px

เรื่อง : แม่สาวชาวสวน **(จบแล้ว)**
ตอนที่ 42 ปีนี้ข้าเพิ่งอายุ 10 ขวบ


ตอนที่ 42 ปีนี้ข้าเพิ่งอายุ 10 ขวบ

 

หลังจากเจรจาธุรกิจแล้ว ฟางฮั่นตกลงการทำงานกับท่านผู้หญิงอย่างเรียบง่าย นางจะเป็นผู้ผลิตและท่านผู้หญิงคือผู้จัดจำหน่ายและเงินจะถูกจ่ายให้กับฟางฮั่นทุกวันที่สิบของเดือน

 

สบู่ดอกเหมย 1 ก้อนมีราคา 200 อีแปะ ซึ่งท่านผู้หญิงยืนกรานที่จะจ่ายเงินมัดจำให้กับฟางฮั่นเป็นจำนวน 10 ตำลึง

 

ตอนนี้ท่านผู้หญิงเริ่มรู้สึกชื่นชอบวิธีคิดของฟางฮั่นมากขึ้น ยิ่งได้คุยนางยิ่งรู้สึกหลงรักเด็กน้อยคนนี้

 

ทั้งสองพูดคุยกันอยู่เนิ่นนานหลายเรื่อง ฟางฮั่นสามารถพูดคุยกับอีกฝ่ายได้อย่างลื่นไหลและเต็มไปด้วยไหวพริบมากมาย หลังจากนั้นไม่นานท่านผู้หญิงจึงยกให้ฟางฮั่นเป็นคนสนิทของนางไปโดยปริยาย

 

หลังจากดื่มชาหมดถ้วยแล้ว ฟางฮั่นรู้สึกว่ามันถึงเวลาที่นางจะต้องกลับบ้าน นางจึงยืนขึ้นพร้อมกล่าวอย่างเคอะเขิน ในขณะที่ท่านผู้หญิงออกมาส่ง “ข้ามีน้องสาวและน้องชายรออยู่ที่บ้าน วันหน้าข้าจะพาพวกเขามารบกวนที่นี่ คงจะต้องขอรบกวนท่านผู้หญิงด้วยนะเจ้าคะ”

 

ท่านผู้หญิงไม่สามารถไปส่งนางที่บ้านได้ นางจึงเรียกคนขับรถม้าออกมาพร้อมกับสั่งให้เขาไปส่งฟางฮั่นที่บ้านแทน จากนั้นให้เอาสบู่ดอกเหมยกลับมาด้วย

 

ฟางฮั่นรู้สึกมึนงงเล็กน้อยเมื่อนางเห็นถุงสีแดงเล็ก ๆ ซึ่งมันถูกยัดใส่มือของนางอย่างแน่นหนาในขณะที่นางนั่งอยู่บนรถม้า

 

อีกฝ่ายยิ้มออกมาพร้อมกล่าวอย่างจริงใจ “เจ้ามอบสบู่ดอกเหมยให้ข้าตั้งมากมาย ข้าจะสามารถขี้เหนียวได้งั้นหรือ ? ”

 

ชาวบ้านเห็นว่าฟางฮั่นกลับมาจากในเมืองพร้อมรถม้าคันใหญ่ ทุกคนเริ่มชะเง้อคอออกมาเพื่อสอดส่องอย่างใคร่รู้

 

ฟางฮั่นรู้สึกเฉยเมยกับคำนินทาของชาวบ้านไปเสียแล้ว คนรับใช้ช่วยนางขนของออกจากรถม้า หมิงหวยกระโดดออกมาจากบ้านอย่างตื่นเต้นพร้อมกับจ้องมองสถานการณ์ตรงหน้าอย่างอยากรู้

 

“ของพวกนี้สำหรับเรางั้นหรือพี่ใหญ่ ? ” ฟางหมิงหวยมองด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ ของเล่นที่ดูดีมากสองสามชิ้นปรากฏขึ้นในรายการที่พี่ใหญ่ของเขาหยิบออกมาจากรถม้า ดูเหมือนว่ามันถูกตระเตรียมไว้สำหรับเด็กโดยเฉพาะ

 

ฟางฮั่นรู้ดีว่าผู้พิพากษาจะต้องตรวจสอบสถานะครอบครัวของนางได้ ซึ่งใคร ๆ ก็รู้ดี และท่านผู้หญิงก็ตระเตรียมของขวัญไว้มากมายเพื่อรอการกลับมาของนางอีกครั้ง เช่นนี้ก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงความจริงใจที่พวกเขามี

 

ดูเหมือนว่าขุนนางสองคนนั้นจะเป็นคนที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ สินะ....

