px

เรื่อง : แม่สาวชาวสวน **(จบแล้ว)**
ตอนที่ 45 การตลาดที่ยอดเยี่ยม


ตอนที่ 45 การตลาดที่ยอดเยี่ยม

 

ฟางเถียนบอกให้ฟางฉางจวงออกไปเรียกตาเฒ่าฟางเข้ามาข้างใน นางต้องการที่จะบอกเล่าเรื่องราวน่าประทับใจนี้ให้กับผู้เป็นพ่อของบุตรสาว

 

ตาเฒ่าฟางนั่งสูบยาสูบอยู่ด้านนอกของลาน… พลันเห็นว่าลูกชายกำลังเดินมาหา เขารีบโบกมืออย่างไม่สนใจ “ข้าไม่อยากรับรู้ ปล่อยให้มันตายไปเถอะ นังผู้หญิงน่าไม่อายแบบนั้น ! ”

 

แต่ฟางฉางจวงกลับกล่าวออกมาอย่างยินดี “ท่านพ่ออย่าเพิ่งกล่าววาจาวู่วามเช่นนั้นเลย ท่านพ่อ ท่านไม่อยากรู้หรือว่าใครเป็นพ่อของเด็กในท้อง ? ”

 

ตาเฒ่าฟางถลึงตาเกรี้ยวกราดทันที “ใครเป็นพ่อของมัน ? ! ข้าจะฆ่ามันให้ตายคามือนี้เมื่อได้พบ ! ”

 

ฟางฉางจวงยิ้มพร้อมนั่งลงข้าง ๆ พ่อของตนเองและกล่าวอย่างใจเย็น “ท่านพ่ออย่าเพิ่งโกรธเลย พ่อของเด็กคนนี้เป็นบุตรชายคนโตของโรงปักจิ่นซิ่ว เขาเป็นนายน้อยแห่งตระกูลหลู่ ชื่อของเขาคือหลู่ยวี่ชาง ก่อนหน้านี้เขาบอกกับน้องสาวไว้แล้วว่าเขาต้องการจะแต่งงาน แต่ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงการเจรจากับครอบครัวตนเอง แต่ตอนนี้มีเด็กที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลหลู่อยู่ในท้องของหยู่เอ๋อแล้ว การแต่งงานจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน”

 

แววตาของตาเฒ่าฟางวูบไหวอย่างมีความสุข เขาเคยได้ยินชื่อของโรงปักจิ่นซิ่วมาก่อน ยายแก่ที่บ้านมักจะบ่นพึมพำใส่หูของเขาตลอดเวลาและขอร้องให้เขาพาไปที่โรงปักจิ่นซิ่วเพื่อซื้อผ้ามาให้นาง พวกผู้หญิงนั้นใฝ่ฝันที่จะได้ซื้อเสื้อผ้าจากโรงปักจิ่นซิ่ว แต่มันช่างเป็นฝันร้ายของผู้เป็นสามี เพราะทุกสิ่งในนั้นแพงเกินไป !

 

คราวนั้นเขาถึงกับดุภรรยาเกี่ยวกับการซื้อเสื้อผ้าราคาแพงที่โรงปักจิ่นซิ่ว !

 

ทว่าวันนี้เขาจะได้ลูกเขยที่เป็นเจ้าของโรงปักจิ่นซิ่วงั้นหรือ ?

 

ระหว่างทางที่เดิน ตาเฒ่าฟางรู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขากำลังลอยได้ ทุกคนล้วนแต่กำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความสุข

 

เมื่อเขาเดินเข้ามาในห้อง ฟางเถียนเริ่มออกคำสั่งอย่างซ้ำซาก “ข้าจะต้องอยู่ที่นี่สองสามวันเพื่อดูแลฟางเซียงหยู่ให้ดีที่สุด จะต้องซื้อข้าวปลาอาหารที่มีประโยชน์และไม่ทำให้นางต้องกังวลใจ ใบหน้าของนางจะต้องสดใสและได้รับทุกสิ่งที่ยอดเยี่ยม อีกอย่างจะต้องดูแลเด็กในท้องให้ดีที่สุดด้วยเช่นกัน เช่นนี้เจ้าจะต้องกลับไปดูแลบ้านให้ดี”

