ตอนที่ 35 หัวแตก
ฟางหมิงหวยกลับมาตอนเที่ยง เขาบอกกล่าวกับฟางฮั่นด้วยความตื่นเต้นว่ามีเพื่อนใหม่เป็นหลานชายของนักวิชาการเก่าในโรงเรียนของหมู่บ้านข้าง ๆ เขาอายุ 7 ขวบ ชื่อของเขาคือหวังอี้เฟย
หมิงหวยราวกับได้พบสิ่งที่เขาประทับใจ เขายังกล่าวต่ออีกว่า “หวังอี้เฟยเป็นชื่อที่ดูดีใช่หรือไม่ ? ” และหมิงหวยยังคงชื่นชมอีกฝ่ายต่ออีกว่า “พี่อี้เฟยฉลาดมาก เขารู้เรื่องราวมากมาย แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจ เขาก็สามารถอธิบายจนข้าเข้าใจมันได้และเขาก็ไม่อารมณ์เสียใส่ข้าด้วย”
เมื่อฟางฮั่นเห็นว่าน้องชายของนางกลับมาสดใสอีกครั้ง นางถอนหายใจด้วยความโล่งอกและนั่งฟังเขาเล่าอย่างสนใจ ดูเหมือนว่าหวังอี้เฟยจะเป็นเด็กที่ค่อนข้างอดทนและนางรู้สึกดีกับเพื่อนใหม่ของน้องชายอย่างมาก
“หวังอี้เฟย....” ฟางฉือเงยหน้าขึ้นครุ่นคิดเรื่องนี้ “ดูเหมือนข้าจะเคยพบเขามาก่อน เขาเคยมาเล่นกับกุ้ยฟ่ง คราวนั้นลูกโป่งของกุ้ยฟ่งขึ้นไปติดบนต้นไม้และเขาเป็นคนเอามันลงมาให้นาง”
เขาค่อนข้างเป็นเด็กดีและมีน้ำใจช่วยเหลือผู้อื่น ฟางฮั่นลอบพยักหน้าอย่างลับ ๆ ด้วยความพอใจ นางย่อมยินดีที่น้องชายของตนได้รู้จักกับคนเยี่ยงนี้ มันย่อมจะดีกว่าการออกไปเล่นกับฟางหมิงฮ่งแน่นอน
หลังจากกินอาหารเที่ยงเสร็จสิ้น ฟางหมิงหวยอดไม่ได้ที่จะออกไปหาเพื่อนใหม่ที่เขาได้พบ เขาเรียกอีกฝ่ายว่า ‘พี่อี้เฟย’ หลังจากเห็นท่าทีของน้องชาย ฟางฮั่นอดไม่ได้ที่จะหัวเราะในความกระตือรือร้นของหมิงหวย
ถ้าหากเขาเป็นเด็กหญิง คงจะอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าเขากำลังตกหลุมรักใครสักคนอยู่เป็นแน่
เมื่อนึกถึงคำว่า ‘คนรัก’ ฟางฮั่นพลันคิดถึงพี่สาวของนางที่เข้าร่วมนัดดูตัว ฟางหรูเป็นหญิงสาวที่ค่อนข้างปากแข็งและขี้อาย ถ้าหากนางไปถามเอง ฝ่ายนั้นคงจะไม่บอกแน่นอน อีกทั้งฟางฮั่นกลับคิดถึงอาเล็กของนาง ฟางเซียงหยู่ผู้ซึ่งออกไปนอกบ้านบ่อย ๆ เพื่อพบกับคนรัก ยิ่งช่วงนี้นางยิ่งออกจากบ้านถี่ขึ้นทุกวัน
ฟางฮั่นนั่งคิดเรื่องเหล่านี้อยู่ครู่หนึ่ง แต่ฉับพลันทุกสิ่งกลับหยุดลงเพราะเสียงร้องไห้ของฟางหมิงหวยดังขึ้นมา
“พี่ใหญ่ พี่ใหญ่ ไปกับข้าที ! ” หมิงหวยร้องไห้พร้อมกับคราบเลือดติดอยู่บนร่างกายของเขา หัวใจฟางฮั่นสั่นไหวเมื่อเห็นสภาพของน้องชาย ร่างกายของนางสั่นเทาและลนลานขณะวิ่งไปหาผู้เป็นน้องชาย นางคว้าร่างกายของเขาเอาไว้พร้อมถามอีกฝ่าย “มีอะไร เกิดอะไรขึ้น ? ”
เสียงของฟางหมิงหวยยังคงสั่นเครือ เขายังไม่หยุดสะอื้น “ไม่ ไม่ใช่ข้า ไม่ใช่หวยเอ๋อ แต่เป็นพี่อี้เฟยต่างหาก พี่หมิงฮ่งใช้ก้อนหินปาหัวพี่อี้เฟย”
ปาหัว !
มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แล้ว !
ฟางฮั่นรีบสวมรองเท้าพร้อมวิ่งตามน้องชายไปทันที
โชคดีที่สถานที่เกิดเหตุมันไม่ได้อยู่ไกลจากบ้านของพวกเขามากนัก ฟางฉือและกุ้ยฟ่งก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน หวังอี้เฟยนั่งพิงอยู่กับต้นไม้พร้อมกับคราบเลือดเปรอะเปื้อนใบหน้า ฟางฉือถือผ้าเช็ดหน้าและซับเลือดที่หัวของเขา ใบหน้าของหวังอี้เฟยเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ส่วนกุ้ยฟ่งหลบอยู่ด้านหลังพร้อมกับร้องไห้อย่างหวาดกลัว
“เกิดอะไรขึ้น ? ” ฟางฮั่นมองดูบาดแผลของหวังอี้เฟยอย่างใกล้ชิดและนางก็เห็นว่ามันไม่ได้ลึกมาก แต่เลือดไหลเยอะเกินไปจนทำให้ดูน่าหวาดกลัว
“ไม่เป็นไรหรอก ข้าแค่หลบไม่ได้เท่านั้น” หวังอี้เฟยยิ้มออกมาด้วยท่าทีอ่อนแรง
“แล้วเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ? ” ฟางฮั่นถาม
คราวแรกนางคิดว่าหัวแตกแบบแผลบาดลึก แต่นี่เป็นเพียงก้อนหินเล็ก ๆ เฉียดโดนศีรษะเท่านั้น แผลไม่ได้ลึกมากเท่าไหร่นัก
ฟางหมิงฮ่งสะอื้นนิดหน่อยเพราะร้องไห้อย่างหนักเช่นกัน คำพูดของเขายังเต็มไปด้วยคำโกหก ฟางฉือได้ช่วยเล่าเหตุการณ์ตามความจริง สุดท้ายฟางฮั่นก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธ
มันเป็นเพราะฟางหมิงฮ่งที่โกรธฟางหมิงหวย เขารู้สึกแย่ที่หมิงหวยไม่วิ่งตามเขาอีกต่อไป เพราะหมิงหวยได้พบเพื่อนใหม่ เขาจึงมาข่มขู่หวังอี้เฟยเพื่อไม่ให้เล่นกับหมิงหวย
หวังอี้เฟยมาจากหมู่บ้านถัดไป เขามาที่นี่เพราะตามพ่อมาทำธุระบางอย่างในช่วงปีใหม่และไม่สนใจสิ่งที่ฟางหมิงฮ่งใส่ร้ายฟางหมิงหวย
หลังจากนั้นฟางหมิงฮ่งกลายเป็นคนพูดลิ้นพันกันและเริ่มเถียงไม่ออก
ฟางฉือเล่นกับกุ้ยฟ่งอยู่ใกล้ๆ และเห็นว่าน้องชายของนางกำลังถูกฟางหมิงฮ่งฉุดดึงจึงรีบมาช่วย เช่นนี้แล้วจึงทำให้ฟางหมิงฮ่งโกรธและหยิบก้อนหินก้อนใหญ่ขึ้นมาและขว้างมันใส่ฟางฉือ แต่หวังอี้เฟยกลับเอาหัวของเขาเข้ามารับก้อนหินแทนฟางฉือ สุดท้ายเขากลายเป็นคนที่เลือดออกแทน
อาวุธที่ถูกใช้ยังคงหล่นอยู่บนพื้น หินขนาดเท่ากำปั้นของผู้ใหญ่ตกอยู่และมันมีคราบเลือดเปื้อนอยู่ด้วย
ดวงตาของฟางฮั่นวูบไหวอย่างบอกไม่ถูก ถ้าหากหวังอี้เฟยไม่รับก้อนหินนี้และมันเป็นน้องสาวของนางที่โดนเต็ม ๆ มันจะเป็นอย่างไร… นางไม่อยากจะคิดถึงภาพนั้นเลยจริง ๆ !
