
1626 วันที่แล้ว
ค้างงงงงง
ตอนที่ 50 สำรวจท่าที
เฉินหลี่ชิงรับประทานอาหารมื้อนี้ด้วยความยากลำบาก ทันทีที่ทุกอย่างจบลง เขารีบหาช่องทางเพื่อขอตัวออกจากตรงนี้ทันที เมื่อเขาออกมาถึงประตู ชายหนุ่มได้พบกับเฉินหลี่ฟางซึ่งเป็นน้องสาวของเขาเอง…
ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความสดใสและมีความสุข
เฉินหลี่ฟางฮัมเพลงเบา ๆ บนรถม้าอย่างมีความสุข ขาน้อย ๆ ของนางแกว่งไกวไปมา เห็นได้ชัดว่านางกำลังอารมณ์ดีมาก
เมื่อเปรียบเทียบกับใบหน้าตนเองกับเฉินหลี่ฟาง… เขารู้สึกว่าชีวิตของเขาช่างน่าสมเพชยิ่งนัก
“โธ่ ๆ น้องสาวข้า เจ้าอารมณ์ดีขนาดไหนกันเชียวถึงได้นั่งแกว่งขาอย่างสบายอารมณ์เช่นนี้” เฉินหลี่ชิงกล่าวกับน้องสาวที่อยู่ตรงหน้าอย่างอารมณ์ไม่ค่อยดี
เฉินหลี่ฟางไม่ได้สังเกตเลยว่าใบหน้าของพี่ชายตนเองหม่นหมองมากเพียงใด นางรีบบรรยายความสุขที่นางได้พบเจอว่าทำไมนางจึงได้อารมณ์ดีอย่างยิ่ง เฉินหลี่ชิงที่ได้ยินเช่นนั้นรู้สึกหดหู่มากกว่าเดิมหลายเท่า เขาคงหมดหวังเสียแล้ว เขาคงจะไม่ได้เห็นหน้าน้องชายและน้องสาวผู้น่ารักของฟางฮั่น เขาคงจะไม่ได้ลิ้มรสชาติอาหารที่แสนอร่อยของนาง…
เขารู้สึกอิจฉาเด็กหญิงตรงหน้าของเขาอย่างถึงที่สุด !
ทันทีที่เห็นใบหน้าของพี่ชายตนเองดูสิ้นหวังอย่างหนัก เฉินหลี่ฟางก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “พี่ใหญ่… เป็นเพราะท่านทนไม่ได้ที่จะต้องหักหน้าผู้อื่นจนต้องเดือดร้อนตนเองอีกแล้วใช่หรือไม่ ? ข้าบอกแล้วว่าถ้าหากพาอาตงมาด้วย เรื่องราวมันจะง่ายกว่านี้”
อาตงเป็นคนสนิทของเฉินหลี่ชิง เขาเป็นคนรับใช้ที่ปากไวและเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมทันคน เขาเป็นคนที่จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้กับเฉินหลี่ชิง อย่างไรก็ตามการกระทำแบบนั้นทำให้เฉินหลี่ชิงรู้สึกอับอายและเขาไม่เต็มใจที่จะพาอาตงไปไหนมาไหนด้วย
ตอนนี้เฉินหลี่ชิงมองมาที่น้องสาวของเขาอย่างหงุดหงิด “เจ้าก็พูดง่ายนี่ แล้วทำไมเจ้าถึงไม่พาไฉ่เซี๋ยมาด้วยล่ะ”
