px

เรื่อง : แม่สาวชาวสวน **(จบแล้ว)**
ตอนที่ 39 ฉลองปีใหม่


ตอนที่ 39 ฉลองปีใหม่

 

ฟางหมิงเจียงยังคงควบคุมตัวเองได้ดีแม้ว่าจะรู้สึกไม่ดีก็ตาม เขาแสดงออกอย่างผ่อนคลายก่อนจะกล่าว “ข้ามาเยี่ยมเยียนพวกเจ้า เพราะเมื่อไม่กี่วันก่อนหงเอ๋อทำเกินไปหน่อย”

 

‘เกินไปหน่อย’ อะไร ? ขว้างหินก้อนใหญ่ขนาดนั้นใส่หัวคนอื่นเนี่ยนะ บ้าหรือเปล่า ?

 

ฟางฮั่นได้แต่บ่นในใจพร้อมแสร้งยิ้มอ่อนหวานออกมา “ไม่เป็นไรเลยพี่ชายใหญ่ ข้าไม่ติดใจเอาความอะไรแล้ว อย่างไรซะเขาก็ถูกลงโทษแล้ว”

 

ลานทั้งหมดเงียบลงอีกครั้ง

 

ฟางฮั่นยิ้มกว้างพร้อมเปิดประตูรั้ว “พี่ใหญ่ เข้ามาดื่มน้ำก่อนเถอะ”

 

ฟางหมิงเจียงมองดูท่าทีของพวกนางพร้อมกับเดินเข้ามาข้างในอย่างใจเย็น สายตาของเขาสอดส่องไปทั่วบริเวณอย่างละเอียดถี่ถ้วน

 

บ้านหลังนี้เคยผุพังและทรุดโทรมอย่างมาก ฟางฮั่นได้มอบสีสันให้กับมันเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ไก่สองตัววิ่งอยู่ในเล้าอย่างร่าเริง คอกทั้งหมดล้วนแต่สะอาดสะอ้าน เห็นได้ชัดเจนว่านางดูแลสถานที่แห่งนี้ได้อย่างยอดเยี่ยมและระมัดระวังอย่างมาก

 

มุมหนึ่งมีไม้กวาดและที่ตักผงวางไว้อย่างเป็นระเบียบ พร้อมด้วยพลั่วเล็ก ๆ วางด้านข้างอย่างเรียบร้อย

 

เมื่อเห็นพลั่วเล็กนี้ ฟางหมิงเจียงจำได้ทันทีว่าฟางฮั่นใช้มันเพื่อทำร้ายอาสาม คิ้วของเขากระตุกเล็กน้อยเมื่อนึกย้อนภาพเหตุการณ์นั้น

 

ทางเดินทั้งหมดถูกปูด้วยหินกรวดจากรั้วจนถึงตัวบ้าน มีโต๊ะหินวางตั้งอยู่หน้าบ้าน ด้วยม้านั่งนั้นทำให้บ้านยิ่งดูดีขึ้นมากโข

 

หลังจากเปิดประตูเข้ามาด้านในนั้น เรียกได้ว่าเป็นภาพที่ค่อนข้างตื่นตาตื่นใจเลยทีเดียว

 

ในกระท่อมไม่ได้มีข้าวของมากนัก แต่ทุกสิ่งมีการจัดวางอย่างเรียบร้อยและเป็นระเบียบ เครื่องเรือนทุกอย่างล้วนแต่สะอาด มีผลไม้สองชนิดวางอยู่บนถาด มีจานหนึ่งใบถูกใส่น้ำตาลปั้นพร้อมเมล็ดแตงโมเอาไว้ พร้อมกับที่หน้าต่างมีลูกพลัมป่าตากแห้งอยู่ ห้องถูกตกแต่งด้วยใบไม้สีแดงและดอกไม้สีขาวอย่างสวยงามและสะอาดตา

 

ฟางหมิงเจียงรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าพวกฟางฮั่นจะมีความสามารถในการเป็นแม่ศรีเรือนมากขนาดนี้

 

