
1626 วันที่แล้ว
ทำไมเฉินหลี่ชิงโง่จัง

1626 วันที่แล้ว
สงสารหนุ่มน้อยจริงๆ
ตอนที่ 49 จับคู่ให้
เสี่ยวเถียนได้รับคำสั่งมาแบบนั้นรีบวิ่งไปที่บ้านของตนเองพร้อมกับเรียกฟางอ้ายให้แต่งตัวออกมารับแขก ขณะที่นางเดินเข้ามาในห้องพลันเห็นว่าเด็กหญิงตัวน้อยของตนเองกำลังซุกตัวอยู่ในผ้านวมอย่างอบอุ่นและไม่ยินยอมจะลงจากเตียง
ฟางฉางจวงเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับวางกระสอบสองสามถุงที่ซื้อมาจากในเมืองและตะโกนบอกลูกสาว “กระสอบพวกนี้มียาฆ่าแมลงอยู่ วันพรุ่งนี้ข้าจะเอามันออกไปคลุกกับเมล็ดพันธุ์ข้างนอก ฉะนั้นวันนี้จงอย่าซุกซนและมาหยิบมันไปเล่นเด็ดขาด”
ฟางอ้ายพยักหน้ารับ
ส่วนฟางฉางจวงเห็นภรรยาของตนเองอยู่ในบ้านเช่นกัน เขาเอ่ยปากถามอย่างมึนงง “เจ้าไม่ได้พูดคุยกับแม่อยู่ในบ้านหลังใหญ่หรอกหรือ ? มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า ? ”
เสี่ยวเถียนตอบกลับอย่างไม่ค่อยพอใจนัก “แม่ต้องการให้เสี่ยวอ้ายของเราแต่งตัวออกไปพบกับนายน้อยเฉิน”
ฟางฉางจวงไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย เขาตะลึงไปชั่วขณะก่อนจะถามต่อ “แม่กำลังคิดจะทำอะไรกันแน่ ? ”
“เสี่ยวอ้ายโตพอที่จะดูตัวแล้ว” เสี่ยวเถียนมองไปที่บุตรสาวอย่างเขินอาย “ตอนนี้แม้นางจะยังเด็ก แต่ก็ควรจะมองโลกในแง่ดีและได้พบปะคนอื่น ๆ บ้าง อย่างน้อยก็เพื่อเตรียมตัวในอีก 2 ปีที่กำลังจะมาถึง เพื่อที่จะไม่ต้องไปคว้าคนไม่มีหัวนอนปลายเท้ามาเป็นลูกเขย”
“โธ่... ท่านแม่~” ฟางอ้ายบิดตัวไปมาอย่างเขินอาย “ท่านแม่พูดเรื่องอะไรกัน. นายน้อยเฉินนั้นจะสนใจข้างั้นหรือ~”
เสี่ยวเถียนบอกเรื่องราวเกี่ยวกับเฉินหลี่ชิงสั้น ๆ ให้เด็กหญิงได้รับรู้ ดวงตาของฟางอ้ายทอประกายสดใสเมื่อรู้ว่านายน้อยเฉินเป็นลูกหลานของตระกูลใหญ่ นางอุทานออกมาอย่างลืมตัวเมื่อได้รู้ว่านายน้อยเฉินจ่ายเงิน 19 ตำลึงให้กับท่านอาเล็กของนางโดยไม่อิดออดแม้แต่น้อย
คนร่ำรวย ! นางชื่นชอบสิ่งนี้ยิ่งกว่าอะไร !
หลังจากนั้นเสี่ยวเถียนกล่าวออกมาสั้น ๆ ว่า “รีบไปแต่งตัวเร็วเข้า ยังไงก็ต้องทำให้นายน้อยเฉินประทับใจในตัวเจ้าให้ได้”
ฟางอ้ายรีบลุกไปจัดการแต่งตัว นางเลือกเสื้อผ้าที่คิดว่าสวยที่สุดอย่างมีความสุข ส่วนฟางฉางจวงยังไม่ค่อยเข้าใจนัก “จะดีหรือ… เสี่ยวอ้ายเพิ่งจะอายุสิบสองเท่านั้น...”
