px

เรื่อง : แม่สาวชาวสวน **(จบแล้ว)**
ตอนที่ 29 เสียแรงที่เขาดีกับเจ้าขนาดนั้น


ตอนที่ 29 เสียแรงที่เขาดีกับเจ้าขนาดนั้น

 

หลังจากที่แก้ ‘ปัญหาคาราคาซัง’ ที่สุมอยู่ในใจเสร็จสิ้นแล้ว ฟางฮั่นรู้สึกโล่งใจอย่างมาก นางเริ่มพูดคุยหยอกล้อกับน้องทั้งสองคนเกี่ยวกับเรื่องเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึงอย่างสนุกสนาน

 

นี่คือเทศกาลตรุษจีนครั้งแรกของฟางฮั่นในยุคโบราณ พอถึงช่วงเทศกาลในแต่ละปี ครอบครัวของนางทั้งหมดจะได้กินอาหารที่ดีขึ้นนิดหน่อยจากเดิม แต่ปีนี้ทุกสิ่งจะเปลี่ยนไป ฟางฮั่นตัดเย็บชุดใหม่ให้เด็ก ๆ สำหรับเทศกาลตรุษจีนในคราวนี้

 

ตอนนี้พวกนางทั้งสามคนแยกบ้านออกมาอยู่อย่างอิสระแล้ว แม้ว่าจะมีกันอยู่เพียง 3 คน แต่ฟางฮั่นก็อยากจะให้มันเต็มไปด้วยความสนุกสนานร่าเริงมากที่สุด

 

เพราะถึงอย่างไรในเทศกาลตรุษจีนนี้ ครอบครัวจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอยู่แล้ว

 

ฟางหมิงหวยเสนอความคิดของตนเองบ้าง “พี่ใหญ่ซื้อประทัดมาด้วยได้ไหม ข้าอยากจะลองจุดมันดูบ้าง… ข้าไม่เคยจุดมันเลย”

 

เด็กชายตัวเล็กวัย 4 ขวบบ่นออกมาพร้อมแววตาอ้อนวอนขณะที่พึมพำถึงประทัด ปีก่อนนี้เขาได้แต่มองดูฟางหมิงฮ่งจุดประทัดครั้งใหญ่ เขาจุดมันและวิ่งออกมาปิดหู จากนั้นรอให้ประทัดดังขึ้น ภาพนั้นติดตรึงอยู่ในใจของฟางหมิงหวยอย่างชัดเจน มันน่าจะเป็นสิ่งที่สนุกและตื่นเต้นที่สุดในโลกนี้แล้ว

 

ปีที่แล้วเขาได้แต่นั่งดูฟางหมิงฮ่งจุดประทัดอยู่ที่ประตูบ้าน เสียงระเบิดของประทัดทำให้เขาตื่นเต้นอย่างมาก อีกทั้งเด็กชายคนนั้นยังแกล้งเขาด้วยการโยนมันใส่เพื่อต้องการให้เขาตกใจ ด้วยสาเหตุนี้ทำให้ประทัดระเบิดใส่เท้าของหมิงหวย เด็กชายเจ็บปวดจึงร้องไห้ออกมาและทำให้ฟางเถียนดุด่าเขาว่าการร้องไห้ในเทศกาลตรุษจีนจะทำให้ครอบครัวประสบโชคร้ายตลอดปี

 

อย่างไรก็ตามเด็ก ๆ ได้รักษาแผลนั้นไปและจิตใจของเขาไม่คิดเคียดแค้นอะไรอีก ตลอดทั้งปีพวกเขาก็ถูกกลั่นแกล้งจนชินเสียแล้ว ในปีนี้ความเสียใจทุกอย่างได้คลายออกและเขาต้องการจุดมันด้วยตัวเองบ้าง !

 

ฟางฉือจำเรื่องราวในวันนั้นได้ เด็กหญิงนั้นมีความกล้าหาญน้อยกว่าเด็กชายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว นางกล่าวแทรกอย่างไม่เห็นด้วย “หวยเอ๋อ ประทัดเป็นสิ่งที่อันตรายมากนะ มันคงแย่มากถ้าหากเจ้าพลาดและมันอาจเผาบ้านของเราหรือบ้านของคนอื่นได้เลยนะ”

 

แม้ฟางหมิงฮ่งจะไม่ได้โยนประทัดใส่ฉือเหนียง แต่นางก็จำถึงความร้ายแรงของมันได้เป็นอย่างดี

 

ฟางหมิงหวยตอบโต้อย่างรวดเร็ว “หวยเอ๋อจะระวัง ข้าจะเล่นมันในบ้านและไม่ไปวุ่นวายกับคนอื่นเด็ดขาด”

 