เฉินหลี่ฟางแล่บลิ้นใส่พี่ชาย ไฉ่เซี๋ยเป็นสาวใช้คนสนิทของนางเช่นกัน นางเป็นผู้หญิงตัวเล็กบอบบางและมักจะร้องไห้อยู่บ่อย ๆ เมื่อถูกเฉินหลี่ฟางดุ ดังนั้นเมื่อได้ออกจากบ้าน เฉินหลี่ฟางไม่เต็มใจที่จะพาสาวรับใช้ออกมาด้วยเพราะรู้สึกปวดหัว การออกมาคนเดียวทำให้นางสบายใจกว่ามาก
แต่เมื่อได้ยินน้องสาวพูดอย่างนั้น เฉินหลี่ชิงตัดสินใจได้ทันทีว่ารอบหน้าเขาจะต้องพาอาตงมาด้วย คนสนิทเขาจะสามารถจัดการปัญหากับตระกูลฟางนี้ได้อย่างง่ายดายแน่นอน
ผู้หญิงที่เขาหมายปองไม่ใช่ฟางอ้าย มันจะต้องเป็นฟางฮั่นคนเดียวเท่านั้น
……
หลังจากที่เฉินหลี่ชิงออกไปแล้ว ฟางเถียนรู้สึกเป็นห่วงฟางเซียงหยู่อย่างมากจนถึงขั้นเดินไปส่งอีกฝ่ายที่บ้าน
ฟางเถียนมองไปที่ท้องน้อยของฟางเซียงหยู่และกล่าวออกมาอย่างสบายใจ “ตอนนี้มันยังเล็กมากและไม่มีใครรู้ได้ แต่อีกสองถึงสามเดือนคงจะปิดไว้ไม่ไหวอีกต่อไป เจ้าจะต้องบอกพ่อของเด็กให้รีบมาแต่งงานโดยเร็วก่อนที่เรื่องจะแดง”
จิตใจของฟางเซียงหยู่ยังคงคิดถึงเฉินหลี่ชิงอยู่ เมื่อได้ยินแม่พูดถึงสถานการณ์ปัจจุบันของตนเอง สติของนางพลันกลับมาจริงจังอีกครั้ง “มันควรจะเป็นแบบนั้น ข้าและพี่ชางนัดหมายที่จะเจอกันแล้ว ซึ่งพรุ่งนี้จะถึงวันที่ข้าจะต้องออกไปพบเขาอีกครั้ง”
ใบหน้าของฟางเถียนกระตุกทันทีเมื่อได้ยินว่าลูกสาวของตนเองมีการนัดพบกับผู้ชายเป็นการส่วนตัว…
ความโกรธพวยพุ่งขึ้นมาอีกครั้ง แต่นางก็พยายามมองโลกในแง่ดีว่าถ้าหากไม่เป็นเช่นนี้บุตรสาวของนางก็คงจะไม่ได้พบผู้ชายที่ตนเองปรารถนา นางระงับความโกรธไว้และยิ้มออกมา “ลูกสาวข้า พรุ่งนี้เจ้าจงพูดคุยกับเขาให้ดีก่อนที่เขาจะกลับบ้านไป การหมั้นควรจะเกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด เจ้าควรจะพูดคุยเรื่องนี้กับเขาอย่างจริงจัง”
ฟางเซียงหยู่แตะท้องของตนเองเบา ๆ พร้อมกล่าวออกมาอย่างมั่นใจ “แม่ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นเลย ตอนนี้ลูกของพี่ชางอยู่ในท้องของข้า เขาจะต้องขอบคุณข้าอย่างแน่นอนและพรุ่งนี้ข้ามั่นใจว่าจะต้องได้รับของขวัญในการรับขวัญหลานจากครอบครัวของเขาแน่”
ฟางเถียนรู้สึกมีความสุขมากที่ได้ยินเช่นนั้น นางจับแขนของลูกสาวด้วยความภาคภูมิใจ “อีกอย่างเรื่องราวระหว่างฟางอ้ายกับนายน้อยเฉิน แม่ก็คิดว่ามันจะต้องเป็นไปได้ดีเช่นกัน”