เสี่ยวเถียนบ่นสามีของนางทันควัน “ข้าไม่ได้จะให้ลูกสาวของเราแต่งงานกับเขาในตอนนี้สักหน่อย ถึงแม้ว่านางจะถูกหมั้นหมายในวันนี้ แต่การแต่งงานก็จะต้องเกิดขึ้นในอีก 2 ปีข้างหน้า ท่านยังมีเวลาอยู่กับลูกอีก 2 ปี”
ฟางฉางจวงถอนหายใจยาวอย่างโล่งอกเมื่อได้ยินเช่นนั้น
หลังจากนั้นไม่นานนัก ฟางอ้ายในชุดที่สดใสก็ปรากฏตัวขึ้น แต่นางก็เป็นเพียงเด็กสาวอายุ 12 ปีเท่านั้น ใบหน้าของนางสดใสกว่าเด็กน้อยทั่วไปเพราะเริ่มโตเป็นสาวแล้ว แม้ใบหน้าทั้งหมดจะยังไม่เข้ารูปโดยสมบูรณ์ แต่มันก็มีกลิ่นอายของเด็กสาววัยแรกรุ่นที่กำลังจะผลิบานในอีกไม่นาน
แต่ฟางอ้ายนั้นมีหน้าตาคล้ายคลึงกับฟางเถียน แม้ใบหน้าของนางจะไม่ได้น่าเกลียดมากนัก แต่ด้วยดวงตาที่เล็กแคบพร้อมกับริมฝีปากบางนั้นดูจะไม่ค่อยเข้าขากับโหนกแก้มที่สูงผิดปกติของนางสักเท่าไหร่
ฟางอ้ายเป็นหลานคนโปรดของฟางเถียน
เพราะว่านางมีใบหน้าที่คล้ายคลึงตนเองอย่างมาก นี่คือเหตุผลสำคัญในการที่นางถูกฟางเถียนรักและเอาใจเป็นพิเศษ
เพียงแต่ว่าฟางอ้ายเป็นลูกของเสี่ยวเถียนและฟางฉางจวงเท่านั้น ถ้าหากใครไม่รู้ก็คงจะคิดว่าเด็กน้อยคนนี้เป็นลูกสาวของฟางเถียนอย่างแน่นอน
ฟางอ้ายเดินตามแม่ของตนเองไปที่บ้านหลังใหญ่ด้วยความเขินอายเล็กน้อย
ภายในบ้านหลังใหญ่ ฟางเถียนพยายามหาสิ่งที่เป็นประโยชน์ออกมาให้มากที่สุดเพื่อจะกอบโกยสิ่งต่าง ๆ จากตระกูลเฉินในอนาคต ก่อนที่เสี่ยวเถียนจะเปิดประตูเข้ามา นางร้องเรียกอยู่หน้าบ้านเพื่อให้ด้านในได้รู้ตัว “ท่านแม่ ฟางอ้ายได้ยินว่ามีแขกมาที่บ้าน นางจึงต้องการจะมาทักทายสักเล็กน้อย”
ฟางเซียงหยู่ยกยิ้มเล็กน้อย
รอยยิ้มอบอุ่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฟางเถียนพร้อมกล่าวกับเฉินหลี่ชิง “หลานสาวของข้าเป็นเด็กสุภาพเรียบร้อยและมีมารยาทมาโดยตลอด หมอดูเคยทำนายไว้ตอนที่นางเกิดว่าหากนางได้แต่งงานกับครอบครัวไหน ก็จะพาให้ตระกูลนั้นเจริญรุ่งเรืองอย่างฉุดไม่อยู่ เด็กคนนี้เปรียบได้กับแก้วตาดวงใจของข้าจริง ๆ แม้ว่าจะไม่เต็มใจให้นางออกจากเรือนแต่ข้าก็คงฝืนชะตาไม่ได้”
ฟางเซียงหยู่เผยรอยยิ้มจาง ๆ ออกมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ขณะที่กำลังพูดประโยคนั้นอยู่ เสี่ยวเถียนเปิดประตูและเดินเข้ามาด้านใน เด็กหญิงตัวน้อยที่ฟางเถียนกล่าวถึงเมื่อกี้เดินตามเข้ามาติด ๆ นั่นก็คือฟางอ้าย