“ครอบครัวนี้มันจะอะไรนักหนา จะต่างคนต่างอยู่ไม่ได้ใช่หรือไม่ ! ” ฟางฮั่นคำรามลั่นในจิตใจ
ฟางฮั่นหันกลับมาดูแผลอีกครั้งและเห็นว่ามันไม่อันตรายมาก ส่วนหวังอี้เฟยก็ยังคงเก็บอาการได้เป็นอย่างดี นางเบาใจไปครึ่งหนึ่ง จากนั้นนางเรียกน้องทั้งสองคนและกล่าวอย่างจริงจัง “พวกเจ้าอยู่ที่นี่ก่อน ข้าจะไปตามท่านหมอ”
แม้ว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากการกระแทกอะไรมากนัก แต่ฟางฮั่นก็ไม่กล้าที่จะเสี่ยง อุบัติเหตุในยุคโบราณน่ากลัวเกินกว่าจะคาดเดา ถ้าหากพลาดแม้แต่นิดเดียวนั่นหมายถึงชีวิต
ฟางหมิงหวยตกใจ เขารีบดึงเสื้อของฟางฮั่นอย่างรวดเร็วราวกับไม่ต้องการให้นางจากไป
ฟางฮั่นคุกเข่าลงพร้อมกับลูบหัวน้องชาย “พี่อี้เฟยเป็นเพื่อนของหวยเอ๋อใช่หรือไม่ ถ้าเยี่ยงนั้นเจ้าต้องปกป้องเพื่อนของตัวเอง เห็นไหมว่าพี่ฟางฉือและพี่กุ้ยฟ่งกำลังหวาดกลัว เจ้าต้องปกป้องพวกนางด้วยนะ เข้าใจหรือไม่ ? ”
ฟางหมิงหวยสะอึกสะอื้นพร้อมกับมองใบหน้าของหวังอี้เฟยที่เต็มไปด้วยเลือด จากนั้นมองฟางฉือที่ตัวสั่นพร้อมกับถือผ้าเช็ดหน้า เขาพยักหน้ารับและปล่อยมือฟางฮั่นทันที
ฟางฮั่นกอดหมิงหวยสักครู่หนึ่งก่อนที่จะวิ่งออกไปตามหมอ
หมอลี่ซึ่งกำลังแทะเมล็ดแตงโมอย่างเพลิดเพลินเห็นฟางฮั่นกำลังวิ่งเข้ามา เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ “เด็กน้อยคนนี้อีกแล้วงั้นหรือ ? ”
หลังจากพูดจบเขาก็รู้สึกว่ามันไม่มงคล ดังนั้นเลยถุยเมล็ดแตงโมทิ้ง
ฟางฮั่นบอกเล่าเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของหวังอี้เฟยคร่าว ๆ หมอลี่ได้ยินว่าแผลเกิดบนศีรษะ เขาตื่นตระหนกทันที ไม่ว่าจะแผลเล็กหรือใหญ่ถ้าหากมันเกิดขึ้นที่ศีรษะ มันย่อมไม่สามารถประมาทได้
แม้ว่าเขาจะดูเหมือนไม่เป็นอะไร แต่ผลกระทบของมันอาจร้ายแรงยิ่งกว่านั้น ศีรษะคือสถานที่ที่รวมตัวกันของเส้นเลือดและเส้นประสาทมากมาย เขารีบจัดยาและเดินขากะเผลกตามฟางฮั่นออกจากบ้านไปทันที
เมื่อไปถึงสถานที่เกิดเหตุ ฟางฮั่นเห็นว่าชาวบ้านเรียกพ่อของเด็กชายมาแล้ว พ่อของหวังอี้เฟยมีลูกชายมากมาย แต่คนที่เขารักมากที่สุดคือเด็กชายที่แสนเฉลียวฉลาดคนนี้ เมื่อได้ยินว่าลูกชายคนเล็กประสบอุบัติเหตุ เขารุดมาที่พื้นที่อย่างรวดเร็วด้วยความเป็นห่วง
“หลบไป หลบ ! ” หมอลี่ตะโกนออกมาทันที แม้ว่าเขาจะเกียจคร้านแต่เขาก็ไม่เคยละเลยคนป่วย เขาเดินเข้ามาพร้อมฟางฮั่นพร้อมกับตะโกนเสียงดังใส่กลุ่มชาวบ้านที่มุงอยู่รอบ ๆ “พวกเจ้ากำลังจะทำให้เด็กหายใจไม่ออก หลบไปให้พ้น ! ”