 

ตอนนี้ฟางเถียนคิดว่าบุตรสาวของตนเองกำลังจะได้แต่งงานกับตระกูลใหญ่ที่ร่ำรวย นางมีความสุขมากเกินกว่าจะมานั่งคิดถึงเรื่องราวความรักของตาเฒ่าฟางในอดีต เช่นนี้ตาเฒ่าฟางรู้สึกพอใจอย่างมากและพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม

 

ฟางฮั่นจ้องมองครอบครัวตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ ท่านปู่ของนางเมื่อกี้แทบจะเสียสูญการควบคุมตนเองและไม่ยินยอมกับเหตุการณ์นี้แบบหัวชนฝา แต่ในตอนนี้กลับนิ่งและมีรอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้างั้นหรือ ? ดูเหมือนว่าลูกเขยคนนี้จะเป็นที่พึงพอใจสำหรับเขาอย่างมาก

 

หลังจากนั้นสักครู่หนึ่ง ฟางเซียงหยู่ก็บ่นออกมาว่านางเหนื่อยและต้องการจะพักผ่อน

 

ทั้งหมดจึงปล่อยให้ฟางเซียงหยู่พักผ่อนและมีเพียงฟางเถียนเท่านั้นที่จะคอยดูแลนางอยู่ที่นี่ ส่วนตาเฒ่าฟาง ฟางฉางจวงและฟางฮั่นเรียกรถม้าและเดินทางกลับหมู่บ้านฟางเจีย

 

หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยมาตลอดทั้งวัน ฟางฮั่นบิดขี้เกียจตัวยาวในขณะที่กลับมาถึงบ้าน นางพบว่าน้องทั้งสองยังไม่ได้กลับมาหลังจากออกไปหาครอบครัวหวังที่บ้าน แต่ฟางฮั่นค่อนข้างวางใจจึงไม่ได้กังวลอะไรนัก นางเดินไปที่เตียงเพื่อพักผ่อนอีกครั้ง

 

จากนั้นนางก็ผล็อยหลับไปจากความเหน็ดเหนื่อย

 

หลังจากที่ฟางฉางจวงกลับมาถึงบ้าน เขาถูกภรรยาสอบถามเรื่องราวทั้งหมดอย่างละเอียดยิบ นางอยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับฟางเซียงหยู่อย่างมาก

 

ใบหน้าของฟางฉางจวงสดใสพร้อมบอกเล่าเรื่องราวที่น่ายินดีให้กับภรรยาฟังอย่างตื่นเต้น ขณะที่เสี่ยวเถียนได้ฟังเช่นนี้ นางก็พลันอิจฉาเล็กน้อยที่ฟางเซียงหยู่สามารถไต่เต้าขึ้นไปหาบุตรชายคนโตของตระกูลใหญ่ได้ ทว่าจะรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเท่าไหร่ นางก็ทำได้เพียงแต่คิดในใจเท่านั้น สุดท้ายนางถอนหายใจยาวพร้อมกล่าวว่า “ขอบคุณสวรรค์ที่เปลี่ยนเรื่องอื้อฉาวให้กลายเป็นสิ่งที่น่ายินดี อีกทั้งมันยังไม่กระทบต่อชื่อเสียงของเสี่ยวอ้ายอีกด้วย ครอบครัวของสามีนางนั้นร่ำรวยมากและอาจจะมีประโยชน์ต่อการสอบของเจียงเอ๋อก็ได้”

 

ฟางฉางจวงพยักหน้าซ้ำ ๆ อย่างเห็นด้วย

 