ใบหน้าของฟางหมิงเจียงยังคงสงบ เขายกน้ำที่ฟางฮั่นยกมาให้จิบอยู่สักครู่ก่อนจะพูดออกไป “ฟางฮั่น เจ้าเปลี่ยนไปมาก ดูเหมือนว่านิสัยของเจ้าจะเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน”

 

ฟางฮั่นชะงักเล็กน้อย เอาแล้วไง

 

สายตาของนางหลุบต่ำลงพร้อมกล่าว “แม่ของข้าเคยสอนสิ่งเหล่านี้เอาไว้ ตอนนี้ข้าไม่มีทั้งแม่และพ่อแล้ว ถ้าหากข้าไม่ลุกขึ้นสู้เกรงว่าพวกเราสามพี่น้องคงจะไม่สามารถเอาชีวิตรอดจากสถานการณ์เลวร้ายได้ ข้าจำเป็นจะต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเองหลังจากวันนั้น...”

 

ฟางฮั่นรู้สึกได้ว่าพี่ชายใหญ่คนนี้คงจะไม่โง่เง่าเหมือนกับฟางเถียน แต่ตอนนี้นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะโกหกเขาไป แม้จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม

 

ฟางหมิงเจียงจำได้ว่าตัวตนของแม่ฟางฮั่นนั้นไม่ชัดเจนมากนัก ทุกการเคลื่อนไหวของนางล้วนแตกต่างจากคนในหมู่บ้านอย่างแท้จริง ดูราวกับว่านางไม่ใช่พวกเดียวกันกับเขา…

 

ฟางหมิงเจียงตกอยู่ในห้วงความคิดอีกครั้ง เขากลืนน้ำลายลงคอพร้อมจิบน้ำตามโดยที่ไม่ได้กล่าวอะไรต่อ

 

หลังจากที่นั่งเงียบเป็นเวลานาน ฟางหมิงเจียงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนที่จะพูดออกมาว่า “ข้าจะเรียนจบในปีนี้ ที่ข้ามาก็เพื่อจะมาบอกเรื่องนี้”

 

ฟางฮั่นพยักหน้ารับ

 

“ข้าไม่ต้องการให้เกิดเรื่องราวอะไรขึ้นที่บ้านอีก มิฉะนั้นข้าไม่สามารถรับประกันได้ว่าข้าจะทำอะไรลงไปบ้าง ข้ารู้ว่าเจ้าฉลาดและเข้าใจมันดี” ฟางหมิงเจียงจ้องเข้าไปในดวงตาของฟางฮั่นอย่างจริงจัง “เจ้าเข้าใจที่ข้าบอกหรือไม่ ? ”

 

เมื่อมาถึงตอนนี้ ฟางฮั่นไม่ต้องแกล้งทำเป็นโง่เขลาต่อหน้าพี่ชายใหญ่อีกต่อไป นางกล่าวออกมาอย่างสบาย ๆ “ข้าเข้าใจสิ่งที่พี่ชายใหญ่พูดเป็นอย่างดี แต่ท่านย่าและคนอื่น ๆ อาจไม่เข้าใจเรื่องนี้ พวกเราสามคนเป็นแค่เด็กอ่อนแอและไม่ต้องการจะก่อปัญหาแน่นอน แต่เมื่อสิ่งต่าง ๆ วิ่งเข้ามาหาพวกเราเอง พวกเราจะอยู่เฉยได้อย่างไรกัน ? ถึงพวกเราจะคิดถึงพ่อแม่มาก แต่ก็ยังไม่ต้องการที่จะลงไปหาพวกเขาที่ใต้ดินตอนนี้หรอกนะ”

 

การที่นางพูดเช่นนี้หมายความว่าตราบใดที่ตระกูลใหญ่ยังคงมาวุ่นวายกับนางอยู่ นางก็ไม่รับประกันด้วยเหมือนกันว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่ว่าใครก็ตามที่สร้างปัญหา พวกเขาจะได้รับปัญหากลับไปอย่างแน่นอน

 

ดวงตาของฟางหมิงเจียงวูบไหวเล็กน้อยก่อนจะกล่าว “อื้ม ไม่ต้องห่วง เรื่องนี้ข้าจะคุยกับท่านย่าเอง”

 