ฟางเซียงหยู่ที่ได้ยินเช่นนั้นรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนักพร้อมกับบ่นพึมพำ “แม่… นายน้อยเฉินนั้นไม่ได้ติดตามข้ากลับมาบ้านอย่างนั้นหรือ เห็นได้ชัดว่าเขาชอบข้า ฟางอ้ายอาจจะไม่ได้อยู่ในสายตาของนายน้อยเฉินเลยก็ได้”
ฟางเถียนตื่นตระหนกทันที “อะไรนะ เขาตามเจ้ากลับมางั้นหรือ ? ”
ฟางเซียงหยู่ไม่พอใจเล็กน้อยก่อนที่จะบ่น “ถ้าเขาไม่ได้ชื่นชอบข้า เขาจะจ่ายเงินจำนวนมากแทนพี่ชางเพื่ออะไรกันเล่า”
ฟางเถียนคิดเรื่องนี้อยู่สักครู่หนึ่งก่อนจะตระหนักถึงความจริงบางอย่าง ในฐานะผู้หญิงนั้นไม่สมควรที่จะบุ่มบ่ามไปขอเงินจากฝ่ายชายโดยพลการ ซึ่งเรื่องนี้จะทำให้ข่าวแพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว ยิ่งไปกว่านั้นนายน้อยเฉินอาจจะต้องมีปัญหากับครอบครัวหลังจากที่เขาใช้จ่ายเงินไปจำนวนมากกับบุคคลแปลกหน้าด้วย
ฟางเถียนคิดเรื่องราวเหล่านี้ก็รู้สึกคล้อยตามในสิ่งที่ลูกสาวพูดออกมา
แต่อย่างไรก็ตามในความคิดของนางแล้ว หลานสาวของนางย่อมดีกว่ามากสำหรับนายน้อยเฉิน หญิงสาวที่ผ่านมือชายมาแล้วดั่งเช่นฟางเซียงหยู่ไม่ควรจะเอาไปเร่ขายให้ใคร…
“โอ้… แล้วข้าควรจะทำอย่างไรดี ? ” ฟางเถียนรู้สึกกังวลใจทันที “ถ้าหากเจ้าแต่งงานกับตระกูลหลู่ไปแล้ว… แต่ถ้านายน้อยเฉินต้องการจะแต่งกับเจ้าด้วยล่ะจะเป็นอย่างไร”
ฟางเซียงหยู่รู้สึกภาคภูมิใจมากที่แม่เริ่มคล้อยตาม มุมปากของนางยกยิ้ม “แม่ไม่ต้องกังวลไปหรอก อีกสองสามวันนายน้อยเฉินจะมาที่บ้านเราอีกมิใช่หรือ? วันนั้นข้าจะลองพูดคุยกับเขาดู”
ฟางเถียนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “ก็คงต้องเป็นเช่นนั้น” นางจับจ้องใบหน้าของลูกสาวด้วยความรัก “เจ้าช่างเก่งเหลือเกิน”
ฟางเซียงหยู่ยิ้มออกมาโดยไม่ได้กล่าวอะไรตอบ
……
ฟางฮั่นกำลังกล่อมให้เด็ก ๆ นอนและในหัวของนางก็ยังคงคิดถึงผ้าเช็ดหน้าเจ้าปัญหาผืนนั้น อีกทั้งเมื่อสองสามวันที่แล้ว นางไปเยี่ยมหวังซิ่งฮวาที่บ้าน กลับพบว่าอีกฝ่ายไปเยี่ยมญาติที่หมู่บ้านอื่น นางต้องการรู้ว่าหวังซิ่งฮวาจะกลับมาเมื่อไหร่ แต่แม่ของนางกลับตอบว่า “ฟางฮั่นคงจะยุ่งมากในเวลานี้ อย่ามาสนใจซิ่งฮวาของข้าเลย ถ้าวันข้างหน้าเจ้าร่ำรวยขึ้นมาก็จงอย่าลืมชักชวนหวังซิ่งฮวาด้วยแล้วกัน”
