั้นในสมาคมส่วนนอกจึงไม่มีโอสถชนิดนี้วางจำหน่ายเหมือนเช่นโอสถทั่วไป เย่ฟางเฟยจึงเร่งวิ่งเข้าไปด้านในเพื่อนำโอสถชนิดนี้ออกมา
หลังจากนั้นไม่นาน เย่ฟางเฟยก็ออกมาพร้อมกับโอสถเม็ดหนึ่งประด้วยลวดลายครามสีน้ำเงิน และนี่คือโอสถถอนพิษจุติ นางยื่นโอสถเม็ดนั้นให้กับหลู่เชียนสุ่ยทันที
“แม่นาง นี่คือโอสถแก้พิษจุติที่ท่านต้องการ”
เมื่อคนอื่นๆที่อยู่โดยรอบเห็นว่า หลู่เชียนสุ่ยกำลังจะซื้อโอสถระดับสองชั้นยอด พวกเขาก็อดใจที่จะชะโงกมองมิได้ เพราะโอสถดังกล่าวเป็นของหายากยิ่งนัก น้อยครั้งที่พวกเขาจะมีโอกาสได้เห็นประจักษ์แก่สายตาเช่นนี้
หลู่เชียนสุยสูดกลิ่นโอสถเข้าไปเล็กน้อย พลันใบหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดทันที สีหน้าบ่งบอกชัดเจนว่าไม่พึงพอใจในโอสถที่เย่ฟางเฟยนำออกมา พร้อมเอ่ยปากกล่าวออกไปว่า
“โอสถนี้ยังมีคุณภาพที่ต่ำเกินไป ความบริสุทธิ์มีเพียงแค่หนึ่งในสิบส่วนเท่านั้น?”
“ห๊ะ?”
เย่ฟางเฟยถึงกับร้องอุทานออกมาและยืนตะลึงอ้าปากค้างอยู่เช่นนั้น ผู้คนโดยรอบต่างพากันจับจ้องหลู่เชียนสุ่ยด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ทุกคนต่างคิดตรงกันว่าหญิงสาวผู้นี้ช่างเป็นคนไร้เหตุผลยิ่งนัก จากนั้นพวกเขาก็เริ่มจับกลุ่มซุบซิบกันเบาๆ
“เมื่อครู่นี้นายน้อยซูกล่าวว่า นางคือสวะไร้ประโยชน์ของตำหนักเจ้าเมืองไม่ใช่รึ? เช่นนั้นแล้วสวะอย่างนางจะมีความรู้เรื่องโอสถมากเพียงใดกัน? เหตุใดยังกล้าสงสัยโอสถระดับสองชั้นยอดได้ นี่นางโง่หรือว่าเสียสติกันแน่?”
“ข้าไม่คิดว่าสมองของนางจะปกติ!” ใครบางคนออกความเห็นเพิ่มพร้อมยกมือชี้ไปที่ศรีษะของตนเอง แล้วทำหน้าตาล้อเลียน
“ไม่เชนนั้นผู้คนในตำหนักเจ้าเมืองจะถูกเรียกขานนางว่านังสวะได้อย่างไร? แล้วเมื่อครู่นางยังกล้าตบหน้านายน้อยสองแห่งตระกูลซูอีก หากหลู่เซียวเซียวไม่รั้งแขนของนายน้อยสองเอาไว้ ป่านนี้นางคงถูกกระทืบจนพิการไปแล้ว!”
“ถูกต้อง! มีข่าวว่าตระกูลซูกำลังเปลี่ยนคู่หมั้นเพื่อความปรองดองระหว่างสองกลุ่มอำนาจ เป็นไปได้หรือไม่ว่า เพราะเหตุนี้จึงทำให้นางผิดหวังเสียใจจนเสียสติไปเช่นนี้?”
หลู่เซียวเซียวได้ยินทุกคำพูดที่ผู้คนรอบข้างสนทนากัน นางรู้สึกอับอายเป็นที่สุด เวลานี้นางไม่ต้องการอะไรไปมากกว่าการออกห่างจากหลู่เชียนสุ่ยให้ไกลที่สุด และหากเป็นไปได้นางอยากแสร้งทำเป็นไม่รู้จักหลู่เชียนสุ่ยด้วยซ้ำไป
แต่ถึงกระนั้น หลู่เชียนสุ่ยกลับไม่มีท่าทีสนใจผู้ใดทั้งสิ้น
นางยังคงยืนขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความไม่พอใจ และกำลังคิดว่านางจะไม่มีทางยอมแลกเปลี่ยนสูตรโอสถที่ล้ำค่าของตน กับโอสถที่ไร้คุณภาพเช่นนี้เป็นอันขาด!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ หลู่เชียนสุ่ยจึงส่งโอสถเม็ดนั้นกลับคืนให้เย่ฟางเฟยทันทีพร้อมกล่าวกับนางว่า
“แม่นาง โอสถเม็ดนี้คุณภาพแย่ยิ่งนัก เจ้าช่วยไปนำโอสถเม็ดใหม่ที่มีคุณภาพดีกว่านี้มาให้ข้าหน่อยจะได้หรือไม่?”