หลังจากเฉินหลี่ชิงได้ยินว่าฟางฮั่นมีลูกพี่ลูกน้องด้วย เขารู้สึกสนใจขึ้นมาเล็กน้อยและค่อนข้างคาดหวังในใบหน้าของนางคนนี้ แต่หลังจากได้ฟังคำพูดของฟางเถียนดูเหมือนว่ามันจะมีอะไรแปลกประหลาดไปนิดหน่อย…
ตระกูลนี้ช่างโอ้อวดได้เก่งกาจยิ่งนัก…
แต่ด้วยความที่เฉินหลี่ชิงเป็นสุภาพบุรุษ เขาจะไม่มีวันพูดจาเช่นนั้นออกไปแน่นอน เขามองไปที่เด็กน้อยคนนั้นอย่างคาดหวังและเห็นว่าเด็กหญิงที่เดินตามเสี่ยวเถียนเข้ามามีความเขินอายเล็กน้อยก่อนจะกล่าวอย่างแผ่วเบา “สวัสดีนายน้อยเฉิน”
ความตกใจปรากฏขึ้นในใจของเฉินหลี่ชิง แน่นอนว่าในตระกูลฟางนี้ฟางอ้ายถือว่าเป็นเด็กหญิงที่ค่อนข้างจะงดงามเช่นกัน
เห็นเช่นนั้นแล้วเฉินหลี่ชิงผงะไปเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าคนในชนบทจะไม่ค่อยสนใจเรื่องการพบกันของหนุ่มสาวงั้นหรือ แม้ว่าเด็กคนนี้จะโตพอสมควรแต่ครอบครัวก็สามารถพานางออกมาเพื่อดูตัวโดยที่อายุยังไม่ถึงวัยแต่งงานได้งั้นหรือ ?
เฉินหลี่ชิงรู้สึกไม่เข้าใจกับการกระทำนี้อย่างมาก
หลังจากอายุ 10 ขวบ เด็กผู้หญิงจะเริ่มเข้าสู่วัยแรกรุ่น ตอนนี้ครอบครัวของเฉินหลี่ชิงเตรียมตัวที่จะกักตัวเฉินหลี่ฟางไม่ให้ออกไปข้างนอกโดยพละการเพราะนางเริ่มเป็นสาวแล้ว
แต่ในชนบทกลับไม่สนใจเรื่องเหล่านี้มากนัก เฉินหลี่ชิงคิดในใจว่าตระกูลนี้คงจะไม่ค่อยใส่ใจกับเรื่องเหล่านี้มากนัก ซึ่งมันก็จะเป็นผลดีกับเขาด้วยเช่นกันในการหาข้ออ้างเพื่อมาพบฟางฮั่นและไม่ต้องกลัวว่านางจะถูกครหา
“น้องฟางสุภาพเกินไปแล้ว” เฉินหลี่ชิงลุกขึ้นพร้อมกับคำนับเล็กน้อยอย่างสุภาพ
ฟางอ้ายหน้าแดงเรื่อราวกับลูกมะเขือเทศ นางเห็นใบหน้าหล่อเหล่าของชายตรงหน้าอย่างชัดเจน ทั้งร่างกายที่สูงโปร่ง ผิวขาวสะอาด ใบหน้าคมชัดทำให้หัวใจของนางสั่นไหว เขามีออร่าความรวยเปล่งประกายออกมา อีกทั้งน้ำเสียงของเขายังอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความมีเสน่ห์ ฟางฮั่นไม่เคยตกหลุมรักใครมาก่อนจนกระทั่งวันนี้… ที่ได้พบกับเขา
ฟางเซียงหยู่กระแอมออกมาเบา ๆ เพื่อขัดจังหวะ
ดวงตาของฟางเซียงหยู่แทบจะกลืนกินเด็กน้อยตรงหน้า ราวกับต้องการจะบอกว่าผู้ชายคนนี้เป็นของนาง !
