px

เรื่อง : แม่สาวชาวสวน **(จบแล้ว)**
ตอนที่ 26 เครื่องแก้ว


ตอนที่ 26 เครื่องแก้ว

 

วันนี้ฟางฮั่นเดินอยู่ในเมืองด้วยใบหน้าที่สดใส ผิวของนางเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลมากยิ่งขึ้น มือของนางจับเชือกที่ผูกติดกับน้องสาวและน้องชายไว้แน่น เด็กหญิงตัวเล็กราวกับนางฟ้าตัวน้อย ๆ เดินตามพี่สาวอย่างไม่หยุดยั้ง น้องชายตัวเล็กก็ด้วยเช่นกัน ภาพนี้สร้างความเอ็นดูให้กับเหล่าป้า ๆ มากมาย โดยเฉพาะฟางหมิงหวยที่ตัวเล็กและดูน่ารักมากที่สุด เขากลายเป็นขวัญใจของผู้อาวุโสในพื้นที่อย่างรวดเร็ว ขนมต่าง ๆ ถูกหยิบยื่นให้อย่างไม่ขาดสาย ใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาเต็มไปด้วยความสดใส ดวงตาร่าเริงและปากเล็ก ๆ ที่เคี้ยวไม่หยุด

 

ฟางหมิงหวยตื่นเต้นกับสภาพแวดล้อมอย่างมาก ตั้งแต่เกิดมานี่คือครั้งแรกที่เขาได้มาเดินตลาดในเมือง แผงลอยมากมายตั้งเรียงรายอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ แต่หมิงหวยเป็นเด็กที่ได้รับการสอนสั่งมาอย่างดี เขาจะไม่แตะต้องของ ๆ คนอื่นโดยพลการเด็ดขาด ทั้งหมดนี้เขาเพียงใช้สายตามองมันอย่างตื่นเต้นเท่านั้น นอกจากนี้เหล่าเจ้าของร้านค้าต่าง ๆ ยังพากันชมอย่างไม่ขาดปากว่าเขาเป็นเด็กที่มีมารยาทและได้รับการสั่งสอนมาอย่างดีอีกด้วย

 

สำหรับฟางฉือ นางรู้สึกหวาดกลัวเพราะนางโตกว่าฟางหมิงหวย ความคิดความอ่านของนางค่อนข้างจะมากกว่าน้องชายอยู่มาก

 

ฟางฮั่นคอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของเด็กทั้งสองอยู่เสมอ ไม่นานหลังจากนั้นนางพบเรื่องผิดปกติเกี่ยวกับฟางฉือ

 

“ฟางฉือ มีอะไรหรือไม่ ? ” ฟางฮั่นลูบหัวของน้องสาวพร้อมกับถามออกไปอย่างห่วงใย

 

เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับดวงตาที่โศกเศร้า “ทุกคนชอบพวกเรามากเลย… แต่ทำไมท่านย่าถึงไม่ชอบเราล่ะ ? ”

 

ฟางฮั่นเจ็บปวดหัวใจทันทีเมื่อได้ยินคำถามเช่นนั้น มันไม่ผิดที่ฟางฉือจะคิดแบบนั้น เด็กหญิงเพียงแค่ต้องการความรักจากคนในครอบครัว ฟางฉืออาศัยอยู่ในบ้านนั้นมาตั้งแต่เกิด ไม่ว่าอย่างไรนางก็ยังผูกพันธ์กับผู้ที่เป็นย่าอยู่มากและมันเป็นความปรารถนาที่ไม่มีวันดับสูญ

 

ฟางฮั่นไม่รู้จะปลอบน้องสาวอย่างไร นางนั่งยอง ๆ พร้อมกับเอ่ยเสียงเบา “เสี่ยวฉือ… คนเราพบกันนั้นเป็นเรื่องของโชคชะตา วาสนา แม้แต่ญาติพี่น้องก็สามารถแยกจากกันได้ถ้าไม่มีวาสนาต่อกัน เราไม่มีสัมพันธ์กับท่านย่าเพราะเราไม่มีวาสนาต่อกันไงล่ะ เรื่องแบบนี้เราไม่สามารถบังคับใครได้ เจ้าเห็นไหมว่าเราไม่ต้องเรียกร้องอะไรเลยกับครอบครัวอาหก แต่พวกเขากลับรักและเอ็นดูเรา นั่นเป็นเพราะโชคชะตาพาให้พวกเรามาพบเจอเขา การพบเจอสิ่งดี ๆ เป็นเรื่องของโชคชะตา เราไม่ต้องทุกข์ทรมานกับคนไม่ดีก็คือว่าเป็นโชคชะตาที่ดีเช่นกัน”

 