ชาวบ้านวงแตก รีบย้ายก้นตัวเองออกไปอย่างเร่งรีบ
ฟางหมิงหวยจดจำสิ่งที่พี่สาวบอกกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ได้ขึ้นใจ เขายังคงยืนอยู่ข้าง ๆ หวังอี้เฟยไม่ขยับไปไหน ส่วนฟางฉือซึ่งกำลังซับเลือดของเขาอยู่ก็ปฏิเสธที่จะถอยออกไปเช่นกัน
หมอลี่เดินกะเผลกมาด้วยความหงุดหงิด เขามองดูแลพร้อมกับกรอกตาไปมา “นับว่ายังโชคดี”
ส่วนพ่อของหวังอี้เฟยค่อนข้างที่จะกังวล เขาถามออกมาอย่างไม่ค่อยสบายใจ “หมอ ลูกชายข้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่ ? ”
หมอลี่กรอกตาไปมาอีกครั้ง “เจ้าไม่เข้าใจที่ข้าพูดงั้นหรือ ? ลูกชายเจ้าจะยังมีชีวิตอยู่เช่นนี้ไหมถ้าหากว่าเขาอาการหนัก ? แผลไม่ค่อยลึกเท่าไหร่ ข้าจัดการมันเสร็จแล้ว เอาล่ะ พาเขากลับบ้านและคอยดูแลอย่างใกล้ชิด อย่ากินอะไรมั่วซั่วและกินยาให้ตรงตามเวลา แผลจะหายเองในสองถึงสามวันและมันก็จะไม่ทิ้งรอยแผลเป็นด้วย”
ในขณะที่กล่าวเช่นนั้น หมอลี่กำลังทายาเชื้อฆ่าให้กับเด็กชาย เขาเหลือบไปเห็นอาวุธที่ตกอยู่บริเวณใกล้เคียงพร้อมบ่นออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “ลูกชายของเจ้าโชคดียิ่งนัก ถ้าหากก้อนหินหล่นต่ำกว่านี้สักนิด ดวงตาของลูกชายเจ้าคงจะหายไปแล้ว”
เหงื่อเย็นเฉียบหลั่งออกมาจากร่างกายของผู้เป็นพ่อทันที
ฟางฉือรู้สึกผิดอย่างมาก ดวงตาเด็กน้อยร้อนผ่าวพร้อมกับก้มศีรษะลงต่ำ “มันเป็นความผิดของข้าเอง… พี่อี้เฟยปกป้องข้าจึงต้องเจ็บตัว…”
คราวแรกพ่อของอี้เฟยโกรธมากเมื่อรู้เรื่อง แต่เมื่อเห็นเด็กหญิงตัวน้อยก้มหน้ายอมรับความผิดที่ไม่ได้ก่อแล้วเขาจึงอดไม่ได้ที่จะสงสารนาง ความโกรธถูกกลืนกินลงไปหมดสิ้น ชายวัยกลางคนโบกมืออย่างไม่เอาความ “ข้าคงไม่สามารถตำหนิเจ้าได้หรอก เจ้าไม่ใช่คนเลวที่ขว้างปาหินก้อนนั้น เอาล่ะ ดูเหมือนข้าจะต้องไปคุยกับแม่ของเขาสักหน่อย ! ”
ตอนแรกฟางฮั่นต้องการจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลทั้งหมดเพื่อเป็นการไถ่โทษให้กับพ่อของหวังอี้เฟย แต่พ่อของหวังอี้เฟยกลับไม่ละโมบและไม่ถือโทษใด ๆ เด็กหญิงเหล่านี้เลย แม้ว่ามันจะเป็นหายนะสำหรับลูกชายของเขา แต่เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ สองคนก็ไม่ได้ผิดอะไร ! เขาละอายเกินกว่าจะรับพวกมันไว้ !
ตอนนี้พ่อของหวังอี้เฟยอยากเห็นหน้าของคนร้ายตัวจริงที่เป็นผู้ขว้างก้อนหินออกจากมือ ยิ่งเขาคิดก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ !