px

เรื่อง : มเหสียอดนักฆ่า
ตอนที่6 ศิลาขอบเขตธารบรรพต


ตอนที่6 ศิลาขอบเขตธารบรรพต

 

หลู่เชียนสุ่ยบันดาลโทสะยิ่ง นางอยากจะคว้าป้ายหยกตรงหน้าโยนทิ้งไปเสีย แต่เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าโลกนี้ยังมีอันตรายอยู่มากและผู้เหมาะสมเท่านั้นจึงจะอยู่รอด หากเก็บป้ายหยกนี้ไว้ มันอาจช่วยชีวิตนางได้ในช่วงวินาทีแห่งความเป็นความตาย นางจึงเปลี่ยนใจเก็บเอาไว้ อีกทั้งชายผู้นี้ยังน่าประทับใจยิ่งนัก

 

“แต่มีสิ่งหนึ่งที่บุรุษผู้นี้กล่าวได้ถูกต้องยิ่งนัก ข้าอ่อนแอเกินไป!” ความคิดนี้พลันแล่นเข้ามาในห้วงมโนของหลู่เชียนสุ่ย แววตาปรากฏความไม่พอใจขึ้นวูบหนึ่ง

 

“เป็นเพราะข้าอ่อนแอ หลู่จิ้งเฟิงจึงได้ดูถูกเหยียดหยันข้าเช่นนี้! เป็นเพราะข้าอ่อนแอ หลู่ซิงเฉินจึงกล้าทรยศหักหลังข้า ทำให้ข้าได้รับความอับอายอย่างไร้ศีลธรรมที่สุด! และเป็นเพราะข้าอ่อนแอ บุรุษผู้นั้นจึงกล้าดูดเลือดของข้า!”

 

“หากข้าแข็งแกร่งมากกว่านี้ คนพวกนั้นคงไม่กล้ากระทำต่อข้าเช่นนั้นแน่!”

 

“ต้องแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้! ข้าต้องแกร่งกว่านี้ให้จงได้! ผู้คนจะได้ไม่ดูถูกเหยียดหยามข้า ไม่กล้าทรยศหลอกลวงข้า และจะไม่มีผู้ใดบังอาจทำให้ข้าต้องอับอายอีก! ข้าจะตอบแทนผู้ที่ทำกับข้าและท่านแม่อย่างสาสมที่สุด!”

 

ไฟปรารถนาในใจนี้ได้ลุกโชนมากยิ่งขึ้น หลู่เชียนสุ่ยรีบกลับเข้าไปในห้องของตน และเริ่มฝึกฝนอย่างหนักหน่วงอีกครั้ง

 

“อีกเพียงแค่หนึ่งวันเท่านั้น.. ข้าเพียรฝึกอีกเพียงแค่หนึ่งวันเท่านั้น ก็จะสามารถบำเรอผืนกระดาษสีขาวในจุดตันเถียนให้อิ่มหนำได้แล้ว เมื่อนั้นมันจะกลายเป็นสีทองทั่วทั้งแผ่น ผืนกระดาษสีขาวปริศนานี้ได้ดูดกลืนความแข็งแกร่งของข้าเข้าไปนานนับสิบปีเช่นนี้ แม้แต่ตัวข้าเองก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่าเมื่อผืนกระดาษนี้เปลี่ยนเป็นสีทองทั้งแผ่นแล้ว จะเกิดสิ่งใดขึ้นกับร่างกายของข้าบ้าง…”

 

หลู่เชียนสุ่ยกระวนกระวายใจยิ่งนัก นางปิดเปลือกตาทั้งสองข้างลง และรีบทำการดูดซับพลังที่อยู่ระหว่างสวรรค์กับผืนโลกเข้าไป นางเริ่มทำการดูดพลังเหล่านี้เข้าไปบำรุงเลี้ยงดูผืนกระดาษขาวในจุดตันเถียนของตนทันที...

 

ภายใต้การปรนเปรอพลังเข้าไปอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดผืนกระดาษลึกลับที่ลอยไปลอยมาอยู่ภายในจุดตันเถียนของหญิงสาว ก็ได้กลายเป็นสีทองทั่วทั้งแผ่นแล้ว.

 

ในที่สุด!!

บูม!!

 

หลู่เชียนสุ่ยสัมผัสได้ถึงแรงระเบิดที่เกิดขึ้นภายในจุดตันเถียนของตน เวลานี้ความเจ็บปวดรวดร้าวรุนแรงได้แผ่ซ่านไปตามเส้นลมปราณทั่วร่าง จากนั้นทุกอย่างก็ดับมืดลง นางเป็นลมสิ้นสติไปในทันที

……

 

แต่เมื่อหลู่เชียนสุ่ยตื่นขึ้นมาอีกครั้ง นางก็พบว่าสิ่งต่างๆแวดล้อมรอบตัวนางนั้นได้เปลี่ยนไป นี่ไม่ใช่ห้องนอนที่นางคุ้นเคย..

 

สีหน้าของนางเปลี่ยนไปทันที นางผลุนผันลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว พร้อมกับมองสำรวจไปออกไปนอกห้อง “ที่นี่คือที่ใดกัน?! เหตุใดข้าจึงมาอยู่ที่นี่ได้?”