คำพูดหยาบกระด้างนั้นทำให้ฟางฮั่นรู้สึกหงุดหงิดและไม่ต้องการจะสนทนากับอีกฝ่ายต่อ
ดังนั้นฟางฮั่นจึงตัดสินใจที่จะไปเล่นที่บ้านของอาหก อีกทั้งจะแวะไปที่บ้านของหวังซิ่งฮวาด้วยสักหน่อยเพื่อถามไถ่ถึงผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น
ฟางฮั่นหยิบสิ่งของที่ท่านผู้หญิงให้มาคราวที่แล้ว นางหยิบผ้าสีแดงอำพันออกมาถือแล้วคิดคำนึงอยู่นาน มันเหมาะสำหรับการตัดเสื้อผ้าใหม่ให้กับพี่หรูอย่างมาก เช่นนี้ฟางฮั่นจึงตัดสินใจว่าจะนำมันไปมอบให้กับอาหก
บังเอิญว่าเมื่อฟางฮั่นมาถึง อาและน้าของนางไม่อยู่บ้าน พวกเขาเข้าเมืองเพื่อไปซื้อเมล็ดพันธุ์สำหรับการเพาะปลูกในฤดูกาลที่จะมาถึง
ส่วนฟางหรูรู้สึกตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าฟางฮั่นถือผ้าผืนใหญ่เข้ามาด้วย
ฟางฮั่นถือผ้าผืนใหญ่ในมือไว้พร้อมรอยยิ้ม นางเดินตรงเข้าไปหาฟางหรูและยกผ้าใส่มือและพูดว่า “พี่หรู ข้าเอาผ้ามาให้ มันจะทำให้เสื้อผ้าของท่านดูดีขึ้นมาก”
ก่อนที่ฟางหรูจะทันได้พูดอะไร เสียงกระแทกกระทั้นของแม่ซิ่งฮวาดังขึ้นมาจากรั้วหน้าบ้าน “โอ้ ฟางฮั่นมาเยี่ยมที่บ้านอีกแล้วงั้นเหรอน่ะ ผ้าผืนนั้นสวยงามมากเหลือเกิน ช่างสงสารซิ่งฮวาของข้าที่ไม่เคยมีโอกาสได้รับผ้าดี ๆ อย่างนี้เลย เสียดายที่นางไม่มีน้องสาวที่ดีเช่นเจ้า~”
คำพูดที่หยาบคายนั้นทำให้มือของฟางหรูสั่นสะท้านทันที แต่ฟางฮั่นจับแขนของนางไว้มั่นก่อนที่จะตะโกนกลับไป “ป้าจะพูดอย่างนี้ก็ไม่ถูกต้องนัก ถ้าหากว่าท่านมีหลานสาวที่ป่วยหนักและกำลังจะตาย ท่านก็คงจะรีบพาหลานคนนั้นออกไปให้พ้นรั้วบ้านเพื่อหลีกเลี่ยงต่อความโชคร้าย ปกติแล้วถ้าหากใครรอดตายเพราะคน ๆ หนึ่ง บุคคลผู้นั้นย่อมไม่ลืมที่จะกลับมาตอบแทนบุญคุณแน่นอน แต่เสียดายที่ป้าไม่มีพฤติกรรมแบบนั้น เลยไม่มีผู้ใดหยิบยื่นน้ำใจหรือจำเป็นต้องตอบแทนสิ่งใดให้~”
คำพูดของฟางฮั่นชัดเจนแต่ก็ยังคงเต็มไปด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน หลังจากกล่าวจบนางพูดกับฟางหรูว่า “พี่หรู อย่าไปสนใจเลย เราเข้าไปด้านในกันเถอะ”
ฟางฮั่นกล้าหาญพอที่จะเผชิญหน้ากับย่าของตัวเอง แล้วแม่ของหวังซิ่งฮวาที่เป็นแค่เพื่อนบ้านนี้จะเหลืออะไรล่ะ ? !
