ตอนที่ 48 ไปส่ง
ตระกูลฟางทั้งหมดกำลังจะเดินทางกลับหมู่บ้านและพวกเขาก็ต้องการจะเรียกคนขับรถม้า เฉินหลี่ชิงยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเสนอตัว “รถม้าทั่วไปค่อนข้างที่จะแข็งกระด้าง ในตอนนี้ร่างกายของคนป่วยยังไม่ค่อยดีนัก นางไม่ควรจะนั่งรถที่กระแทกหลุมและบ่อตลอดเวลา แม้ว่าพวกท่านจะใส่ผ้านวมรองไว้สองถึงสามชั้น มันก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้มากนัก เอาล่ะ บ้านของข้ามีรถม้าที่ค่อนข้างดีและสบายกว่ามากแน่นอน ข้ามีหลายคันทำไมพวกท่านไม่ลองนั่งมันกลับหมู่บ้านล่ะ ? ”
แววตาของฟางเซียงหยู่ทอประกายวิบวับออกมา นางมองที่เฉินหลี่ชิงอย่างซาบซึ้งพร้อมกับเอ่ยปากเสียงหวาน “เช่นนั้นข้าก็ต้องขอรบกวนนายน้อยเฉินแล้ว”
ส่วนเฉินหลี่ชิงเหลือบมองที่ฟางฮั่นอย่างเฝ้ารอและกล่าวกับนางในใจว่า… มันไม่ได้ลำบากเลย ข้าอยากจะไปส่งเจ้าที่บ้านเพื่อดูความเป็นอยู่ของเจ้าไง
ฟางฮั่นหันหน้ามองเฉินหลี่ฟางด้วยความขมขื่น แต่เฉินหลี่ฟางเห็นด้วยกับพี่ชายของตน นางต้องการจะไปที่บ้านของฟางฮั่นและรู้สึกว่าพี่ชายของตัวเองฉลาดมาก รอยยิ้มสดใสปรากฏบนใบหน้าพร้อมกับคว้ามือฟางฮั่นไว้แน่น “ฟางฮั่น ข้าจะขอไปทานข้าวเที่ยงที่บ้านของเจ้าได้หรือไม่ ? ”
เฉินหลี่ชิงมองไปยังน้องสาวของตนเองที่จับมือของฟางฮั่นไว้แน่น เขารู้สึกทนไม่ไหวและต้องการจะให้นางโตเร็ว ๆ อีกอย่างตอนนี้เขาได้ยินน้องสาวของตนเองพูดว่าต้องการจะกินข้าวร่วมกับฟางฮั่น ความกังวลและความประหม่าถาโถมในหัวใจของชายหนุ่มทันที
ส่วนฟางเถียนก็เชิญชวนให้เฉินหลี่ชิงไปรับประทานอาหารที่บ้านเพื่อแสดงความขอบคุณเช่นเดียวกัน
เฉินหลี่ชิงยิ้มรับโดยไม่ได้กล่าวอะไรตอบ ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้ฟางเถียนยิ้มจนปากแทบจะฉีกไปถึงใบหูเลยทีเดียว
ฟางเซียงหยู่นั่งพิงฟางเถียนอย่างรู้สึกภาคภูมิใจในตนเอง
ตอนนี้นางกำลังตั้งท้องให้กับพี่ชางของนางอยู่ ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะตอบสนองต่อความลุ่มหลงของนายน้อยเฉินผู้นี้ที่นางนึกเพ้อฝันไปเอง แต่ถึงแม้จะพัวพันกันไม่ได้ นางก็ยังแอบภูมิใจที่เสน่ห์อันมากล้นของนางไปเตะตานายน้อยเฉินผู้หล่อเหลาคนนี้อย่างอยู่หมัด
เฉินหลี่ชิงเดินตามเฉินหลี่ฟางออกมาซื้อของและเดินกลับไปที่รถม้า เขาส่งตระกูลฟางขึ้นรถและเฉินหลี่ฟางเดินมาที่รถอีกคันเพราะไม่ต้องการนั่งกับพวกนั้น
ตอนนี้เขาต้องการที่จะดึงฟางฮั่นออกมาจากรถคันนั้นให้ได้ ทว่าเขากลับทำอะไรไม่ได้เพราะนางถูกฟางเถียนดึงเอาไว้ให้นั่งรถคันเดียวกัน
ความทุกข์ทั้งหมดพลันตกอยู่ที่เฉินหลี่ชิงในทันที
รถม้าของตระกูลเฉินนั้นสะดวกสบายอย่างยิ่ง ฟางเซียงหยู่ลงจากรถด้วยท่าทีสดชื่น ใบหน้าของนางสดใสและไม่ได้รู้สึกเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางไกลแม้แต่น้อย
ทุกคนเข้ามาในลานกันอย่างพร้อมเพรียง
เฉินหลี่ชิงเฝ้าดูคนที่ตนรักกำลังเดินจับมือกับน้องสาวของตนแล้วยิ่งรู้สึกอิจฉา หลังจากลงจากรถม้าแล้ว เขาเห็นทั้งสองคนเดินเลี้ยวไปที่หลังบ้าน !