ฟางเซียงหยู่ไม่ค่อยมีความสุขมากนักเมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทำไมหลานสาวของนางจะต้องมาชื่นชอบนายน้อยเฉินด้วย นางก็ชอบเขาเหมือนกัน !
แต่สุดท้ายแล้วฟางเซียงหยู่ก็ต้องระงับอารมณ์เอาไว้และพยายามปลอบใจตนเองว่าอีกไม่ช้าก็เร็วนางกำลังจะแต่งงานกับตระกูลหลู่ หลังจากนั้นนางคงไม่มีโอกาสได้พบกับนายน้อยเฉินอีกแล้ว ตอนนี้ถ้าหากหลานสาวสนใจในตัวชายหนุ่ม นางก็ควรจะหลีกทางและมอบนายน้อยเฉินให้นางไป
เมื่อคิดได้อย่างนี้แล้ว ท่าทีของฟางเซียงหยู่กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
ฟางเถียนเห็นว่าฟางอ้ายนั้นชื่นชอบนายน้อยเฉิน นางรู้สึกมีความสุขอย่างมากและกล่าวพูดคุยกับเฉินหลี่ชิงด้วยความตื่นเต้น ส่วนใบหน้าของเฉินหลี่ชิงยังคงเต็มไปด้วยความประหลาดใจไม่คลาย
เขาผิดหวังอย่างมากที่ลูกพี่ลูกน้องของฟางฮั่นนั้นช่างแตกต่างจากสิ่งที่เขาคิด
เสี่ยวเถียนเห็นว่าเฉินหลี่ชิงไม่ได้รังเกียจอะไร นางจึงพยายามผลักลูกสาวเพื่อไปอยู่ใกล้ชิดเขามากขึ้นและปล่อยให้พวกเขาอยู่ด้วยกัน ส่วนผู้อาวุโสก็เดินเข้าครัวเพื่อเตรียมอาหาร
ส่วนฟางอ้ายกำลังยืนอยู่ข้าง ๆ เด็กหนุ่มอย่างเคอะเขิน
เฉินหลี่ชิงก็ไม่รู้จะทำตัวอย่างไรดีในเหตุการณ์เช่นนี้
เขาเป็นแขก มันคงไม่เหมาะสมนักที่เขาจะพูดว่าให้อีกฝ่ายนั่งลง แต่ถ้าเขานั่งลงก่อน แล้วฟางอ้ายที่ยืนอยู่ตรงนี้จะทำอย่างไร นางจะนั่งลงหรือไม่ ?