ฟางหรูพยักหน้ารับพร้อมกับเดินเข้าไปในบ้าน
เมื่อเข้ามาด้านใน ฟางหรูยื่นผ้ากลับคืนให้กับฟางฮั่นพร้อมกล่าวเสียงอ่อน “ฟางฮั่น เอาผ้านี้คืนไปเถิด ข้ามีเสื้อผ้ามากแล้วล่ะ”
ฟางฮั่นเมินเฉยต่อคำพูดนั้นพร้อมกับนั่งลงบนพื้นอย่างมั่นคง “พี่หรูอย่าคืนมันให้กับข้าเลย ดูดอกท้อบนผ้าผืนนั้นสิ สวยงามเหลือเกิน มันเร็วเกินไปที่ข้าจะได้ใส่มันน่ะ”
ดอกท้อเป็นเครื่องหมายของการแต่งงาน ฟางหรูเข้าใจทันทีว่าฟางฮั่นพูดถึงอะไร ใบหน้าของนางแดงเรื่อขึ้นมาพร้อมกล่าวว่า “เช่นนั้นเจ้าก็เก็บมันไว้ก่อนสักสองสามปีแล้วค่อยหยิบออกมาใช้สิ”
“โธ่ จะทำให้มันยุ่งยากไปทำไมกัน พี่หรูก็แค่รับมันไว้เท่านั้น” ฟางฮั่นกล่าวออกมาพร้อมกับขยิบตาอย่างเจ้าเล่ห์ “ผ้านี้คงจะหมองไปมากถ้าหากผ่านไปสองสามปี ข้าจำได้ดีว่าพี่หรูต้มโจ๊กให้ข้ากินเมื่อยามป่วยหนัก ถ้าหากพี่สาวไม่ยอมรับไว้ ข้าก็คงจะรู้สึกเสียใจไปอีกนาน รับไว้เถิดหนา”
ใบหน้าของฟางหรูเปลี่ยนเป็นสีแดงและนางหมดปัญญาที่จะต่อต้านฟางฮั่น ส่วนฟางฮั่นก็รู้สึกมีความสุขมากที่ได้เห็นใบหน้าเขินอายของอีกฝ่าย พี่สาวของนางทำตัวราวกับเด็กน้อยอยู่เสมอ
แม้อายุจริงของฟางฮั่นจะมากกว่าฟางหรู แต่เมื่อข้ามกาลเวลากลับมาแล้ว ฟางฮั่นกลายเป็นผู้ใหญ่ในร่างของเด็กน้อย นางมักคิดเสมอว่าตอนนี้นางราวกับโลลิค่อนอายุ 10 ขวบเท่านั้น รูปร่างหน้าตาช่างอ่อนหวานและน่ารักอย่างแท้จริง ตอนนี้นางไม่จำเป็นจะต้องแสดงความเป็นผู้ใหญ่ต่อหน้าฟางหรู ไม่ว่าอย่างไรคนอื่น ๆ ก็มองว่านางเป็นเพียงเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น
สิ่งนี้คล้ายกับการตอบแทนบุญคุณที่ฟางฮั่นตอบแทนฟางหรูที่นางดูแลตนเมื่อครั้งที่ป่วยหนัก
การเดินทางข้ามเวลามาคราวนี้นางรู้สึกว่ามันคุ้มค่าอย่างแท้จริง เพราะนางมีน้องที่น่ารักอีก 2 คนไว้เป็นน้ำเย็นชะโลมใจ…
ฟางฮั่นพอใจในร่างกายนี้แล้ว
ครอบครัวของอาหกทำความสะอาดกระท่อมอีกหลังไว้อย่างสะอาดเอี่ยม มันทำหน้าที่เก็บสบู่ที่รอออกจำหน่าย ฟางฮั่นนั่งคุยอยู่กับฟางหรูสักพักก่อนที่จะไปสำรวจโกดังเก็บสบู่และขอตัวกลับอย่างอิ่มเอมใจ
ก่อนที่จะเดินจากไป ฟางฮั่นยืนอยู่ระหว่างรั้วบ้านของซิ่งฮวาและตะโกนเข้าไปด้านในว่า “พี่ซิ่งฮวา ท่านอยู่บ้านหรือไม่ ? ”