เฉินหลี่ชิงอุทานออกมาเสียงดัง “นางไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่งั้นหรือ ? ”
“อะไรหรือ ? ” ฟางเถียนตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อนึกขึ้นได้ว่าน้องสาวของนายน้อยเฉินเดินไปกับฟางฮั่น
นางขมวดคิ้วแน่นพร้อมกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเหยียดหยัน “โธ่ นายน้อยเฉินอย่าได้สนใจเลย หลานสาวของข้าน่ะเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ นางขอร้องให้ข้ายอมให้นางแยกบ้านออกไปและอาศัยอยู่ตรงนั้นคนเดียว ตอนนี้น้องสาวของนายน้อยเฉินคงจะถูกพาตัวไปโดยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวแล้วกระมัง”
เมื่ออยู่ต่อหน้าของเฉินหลี่ชิง ฟางเถียนพยายามที่จะไม่ดุด่าฟางฮั่นมากนัก เพราะไม่อยากให้เขารับรู้ถึงเรื่องราวต่าง ๆ เกรงว่าเขาจะไม่สบายใจ
เปรี้ยง !
สายฟ้าสีน้ำเงินสวยสดผ่าลงกลางหัวใจของเฉินหลี่ชิง !
พวกเขาไม่ได้อยู่ด้วยกันหรือ ! ?
ทว่าเฉินหลี่ชิงไม่อยากที่จะแสดงกริยาที่ย่ำแย่ต่อหน้าคนอื่น แม้ว่าเขาจะอารมณ์เสียมากแค่ไหน เขาก็จะต้องเก็บอาการเอาไว้
ชายหนุ่มเดินตามฟางเถียนเข้าไปในบ้านด้วยรอยยิ้มที่แข็งทื่อพร้อมกับอาการเหม่อลอยตลอดเวลา
ขณะนี้ฟางเถียนกำลังตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด เพราะลูกสาวของนางตั้งครรภ์ให้กับบุตรชายแห่งตระกูลใหญ่ อีกทั้งตอนนี้ยังมีชายหนุ่มจากตระกูลใหญ่มาที่บ้านในฐานะแขก นางต้องการจะเชื่อมความสัมพันธ์นี้ให้กับฟางอ้าย ในตอนนี้ความสุขของนางจึงมีมากขึ้นเป็นสองถึงสามเท่าอย่างสุดจะบรรยาย
ในที่สุดก็มีวันที่ราบรื่นเสียที !
ฟางเทียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกยินดี อีกสักพักหนึ่งหลานที่อยู่ในท้องคงจะคลอดออกมา เมื่อถึงวันนั้นนางคงจะหายใจได้โล่งปอดอย่างแท้จริง
ฟางเถียนอดไม่ได้ที่จะกระตุ้นเสี่ยวเถียนซ้ำ ๆ “แขกมาที่บ้านแล้ว เรียกให้ฟางอ้ายออกมาดูแลแขกเร็วเข้า”
ขณะที่เฉินหลี่ชิงไม่ได้สนใจ นางแอบกระซิบกับอีกฝ่าย “นี่คือนายน้อยแห่งตระกูลใหญ่ในเมือง จงไปบอกให้ฟางอ้ายแต่งตัวให้งามที่สุดและออกมาพบเขา เข้าใจที่ข้าจะสื่อหรือไม่ ? ”
เสี่ยวเถียนรู้สึกว่าหัวใจของนางกำลังเต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง สายตาของนางเหลือบมองเฉินหลี่ชิงที่หล่อเหลาและดูสะอาดสะอ้าน
เขาทั้งดูสุภาพและร่ำรวย !