 

ฟางฮั่นได้แต่บ่นถึงสองคนนั้นอยู่ในใจ

 

สบู่ดอกเหมยของฟางฮั่นนั้นไม่ได้มีมากนัก ซึ่งมันไม่รวมกับสิ่งที่นางจะต้องใช้ด้วย สบู่ที่ถูกจ่ายมัดจำมา 10 ตำลึงถูกย้ายขึ้นรถม้าไปอย่างระมัดระวังโดยทั้งหมดนี้คนขับรถม้าเป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด

 

ฟางฮั่นยืนมองจนรถม้าจากไปไกลลิบ นางจึงเดินเข้าไปในบ้าน

 

ทั้งฟางฉือและฟางหมิงหวยต่างรู้สึกประหม่าเล็กน้อยเมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งของกองใหญ่ เมื่อฟางฮั่นเดินกลับเข้ามา เด็กชายยิ้มอย่างเขินอายพร้อมถามอย่างแผ่วเบา “พี่ใหญ่ ข้าลองสัมผัสมันได้ไหม…”

 

แน่นอนว่าฟางฮั่นอนุญาต

 

ฟางหมิงหวยกระโดดจับสิ่งของที่เขาใฝ่ฝันมานานอย่างตื่นเต้นพร้อมกับลากของเล่นสองสามชิ้นที่ต้องตาออกมา เสียงตะโกนดังก้องของเด็กน้อยดังขึ้น “ฮ่า พรุ่งนี้ข้าจะเอามันไปเล่นกับพี่อี้เฟย ! ”

 

ฟางฉือกระซิบอย่างแผ่วเบา “พี่อี้เฟยต้องไปสำนักแล้ว หวยเอ๋อจะไปเล่นกับพี่อี้เฟยได้อย่างไรเล่า”

 

ฟางหมิงหวยชะงักไปชั่วครู่ก่อนที่จะเบะปากออกอย่างโศกเศร้า “ถ้าอย่างนั้น… ข้าก็อยากจะไปสำนักบ้าง”

 

ฟางฮั่นรู้มาว่าสำนักในหมู่บ้านถัดไปนั้นรับเด็กอายุ 6 ขวบเข้าเรียนแล้ว ซึ่งหวยเอ๋อยังไม่ถึงเกณฑ์ที่จะเข้าเรียน คราวก่อนนางได้สอบถามเรื่องนี้กับหวังเหล่าซิ่ว เรื่องนี้และเขาได้ตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มว่าให้รออีกปีเถิด อย่าฝืนธรรมชาติของเด็กมากนักเลย

 

ฟางฉือโตพอที่จะเรียนรู้ ทว่าสำนักไม่รับเด็กผู้หญิง

 

ฟางฮั่นลูบหัวหวยเอ๋อเบา ๆ พร้อมปลอบใจ “หวยเอ๋อยังเด็กเกินไป เจ้าต้องรอปีหน้านะ อีกอย่างสำนักไม่ใช่สถานที่ที่จะไปวิ่งเล่น มันคือสถานที่ที่มอบความรู้ให้กับเจ้า ถ้าหากเจ้ามัวแต่ไปวิ่งเล่นแบบนั้นพี่อี้เฟยจะเสียสมาธิและอาจารย์ของเจ้าก็จะหงุดหงิดด้วยนะ”

 

ศีรษะของฟางหมิงหวยก้มต่ำเล็กน้อยเมื่อได้ยิน

 

ก่อนอื่นคือนางไม่รู้เลยว่าใครที่เป็นคนแพร่กระจายเรื่องฟางหมิงฮ่งใช้ก้อนหินขนาดใหญ่ปาหัวคนอื่น เด็กในหมู่บ้านทั้งหมดไม่มีใครเล่นกับฟางหมิงฮ่งเลยสักคนและเหตุผลที่เขากล้าใช้หินทุบคนอื่นก็เพราะบุคคลนั้นเป็นเพื่อนกับฟางหมิงหวย ซึ่งเด็ก ๆ ในหมู่บ้านก็หลีกเลี่ยงฟางหมิงหวยด้วยเช่นกันเพราะไม่ต้องการเจ็บตัว ส่วนหวังอี้เฟยยังคงเป็นมิตรกับฟางหมิงหวยอยู่เสมอและมักจะมาหาเด็กชายที่บ้านในยามว่าง

 

“อื้ม ข้าเข้าใจแล้ว งั้นข้าเล่นคนเดียวก็ได้” ฟางหมิงหวยพลันเปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็ว “ถ้าพวกเขากลัวฟางหมิงฮ่งจนไม่กล้ามาเล่นกับข้า… ข้าก็จะไม่เล่นกับพวกเขาหรอก”

 

ฟางฮั่นลูบคางของเด็กชายอย่างปลอบใจ “ไม่ต้องกังวลหรอก พี่กับพี่ฟางฉือไม่เพียงแต่จะเล่นกับเจ้า แต่ข้าจะช่วยสอนให้เจ้าอ่านหนังสือได้ด้วย”

 

ฟางหมิงหวยหัวเราะออกมาเบา ๆ

 

วันต่อมา ฟางฮั่นเต็มไปด้วยสิ่งที่ต้องทำมากมาย

 

นางเรียกให้อาหกและน้าฟางมาช่วยนางทำสบู่และนางบอกว่าจะมอบเงินปันผลให้กับพวกเขาเป็นจำนวนหนึ่งในสิบ

 

อาหกเป็นคนซื่อสัตย์และซื่อตรงอย่างยิ่ง เขาตกใจมากเมื่อได้ยินเกี่ยวกับเรื่องเงินปันผลของฟางฮั่น มือไม้ถูกยกขึ้นโบกไปมาอย่างปฏิเสธ “ข้าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจนี้เลยแม้แต่น้อย มันเป็นความคิดและความรู้ของเจ้าทั้งหมด ทำไมพวกเราต้องได้เงินปันผลนี้ด้วยล่ะ ? ”

 

ฟางฮั่นขมวดคิ้วแน่นอย่างไม่พอใจพร้อมกล่าวจริงจัง “อาหกต้องการให้ฟางฮั่นจ่ายค่าจ้างให้โดยตรงเลยงั้นหรือ ? แล้วถ้าสบู่นี้ขายไม่ได้ ฟางฮั่นจะเอาเงินจากที่ไหนมาจ่ายกันเจ้าคะ ? ”

 

น้าฟางพยายามอธิบายเสียงอ่อน “แล้วใครกันที่ต้องการเงินของเจ้า วันนี้ทั้งน้าและอาต่างก็มาช่วยเหลือเจ้าด้วยความจริงใจ พวกข้าไม่ได้อยากได้เงินของเจ้าเลยแม้แต่น้อย”

 

ฟางฮั่นปฏิเสธเสียงแข็ง นางอธิบายว่าพวกนางทั้งสามนั้นได้รับการดูแลจากน้าและอามาเนิ่นนาน ซึ่งจะไม่มีทางที่นางจะยอมใช้งานทั้งสองโดยไม่จ่ายค่าแรงอย่างแน่นอน

 

ฟางฮั่นพยายามเกลี้ยกล่อมทั้งสองให้เข้าใจการกระทำของนาง หลังจากนั้นสักพักอาหกและน้าฟางจึงยอมรับเงินปันผลจำนวนหนึ่งในสิบที่นางมอบให้

 

แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้จะสามารถหาเงินได้ มันเป็นเพียงเด็กที่กำลังมีเรี่ยวแรงและต้องการจะพิสูจน์ตัวเองเท่านั้น พวกเขาทั้งสองเพียงแค่ต้องการสนับสนุนเด็กสาวและช่วยเหลือนางให้มากที่สุดถ้าหากว่าทำได้

 

ฟางฮั่นหยิบเงินออกมา 3 ตำลึงและกล่าวว่า “ท่านผู้หญิงของผู้พิพากษาในเมืองได้รับสินค้าไปแล้วและนี่คือการขายของครั้งแรกของข้า เอาล่ะ เงินนี่ข้าต้องการมอบมันให้กับอาหกและน้าฟาง”

 

ดวงตาของอาหกเปล่งประกายออกมาด้วยความตื่นเต้น “โอ้ ฟางฮั่น ! เจ้าสามารถหาเงินได้จริง ๆ งั้นหรือ ! ? ”

 

น้าฟางตระหนักได้ถึงคำพูด ‘ท่านผู้หญิงของผู้พิพากษาในเมือง’ เมื่อครู่นี้อย่างชัดเจน นางอุทานออกมาอย่างแปลกใจ “มันคือธุรกิจของท่านผู้พิพากษางั้นหรือ ? ”

 

ฟางฮั่นเล่าเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบให้กับอาหกและน้าฟางฟังอย่างตั้งใจ แต่นางก็ยังคงปิดบังสูตรสบู่ดอกเหมยนี้เอาไว้โดยไม่ได้บอกอะไรชัดเจนมากนัก เพียงแค่ลงท้ายไว้ว่า… มันมาจากแม่ของนาง

 

หลังจากได้ยินเช่นนั้น อาหกและน้าฟางก็ยังไม่หายตกใจ พวกเขาทั้งสองกลับมาปฏิเสธเงินปันผลอีกครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

มันเป็นเพราะธุรกิจในครั้งนี้มีท่านผู้หญิงและท่านผู้พิพากษาร่วมหุ้นอยู่ด้วย พวกเขาเพียงแค่ทำงานเล็กน้อยจะสามารถได้รับเงินปันผลพวกนี้ได้อย่างไรกัน มันไร้ยางอายมากเกินไป

 

ฟางฮั่นยังคงไม่หยุดหว่านล้อม “ก่อนที่ข้าจะกลับมา ข้าได้ตกลงกับท่านผู้หญิงไว้แล้วเกี่ยวกับเรื่องราวของอาหกและน้าฟาง ซึ่งท่านผู้หญิงก็ยินยอมและไม่ว่าพวกท่านจะปฏิเสธอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์หรอก”

 

หลังจากกล่าวจบ ฟางฮั่นยัดเงินลงในมือของอาหกอย่างรวดเร็ว “ท่าอาและท่านน้าเห็นหรือไม่ว่าการทำสบู่ดอกเหมยนี้มันยากแค่ไหน เงินเพียงเล็กน้อยนี้จงรับไว้เถิด นี่ไม่เพียงแต่เป็นการช่วยเหลือหลานสาวคนนี้เท่านั้น แต่มันยังช่วยเป็นค่าสินสอดของพี่หรูได้อีกด้วย พวกท่านทั้งสองสามารถยิงศรดอกเดียวได้นกถึง 2 ตัว”

 

น้าฟางลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ตอบตกลงในทันที

 

ทั้งสองคนนั้นช่วยเหลือเด็กหญิงคนนี้อย่างจริงใจเสมอมา แม้ว่าลึก ๆ แล้วพวกเขาจะรู้สึกว่าเอาเปรียบหลานสาวตัวน้อยอยู่เสมอ แต่จริง ๆ ทั้งสองก็ทำงานหนักเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการไปที่ภูเขาเพื่อเก็บลูกพลัมป่าสีแดงและดอกเหมยกลับมาหรือจะเป็นการกวนมะนาวเพื่อทำโซดาไฟที่บริสุทธิ์ ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นงานที่ยากลำบาก หลังจากนั้นไม่กี่วันสบู่ดอกเหมยก็เสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งฟางฮั่นรู้สึกว่าสินค้าในครั้งนี้มันดูดีกว่าคราวก่อนเล็กน้อย

 

ฟางฮั่นคลุกอยู่ในบ้านมาครึ่งเดือน ในที่สุดสบู่ดอกเหมยจำนวน 500 ก้อนก็เสร็จสิ้นและมันถูกเอาไปเก็บไว้ที่บ้านของอาหกเพื่อให้มันควบแน่นจนสารต่าง ๆ ละลายเข้าด้วยกันจนกว่าจะสามารถใช้งานได้

 

วันนี้ฟางฮั่นเหนื่อยล้าจนงีบหลับไป แต่นางกลับได้ยินเสียงเอะอะโวยวายอยู่ที่นอกประตู เปลือกตาค่อย ๆ เผยอขึ้นพร้อมขยี้ตาอย่างเชื่องช้า นางลุกขึ้นนั่งและเห็นฟางเซียงหยู่ที่วิ่งเข้ามาภายในเขตบ้านอย่างไม่สนใคร ดูเหมือนว่าจะต้องการจะทุบตีฟางฮั่นทันทีเมื่อได้พบหน้า

 

“นังแพศยา แกกล้ามากที่จะรู้จักยั่วยวนผู้ชายตั้งแต่อายุเท่านี้ ! ”

 

ฟางฮั่นขมวดคิ้วแน่นพร้อมกับหลบไปด้านข้าง จึงทำให้นางรอดพ้นจากเงื้อมมือของฟางเซียงหยู่ไปได้หวุดหวิด

 

ฟางฮั่นยืนขึ้นพร้อมกับขยับเสื้อผ้าให้เข้าที่พร้อมกับขมวดคิ้วและเปล่งเสียงเย็นชาออกมา “อาเล็ก… ท่านเป็นบ้าอะไรเนี่ย ? ”

 

ฟางเซียงหยู่มองดูเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิงและดวงตาที่กำลังงัวเงียของอีกฝ่ายอย่างโกรธแค้น ความงามตามธรรมชาติของนางไม่อาจหลบซ่อนเอาไว้ได้เลยจริง ๆ และสิ่งนี้ยิ่งทำให้นางโกรธจัดมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า

 

“เจ้ายังจะมาทำไขสืออยู่อีกหรือ ? ! ยังเด็กยังเล็กแท้ ๆ เจ้าคิดว่าตัวดีแค่ไหนกันเชียว ? ! ไปหลอกล่อผู้ชายไว้มากมายก่อนที่ขนจะขึ้นเสียอีก เฮอะ เจ้าคิดว่ารูเล็ก ๆ ของเจ้ามันจะไม่ถูกไม้เสียบจนตายงั้นหรือ อย่าได้ทำตัวให้น่าอับอายเลย ! ”

 

ภาษาที่ไม่สุภาพทำให้ฟางฮั่นรู้สึกขอบคุณที่วันนี้ฟางฉือและหมิงหวยไปเล่นที่บ้านของหวังอี้เฟย

 

มิฉะนั้นถ้าหากเด็ก ๆ ได้ยินคำพูดเหล่านี้ล่ะก็… ฟางเซียงหยู่จะต้องหลั่งน้ำตาที่นางพูดคำเหล่านี้ออกมาแน่ !

 

“อาเล็ก ! ท่านเลิกพูดมากได้แล้ว” ฟางฮั่นขัดจังหวะขึ้นมาอย่างไม่พอใจ “ปีนี้ข้าพึ่งจะอายุ 10 ขวบเท่านั้น ! ”

 

ฟางเซียงหยู่ได้ยินอย่างนั้นดูท่าว่าจะโกรธมากขึ้นหลายเท่า นางหยิบหมอนขึ้นมาพร้อมกับฟาดลงที่เด็กร่างเล็กอย่างรุนแรง “เจ้าก็รู้ตัวเองงั้นหรือว่าอายุเพียงแค่ 10 ขวบเท่านั้น ! เฮอะ เด็กอายุ 10 ขวบแต่สามารถหลอกล่อผู้ชายได้ ! เจ้าริเริ่มอยากจะมีผัวตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ! เจ้าต้องการมันมากเลยหรืออย่างไร ! ? ”

 

ดวงตาของนางสั่นไหวพร้อมกับร่างกายที่สั่นสะท้านด้วยความโกรธ นิ้วชี้ถูกยกขึ้นมาพร้อมกับชี้ที่จมูกของฟางฮั่น “บอกความจริงมาเดี๋ยวนี้ เจ้าเคยนอนกับเขาเหมือนกันใช่หรือไม่ ! ”

 

ฟางฮั่นไม่สามารถหลบหมอนและผ้าห่มที่ถูกโยนมาได้ ความโกรธปะทุขึ้นทันทีเมื่ออีกฝ่ายกล่าวหาว่านางไปนอนกับผู้ชายมา

 

ฟางฮั่นแทบจะคำราม “ฟางเซียงหยู่ ! เจ้าเป็นบ้าอะไร ข้าจะพูดครั้งสุดท้ายว่าข้าอายุเพียง 10 ขวบ ! ข้าจะไปนอนกับผู้ชายเพื่ออะไร ! ” ฟางฮั่นตะโกนออกมาแทบจะสุดเสียง

 

ในหัวของฟางเซียงหยู่นั้นเต็มไปด้วยขี้หรือไง ? !

 

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน !

 

นางเพียงอายุเท่านี้ ! แต่จู่ ๆ อาเล็กของนางกลับมาถามว่าเคยนอนกับผู้ชายหรือไม่ !