ส่วนแม่ของซิ่งฮวาได้ยินเช่นนั้นโกรธจัดทันที นางยืนตากผ้าอยู่ที่ริมรั้วก่อนที่จะสาดน้ำถังใหญ่ราวกับไล่หมาใส่ฟางฮั่น “เจ้าจะตะโกนหาสวรรค์อะไรนักหนา ซิ่งฮวาไม่ใช่พี่สาวที่แสนดีของเจ้า ! ”
ฟางฮั่นเช็ดหน้าที่เปรอะเปื้อนด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิด
หวังซิ่งฮวาเดินออกมาจากบ้านพร้อมกับน้องชายวัย 4 ขวบ เมื่อนางเห็นฟางฮั่น ดวงตาของนางจึงทอประกายทันที แขนเล็กวางน้องชายลงพร้อมกับบอกให้เด็กชายเดินเข้าบ้านไปก่อน
ฟางฮั่นดีใจมากที่ได้เห็นหวังซิ่งฮวา นางรีบตะโกนต่อทันที “พี่ซิ่งฮวา ออกมาคุยกับข้าหน่อยเถิด”
ส่วนหวังซิ่งฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นรีบร้องบอกแม่ของตนทันที “แม่ ปล่อยข้าออกไปเถอะนะ”
แม่ของซิ่งฮวารีบยกมือห้ามทันควัน “ถ้าหากคู่ครองของเจ้ารู้เรื่องเข้าแล้วจะยุ่ง ! เจ้ากำลังจะแต่งงาน หยุดออกไปวิ่งเล่นข้างนอกได้แล้ว ! ”
หวังซิ่งฮวาเม้มริมฝีปากแน่น ใบหน้าของนางแดงจัดเนื่องจากความไม่พอใจ แม่ของนางเห็นท่าทีเช่นนั้นยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีกพร้อมกับด่าลูกสาวตนเองน้ำลายกระเด็น “นังตัวดี เลิกแสดงความโง่เขลาสักที เจ้ากำลังจะแต่งงานแล้ว ! ”
หวังซิ่งฮวาชั่งใจอยู่ชั่วขณะก่อนจะกล่าวตัดบท “เดี๋ยวข้ากลับมานะแม่ ! ”
หลังจากกล่าวจบนางวิ่งออกมาจากบ้านพร้อมกับเสียงแม่ที่สาปแช่งตามหลังอย่างไม่ลดละ
ฟางฮั่นรีบวิ่งตามทันที
เมื่อวิ่งมาถึงสถานที่เงียบ ๆ หวังซิ่งฮวาถอนหายใจยาวเหยียดออกมาพร้อมกับจับหน้าอกของตนเองไว้อย่างเหน็ดเหนื่อย “เจ้ามีอะไรจะพูดงั้นหรือ ? ”
ฟางฮั่นตกตะลึงเล็กน้อยกับรูปลักษณ์ของหวังซิ่งฮวา ดูเหมือนว่าตอนนี้ใบหน้าของนางจะดูดีขึ้นมากแล้วงั้นหรือ ?
ผู้หญิงคนนี้ใช่คนเดียวกันกับที่ร้องไห้อย่างขมขื่นที่ต้องแต่งงานกับตาหลี่นั่นหรือไม่ ? !
ฟางฮั่นลูบใบหน้าของตนเองอย่างมึนงงพร้อมกับรู้สึกว่าตอนนี้นางกำลังทำอะไรผิดไปหรือไม่
“เอ่อ เรื่องก็… พี่ซิ่งฮวาไม่ได้เอาผ้าเช็ดหน้าของข้าไปหรอกหรือ ? ” ฟางฮั่นพยายามเรียบเรียงคำพูดเพื่อไม่ให้หวังซิ่งฮวาลำบากใจนัก
“ข้าปักอะไรบางอย่างไว้บนผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น มันสำคัญกับข้ามาก เจ้าช่วยคืนมันให้กับข้าได้หรือไม่ ? ”
ในขณะที่กล่าวเช่นนั้น ฟางฮั่นจับจ้องท่าทีของหวังซิ่งฮวาตลอดเวลา…
ค้างงงงงง