ถ้าชายคนนี้กลายเป็นลูกเขยของนางจริง ๆ ล่ะก็… เขาจะสามารถช่วยเหลือเจียงเอ๋อให้ไปถึงฝันได้มากเพียงใดกันนะ?
ใบหน้าของเสี่ยวเถียนแทบจะกักเก็บรอยยิ้มแห่งความสุขไม่ไหว นางออกไปข้างนอกและเรียกหาฟางอ้ายอย่างเร่งรีบ
ส่วนฟางเซียงหยู่นั้นพิงตัวกับเก้าอี้พร้อมพูดออกมาเบา ๆ ด้วยสายตาที่ยั่วยวน “นายน้อยเฉิน ข้าไม่ได้ป่วยหรอก แต่ข้ารู้สึกง่วงนอนตลอดเวลาเพียงเท่านั้น”
สายตาของฟางเซียงหยู่ที่มองมาทำให้เฉินหลี่ชิงรู้สึกอึดอัดและขนลุกอย่างมาก เขากำลังครุ่นคิดว่าผู้หญิงคนนี้ท้องกับพี่หลู่ของเขาได้อย่างไร ?
ในขณะที่สายตาของอีกฝ่ายกำลังรุกล้ำอย่างโจ่งแจ้ง เขาจำเป็นต้องนึกถึงสิ่งอื่นเพื่อยึดเหนี่ยวจิตใจและท่องไว้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นภรรยาของพี่ชายเขา อย่าถือสานาง อย่าถือสานางเลย….
สายตาของเขาจึงหลุบลงต่ำเพื่อหลบสายตาของอีกฝ่าย อีกอย่างนางกำลังท้องลูกคนแรกของพี่หลู่ด้วย !
ฟางเซียงหยู่ยิ่งรู้สึกภูมิใจมากยิ่งขึ้นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหลบตา นางคิดว่าเขาคงเขินอายเกินกว่าจะสบสายตานางได้
เฉินหลี่ชิงนั่งอยู่บนเก้าอี้พร้อมกับจิตใจที่ว้าวุ่น สมองของเขาคิดถึงน้องสาวตนเองที่ตอนนี้คงจะกำลังนั่งอยู่ในห้องของคนที่เขารัก
เด็กผู้หญิงทั้งสองคงจะพูดคุยและดื่มชากันท่ามกลางเสียงหัวเราะสดใส เสียงหวานของฟางฮั่นเป็นสิ่งที่เขาคิดถึงเหลือเกิน…
ในขณะที่คิดเช่นนี้ หัวใจของเขาพลันบีบรัดราวกับกำลังต่อสู้กับกรงเล็บแมวที่ข่วนไปมาตลอดเวลา เขาทั้งอึดอัดและกังวลใจอย่างมาก
ตอนนี้เฉินหลี่ฟางสนุกสนานอยู่กับฟางฮั่น มือเล็ก ๆ ของนางจับแก้มของฟางฉืออย่างเอ็นดู แขนอีกข้างโอบกอดฟางหมิงหวยเอาไว้ ความสุขของนางล้นออกมาจนแทบระเบิดเมื่อได้เจอกับเด็กทั้งสอง
ในวันนี้เฉินหลี่ฟางรู้สึกว่าตนเองไม่ต้องการอะไรไปมากกว่านี้แล้ว นางรู้สึกมีความสุขจริง ๆ
หลังจากนั้นสักครู่ เฉินหลี่ฟางรู้สึกตระหนักถึงบางอย่าง นางถอนหายใจยาวพร้อมกล่าวว่า “เห็นได้ชัดว่าสวรรค์ยังชดเชยให้กับพวกเจ้าทั้งสามคน อย่างไรก็ตามพวกเจ้าน่ะหน้าตาดีและผิวพรรณสดใสกันทุกคน คราวก่อนที่ข้าได้พบกับพวกเจ้านั้นยังจำได้ดี แต่คราวนี้ที่พวกเราพบกัน พวกเจ้าดูดีขึ้นมาก ทุกคนดูดีเหมือนเจ้าเลย ฟางฮั่น”
ฟางฉือรู้สึกอายเล็กน้อยเมื่อถูกชมเช่นนี้และอีกฝ่ายกอดนางไว้แน่นหลังจากได้พบกัน