มันเป็นเรื่องธรรมดาที่เด็กชายต้องการจะเล่นประทัด ฟางฮั่นพลันคิดถึงน้องชายของตนเองในวัยเด็ก เขาก็ประทับใจกับประทัดมากเช่นกัน ทุกคนล้วนแต่หาสถานที่เหมาะสมเพื่อที่จะเล่นมัน นางจำได้ว่าคราวนั้นเด็ก ๆ ในหมู่บ้านโยนประทัดลงไปในบ่อเกรอะของสัตว์ ผลของมันหลังจากนั้นน่ะเหรอ… มูลสัตว์ระเบิดกระจัดกระจายสร้างความเดือดร้อนอย่างทั่วถึงเชียวล่ะ…

 

ตรุษจีนในยุคนี้ก็คงจะมีเหตุการณ์แบบนั้นเช่นกัน

 

ฟางฮั่นคิดอยู่สักครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวออกมา “เอาล่ะ ปีนี้พี่ใหญ่จะยอมให้หวยเอ๋อเล่นประทัด แต่มีข้อแม้ว่าห้ามโยนลงในพงหญ้าหรือโยนใส่ผู้อื่นเด็ดขาด”

 

เมื่อฟางหมิงหวยได้ยินเช่นนั้น ร่างกายน้อย ๆ ของเขากระโดดโลดเต้นอย่างร่าเริง ส่วนฉือเหนียงที่เห็นว่าพี่ใหญ่อนุญาต นางจึงไม่ได้คัดค้านอะไรอีกต่อไป นอกจากกล่าวว่า “ข้าจะคอยดูแลหวยเอ๋ออย่างใกล้ชิด”

 

ประทัดและดอกไม้ไฟถูกจัดวางตกแต่งเต็มหมู่บ้าน มันสามารถหาซื้อได้ง่ายมากในเทศกาลตรุษจีน ทุกบ้านพยายามจะหาซื้อมันให้ได้แม้ว่าจะต้องทุบหม้อข้าวตนเองก็ตาม

 

ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งนี้ไม่ได้แพงมากนัก หลายคนสามารถซื้อมันได้อย่างสบาย ๆ ฟางฮั่นพาเด็กชายไปเลือกซื้อมันอย่างร่าเริง

 

มีเด็กหญิงคนหนึ่งที่อยู่บริเวณนั้น เมื่อเห็นว่าฟางฮั่นเดินมา นางกระแทกเท้าและพูดจาฉุนเฉียวอย่างไม่สบอารมณ์ทันที

 

ฟางฮั่นหันไปมองและจำได้ว่านี่คือบุตรสาวของคนขายหมูในหมู่บ้าน แม้นางจะแก่กว่าแต่ก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรบุ่มบ่าม ผู้คนไม่เคยมีใครกล้าที่จะรังแกฟางฮั่นแม้แต่กลุ่มคนที่เกเรที่สุดในหมู่บ้าน

 

ฟางฮั่นไม่ได้สนใจกับคนประเภทนี้อยู่แล้ว นางจัดการกับธุระของนางเรื่อย ๆ ด้วยการซื้อประทัดที่ค่อนข้างเหมาะสมกับเด็ก ๆ ตอนนี้นางกำลังคิดว่าควรจะซื้อมันสักกี่ชิ้นดีสำหรับงานตรุษจีนครั้งนี้ เมื่อไตร่ตรองดู ฟางฮั่นหยิบดอกไม้ไฟเล็ก ๆ สองสามชิ้นสำหรับฉือเหนียง นางต้องการให้น้องสาวลองเล่นมันสักหน่อยเพื่อความสวยงามและสร้างความประทับใจให้น้องของตน

 

เมื่อเห็นว่าฟางฮั่นไม่ได้สนใจนาง เฉียนต้ายาหยิบดอกไม้ไฟขึ้นมาพร้อมกับต้องการจ่ายเงินอย่างเร่งรีบ พร้อมกล่าวว่า “เฮ้ ยัยตัวเหม็น รอข้าด้วย หึ ! ”

 

มีผู้คนจำนวนมากอยู่ในบริเวณนี้ มันไม่ใช่สถานที่ที่ดีในการกดขี่ข่มเหงผู้อื่น ฟางฮั่นได้ยินเสียงตะโกนของเฉียนต้ายาที่กำลังวิ่งออกมาจากฝูงชน ฟางฮั่นคว้ามือของหมิงหวยไว้อย่างมั่นคงในขณะที่เห็นอีกฝ่ายกำลังวิ่งมาหา

 

คราวแรกเฉียนต้ายาคิดว่าฟางฮั่นจะเกรงกลัวและหลบหนีนางไป แต่เมื่อวิ่งมาถึงสถานที่ที่ไม่ค่อยมีคนแล้ว นางกลับแสดงท่าทีเขินอายเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ “เจ้าวิ่งหนีอะไร ข้าไม่กินเจ้าหรอก ! ”

 