 

สิ่งที่นางเห็นคือความรกร้างว่างเปล่าไร้ขอบเขต เบื้องหน้ามีศิลาแปลกประหลาดดูลึกลับตั้งอยู่ ให้ความรู้สึกถึงยุคสมัยโบร่ำโบราณได้เป็นอย่างดี

 

หลังจากสอดส่ายสายตาสำรวจดูอยู่ครู่ใหญ่ เชียนสุ่ยกลับไม่พบสัญญาณอันตรายใดๆ นางจึงได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ จากนั้นจึงค่อยๆสาวเท้าเดินตรงเข้าไปยังศิลาแปลกประหลาดที่อยู่เบื้องหน้า หลังจากเพ่งพินิจดูเนิ่นนาน นางจึงพบว่ามีมังกรท่าทะยานคล้ายมีชีวิตทั้งสี่สลักอยู่บนแผ่นศิลา และมีอักษรขนาดใหญ่สลักไว้ว่า ‘พุ่งทะยาน’

 

นี่คือศิลาขอบเขตธารบรรพต!

 

“ศิลาขอบเขตธารบรรพต?” หลู่เชียนสุ่ยพึมพำกับตัวเอง “มันคือสิ่งใดกัน?”

 

“ศิลานี้เป็นสมบัติประจำตระกูลหลู่แห่งธารบรรพต! และเป็นสิ่งสำคัญของดินแดนธารบรรพตแห่งนี้” เสียงของชายชราผู้หนึ่งดังขึ้น

 

“ผู้ใดกัน?”  จู่ๆมีเสียงพูดดังขึ้นมาเช่นนี้ หลู่เชียนสุ่ยถึงกับตกใจกลัว นางกวาดสายตามองไปรอบห้อง และพบร่างเลือนลางของชายชรากำลังลอยอยู่เหนือศิลาขอบเขตธารบรรพตที่อยู่เบื้องหน้า

“…ท่าน ท่านเป็นมนุษย์หรือภูติผีวิญญาณกันแน่?” หลู่เชียนสุ่ยก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวขณะเดียวกันสายตาก็จับจ้องอยู่ที่ร่างเลือนลางนั้น

 

“แม่นาง เจ้าฝึกเพลงกระบี่ธารบรรพตแท้ๆ แต่กลับไม่รู้จักตระกูลหลู่แห่งธารบรรพตงั้นรึ?”

 

ตระกูลหลู่แห่งธารบรรพต?  ชื่อนี้ฟังดูยิ่งใหญ่นัก แต่นางกลับไม่เคยได้ยินมาก่อน ชายชราผู้นี้เอ่ยถึงเพลงกระบี่ธารบรรพตซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่ท่านแม่ของนางทิ้งไว้ให้ ทำให้เชียนสุ่ยสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของความเป็นครอบครัว และเชื่อในคำพูดของชายชราผู้นี้ขึ้นมาบ้าง

 

“ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องตระกูลหลู่แห่งธารบรรพตมาก่อนเลย” แม้ตัวนางเองจะแซ่หลู่ แต่เชียนสุ่ยก็ไม่รู้สึกว่าตนจะเชื่อมโยงกับชายชราผู้นี้แต่อย่างใด

 

ผ่านไปครู่หนึ่ง หลู่เชียนสุ่ยจึงเอ่ยวาจาออกไปอีกครั้ง “ที่นี่คือที่ใดกัน? แล้วท่านคือผู้ใด เหตุใดข้าจึงมาอยู่ที่นี่ได้?”

 

“เรื่องราวค่อนข้างยาว.. เพราะต้องการฟื้นฟูดินแดนธารบรรพตแห่งนี้ ข้าจึงได้ใช้พลังไปจนแทบหมดสิ้นแล้ว อีกไม่นานข้าจักต้องเข้าสู่ห้วงนิทราอันยาวนานแล้ว จึงขอเลือกบอกเฉพาะเรื่องที่สำคัญกับเจ้าเท่านั้น” 

น้ำเสียงของชายชราฟังดูจริงจังยิ่งนัก ทำให้หลู่เชียนสุ่ยรับรู้ถึงความสำคัญของเรื่องนี้ไปด้วย

 

“แม่นาง ก่อนอื่นข้าขอบอกกับเจ้าก่อนว่า เจ้าคือทายาทตระกูลหลู่แห่งธารบรรพต ผู้ซึ่งกุมชัยชนะมาตลอดกาล สามารถหดย่อดินแดน หยุดเวลา หยุดกลางวันกลางคืนได้ เช่นนี้แล้วเจ้าควรภาคภูมิใจในตระกูลหลู่ของตน”

 

เมื่อได้ฟังคำบอกเล่าของชายชรา หัวใจของหลู่เชียนสุ่ยถึงกับเต้นแรง  หดย่อดินแดน? หยุดเวลา? หยุดกลางวันกลางคืน? มีเรื่องมหัศจรรย์เช่นนี้บนโลกด้วยรึ?

 

หากข้าเป็นทายาตระกูลหลู่แห่งธารบรรพตจริง ในวันข้างหน้าข้าย่อมจักสามารถทำเรื่องน่ามหัศจรรย์เช่นพวกเขาได้กระมัง?

รีวิวผู้อ่าน