ส่วนหวยเอ๋อนั้นเปิดใจให้กับนางมากขึ้นและค่อนข้างเป็นมิตรอย่างมากกับเด็กสาวแปลกหน้าคนนี้
ฟางฮั่นเข้าใจในคำพูดของเฉินหลี่ฟางอย่างดี นางนำถ้วยชามาเสิร์ฟ ด้านในคือชาบ๊วยผสมดอกดอกเหมยที่นางทำเอง
“เอ่อ... ข้าไม่มีชาดี ๆ หรอก แต่เจ้าน่าจะดื่มมันได้”
ถ้วยชาถูกเคลือบไว้หยาบ ๆ และมีดอกบ๊วยสีแดงลอยเด่นอย่างสวยงาม นี่คือถ้วยน้ำชาที่ฟางฮั่นเพิ่งจะซื้อมาเมื่อไม่นานนี้และมันเป็นครั้งแรกที่ถูกใช้รับแขกอย่างจริงจังอีกด้วย
พลันเห็นดอกเหมยสีแดง เฉินหลี่ฟางก็นึกอะไรขึ้นได้ “บังเอิญมากที่รูปร่างของสบู่ดอกเหมยนั้นคล้ายกับโถดอกเหมยเล็ก ๆ ที่เจ้าซื้อไปในคราวที่แล้ว”
ความจริงเรื่องสบู่ดอกเหมยนั้นก็เป็นเรื่องสำคัญมาก แม้ฟางฮั่นจะรู้สึกว่านางถูกชะตากับเฉินหลี่ฟางแต่ก็ไม่มีเวลาที่จะบอกเล่าเรื่องนี้นัก
ฟางฮั่นเพียงบอกกล่าวออกมาคร่าว ๆ ว่า “เจ้าก็รู้ว่าข้าได้รู้จักกับท่านผู้พิพากษาของเขตและตอนนี้ข้าค่อนข้างสนิทกับท่านผู้หญิงอย่างมาก อีกอย่างนางต้องการจะช่วยเหลือข้า จึงซื้อพวกมันไปทั้งหมดน่ะ”
เฉินหลี่ฟางสนใจเรื่องนี้อย่างมาก นางอุทานอย่างตื่นเต้น “สบู่ดอกเหมยใช้โถนั้นเป็นแม่พิมพ์จริง ๆ หรือ ? ”
ฟางฮั่นลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับ “อาจจะเป็นอย่างนั้น…”
ตอนนี้เฉินหลี่ฟางตื่นเต้นอย่างมาก นางชื่นชอบสบู่ดอกเหมยและเมื่อได้รู้ว่ามันทำมาจากโถลายครามของที่ร้านตนเองยิ่งรู้สึกตื่นเต้นกว่าเดิม “ข้าจะกลับไปบอกที่บ้านว่าจริง ๆ แล้วสบู่ดอกเหมยนั่นใช้แม่พิมพ์จากร้านของเรา ! ”
เมื่อฟางฮั่นได้ยินเช่นนั้น นางรีบคว้าตัวของเฉินหลี่ฟางเอาไว้อย่างรวดเร็วพร้อมแสร้งทำหน้าขมขื่น “ท่านผู้หญิงบอกว่าห้ามข้าบอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะท่านผู้พิพากษาไม่ต้องการมีข้อครหากับข้า…”
เฉินหลี่ฟางคิดไตร่ตรองอยู่สักครู่หนึ่งก่อนจะตระหนักได้ว่า ครอบครัวของฟางฮั่นยากจน ถ้าหากมีใครรู้ถึงความสัมพันธ์ของนางกับผู้พิพากษาย่อมไม่ส่งผลดีแน่นอน บางทีอาจจะมีผู้คนมากมายมาเคาะประตูบ้านทุกวันเพื่อขอซื้อสบู่ดอกเหมย
เหตุการณ์เช่นนี้มีแต่ก่อความรำคาญใจอย่างยิ่ง ถ้าหากตัวนางหลุดปากพูดสิ่งเหล่านี้ไป ฟางฮั่นจะอยู่ไม่เป็นสุขและขาดอิสระไปตลอดชีวิตแน่นอน