ใบหน้าของฟางฉือยิ่งสับสนเมื่อได้ยินเช่นนั้น ฟางฮั่นไม่รู้จะทำอย่างไรนอกจากเปลี่ยนไปคุยกันเรื่องอื่นแทน แต่แล้วฟางฮั่นพลันเห็นร้านค้าที่ต้องการ นางใช้เงินซื้อน้ำตาลปั้นเป็นรูปสัตว์ต่าง ๆ 2 แท่งให้กับเด็กทั้งสอง จากนั้นก็ยื่นให้ฟางหมิงหวย 1 แท่ง หนุ่มน้อยรับน้ำตาลปั้นมาก็รีบกินมันอย่างรวดเร็วและจับมันไว้อย่างกลัวหาย

 

ส่วนอีก 1 แท่งถูกส่งต่อไปที่ฟางฉือ นางจัดการกินมันเล็กน้อยก่อนจะเห็นว่าฟางฮั่นไม่ได้ซื้อมันให้กับตัวเอง นางจึงยื่นน้ำตาลปั้นให้กับพี่สาวพร้อมกล่าวอย่างจริงใจ “พี่ใหญ่ กินกับข้าสิ”

 

ฟางฮั่นก้มลงพร้อมกับกัดน้ำตาปั้นไปคำหนึ่งซึ่งทำให้ปากของนางเปรอะเปื้อน “ดูหน้าของพี่สาวสิ เป็นอย่างไรบ้าง ดูดีหรือไม่ ? ”

 

ฟางฉือเห็นเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาพร้อมกับพยักหน้ารับ

 

ฟางฮั่นกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เพราะท่านย่าไม่เคยปฏิบัติดี ๆ กับพวกเจ้าทั้งสองคนเลย ดังนั้นสวรรค์จึงส่งข้ามาให้เป็นพี่ใหญ่เพื่อชดเชยความรักให้กับเจ้าสองคนไงล่ะ ถ้าหากต้องเลือกสักหนึ่งคน เจ้าจะเลือกใครระหว่างพี่สาวคนนี้กับท่านย่า ? ”

 

ฟางฉือตอบอย่างไม่ลังเล “ข้าเลือกพี่ใหญ่อยู่แล้ว”

 

ฟางหมิงหวยผู้กำลังสนุกสนานกับการกินน้ำตาลปั้นในมือ เขาได้ยินคำพูดของพี่สาวทั้งสอง เจ้าหนุ่มน้อยก็รีบเข้ามามีส่วนร่วมทันที “หวยเอ๋อก็เลือกพี่ใหญ่ด้วย ! ”

 

ฟางฮั่นพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

 

ดูเหมือนฟางฉือจะเริ่มเข้าใจแล้ว

 

ครู่หนึ่ง ฟางฉือขมวดคิ้วอีกครั้งพร้อมถามออกมาอย่างไร้เดียงสา “แล้วที่ท่านย่าปฏิบัติกับพี่ใหญ่ไม่ดี ใครจะชดเชยให้กับพี่ล่ะ...”

 

ฟางฮั่นลอบคิดในใจว่าพวกเจ้าไงล่ะที่เป็นของมีค่าสำหรับตัวข้า…

 

แต่การจะพูดเรื่องเหล่านี้บนถนนนั้นยากเย็นเกินไป ฟางฮั่นรู้สึกทำอะไรไม่ถูก นางจับจ้องดวงตาที่กำลังเฝ้ารอของน้องสาวอย่างไม่ลดละและรู้ตัวว่าจะต้องตอบคำถามนี้โดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้นนางจึงกล่าวมันออกไปอย่างลวก ๆ “โอ้ เรื่องนั้นเจ้าต้องปล่อยให้พี่เขยในอนาคตจัดการแล้วล่ะ... เฮ้ ฟางฉือหยุดยื่นของหวานให้พี่ได้แล้ว พี่ไม่ชอบกินของหวาน”

 

ฟางฉือพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ จากนั้นนางก็กลับไปจัดการกับน้ำตาลปั้นในมือของตัวเองต่อโดยไม่กล่าวอะไรอีกเลย

 

ฟางฮั่นถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก

 

เมื่อเดินผ่านโรงหลอม ดวงตาของฟางฮั่นเปล่งประหายออกมา นางพาน้องทั้งสองคนเดินเข้ามาด้านใน

 

ตอนนี้นางอยู่ในยุคของราชวงศ์ชิง ซึ่งมันไม่อยู่ในวิชาประวัติศาสตร์และนางไม่ได้สนใจเรื่องของประวัติศาสตร์อะไรมากนัก แต่นางสามารถขุดความทรงจำเหล่านี้ออกมาจากสิ่งที่เจ้าของร่างคนเก่าได้ทิ้งเอาไว้

 

ในยุคสมัยนี้มีการหลอมแก้วขึ้นมาแล้ว แต่มันยังไม่ใสเท่ากับสมัยใหม่ แต่มันก็สามารถใช้งานได้เช่นกัน สิ่งสกปรกภายในแก้วยังมากเกินไปและพวกเขายังไม่รู้จักการนำคริสตัลมาใช้ เช่นนี้อุปกรณ์หลาย ๆ อย่างเลยดูหมองหม่นและจืดชืด