 

ฟางเซียงหยู่ราวกับต้องการจะสาปแช่งต่อไป แต่สีหน้าของนางกลับเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ใบหน้าซีดขาวพร้อมกับริมฝีปากแห้งผาก นางกุมหน้าท้องเอาไว้พร้อมกับค่อย ๆ ย่อตัวลงและปาดเหงื่อเม็ดใหญ่บนใบหน้า ปากของนางพะงาบราวกับปลาที่ขาดน้ำ “เจ็บ.. เจ็บเหลือเกิน”

 

แม้ว่าความโกรธของฟางเซียงหยู่จะยังไม่หมดไปและฟางฮั่นก็ยังคงโกรธที่ถูกด่าเช่นนั้น แต่ในตอนนี้สีหน้าท่าทางของฟางเซียงหยู่ชัดเจนอย่างมาก แววตาของนางแสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรง กระโปรงของนางเต็มไปด้วยเลือดมากมายที่ไหลออกมา

 

ฟางฮั่นกระโดดหนีพร้อมกับเผยสีหน้ารังเกียจ “อ้าว ท่านอา ท่านเป็นอะไรน่ะ...”

 

นางเคยได้ยินมาว่าผู้หญิงเวลาเป็นประจำเดือนครั้งแรกจะรู้สึกปวดท้องทรมารมาก แม้ว่าฟางเซียงหยู่จะอายุมากกว่านาง แต่มันก็มีโอกาสเป็นไปได้ที่จะเพิ่งมีประจำเดือนในวัยนี้…

 

ฟางฮั่นกำลังไตร่ตรองเรื่องตรงหน้าอย่างหนักหน่วง ส่วนฟางเซียงหยู่ที่เห็นคราบเลือดใต้กระโปรงยิ่งทำให้นางหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น ริมฝีปากสั่น ควบคุมตัวเองไม่ได้ จนท้ายที่สุดนางเป็นลมล้มพับไปต่อหน้าต่อตา

 

ฟางฮั่นรีบกระโดดออกจากเตียงพร้อมกับต้องการที่จะพยุงฟางเซียงหยู่ขึ้นมาบนเตียง แต่ทว่าแขนเล็ก ๆ ของนางไม่อาจจะช่วยพยุงหญิงสาวตรงหน้าได้

 

ฟางฮั่นวิ่งออกจากบ้านด้วยความเร็วสี่คูณร้อย ฟางเถียนตกใจทันทีเมื่อเห็นว่าคนที่บุกบ้านนางในคราวนี้คือสิ่งมีชีวิตที่นางเกลียดชังที่สุด จึงอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา “แกจะรีบไปตายที่ไหน ! ”

 

“ท่านอาเล็กเป็นลมอยู่ในบ้านของข้า ! ” ฟางฮั่นกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหอบหนัก นางไม่ต้องการต่อปากต่อคำกับฟางเถียน

 

เมื่ออีกฝ่ายได้ยินเช่นนั้น นางผลักฟางฮั่นให้พ้นทางและวิ่งออกไปข้างนอกทันที “ตาเฒ่า ! ออกมาเร็วเข้า ลูกสาวของแกถูกพวกเด็กนั่นรังแกจนเป็นลมไปแล้ว ! ”

 

การเคลื่อนไหวของฟางเถียนเต็มไปด้วยความโกลาหล ส่วนคนอื่น ๆ รีบออกมาจากห้องและวิ่งตามฟางเถียนไปที่บ้านของฟางฮั่นอย่างเร่งรีบ

 

ฟางเถียนบอกให้ฟางอ้ายไปเรียกหมอลี่มา แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับต้องการที่จะอยู่กับฟางหมิงฮ่ง

 

ส่วนฟางหมิงฮ่งได้รับบาดเจ็บไปทั่วร่างกาย หลังจากที่เขาถูกโบยด้วยแส้ 20 ครั้งจากพี่ชาย เขาไม่กล้าออกจากห้องเลย ทุกวันคืนเขาอยู่บนเตียงและคอยกินอาหารที่แม่เอามาให้ในห้องเท่านั้น แม้เขาจะหายดีแต่เขาก็ยังอยู่ในสภาวะหวาดกลัวไม่หาย

 

ทันทีที่หมอลี่มาถึงบ้านตระกูลฟาง เขาอดไม่ได้ที่จะบ่นพึมพำเกี่ยวกับเรื่องราวของตระกูลนี้ สายตาของเขาไม่เป็นมิตรและบ่นตลอดทางว่า “ทำไมพวกเจ้าถึงได้ขยันสร้างปัญหามากมายนัก”

 

แต่หลังจากที่เขาได้จับชีพจรของฟางเซียงหยู่ สีหน้าของหมอลี่ผู้พิการเปลี่ยนไปในทันที

 

เขาเปลี่ยนไปจับอีกข้างหนึ่งมันก็ยังคงเป็นเช่นเดิม ! ไม่ว่าอย่างไรผลลัพธ์ก็ไม่เปลี่ยนแปลงแม้จะจับตรงไหนก็ตาม !