ในฐานะเพื่อน นางจะต้องแสดงความจริงใจกับอีกฝ่ายให้มากที่สุด เฉินหลี่ฟางพยักหน้าหนักแน่นพร้อมกล่าว “ตกลง ข้าสัญญาว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร ! ”
ฟางฮั่นรู้สึกผิดเล็กน้อยที่โกหก จากนั้นนางเปลี่ยนเรื่องคุยพร้อมกับยัดถ้วยชาใส่มือของเฉินหลี่ฟาง “ลองดื่มชาที่ยังไม่ได้เอาไปขายดูก่อนสิ ข้าบ่มมันมานานหลายวันแล้ว อยากจะฟังความเห็นของเจ้าสักหน่อย”
ฟางฮั่นพลางคิดในใจเงียบ ๆ ว่าจะหาของขวัญสักอย่างให้กับเพื่อนคนนี้
อย่างไรนางก็ไม่มีทางที่จะซ่อนความมั่งคั่งจากการขายสบู่ดอกเหมยได้แน่ แต่ถึงอย่างนั้น ฟางฮั่นก็พยายามที่จะระวังตัวอย่างมาก นางเป็นเพียงเด็กหญิงที่อ่อนแอซึ่งมีน้องติดหลังอยู่สองคน นางจะไม่ยอมรับความเสี่ยงใด ๆ ที่จะก่อให้เกิดอันตรายกับครอบครัวแน่นอน…
ตอนนี้ไม่มีเวลาให้นางนั่งเสียใจอีกต่อไปแล้ว
สิ่งที่นางต้องทำตอนนี้คือรอให้ยอดขายของสบู่ดอกเหมยมั่นคงกว่านี้สักหน่อย
ฟางฮั่นได้แต่ถอนหายใจ
ฟางฮั่นขอตัวจากเฉินหลี่ฟางเพื่อเดินเข้าไปในครัว
ส่วนเฉินหลี่ฟางไม่เคยทำอาหาร นางยืนอยู่ที่ขอบประตูพร้อมกับจ้องฟางฮั่นอย่างใคร่รู้
เด็กผู้หญิงตรงหน้านั้นงดงามอย่างแท้จริง แม้กระทั่งเวลาปรุงอาหาร ควันมากมายปะทะบดบังวิสัยทัศน์ ทว่าอีกฝ่ายก็ยังคงความงามเอาไว้ได้อย่างอยู่หมัด
เฉินหลี่ฟางต้องการจะช่วยเหลือแต่นางพลั้งมือเทเกลือพลาดและทำไข่แตกไป 3 ฟอง…
ฟางฮั่นไล่ให้นางเข้าไปอยู่ในบ้านกับเด็ก ๆ ทั้งสอง เพราะไม่อย่างนั้นครัวของนางเละแน่
แน่นอนว่าเฉินหลี่ฟางรักเด็กสองคนนี้ราวกับน้องของตนเอง นางหยิบลูกปัด 2 เม็ดออกมาจากกระเป๋าถือและมอบมันให้กับพวกเขาพร้อมกล่าวว่า “เอาไปเล่นสิ”
ลูกปัดทรงกลมทอประกายสะท้อนกับแสงแดดระยิบระยับ ทั้งฟางฉือและฟางหมิงหวยชื่นชอบมันมาก อย่างไรก็ตามเด็กทั้งสองได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี พวกเขาไม่กล้าที่จะยื่นมือไปรับมัน
ฟางฉือกล่าวออกมาอย่างไร้เดียงสา “พี่ใหญ่บอกว่าพวกเราไม่สามารถร้องขอสิ่งใดจากผู้อื่นได้”
เฉินหลี่ฟางเม้มปากเข้าหากันแน่นพร้อมกับคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะชี้ที่ตัวเอง “พวกเจ้านับพี่สาวคนนี้เป็นคนอื่นงั้นหรือ ? ข้าชอบพวกเจ้าตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบ คราวนั้นที่เราเจอกัน ข้าก็ลืมให้ของขวัญเลยเพราะเราคงจะเดินนานเกินไป ถ้าพวกเจ้าไม่ต้องการของขวัญจากพี่สาวคนนี้ ข้าก็คงจะเสียใจมาก…”
ฟางฉือเริ่มลังเล
หมิงหวยคว้ามันเอาไว้พร้อมกับวิ่งออกจากบ้านไปหาฟางฮั่น หลังจากที่เขาได้รับอนุญาตเขาวิ่งกลับมาด้วยรอยยิ้มสดใสพร้อมกล่าวว่า “พี่รองไม่ต้องกังวล พี่ใหญ่บอกว่าพวกเราสามารถรับของได้ ขอบคุณพี่หลี่ฟาง ข้าชอบมัน”
ฟางฉือหยิบลูกปัดขึ้นมาพร้อมกล่าวเสียงหวาน “ขอบคุณพี่หลี่ฟาง มันสวยมากและข้าหลงรักมัน”
เฉินหลี่ฟางรู้สึกมีความสุขมากจนแทบจะกระโดดตัวลอย
ไม่เพียงแต่เด็กน้อยทั้งสองนั้นน่ารักอย่างมาก แต่ตอนนี้ฟางฮั่นยอมรับนางในฐานะเพื่อนแล้ว
ฟางฮั่นทำกับข้าวอย่างคล่องแคล่วและคล่องตัว เฉินหลี่ฟางเล่นกับเด็ก ๆ จนไม่มีใครวิ่งมากวนนางเลยสักนิด
อาหารกลางวันเสร็จเรียบร้อย มันคือหมูรมควันผัดหน่อไม้ ไก่ผัดเผ็ดและต้มซุปลูกชิ้นหมูสูตรของนาง ทันทีที่อาหารทั้งสามอย่างวางลงบนโต๊ะ เฉินหลี่ฟางแทบจะรอไม่ไหวที่จะคว้าตะเกียบ
ฟางฮั่นแจกจ่ายตะเกียบ จากนั้นเฉินหลี่ฟางคีบอาหารเข้าปาก นางเกือบจะร้องไห้ออกมาด้วยความตื่นเต้น
“ฟางฮั่น ! ! ! เจ้าเกิดมาหน้าตาดีและยังปรุงอาหารได้อร่อยเหลือเกิน ข้าอยากแต่งงานกับเจ้า ! ทำไมข้าถึงไม่เกิดเป็นผู้ชายนะ ? ”
ฟางฮั่นนั่งกินอย่างใจเย็น “ข้าเข้าใจความรู้สึกเจ้านะ เข้าใจเป็นอย่างดีเลยและข้าก็รู้สึกอยากจะแต่งงานกับตัวเองเหมือนกัน”
เฉินหลี่ฟาง “….”
เด็ก ๆ ยังไม่เข้าใจความหมายของคำว่าแต่งงานนัก แต่ฟางหมิงหวยรู้ดีว่าถ้าหากพี่ใหญ่ของเขาแต่งงานไป พวกเขาจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน
ดังนั้นฟางหมิงหวยจึงกล่าวออกมาอย่างกังวลใจและไม่ยินยอม “พี่เฉิน เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้หรอก เพราะพี่ใหญ่ของพวกเราจะไม่แต่งงาน…”
เฉินหลี่ฟางหัวเราะออกมาเบา ๆ
ฟางฮั่นก็หัวเราะด้วยความเอ็นดูเด็กน้อยเช่นกัน
ส่วนฟางฉือไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พี่สาวสองคนหัวเราะออกมาเช่นนี้ นางอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างเขินอาย
ฟางหมิงหวยสับสน ฃไม่รู้ว่าพี่สาวของเขาหัวเราะทำไม จากนั้นเขาก็หัวเราะตามทุกคนอย่างไร้เหตุผล
บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่นและสนุกนาน
แน่นอนว่าบรรยากาศในบ้านของฟางฮั่นนั้นยอดเยี่ยม ทว่าในบ้านหลังใหญ่กลับเต็มไปด้วยความอึดอัด…