หลังกล่าวจบนางเปลี่ยนหัวข้อสนทนาในทันที “พี่เฉิงเจิ้งไค๋กำลังป่วย ทำไมจึงไม่คิดไปเยี่ยมเขาบ้าง ? ! เขาดีกับเจ้ามากมิใช่หรือ ! ”

 

แววตาของฟางฮั่นเต็มไปด้วยความประหลาดใจพร้อมกล่าวสั้น ๆ “เจิ้งไค๋ป่วยงั้นหรือ ? ข้าไม่รู้เรื่องจริง ๆ ”

 

เป็นความจริงที่เฉินเจิ้งไค๋ช่วยนางเอาไว้หลายครั้ง นางควรจะไปเยี่ยมเขาสักหน่อย วันนั้นนางเข้าเมืองพร้อมกับแม่ของเขาและได้ฟังคำพูดที่ไร้สาระอย่างไม่สบอารมณ์ วันนี้นางจึงรู้สึกลังเลและไม่ค่อยอยากจะสร้างปัญหาสักเท่าไหร่นัก

 

เมื่อเห็นสีหน้าลังเลของฟางฮั่น เฉียนต้ายาโกรธจัดและเริ่มเปลี่ยนสีหน้า สุดท้ายนางตะโกนออกมาอย่างเหลืออด “ฟางฮั่น ! เจ้ายังมีจิตสำนึกอยู่บ้างไหม ? ! เจ้าไม่สนใจเรื่องพี่เจิ๋งไค๋ไม่สบายเลยงั้นหรือ ? ! เขาดีกับเจ้ามากนะ ! นังโง่ ! ”

 

ฟางหมิงหวยได้ยินเช่นนั้นรีบแทรกขึ้นมาทันที “พี่ใหญ่ของข้าไม่สนใจเรื่องไร้สาระ ! อีกอย่างพี่ใหญ่ไม่ใช่คนโง่ด้วย ! ”

 

ฟางฮั่นรู้สึกอยากจะหัวเราะออกมา นางลูบหัวของหวยเอ๋อเบา ๆ พร้อมกล่าวกับเฉียนต้ายาอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก “อืม เจ้าอยากไปเยี่ยมเจิ้งไค๋งั้นหรือ ? ”

 

เฉียนต้ายาถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ฟางฮั่นเข้าใจนางสักที ความจริงนางก็รู้สึกเจ็บปวดอยู่สักหน่อยเพราะตอนนี้นางกำลังจะใช้คู่แข่งของตนเองเพื่อเป็นสะพาน แต่ในเวลาเดียวกันนางก็อยากจะให้เจิ้งไค๋มีความสุขบ้างเล็กน้อยและให้เขาประทับใจในตัวนางบ้าง

 

ถ้าฟางฮั่นได้รู้ว่าเด็กหญิงตรงหน้าคิดอะไรอยู่ คงจะไม่พ้นที่จะบ่นอุบว่าเด็กคนนี้ช่างแก่แดดเหลือเกิน…

 

ฟางฮั่นกลับมาส่งหวยเอ๋อที่บ้านและกำชับห้ามเขาจุดประทัดเด็ดขาดจนกว่าพี่ใหญ่จะกลับมา แม้หวยเอ๋อจะรู้สึกว่าไม่อาจนั่งรอไหว แต่เขาก็รู้ดีว่าพี่ใหญ่ต้องไปเยี่ยมคนป่วย เด็กชายพยักหน้ารับอย่างเข้าใจในเหตุผลนั้น

 

ฟางฮั่นเริ่มห่อติ่มซำเพื่อนำมันไปเยี่ยมไข้เฉิงเจิ้งไค๋พร้อมกับเฉียนต้ายา ส่วนอีกฝ่ายงุนงงเล็กน้อยที่เห็นฟางฮั่นถือสิ่งของมากมาย นางใจร้อนและพยายามดึงฟางฮั่นออกจากบ้านโดยเร็ว “มีแต่เจ้าที่ทำตัวเช่นนี้ ข้าเข้าเมืองไปสองสามรอบแล้วไม่เห็นจะมีอะไรน่าสนใจ ตอนนี้รีบไปที่บ้านของเจิ้งไค๋เถิด”

 

เฉียนต้ายารู้สึกไม่ชอบที่ฟางฮั่นทำแบบนี้ แต่นางกลับรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ฟางฮั่นคิดจะนำสิ่งของต่าง ๆ ไปเยี่ยมคนไข้ แต่นางกลับมีเพียงมือเปล่า นี่มันเป็นนางหรือเปล่าที่เป็นคนไม่มีมารยาท ?