 

“ส่งนางเข้าเมืองเดี๋ยวนี้ นางมีสภาวะครรภ์เป็นพิษ ! ”

 

คำพูดของหมอลี่ทำให้ทุกคนตื่นตระหนกทันที ความเงียบเข้าปกคลุมบรรยากาศโดยรอบ สภาวะโง่งมกลืนกินสมองของทุกคนในฉับพลัน

 

สภาวะครรภ์เป็นพิษงั้นเหรอ ? !

 

“ไอ้หมอต้มตุ๋น ทำไมพูดจาหมา ๆ เยี่ยงนี้ ลูกสาวของข้ายังไม่แต่งงาน จะครรภ์เป็นพิษได้อย่างไร ! ”

 

คนแรกที่เสียสติคือตาเฒ่าฟาง เขาขับไล่หมอลี่ออกจากประตูทันที ความโกรธและความอับอายถาโถมเข้ามาพร้อมกับเขวี้ยงยาสูบในมือทิ้งไป

 

แต่หมอลี่กลับหงุดหงิดกว่าเดิมและตะโกนสวน “ยังไม่แต่งงานแล้วอย่างไร ? ! แล้วเด็กทารกในท้องนี้มาได้ไง? นางทำเองงั้นเหรอ ? ! ”

 

เขาด่าทิ้งท้ายก่อนที่จะเดินกะเผลกออกไปข้างนอก

 

เป็นฟางฉางจวงที่ฟื้นคืนสติได้อย่างรวดเร็ว เขาวิ่งออกไปและคว้าข้อมือของหมอลี่เอาไว้

 

ถ้าหากหมอลี่เดินออกไปแล้ว น้องสาวของเขาก็คงจะต้องจากไปจริง ๆ !

 

เขาตะโกนเพื่อหยุดหมอเอาไว้ให้ช่วยเหลือน้องสาวของเขาก่อน !

 

หมอลี่ไม่ได้สนใจคำขอร้องของฟางฉางจวงแต่อย่างใด เขาตะเบงเสียงอย่างดุเดือด “แล้วเจ้าเชื่อที่ข้าพูดหรือไม่ว่าจะต้องส่งนางไปโรงหมอในเมือง ! ถ้าหากช้ากว่านี้ตระกูลของเจ้าจะต้องจัดการกับสองศพ ! ”

 

หลังจากกล่าวจบ เขาก็เดินกะเผลกออกไปโดยไม่สนใจอีกเลย

 

ฟางเถียนยังคงมึนงงอยู่เล็กน้อยพร้อมกับคิดว่าทำไมลูกสาวของตนจึงมีสภาวะครรภ์เป็นพิษได้…

 

หลังจากนางตระหนักรู้แล้ว นางพุ่งตัวเข้าหาฟางเซียงหยู่พร้อมกับเขย่าอีกฝ่ายอย่างแรง “นังลูกไม่รักดี เจ้าบอกข้ามาเดี่ยวนี้ เจ้าไปทำอะไรมา ! ”

 

หลังจากนั้นฟางเถียนเห็นฟางฮั่นที่ยืนอยู่นอกประตูและดวงตาของนางพลันสว่างขึ้น ใช่ ฟางเซียงหยู่เป็นลมอยู่ในห้องของฟางฮั่น นางหันไปตวาดเด็กหญิงทันที “แกทำอะไรอาเล็กของแก ! ”

 

ฟางฮั่นกล่าวออกมาอย่างเหลืออด “ข้าจะไปทำอะไรอาเล็กได้ ! ท่านย่าไม่ได้ยินสิ่งที่หมอลี่บอกเมื่อครู่งั้นหรือ ถ้าหากว่าพวกท่านไม่ส่งนางไปรักษาในตัวเมือง ก็รอเก็บศพทั้งสองก็แล้วกัน ! ”

 

รีวิวผู้อ่าน