ฟางฮั่นหัวเราะออกมา

 

การควบคุมอารมณ์ของฟางเถียนเป็นสิ่งที่คาดเดาได้ยากที่สุด นางอยู่มานานขนาดนี้ หากนางเกลียดใครจะต้องวิ่งเต้นออกมาก่นด่าสาปแช่งคนนั้นอย่างแน่นอน

 

ฟางเถียนเป็นสิ่งที่น่ารำคาญและไม่อาจหลบเลี่ยงได้

 

ฟางฮั่นไม่คิดว่าฟางหมิงเจียงจะสามารถจัดการกับความบ้าคลั่งของหญิงชราคนนั้นได้เลย

 

ฟางหมิงเจียงรู้สึกว่าเขาพูดทุกสิ่งออกไปหมดแล้ว เขาเตือนทั้งสามพี่น้องนี้เและพูดสิ่งที่อยู่ในใจจนหมดสิ้น ตอนนี้มันน่าอายที่จะนั่งอยู่ต่อ เขาจึงลุกขึ้นและเดินออกไป

 

ฟางฮั่นหยิบชามที่ฟางหมิงเจียงเพิ่งใช้กินน้ำเมื่อครู่ออกไปล้าง

 

ปีใหม่ในคราวนี้ ครอบครัวของฟางฮั่นเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย ดูเหมือนว่ามันจะระเบิดออกคล้ายกับประทัดที่นางได้จุดไป

 

ฟางฮั่นและน้องทั้งสองเริ่มรับประทานอาหารกันอีกครั้ง พวกเขาเดินทางมาที่บ้านของครอบครัวอาหกในวันถัดมาและพบว่าพี่สาวของนางที่ยังไม่ได้แต่งงาน

 

นั่นเป็นเพราะว่าครอบครัวของอีกฝ่ายรังเกียจที่ครอบครัวฟางหรูยากจนเกินไป และกลัวว่าครอบครัวของนางจะไม่อาจหาสินเดิมติดตัวเจ้าสาวมาได้

 

ฟางฮั่นโกรธจัดเมื่อเหตุผลที่ถูกยกเลิกช่างไร้สาระสิ้นดี พี่สาวของนางเป็นคนดีและเป็นเพียงหญิงสาวตัวน้อยที่แสนบอบบางราวกับดอกไม้งาม ไม่ว่าอย่างไรเงินทองเป็นเพียงของนอกกายเท่านั้น สิ่งที่จะได้ไปจากนางจริง ๆ คือชีวิตและหัวใจ แต่พวกเขากลับปฏิเสธมันงั้นหรือ ! ?

 

ในขณะที่ฟางฮั่นโกรธมาก แต่ฟางหรูกลับปลอบใจนางว่าทุกอย่างไม่มีอะไรเลย นางไม่ได้คิดอะไร

 

“ใช่ มันไม่มีอะไรเลย ! ผู้ชายคนนั้นตาบอด ! เขาปฏิเสธจะแต่งงานกับหญิงสาวที่งดงามเช่นนี้เพราะสินเดิมงั้นหรือ เหตุผลบ้าบอเช่นนี้มันไม่ควรเกิดขึ้นด้วยซ้ำ ! ” ฟางฮั่นกล่าวออกไปพร้อมกับยกกำปั้นทุบพื้น

 

น้าฟางไม่ได้ต้องการให้ลูกสาวของนางพูดเรื่องเหล่านี้อีกต่อไป นางจึงกล่าวขึ้นมาอย่างแผ่วเบา “สาวน้อย พวกเจ้าพูดคุยเกี่ยวกับการแต่งงานกันได้แบบไม่ละอายใจเลยหรือ”

 

แม้ว่าใบหน้าของนางจะยิ้มแย้ม แต่ความโศกเศร้ายังคงปะปนอยู่ภายแววตาชัดเจน ความจริงแล้วมันเป็นเพราะครอบครัวของนางยากจนเกินไปจริง ๆ

 

นางคาดหวังอย่างยิ่งว่าในฤดูการเก็บเกี่ยวปีนี้จะดีขึ้นและทำให้นางสามารถเก็บเงินส่วนหนึ่งไว้เป็นค่าสินเดิมติดตัวให้กับบุตรสาวของตนเองได้

