px

เรื่อง : มเหสียอดนักฆ่า
ตอนที่11 สุนัขรับใช้


ตอนที่11 สุนัขรับใช้

 

น้อมรับคำสั่งคุณหนูหลู่เชียนเยว่ บ่าวทั้งหมดรีบตรงเข้าไปในเรือนพักของหลู่เชียนสุ่ยทันที

 

เมื่อเห็นการกระทำเช่นนี้ ใบหน้าเรียวงามของหลู่เชียนสุ่ยพลันนิ่งขรึมลงเล็กน้อย แววตาคู่นั้นทอประกายอาฆาตออกมาวูบหนึ่ง นางย่างก้าวตรงเข้าหาบรรดาบ่าวทั้งหมดที่บุกเข้ามา แล้วระเบิดขุมพลังอาณาจักรปรับวิญญาณระดับสามออกมาอย่างเต็มที่

หลู่เชียนสุ่ยเค้นเสียงเย็นคำรามลั่น

“ไสหัวออกไป!”

 

บ่าวพวกนั้นโดยส่วนใหญ่อยู่ในอาณาจักรปรับวิญญาณระดับหนึ่งและสองเท่านั้น จึงหาใช่คู่ต่อสู้ของนางไม่? เพียงแค่สัมผัสถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวที่แผ่ซ่านออกมา ทั้งหมดต่างก็รีบถอยร่นออกห่างทันที

 

ในขณะนี้ หลู่เชียนสุ่ยแต่งกายด้วยแพรพรรณเนื้อบางเบา นางตั้งใจสวมชุดที่สามารถเคลื่อนไหวได้ง่ายที่สุด เพื่อให้สะดวกต่อการฝึกปรือ แต่ถึงกระนั้น ชุดแพรพรรณที่เรียบง่ายกลับไม่สามารถบดบังความงดงามของนางได้เลยแม้นสักนิด แต่กลับยิ่งขับให้นางดูงดงามกว่าปกติ แลกลิ่นอายเย็นยะเยือกสะท้านขวัญในเวลานี้ ทำให้หลู่เชียนสุ่ยยิ่งดูองอาจทรงพลังเหนือฟ้า คลื่นแรงกดดันหอบใหญ่ที่พัดผ่านทำให้ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้นางเลยสักคน

 

“หื้ม? อาณาจักรปรับวิญญาณระดับสาม?”

หลู่เชียนเยว่ที่จับตามองเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดนั้น ยามนี้ดวงตาของนางเบิกโพลงด้วยความตกตะลึงอย่างยิ่ง จนต้องอุทานลั่นอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาว่า

“เป็น...เป็นไปได้อย่างไร? มิใช่ว่าเศษสวะไร้ประโยชน์อย่างนางจะไม่สามารถบ่มเพาะพลังได้หรอกรึ? แต่นี่...ไม่เพียงนางจะระดมพลังได้ ทว่ายังมีพลังสูงถึงอาณาจักรปรับวิญญาณระดับสาม?! นี่เป็นไปไม่ได้...”

 

หลู่เว่ยซ่งที่อยู่ข้างกายไม่ห่างพลันรู้สึกตื่นตะลึงไม่ต่างกัน คล้อยหลังเขาหรี่ตาลงเล็กน้อยและเอ่ยปลอบใจไปว่า

“ดูท่านังสวะนี่ยังพอมีไหวพริบอยู่บ้าง ถึงซ่อนเร้นความสามารถเอาไว้เช่นนี้ ทว่าแล้วอย่างไร? ก็แค่อาณาจักรปรับวิญญาณระดับสาม จะมีปัญญาทำอะไรพวกเราได้เล่า? เจ้าอยู่ในระดับสี่ ส่วนข้าอยู่ในระดับห้า แม้นางจะมีพลังอยู่ในระดับสาม แต่หากเราสองคนลงมือก็ยังไม่ต้องเอาจริงด้วยซ้ำไป!”

 

หลู่เชียนเยว่ได้สติพลันนึกขึ้นได้ในทันที ก่อนจะหันขวับไปจับจ้องอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเดือดดาล พร้อมกล่าวอย่างไม่ค่อยพอใจว่า

“ข้าหรือหวาดกลัวเศษสวะนี่? ข้านับเป็นผู้มีพรสวรรค์คนหนึ่ง เป็นรองก็เพียงแค่ท่านพี่ซิงเฉินเท่านั้น แค่กำจัดขยะชิ้นหนึ่งไยต้องให้เจ้ายื่นมือเข้ายุ่งเกี่ยวด้วย?”

 

“ถูกต้องแล้ว! ถูกต้องที่สุด! แม่นางเชียนเยว่นับเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริงคนหนึ่ง เจ้าทั้งมากพรสวรรค์และงดงามเกินพรรณนา แต่เพราะเจ้าสูงส่งเกินไปอย่างไรเล่า ข้าจึงไม่อยากให้เทพธิดาอย่างเจ้าต้องมาพัวพันกับเศษขยะชิ้นหนึ่ง ข้าจะปล่อยให้หญิงสาวผู้งดงามเช่นเจ้าลงมือเองได้อย่างไรกัน? ให้ข้าจัดการกับนังสวะนี่เองเถิด”

 

หลู่เชียนเยว่เหลือบมองหลู่เชียนสุ่ยด้วยหางตาเล็กน้อยราวกับคร้านที่จะใส่ใจ  ไม่ว่าจะมองอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นเพียงแค่เศษสวะชิ้นหนึ่งอยู่ดี นางพยักหน้าตอบและฉีกยิ้มกว้างกล่าวว่า

“เจ้ากล่าวถูกแล้ว เศษขยะอย่างนางไม่คู่ควรให้ข้าต้องลงมือด้วยตนเอง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หลู่เว่ยซ่ง เจ้าไปจัดการหักแขนหักขาของนางแล้วจับโยนออกไปจากตำหนักเจ้าเมืองซะ!”