พลันเสียงของฟางเซียงหยู่ดังขึ้นเพื่อทำลายความกระอักกระอ่วนใจ “ฟางอ้ายมาหาอาซิ”
ฟางอ้ายพยักหน้ารับอย่างไม่ค่อยเต็มใจนักพร้อมกับเดินไปนั่งข้าง ๆ ฟางเซียงหยู่
เฉินหลี่ชิงรู้สึกซาบซึ้งใจมากพร้อมกับมองไปยังฟางเซียงหยู่ด้วยความรู้สึกขอบคุณ
ฟางเซียงหยู่เห็นสายตาเช่นนั้นแล้วก็อดเข้าใจผิดอีกครั้งไม่ได้ นางคิดว่าเฉินหลี่ชิงกำลังเศร้ามากที่เรื่องราวเป็นเช่นนี้ นางกล่าวขอโทษผ่านสายตาอีกครั้ง… อย่าได้กล่าวโทษข้าเลยที่ต้องผลักไสหลานสาวให้กับเจ้า แต่ข้าไม่มีทางเลือกอื่น ตอนนี้ข้ามีสามีแล้ว เราคงจะไม่ได้พบเจอกันอีก
ฟางอ้ายรู้สึกแปลก ๆ นางคิดว่าหลังจากเข้ามาในห้องนี้นางยังไม่ได้กล่าวถามไถ่อาเล็กของตนเองเลย เช่นนี้นางจึงกล่าวขึ้นมาอย่างไม่ทันคิด “ท่านอาเล็ก เด็กในท้องของท่านเป็นอย่างไรบ้าง เขาแข็งแรงดีหรือไม่ ? ”
ฟางเซียงหยู่พลันกระอักกระอ่วนทันที นางรู้สึกได้ว่าหลานสาวกำลังจะบอกนางเป็นนัย ๆ ว่าอย่ายุ่งกับนายน้อยเฉินเพราะนางมีสามีและลูกรอคอยอยู่แล้ว นางไม่มีคุณสมบัติที่จะมองผู้ชายคนอื่นได้อีก !
ฟางเซียงหยู่กัดฟันพร้อมรอยยิ้มแข็งทื่อ “เขาแข็งแรงดี”
ฟางอ้ายเห็นท่าทีของฟางเซียงหยู่ก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่นางจะมาเคลือบแคลงใจ มันควรจะเป็นช่วงเวลาที่แสดงมารยาทและความอ่อนโยนที่ผู้หญิงควรจะมีออกมาให้นายน้อยเฉินประทับใจมากที่สุด นางก็แค่ถามไถ่ด้วยความห่วงใยเท่านั้น แต่ทำไมเซียงหยูและคนอื่น ๆ ดูเหมือนจะไม่พอใจ
เฉินหลี่ชิงที่เห็นว่าเด็กสาวทั้งสองกำลังพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว เขาไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากก้มหน้าและหยิบยกชาขึ้นมาดื่ม แม้ว่าตระกูลฟางจะนำชาที่ดีที่สุดมาเสิร์ฟให้กับเขาแล้ว แต่มันก็ยังเป็นเรื่องยากอยู่ดีเพราะโดยปกติเฉินหลี่ชิงคุ้นเคยกับน้ำชารสเลิศเป็นประจำ
แต่มันไม่สุภาพเลยที่จะบ้วนมันออกมาต่อหน้าคนอื่น เฉินหลี่ชิงไม่รู้จะทำอย่างไรนอกจากพยายามกลืนมันลงไปอย่างสุดความสามารถ ความยากลำบากเผยออกมาผ่านใบหน้าของเขาอย่างไม่อาจเก็บกลั้น
เหตุการณ์นี้ช่างทำให้เขารู้สึกอับอายเหลือเกิน
โชคดีที่หลังจากนั้นอาหารก็พร้อมเสิร์ฟแล้ว เฉินหลี่ชิงรับปากว่าเขาจะอยู่ร่วมรับประทานอาหารที่นี่ ตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างอดทนเพื่อรักษาคำพูด