 

ตอนนี้ฟางฮั่นไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องเงินมากนัก เพราะนางทำสบู่ไว้มากมาย เพียงแต่ว่ามันยังไม่ถึงเวลาที่จะขายได้เท่านั้นเอง อีกทั้งมันยังไม่แสดงผลออกมาอย่างชัดเจน นางจึงไม่กล้าที่จะบอกกล่าวออกไปได้

 

แต่นางก็ยังแอบคิดอยู่ในใจว่าถ้าสบู่สามารถทำเงินได้ นางจะต้องพาครอบครัวน้าหกให้ร่ำรวยไปพร้อมกับนางด้วยแน่นอน และพวกนางกับพวกเขาจะเป็นครอบครัวที่มีความสุขไปด้วยกัน !

 

ขณะที่กำลังเดินกลับจากบ้านของอาหก ฟางฮั่นเดินคิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ตลอดทางจนลืมมองทางและบังเอิญชนเข้ากับใครบางคน

 

นางเงยหน้าขึ้นเพื่อมองดูอีกฝ่ายและพบว่านางคือซิ่งฮวา ซึ่งเป็นลูกสาวของเพื่อนบ้านอาหก ใบหน้าของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยคราบน้ำตาอาบสองแก้ม

 

ปีนี้หวังซิ่งฮวามีอายุสิบห้า นางเข้าสู่วัยที่สมควรจะแต่งงานแล้ว แม้ว่าสีผิวจะเข้มและมีดวงตาคมโตพร้อมด้วยขนคิ้วที่ดกดำ แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ยังถูกจัดอยู่ในประเภทสาวงามได้เหมือนกัน

 

“พี่ซิ่งฮวา ทำไมเจ้าจึงร้องไห้ล่ะ” ฟางฮั่นกล่าวพร้อมส่งผ้าเช็ดหน้าให้นาง

 

ลมหนาวกำลังพัดมาอย่างต่อเนื่องและมันกำลังทำร้ายผิวของนางจนแห้งกร้านโดยสมบูรณ์

 

หวังซิ่งฮวาอยู่ในสภาวะที่โศกเศร้าอย่างยิ่ง เมื่อเห็นฟางฮั่นที่เป็นบุคคลผู้น่าสงสารมากเช่นเดียวกันนางกลับยิ่งหดหู่มากขึ้น หัวใจแห่งความเห็นอกเห็นใจเพิ่มขึ้นในจิตใจน้อย ๆ จนล้นเอ่อ

 

ฟางฮั่นอดไม่ได้ที่จะเห็นใจอีกฝ่ายพร้อมกับกอดนางไว้อย่างอ่อนโยน อีกฝ่ายเริ่มสะอื้นพร้อมกล่าวออกมาอย่างสะอึกสะอื้น “พ่อของข้า พ่อของข้าต้องการให้ข้าแต่งงานกับเจ้าอ้วนหลี่ในหมู่บ้านถัดไป”

 

เจ้าอ้วนหลี่งั้นหรือ ? ฟางฮั่นไม่รู้จักคน ๆ นี้เลย แต่ฟังจากชื่อของเขาแล้วพอจะนึกออกว่าหน้าตาของเขาจะเป็นอย่างไร…

 

อย่างไรก็ตามฟางฮั่นพยายามที่จะปลอบโยนอีกฝ่ายไม่ให้ตัดสินผู้ชายคนนั้นที่รูปลักษณ์ภายนอก

 

“แม้ว่าชื่อของเขาจะดูยุ่งเหยิงสักหน่อย แต่บางทีจิตใจของเขาอาจจะสวยงามก็เป็นได้ เขาเป็นชายหนุ่มที่ขยันใช่หรือไม่ ? พี่ซิ่งฮวาไม่ต้องเศร้าหรอก การเชื่อพ่อแม่นั้นเป็นเรื่องที่ดี พ่อแม่ไม่มีวันที่จะทำร้ายลูกด้วยการหยิบยื่นสิ่งที่เลวร้ายให้แน่นอน”

 

รีวิวผู้อ่าน