 

“ตกลง!”

ยามนี้หลู่เว่ยซ่งแสยะยิ้มกว้างดูน่าเกลียดอย่างยากที่จะหาสิ่งใดเปรียบได้ เขาย่างสามขุมตรงเข้าหาหลู่เชียนสุ่ยทันทีพลางถูมือไปมา จากนั้นจึงยกมือขึ้นโบกส่งสัญญาณให้บ่าวทั้งหมดถอยกลับออกไปและกล่าวว่า

“หลีกไป! ข้าจะเก็บกวาดขยะชิ้นนี้เอง!”

 

สายตาทั้งคู่ของหลู่เชียนสุ่ยจ้องเขม็งไปที่ร่างของหลู่เว่ยซ่ง จากนั้นดวงเนตรงดงามจึงค่อยๆหรี่เล็กลง

ตอนนี้นางมีพลังอยู่ที่อาณาจักรปรับวิญญาณระดับสาม ในขณะที่อีกฝ่ายอยู่ทีระดับห้า ความแตกต่างถึงสองระดับนั้นนับว่าเป็นช่องว่างที่ค่อนข้างกว้างมาก หากในยามนี้นางมีดาบอยู่ในมือ คงสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้อย่างไม่ยากเย็นนัก เพียงสำแดงใช้เพลงดาบธารบรรพตแค่หนึ่งกระบวนก็นับว่าเกินพอแล้ว แต่ปัญหาคือ...นางไม่มีดาบ

 

หากไม่มีดาบก็มิอาจปลดปล่อยเพลงดาบธารบรรพตออกมาได้ ดังนั้นสิ่งที่นางพอจะทำได้ในยามนี้คือ การสำแดงใช้เพลงหมัดสะบั้นบรรพตออกมา

นางยังคงนึกถึงเรื่องราวในอดีตได้เป็นอย่างดี หลู่เว่ยซ่งผู้นี้เป็นคนหยิ่งผยองอวดดียิ่งกว่าอะไร สายตาของเขาที่จ้องมองมาทางตนนั้น บ่งบอกถึงเจตนาร้ายอย่างชัดแจ้ง ประดุจว่ากำลังมองปลาน้อยที่ดิ้นอยู่บนเขียง

“นังขยะเข้ามาเร็ว! ข้าจะสอนให้เจ้ารู้ว่าผู้ที่มีมารยาทควรต้องทำตัวเยี่ยงไร!”

 

สายตาของหลู่เชียนสุ่ยเปลี่ยนไปเล็กน้อย ทันทีทันใดความคิดหนึ่งพลันโฉบแล่นผ่านเข้ามาในหัว นางเลิกคิ้วเล็กน้อยพลางแสยะยิ้มกล่าวขึ้นว่า

“ก็เข้ามาสิ เจ้าสุนัขรับใช้!”

 

“อะไร? เจ้ากล้าพูดจาเช่นนี้กับข้าเชียวรึ? ลองลิ้มรสเพลงหมัดทองคำของข้าดู!”

กำปั้นทั้งส่องสะท้อนกลายเป็นสีทองคำ หลู่เว่ยซ่งปราดพุ่งเข้าใส่ร่างของหลู่เชียนสุ่ยทันทีพร้อมเสียงคำรามทุ้มต่ำ ถึงแม้นกำปั้นนี้จะเปลือยเปล่า แต่มันก็ชักพากระแสพลังขุมใหญ่ซัดกกระหน่ำออกไป ความเชี่ยวชาญต่อเพลงหมัดทองคำของหลู่เว่ยซ่งอยู่ในขอบเขตสามัญ

“นั้นแหละ! มองข้ามเรื่องเพลงหมัดทองคำไปได้เลย แค่ระดับพลังเพียงอย่างเดียว ก็นับว่าหลู่เว่ยซ่งเหนือชั้นกว่านังขยะนั่นถึงสองระดับชั้น นอกจากนี้ด้วยนิสัยของเขาเอง ต่อให้คู่ต่อสู้ตรงหน้าเป็นผู้หญิงก็ไม่มีทางออมมือให้เป็นแน่! ดูท่าครั้งนี้นังขยะนั่นคงชะตาขาดแล้ว! อ่า! น่าเสียดายโดยแท้! ไม่ว่าอย่างไรนางก็เป็นถึงบุตรสาวในไส้ของท่านเจ้าเมืองโดยตรง ช่างน่าเศร้านัก ช่างน่าเศร้านัก! ฮ่าๆๆ!”

 

แต่ในขณะที่หลู่เชียนเยว่กำลังเอ่ยปากเยาะเย้ยถากถางอยู่นั้นเอง ทันใดนั้น…

 

รีวิวผู้อ่าน