จากนั้นเฉินหลี่ชิงเห็นตาเฒ่าฟางและฟางฉางจวงเดินเข้ามาร่วมนั่งบนโต๊ะ อีกทั้งฟางเซียงหยู่และฟางอ้ายก็อยู่ตรงนี้ เขาอดคิดถึงความเปิดกว้างในชนบทแห่งนี้ไม่ได้
แต่เมื่อคิด ๆ ดูแล้ว คล้ายกับว่าถ้ามันเป็นเช่นนี้ก็ย่อมหมายความว่าเขาจะสามารถร่วมรับประทานอาหารกับเสี่ยวฮั่นได้ด้วยเช่นกัน เมื่อคิดอย่างนี้แล้วในใจพลันรู้สึกมีความสุขและแรงฮึดขึ้นมาอีกครั้ง
ในขณะที่รับประทานอาหาร ฟางเถียนไม่ลืมที่จะกล่าวยกยอหลานสาวของตนเองอย่างไม่หยุดปาก ส่วนฟางอ้ายนั้นอยู่ในสภาวะเขินอายอย่างถึงที่สุดเช่นกัน
เฉินหลี่ชิงที่นั่งตรงนั้นรู้สึกอึดอัดอย่างมาก ในขณะที่เขาเหลือบตาไปมองฟางอ้ายที่กำลังเขินอาย เขารู้สึกราวกับว่าได้กินอาหารที่รสชาติคล้ายขี้ผึ้ง มันทั้งแข็งและหนืด เขากลืนมันลงคออย่างยากลำบาก ขณะนั้น
ฟางเถียนก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “แม้ว่านายน้อยเฉินจะยังไม่แต่งงาน แต่ท่านมีคู่หมั้นหมายแล้วหรือยัง ? ”
เฉินหลี่ชิงซึ่งกำลังคิดถึงฟางฮั่นขึ้นมา เมื่อได้ยินสิ่งนี้เขารู้สึกกระวนกระวายใจอย่างมากพร้อมกับสงสัยว่าฟางเถียนกำลังคิดอะไรอยู่ เจ้าคิดจะจับคู่ข้ากับฟางฮั่นใช่หรือไม่ ?
เฉินหลี่ชิงกล่าวออกมาอย่างติดขัด ประโยคของเขาไม่ค่อยจะสมบูรณ์แบบนัก “ยัง… ข้า… ข้ายังไม่ได้คิดเรื่องนั้น”
ฟางเถียนเห็นท่าทางประหม่าของเฉินหลี่ชิงก็รู้สึกพอใจอย่างยิ่ง เขายังไม่มีคู่หมาย… รอยยิ้มกว้างเผยขึ้นบนใบหน้าของหญิงชรา “บังเอิญมาก หลานสาวของข้าก็ยังไม่มีคู่หมายเช่นกัน วันนี้ข้าเห็นเจ้าสองคนพูดคุยกันอย่างถูกคอแล้วรู้สึกได้ว่าอาจจะเป็นโชคชะตานำพา นายน้อยเฉินคิดอย่างไรกับหลานสาวของข้าบ้าง ? ”
เมื่อได้ยินฟางเถียนเอ่ยปากออกมาว่าหลานสาว… เฉินหลี่ชิงก็คิดถึงแต่ฟางฮั่นเท่านั้น !
สวรรค์ ! ! ! นี่ครอบครัวของฟางฮั่นกำลังพูดถึงการแต่งงานของนางงั้นหรือ ! ? !
เฉินหลี่ชิงรู้สึกได้ว่าเสียงของเขาหายวับไปในลำคออย่างติดขัด แต่หัวใจของเขาแทบจะระเบิดออกมาจากหน้าอกอย่างตื่นเต้น
แต่ขณะที่เขากำลังมีความสุข ฟางเถียนพูดขึ้นมาอีกครั้ง “ฟางอ้ายของข้า… ก็เป็นเด็กดี ทั้งมีมารยาทและหน้าตางดงาม”
อ้าว… ฟางอ้ายงั้นหรือ ? !
เฉินหลี่ชิงที่รู้สึกว่าหัวใจกำลังเต้นวูบวาบอย่างมีความสุขพลันรู้สึกราวกับว่ามีน้ำเย็นจัดราดลงบนร่างกายอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย… มันช่างเป็นความรู้สึกที่… อืม !