 

ร้านที่ฟางฮั่นเดินเข้ามาคือร้านขายอุปกรณ์ที่ทำมาจากแก้วซะส่วนใหญ่ ซึ่งอุปกรณ์เหล่านั้นมักจะเต็มไปด้วยตำหนิมากมายแต่มันก็ยังคงใช้งานได้

 

เนื่องจากร้านค้านี้ค่อนข้างเงียบเหงา ภายในร้านว่างเปล่าไร้ผู้คน เมื่อเขาเห็นเด็กสามคนเดินเข้ามาก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก เพียงแค่กล่าวทักทายห้วน ๆ “ว่าไงเด็กน้อย พวกเจ้าต้องการอะไรในนี้หรือ ? ”

 

ฟางฮั่นสูงกว่าเคาน์เตอร์เล็กน้อย นางคิดอยู่สักครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวออกมาว่า “ที่นี่มีภาชนะสำหรับใช้เก็บของหรือไม่ ? ” นิ้วโป้งและนิ้วชี้ของนางกางออกเพื่อพยายามบอกขนาดกับเขา “น่าจะขนาดประมาณนี้”

 

ชายคนนั้นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวออกมา “อ้อ รอสักครู่”

 

เขาก้มลงที่ใต้เคาน์เตอร์พักใหญ่ก่อนที่จะดึงกล่องเล็ก ๆ ออกมา เหงื่อผุดขึ้นบนใบหน้ารอการเช็ดอย่างท่วมท้น เขาเปิดกล่องพร้อมหยิบถ้วยแก้วออกมาพร้อมกับมีฝาปิด “อันนี้ใช้ได้หรือไม่ ? ”

 

ขนาดของมันเหมาะสมที่จะใช้งานอย่างมากในการทำสบู่ ดวงตาของฟางฮั่นทอประกายเมื่อได้เห็นมัน

 

คนขายรีบพูดต่ออย่างรวดเร็ว “มันเป็นถ้วยเคลือบสีน่ะ อีกอย่างค่อนข้างที่จะหายากด้วย อันนี้ราคา 3 ตำลึง”

 

หัวใจของฟางฮั่นราวกับถูกฟ้าผ่า

 

ในความทรงจำของคนเก่าไม่มีเรื่องราวเกี่ยวกับเครื่องแก้วพวกนี้เลยแม้แต่น้อย ดังนั้นนางจึงคิดว่ากระจกที่ดูหยาบกร้านพวกนี้คงจะไม่ได้มีราคาสูงส่งอะไรมากนัก

 

ความจริงครั้งใหญ่ปรากฏขึ้นในเหตุการณ์ตลกร้ายครั้งนี้ นางลืมคำพูดหนึ่งไปเสียสนิทใจ ‘ยิ่งหายากมากเท่าไหร่ ยิ่งมีราคาแพง ! ’

 

หัวใจของฟางฮั่นหดหู่ในทันที

 

ชายคนนั้นเห็นใบหน้าที่อึดอัดใจของเด็กหญิงผู้น่ารักตรงหน้าก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถามออกมา “ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าเด็กน้อยต้องการมันไปเพื่ออะไร ? ใช้มันเพื่อเก็บของงั้นหรือ ? ”

 

เขาเดาว่าเด็กหญิงคนนี้คงจะเอามันเพื่อไปใส่แป้งหรือน้ำผึ้งอะไรทำนองนั้น

 

ฟางฮั่นกำลังคิดถึงสิ่งของบางอย่างที่จะเอาไปใช้ทำแม่พิมพ์ของสบู่และนี่คือสิ่งของที่เหมาะสม ดังนั้นนางจึงพยักหน้ารับ

 

ชายคนนั้นหัวเราะออกมาอย่างเอ็นดู พร้อมกล่าว “เด็กน้อย… เดี๋ยวเจ้าเดินตรงไปตามถนนเส้นนี้และเลี้ยวซ้าย ตรงนั้นมีร้านขายเครื่องกระเบื้องซึ่งเต็มไปด้วยภาชนะเล็ก ๆ มากมายที่ค่อนข้างน่ารักเชียวแหละ คุณภาพของมันไม่ด้อยไปกว่ากระจกเคลือบพวกนี้เลย อีกทั้งราคาของมันก็ถูกกว่าด้วย”

 

แววตาของฟางฮั่นพลันทอประกายเจิดจ้าทันที ใช่แล้ว ! นางสามารถเดินไปดูร้านเครื่องปั้นดินเผาได้อีก ในสมัยโบราณนั้นสิ่งเหล่านี้ล้วนเฟื่องฟูอย่างมาก

 

ในโลกเก่าของนางมันคือเครื่องลายครามที่ได้รับความนิยมสุด ๆ ไม่ใช่หรือ? นางลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไรกัน !

 

รีวิวผู้อ่าน