ตอนที่14 ความทรงจำของจอมเทพโอสถ
ภายในห้วงมิติอันไร้ขอบเขตภายในดินแดนธารบรรพต กลิ่นอายบรรพกาลอันเป็นเอกลักษณ์คละคลุ้งออกมาจากตัวศิลาขอบเขตธารบรรพต ยิ่งหลู่เชียนสุ่ยฝึกปรือขัดเกลาฝีมือมากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเริ่มใกล้ชิดกับสิ่งนี้มากขึ้นเท่านั้น
เวลานี้เรือนร่างบอบบางสง่าของนางกำลังยืนอยู่เบื้องหน้าศิลาขอบเขตธารบรรพตสีเทาที่ตั้งตระหง่านอย่างองอาจ ดวงตาทั้งคู่จับจ้องโดยมิทราบเหตุผลว่าไฉนนางจึงได้รู้สึกตื่นเต้นถึงปานนี้ หลู่เชียนสุ่ยหายใจเข้าลึก คล้อยหลังจากที่ระงับอารมณ์ประหม่าตื่นเต้นลงได้ จึงประทับฝ่ามือลงบนแผ่นศิลาตรงหน้าพร้อมหลับตาลง และเริ่มถ่ายเทพลังปราณไหลรินเข้าสู่ตัวศิลา
ทันทีทันใดแสงสีขาวจางพลันสาดกระจายเฉิดฉายออกจากตัวศิลาขอบเขตธารบรรพตทันที
แรงดูดมหาศาลจากตัวศิลาขอบเขตธารบรรพตกลืนกินพลังทั้งหมดของนางอย่างกระหายในหนึ่งอึดใจ ดวงเนตรคู่งามของนางพลันหรี่แคบลง สีหน้าของหลู่เชียนสุ่ยที่แสดงออกในตอนนี้บ่งบอกถึงความเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด ร่างของนางเริ่มสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ก่อนจะไม่สามารถทรงตัวอยู่ต่อไปได้อีก
ทันใดนั้นเอง
บูมมม!
คล้ายมีบางอย่างไหลบ่าเข้าสู่จิตใจของหลู่เชียนสุ่ยจนเกิดระเบิดขึ้น วิสัยทัศน์เริ่มพล่ามัวจนมืดบอด ก่อนจะเป็นลมหมดสติล้มลงทั้งแบบนั้น
...............
คล้อยหลังไม่ทราบนานเท่าใด ขนตาเป็นแพรงดงามของหลู่เชียนสุ่ยก็เริ่มสั่นไหว จากนั้นจึงค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะพบว่าตนเองนอนสติอยู่ในห้วงมิติดินแดนธารบรรพตมาโดยตลอด
“เกิดอะไรขึ้นกับข้า?”
นางเอื้อมมือขึ้นสัมผัสหน้าผากของตนเองเล็กน้อย และพยายามอย่างยิ่งที่จะระลึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่แล้วธารข้อมูลจำนวนมหาศาลจากไหนไม่ทราบ ต่างก็หลั่งไหลออกมาจากส่วนลึกในห้วงความคิดของนางเต็มไปหมด
ข้อมูลจำนวนมหาศาลเกินคณานับเหล่านี้ ได้สร้างความเจ็บปวดรวดร้าวอย่างยิ่งให้แก่สมองของนางคล้ายเกินจะรับไหว และในเวลานี้หลู่เชียนสุ่ยก็รู้สึกปวดหัวและเวียนศีรษะอย่างหนักจนแทบขาดใจ นางเจ็บปวดทรมานจนแทบอยากเอาศรีษะกระแทกกับพื้นอย่างรุนแรงจะได้สิ้นใจตายให้พ้นจากความทรมานนี้เสียที
แต่นับว่ายังโชคดี ที่หลังจากนั้นไม่นานนักอาการปวดศรีษะทั้งหมดก็ได้อันตรธานหายไป
และอาการเจ็บปวดรวดร้าวที่เคยมีก็ได้หายเป็นปลิดทิ้ง
เวลานี้หลู่เชียนสุ่ยกำลังถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ร่างกายของนางเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อราวกับเพิ่งขึ้นมาจากแม่น้ำ อย่างไรก็ดี ในท้ายที่สุดนางก็จดจำทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนหน้าได้ ยามนี้นางจึงอดที่จะหวาดกลัวมิได้