เขาไม่ได้คาดหวังกับเด็กสาวตรงหน้า เขาคิดถึงเพียงแต่ฟางฮั่นเท่านั้น อีกฝ่ายควรจะพูดถึงฟางฮั่นสิ !
ซึ่งความจริงแล้วเฉินหลี่ชิงไม่ได้คาดหวังว่าตระกูลฟางจะมีความกล้าหาญมากขนาดนี้ ฟางอ้ายเป็นเด็กผู้หญิงที่ไม่มีอะไรเลย ทั้งภูมิหลังทางครอบครัวอีกทั้งหน้าตาก็… ไม่ใช่ว่าอ่อนโยนหรือดูดีนัก แต่อีกฝ่ายกลับกล้าที่จะแนะนำเด็กคนนี้ให้กับเขา…
แต่เฉินหลี่ชิงก็ไม่อาจจะกล่าวถ้อยคำหยาบคายแบบนั้นออกไปได้ เขาเพียงแค่กล่าวอย่างกระอักกระอ่วนเท่านั้น “เอ่อ เรื่องแต่งงาน… ในวันนี้ข้ายังไม่คิดมาก ข้าต้องให้ครอบครัวเป็นคนตัดสินใจ”
ฟางอ้ายรู้สึกกังวลและมองหน้าฟางเถียนอย่างกังวลใจ นางรู้สึกว่ามันเร็วไปหน่อยที่ย่าจะพูดเรื่องแบบนี้กับนายน้อยหนุ่มในเมือง นางต้องการใช้เวลาสักหน่อยเพื่อสร้างความประทับใจกับเขา อีกอย่างเขาก็ต้องรู้จักครอบครัวของเราให้มากขึ้น มันไม่ง่ายเลยที่นายน้อยของตระกูลใหญ่จะลดตัวลงมาแต่งงานกับหญิงสาวชาวไร่เช่นนาง เขาจะทำแบบนั้นทำไม ? แม้ว่านางจะสวยแต่นางก็ไม่ได้โง่นัก…
ครอบครัวฟางก็ไม่ได้รู้สึกผิดหวังอะไรมากนัก พวกเขารู้ดีว่าตระกูลใหญ่มีกฎระเบียบมากมายในการแต่งงาน การที่เขาจะตกลงปลงใจกับหลานสาวของตนเองนั้นไม่สามารถใช้เวลาเพียงชั่วข้ามคืนได้ แต่การที่นางพูดออกมาเช่นนั้นหมายความว่ามันอาจจะพอเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายเปิดใจสักหน่อยเพื่อเพิ่มโอกาสของตระกูลฟาง
แต่ถ้าหากหลังจากวันนี้ไป เฉินหลี่ชิงก็ยังคงไปมาหาสู่ตระกูลฟางอยู่ นั่นก็หมายความว่ามันยังมีโอกาสมากถึงแปดในสิบ
แม้ว่าเฉินหลี่ชิงจะไม่เห็นด้วย แต่พวกเขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้ใช่หรือไม่ ?
แม้จะเป็นเมียใหญ่ไม่ได้ แต่ก็ยังเป็นนางบำเรอได้มิใช่หรือ ?
ฟางเถียนหัวเราะออกมาพร้อมกับหยุดพูดเรื่องนี้ทันที นางคว้าตะเกียบและเริ่มหยิบยื่นอาหารให้กับเฉินหลี่ชิง “มา มาเถอะ กินข้าวกัน”
เฉินหลี่ชิงมองไปที่อาหารซึ่งมันถูกหยิบยกโดยฟางเถียน… เขาเห็นอย่างชัดเจนว่าอีกฝ่ายใช้ตะเกียบของตนเอง… ตะเกียบตัวเอง ! ! !
เฉินหลี่ชิงแทบจะเป็นลมกับเหตุการณ์ตรงหน้านี้…
ทำไมเฉินหลี่ชิงโง่จัง
สงสารหนุ่มน้อยจริงๆ