 

เฉียนต้ายาคิดถึงพฤติกรรมของแม่เจิ้งไค๋ นางกลัวว่าอีกฝ่ายจะชื่นชอบวิธีการเช่นนี้ หัวใจของนางเริ่มสับสนและไม่อยากที่จะไปบ้านของเขาเสียแล้ว

 

ร่างเล็กของฟางฮั่นเดินไปบนถนนและกำลังถูกดันด้วยมือของเฉียนต้ายา นางจึงไม่สามารถเดินได้อย่างสะดวกนัก จากนั้นนางเวียนหัวและเริ่มบ่นออกมาอย่างอารมณ์เสีย “ต้ายา นี่เจ้าทำบ้าอะไร ? อย่าผลักข้าสิ ! ”

 

ไม่มีใครต้องการถูกผลักให้เดินทั้งนั้น ทุกคนต้องการเดินด้วยตนเอง

 

เฉียนต้ายามองฟางฮั่นด้วยสายตาประหลาดใจ “เจ้านั่นแหละเป็นอะไร ข้าไม่ได้ผลักเจ้าสักหน่อย ตอนนี้เจ้าก็ไม่ได้ล้มนี่ เจ้าต่างหากที่เป็นอะไรกับข้า ? ”

 

เฉียนต้ายารู้ดีว่าอีกฝ่ายนั้นขี้ขลาด ไม่ว่าตนเองจะผลักหรือดึงแรงมากแค่ไหนนางก็ย่อมไม่โต้เถียง

 

“ข้าบอกว่าเลิกผลักข้าสักทีมันน่ารำคาญ ! ทำไมถึงได้เข้าใจยากเย็นนัก ? ” ฟางฮั่นไม่ต้องการจะเสียเวลาโต้เถียงอีกต่อไป นางรีบเดินจ้ำอ้าวไปที่บ้านของเจิ้งไค๋อย่างรวดเร็ว

 

โดยปกติแล้วเฉียนต้ายานั้นเป็นคนโปรดในครอบครัวตนเองอยู่แล้ว ทุกคนในบ้านล้วนแต่เอาใจนางอยู่เสมอ เมื่อถูกดุโดนฟางฮั่นเช่นนี้ นางรู้สึกโกรธมากที่อีกฝ่ายกล้าขัดใจ ด้วยความโกรธนี้นางจึงพยายามเดินให้เร็วกว่าฟางฮั่นเพื่อเอาชนะ

 

ที่บ้านของเจิ้งไค๋ แม่ของเขากำลังตากผ้าอยู่ในสวนหญ้า เมื่อนางเห็นเฉียนต้ายาวิ่งมาที่หน้าบ้านพร้อมกับใบหน้าที่บูดบึ้ง นางรู้สึกประหลาดใจปนไม่พอใจเล็กน้อยกับสิ่งนี้

 

นางไม่รู้ว่าเด็กหญิงอ้วนตุ้ยนุ้ยคนนั้นคิดอะไรอยู่ เด็กคนนั้นไม่ได้ชอบลูกชายของนางอยู่หรอกหรือ ? แม้แต่เด็กหญิงที่โง่เขลาก็ยังมองสิ่งเหล่านี้ออก แม่ของเจิ้งไค๋ค่อนข้างจะใจร้อนแต่ก็ยังมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้า “โอ้ มีอะไรงั้นหรือ ? ”

 

เฉียนต้ายาฟื้นคืนสติอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของนางร้อนผ่าวอย่างเขินอาย แต่ก็คงไม่มีใครสังเกตเห็นได้เนื่องจากสีผิวที่หมองคล้ำนี้

 

ฟางฮั่นเดินเข้ามาทีหลังและยืนอยู่ข้างเฉียนต้ายา สายตาของแม่เจิ้งไค๋เปลี่ยนทิศทันที นางจับจ้องที่ฟางฮั่นอย่างไม่วางตา

 

ฟางฮั่นยิ้มออกมาพร้อมกล่าวอย่างอ่อนน้อม “ท่านป้า ข้าได้ยินว่าเจิ้งไค๋ป่วย ข้าจึงมาเยี่ยมเขาพร้อมกับต้ายา”

 

ดวงตาของแม่เจิ้งไค๋จับจ้องที่ถุงขนมในมือของฟางฮั่น นางยังคงยิ้มออกมาพร้อมกล่าว “เจิ้งไค๋เพิ่งจะหลับไปเมื่อสักพักนี้ เขาไม่ได้เป็นโรคร้ายแรงอะไร พวกเจ้าทั้งสองไม่น่าลำบากมาเยี่ยมเลย”

 

ขณะที่ฟางฮั่นกำลังจะกลับออกไปตามที่แม่ของเด็กชายต้องการ นางคิดว่าจะวางขนมเอาไว้และกลับบ้าน

 

ฉับพลันในบ้านก็มีเสียงไอดังขึ้นพร้อมเสียงตะโกนออกมา “ท่านแม่ ! ฟางฮั่นมาที่นี่หรือ ? ”

 

รีวิวผู้อ่าน