“ไม่น่าแปลกใจเลย ที่ครานั้นชายชราลึกลับได้ย้ำกับข้านักหนาว่า จิตวิญญาณของข้ายังมีความแข็งแกร่งไม่เพียงพอ แต่ข้ากลับเป็นดั่งคนโง่คนหนึ่งที่พยายามจะผสานรวมกับชิ้นส่วนความทรงจำที่อัดแน่นอยู่ในศิลาขอบเขตธารบรรพต และข้อมูลจากชิ้นส่วนเหล่านั้นกลับมีจำนวนมหาศาลเกินไป ความใจร้อนด่วนได้นี้จึงส่งผลให้ข้าต้องเจ็บปวดทรมานถึงเพียงนี้”
ในเวลาเดียวกัน หลู่เชียนสุ่ยจึงได้ตัดสินใจแน่วแน่ว่า ในวันข้างหน้า หากความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณยังไม่พัฒนาขึ้น นางจะไม่มีวันแตะต้องศิลาขอบเขตธารบรรพตอย่างเด็ดขาด
หลู่เชียนสุ่ยฟื้นตัวสมบูรณ์หลังจากนั้นไม่นาน จากนั้นนางจึงเริ่มศึกษาความทรงจำเหล่านั้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป เสมือนการย่อยความองค์รู้และค่อยๆกลั่นกรองถ่ายเทข้อมูลสู่สมองอีกชั้นหนึ่ง
เวลาล่วงเลยไปครู่หนึ่ง ดวงตาของนางก็เบิกโพลงด้วยความอัศจรรย์ใจ
“โอ้สวรรค์! นับเป็นความโชคดีของข้าโดยแท้! ชิ้นส่วนความทรงจำที่ข้าได้มาล้วนเป็นของนักหลอมโอสถ!”
“นอกจากนั้น...นักหลอมโอสถผู้นี้ดูเหมือนจะมีฝีมือแกร่งกล้าเชี่ยวชาญยิ่ง! คล้ายกับว่าคนผู้นี้จะถูกเรียกขานว่า‘จอมเทพโอสถ’! เท่าที่ข้ารู้มาหากเป็นแค่ข้อมูลของนักหลอมโอสถระดับเก้าก็นับว่าน่าประทับใจยิ่งแล้ว แต่ในความทรงจำของ‘จอมเทพโอสถ’ท่านนี้ยังดูเหนือชั้นกว่าระดับเก้าทั่วไป! โอ้สวรรค์! เขาผู้นี้เป็นใครกันแน่? ไฉนจึงได้เก่งกาจถึงขั้นวิปลาสเพียงนี้!”
หลู่เชียนสุ่ยปิดเปลือกตาลงอีกครั้งเพื่อระงับความตื่นเต้นที่ปะทุขึ้นภายในใจ นางเริ่มซึมซับความทรงจำที่ได้รับอีกครั้งอย่างแช่มช้า เพราะนางเองก็ไม่เคยศึกษาเรื่องศาสตร์แห่งโอสถมาก่อนเช่นกัน
‘ข้าไม่เข้าใจเลยจริงๆ! เฮ้อ! ดูเหมือนว่าข้าเองก็ควรจะต้องศึกษาพื้นฐานเรื่องโอสถเสียหน่อย จึงจะกลายมาเป็นนักหลอมโอสถตัวจริงได้! เวลานี้สิ่งที่ข้าเข้าใจคือเพียงแค่รู้ว่าความทรงจำนี้เป็นของ‘จอมเทพโอสถ’ท่านั้น’
“แต่ไม่ว่าอย่างไร นี่ก็ถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างมากสำหรับตัวข้า ข้ามิได้หวังที่จะเข้าใจทั้งหมดในคราเดียว ข้าควรจะค่อยๆศึกษาความทรงจำเหล่านี้อย่างช้าๆให้ถ่องแท้!”
ไม่นานหนึ่งวันก็ผ่านพ้นไป
หลู่เชียนสุ่ยพยายามศึกษาความทรงจำของ‘จอมเทพโอสถ’ท่านนั้นอย่างใจจดใจจ่อ ในช่วงเวลาเพียงสั้นๆ จากที่นางไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโอสถเลย กลับแปรเปลี่ยนกลายเป็นปรมาจารย์นักหลอมโอสถในชั่วพริบตา!
หากให้ผู้ใดล่วงรู้เรื่องนี้เข้า ลูกตาของคนเหล่านั้นอาจต้องถลนออกมาด้วยความตกใจเป็นแน่!