แววตาของฟางอ้ายวูบไหวอย่างตื่นเต้นด้วยเช่นกัน “โอ้ ท่านแม่กำลังจะบอกว่าท่านอาเล็กกำลังจะแต่งงานกับนายน้อยแห่งโรงปักจิ่นซิ่วหรือ ? ”

 

เสี่ยวเถียนพยักหน้ารับพร้อมยิ้มกว้าง “เมื่อนางแต่งงานแล้ว เจ้าจะมีเสื้อผ้าดี ๆ ใส่มากมาย มันจะไม่ใช่สิ่งที่เหลือต่อจากผู้ใดอีกแล้ว”

 

ฟางอ้ายยิ่งตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่อยู่ นางนึกถึงเสื้อผ้ามากมายในโรงปักจิ่นซิ่วแล้วยิ่งตื่นเต้นมากขึ้น ปีนี้นางจะอายุ 12 ขวบ อีกสองถึงสามปีนางจะสามารถถึงวัยที่จะแต่งงานได้ ภายในหัวของนางพลันคิดว่าจะสามารถหาสามีร่ำรวยอย่างเช่นท่านอาของนางได้หรือไม่…

 

ฟางอ้ายรู้สึกกังวลใจเล็กน้อยกับอนาคตของตนเอง

 

แต่การที่ท่านอาของนางจะได้แต่งงานกับตระกูลใหญ่ที่ร่ำรวยเช่นนั้นก็ทำให้นางรู้สึกภูมิใจอย่างมาก นางวิ่งออกจากบ้านไปพร้อมกับคุยโวในกลุ่มเพื่อนว่าอาสาวของตนเองจะได้แต่งงานกับเจ้าของโรงปักจิ่นซิ่ว

 

เด็กหญิงในกลุ่มกล่าวออกมาอย่างไม่เชื่อถือ “เจ้าของโรงปักจิ่นซิ่วคือใครกัน ? แล้วทำไมเขาจะต้องมาสนใจอาเล็กของเจ้าด้วย ? ”

 

ฟางอ้ายที่ถูกสอบถามอย่างหนักเริ่มโกรธจัดจนเกือบจะหลุดปากออกไปว่า… เขาจะไม่สนใจอาเล็กของนางได้อย่างไรกัน ก็ในตอนนี้ในท้องของอาเล็กมีลูกของเขาอยู่ ! แต่ขณะที่นางอยู่ในบ้าน แม่ของนางย้ำอย่างหนักกว่าห้ามบอกกล่าวผู้ใดเกี่ยวกับเรื่องราวที่ฟางเซียงหยู่กำลังท้อง ฟางอ้ายจำเป็นต้องอดกลั้นคำพูดเอาไว้อย่างกะทันหันพร้อมกับเปลี่ยนประเด็น “หึ ก็พี่ชายของข้ากำลังจะสอบเข้าสถาบันของนักวิชาการในเมือง เมื่อครอบครัวของข้ามีสถานะเป็นนักวิชาการ ก็ย่อมสูงกว่าสถานะพ่อค้าอย่างเห็นได้ชัด ทำไมพวกเขาจะต้องดูถูกอาเล็กของข้าด้วยล่ะ!”

 

ทุกคนในหมู่บ้านล้วนแต่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับพรสวรรค์ของฟางหมิงเจียงอย่างชัดเจน เขาเติบโตขึ้นมาเป็นผู้นำของเด็กในหมู่บ้านและเด็ก ๆ เหล่านี้ล้วนแต่เติบโตขึ้นมาพร้อมกับเรื่องราวความอัจฉริยะของฟางหมิงเจียงและมักจะถูกพ่อแม่ดุด่าโดยยกเจียงเอ๋อเป็นต้นแบบเสมอ

 

“พวกเจ้าทำไมไม่หัดเอาอย่างพี่ใหญ่เจียงบ้าง เขาเรียนอย่างหนักในตอนกลางวันและอ่านหนังสือต่อในตอนกลางคืน ! ”

 

“ดูพี่ใหญ่เจียงในตระกูลฟางบ้างสิ เขาทั้งฉลาดและฝึกฝนอย่างหนัก หวังเหล่าซิ่วเป็นอาจารย์ของเขาและในตอนนี้เขากำลังจะได้เข้าเรียนในเมือง แต่เจ้าน่ะไม่ฉลาดและยังกล้าเกียจคร้านอีกงั้นหรือ ! ? ”

 

เด็กหลายคนถูกเฆี่ยนตีจากพ่อแม่โดยที่มีชื่อฟางหมิงเจียงเป็นต้นเหตุไม่รู้ต่อกี่รอบ ทุกคนล้วนแต่มั่นใจและเชื่อว่าพี่ใหญ่เจียงเป็นอัจฉริยะ ทันทีที่ฟางอ้ายกล่าวออกมาเช่นนั้น ทุกคนคล้อยตามและเห็นด้วยทันที “โอ้ ถ้าเป็นเช่นนั้นบ้านของเจ้าก็จะต้องไม่จ่ายเงินให้กับโรงปักจิ่นซิ่วเพื่อซื้อเสื้อผ้าแล้วสิ ? ”

 

“ช่างน่าอิจฉายิ่งนัก เจ้าจะมีเสื้อผ้าสวย ๆ มากมายรออยู่ในอนาคต ! ”

 

“ฟางอ้าย ! เมื่อถึงวันนั้นเจ้าจะสามารถพาข้าไปเลือกซื้อเสื้อผ้าราคาพิเศษที่โรงปักจิ่นซิ่วได้หรือไม่ ? ”

 

“ใช่ ๆ เพราะเสี่ยวอ้ายมีความสัมพันธ์กับพวกเขา จะต้องได้ราคาพิเศษแน่”

 

เมื่อฟางอ้ายถูกเยินยอเช่นนั้น นางตกปากรับคำของเพื่อน ๆ ในทันที

 

นางคิดเรื่องนี้ซ้ำไปมา อาเล็กของนางกำลังจะกลายเป็นภรรยาของนายน้อยจิ่นซิ่ว อีกทั้งทารกอยู่ที่ในท้องของอาเล็กยังมีความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างมาก นางซึ่งเป็นหลานสาวแน่นอนว่าจะต้องมีสัมพันธ์ที่ดีกับโรงปักจิ่นซิ่วด้วยเช่นกัน การไปซื้อเสื้อผ้านั้นนางจะต้องได้รับสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากกว่าการลดราคาสินค้าแน่นอน

 

หลังจากนั้นไม่กี่วัน ตาเฒ่าฟางรู้ว่าวันนี้คือวันที่ฟางเซียงหยู่จะต้องออกจากโรงหมอ เขาจึงบอกให้ฟางฉางจวงไปเรียกรถม้าเพื่อจะเข้าเมืองและพอดิบพอดีกับฟางฮั่นที่จะต้องเข้าไปหาท่านผู้หญิงเนื่องจากวันนี้คือวันที่สิบของเดือน ทั้งสองมีนัดกันเพื่อจ่ายส่วนแบ่งของสบู่ดอกเหมยในเดือนที่แล้ว ซึ่งนางบังเอิญได้นั่งรถม้าคันเดียวกับตาเฒ่าฟาง ส่วนอีกฝ่ายเมื่อรู้ตัวว่าต้องนั่งรถคันเดียวกับหลานสาวที่เขาไม่ค่อยชอบขี้หน้านัก เขาอดไม่ได้ที่จะพึมพำกะปอดกะแปดมาตลอดทาง

 

เมื่อนางเข้ามาถึงในเมืองก็รีบพุ่งตรงไปที่บ้านของท่านผู้หญิงในทันที

 

ทันทีที่พวกเขาได้พบกัน ท่านผู้หญิงซึ่งมีใบหน้าสดใสตรงปรี่มาหาเด็กหญิงอย่างตื่นเต้น นางจับมือเด็กน้อยพร้อมกล่าวว่า “สาวน้อยของข้า วันนี้เจ้าดูน่ารักขึ้นมากเลยล่ะ”

 

ฟางฮั่นถึงกับตกใจกับสิ่งที่ได้เผชิญ

 

เอิ่ม… นี่นางสวยขนาดนั้นเชียวหรือ ? ฟางฮั่นอดไม่ได้ที่จะคิดเรื่องนี้แบบเคอะเขิน

 

ก่อนที่นางจะได้ตอบอะไร ท่านผู้หญิงโอบเอวของนางพร้อมกับบอกเล่าเกี่ยวกับยอดขายของสบู่ดอกเหมยในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา

 

ปรากฏว่าท่านผู้หญิงนั้นก็เป็นคนที่ขายของไม่เก่งและไม่รู้วิธีการขายของ แต่เมื่อนางไปร่วมงานเลี้ยงของสตรีอาวุโสในเมืองด้วยใบหน้าสดใสเรียบเนียน ทุกสิ่งกลับลงล็อกอย่างไม่น่าเชื่อ

 

ผู้หญิงในทุกวันนี้เกรงกลัวสิ่งใดล่ะ ?

 

ทุกคนย่อมกลัวที่จะเหี่ยวย่นและสามีจะเบื่อหน่าย !

 

เมื่อท่านผู้หญิงปรากฏตัวในงานเลี้ยงด้วยใบหน้าสดใสพร้อมกับผิวพรรณที่อวบอิ่ม ทุกคนล้วนแต่ให้ความสนใจในความเปลี่ยนแปลงนี้อย่างล้นหลาม ท่านผู้หญิงจึงแนะนำสบู่ดอกเหมยอย่างไม่ค่อยเต็มใจนักและนางไม่ต้องการที่จะบอกกล่าวกับใครว่าสบู่ดอกเหมยนี้มาจากไหน ผู้หญิงหลายคนตัดสินใจซื้อสบู่ดอกเหมยในราคาที่สูงมากทันที และพวกนางยังต้องการจะซื้อมันต่อไปเรื่อย ๆ อีกด้วย ซึ่งก็มีบางคนที่ซื้อมันเพื่อเอาอกเอาใจท่านผู้หญิงเท่านั้น แต่นางก็รู้ดีว่าเมื่อใครได้ใช้มันแล้ว พวกเขาก็ย่อมตกหลุมรักมันอย่างแน่นอน

 

สบู่ดอกเหมยกลายเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็วในวงการสตรีชั้นสูง

 

เพียงแค่ตอนนี้สถานะของนางไม่สามารถทำธุรกิจอื่นได้ นางจึงมอบหมายงานทั้งหมดนี้ให้กับหลานชายของตนเองและให้เขาเป็นคนจัดการส่งสินค้าให้กับลูกค้าทั้งหมด

 

ท่านผู้หญิงบอกกล่าวกับผู้อื่นว่าหลานชายเป็นคนจัดหาสินค้า ซึ่งมันหาได้ยากมากและมีต้นสูงที่ค่อนข้างสูง วันนี้หลานชายของนางมีเงินในมือเพียงแค่ 100 ตำลึงเท่านั้น เขาจึงทำการสั่งซื้อสบู่ดอกเหมยเป็นจำนวน 100 ก้อนเท่านั้น

 

ทว่าก่อนหน้านี้ไม่กี่วันมีผู้หญิงจำนวนหนึ่งซึ่งต้องการซื้อสบู่เพิ่ม ได้มาหานางที่บ้านและต้องการให้นางผลิตมันมากกว่านี้

 

ท่านผู้หญิงรู้สึกพอใจอย่างมากที่การตลาดของนางเสร็จสิ้นได้อย่างง่ายดาย

 

หลังจากนั้นท่านผู้หญิงจึงบอกให้หลานชายขายสบู่ดอกเหมยที่เหลืออยู่ในมือทั้งหมดทันที… เพียงพริบตาสบู่ดอกเหมยถูกปล้นออกไปจนหมดคลัง

 

มันกลายเป็นสิ่งของยอดนิยมในหมู่หญิงสาวในเมืองไปเสียแล้ว

 

ตอนนี้หญิงสาวทุกคนล้วนแต่พูดถึงสบู่ดอกเหมยอย่างไม่หยุดปาก ทุกคนล้วนแต่บอกกล่าวให้ท่านผู้หญิงไปบอกหลานชายให้ทำมันเพิ่ม

 

ท่านผู้หญิงบอกเล่าเรื่องราวด้วยรอยยิ้ม “สบู่ดอกเหมย 187 ก้อนถูกขายไปแล้วจนหมดสิ้น ในร้อยก้อนแรกข้าขายมันในราคาหนึ่งร้อยถึงสองร้อยอีแปะเท่านั้น แต่หลังจากที่มีผลการตอบรับที่มากขึ้นข้าขึ้นราคาเป็น 300 อีแปะใน 87 ก้อนหลัง ผู้หญิงหลายคนก็ยังเรียกร้องขอซื้อราวกับว่าไม่ได้ขาดแคลนเงินทองเลย แต่ตอนนี้ข้าคิดว่าเจ้าไม่ควรจะผลิตมันมากเกินไป ซึ่งถ้าหากมันมีมากก็จะแปลว่ามันหาง่าย… ความหายากจะสามารถตรึงราคาของสินค้าได้ ตอนนี้ข้าคิดว่าเป็นจังหวะที่ดีเราควรจะตั้งราคาของมันไว้ที่ 500 อีแปะต่อก้อน หลังจากที่ผู้ใช้ติดใจและเริ่มติดมัน เราจะได้ตั้งโรงงานเพื่อผลิตมันโดยเฉพาะ”

 

ฟางฮั่นแทบจะคุกเข่าให้กับหัวการค้าของท่านผู้หญิงตรงหน้าอย่างจริงใจ ดูเหมือนว่านางจะมีความเชี่ยวชาญในด้านการค้าอยู่มาก

 

เช่นนี้ยิ่งทำให้ฟางฮั่นเชื่อมั่นมากขึ้น

 

หลังจากนั้นทั้งสองคำนวนเงินส่วนแบ่ง ฟางฮั่นจะต้องได้รับเจ็ดในสิบซึ่งต้องหักลบกับเงินมัดจำที่นางได้ไปก่อนหน้านี้ ตอนนี้นางจึงได้รับเงินเพิ่มอีก 23 ตำลึง แต่ฟางฮั่นปฏิเสธในทันทีโดยต้องการให้ท่านผู้หญิงหักค่าแรงของหลานชายออกไปจากส่วนแบ่งของนางด้วย ใบหน้าของท่านผู้หญิงเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา พร้อมกับดุเด็กหญิงตรงหน้าอย่างขัดใจ “ถ้าอย่างนั้นข้าก็ต้องคิดค่าแรงให้กับเจ้าด้วยเช่นกันน่ะสิใช่หรือไม่ ? ”

 

ไม่ว่าอย่างไรสบู่นี้ก็ไม่ได้มีต้นทุนที่มากนัก แต่มันสามารถสร้างกำไรได้อย่างล้นหลาม

 

ไม่ใช่ว่าทุกคนไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ แม้แต่ฟางฮั่นก็รู้ดี อีกทั้งท่านผู้หญิงมิใช่คนที่ขาดแคลนเงินทองแต่อย่างใด นางเพียงแค่ยื่นมือมาช่วยฟางฮั่นหาเงินเท่านั้น เมื่อเข้าใจสถานการณ์ ฟางฮั่นยิ้มและโค้งคำนับให้กับอีกฝ่ายพร้อมยื่นมือไปรับเงินไว้อย่างสุภาพ


 

รีวิวผู้อ่าน