px

เรื่อง : แม่สาวชาวสวน **(จบแล้ว)**
ตอนที่ 24 ความรู้สึกที่ขาดหาย


ตอนที่ 24 ความรู้สึกที่ขาดหาย

 

ฟางฮั่นปลอบใจน้องสาวอยู่สักครู่หนึ่ง จากนั้นนางหยิบสิ่งของที่ซื้อมาฝากครอบครัวของอาหกออกมาและพาทุกคนเดินไปที่บ้านของครอบครัวอาหก

 

ยังไม่ทันจะได้แตะประตูบ้านของอาหก เสียงหนึ่งพลันดังขึ้นมาจากบ้านข้าง ๆ “อ้าว อาฟาง เด็กผู้หญิงในบ้านของเจ้าน่ะเหลือเชื่อจริง ๆ ข่าวกระจายไปทั่วหมู่บ้านว่านางกลับมาพร้อมรถม้าคันใหญ่เชียว มันเป็นรถม้าของทางการ ข้าได้ยินว่านางไปทำงานเป็นผู้หญิงของผู้พิพากษา ทุกคนในหมู่บ้านล้วนแต่พูดถึงเรื่องนี้ อ้อ อย่าลืมพาซิ่งฮวาไปพบปะกับพวกเขาบ้างสิ ถ้าเจ้าไม่ว่าอะไร”

 

น้าหกหงุดหงิดทันทีเมื่อได้ยินเสียงนั้น นางตอบกลับอย่างรำคาญ “อ๊ะ เจ้าพูดเรื่องไร้สาระอะไรกัน เสี่ยวฮั่นของข้าน่ะดีเกินกว่าจะเป็นผู้หญิงของคนเหล่านั้น”

 

แม่ของซิ่งฮวากล่าวออกมาอย่างโศกเศร้า “เป็นเรื่องดีนะที่เด็กหญิงจะได้เข้าสู่ตระกูลใหญ่ โธ่ อาฟาง เจ้าน่ะมองโลกในแง่ร้ายเกินไป น่าเสียดายที่ซิ่งฮวาของข้าน่ะเป็นผู้หญิงแท้ ๆ แต่กลับไม่มีใครชื่นชอบนางเลย เฮ้อ พูดแล้วข้าก็เหนื่อยใจนัก”

 

ฟางฮั่นรู้ดีว่าแม่ของซิ่งฮวาต้องการสื่อถึงอะไร เมื่อสองสามวันก่อนมีคนกลางเข้ามาที่หมู่บ้าน ลือกันว่าครอบครัวใหญ่ในเมืองต้องการซื้อเด็กหญิงบริสุทธิ์สักสองสามคนจากหมู่บ้านแห่งนี้

 

หลายคนในหมู่บ้านนั้นไม่สามารถทำกำไรจากพืชผลที่หว่านเอาไว้ได้ เพื่อปากท้องของครอบครัว พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขายบุตรสาวในบ้านของตนเอง การขายลูกสาวให้กับครอบครัวใหญ่นั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมสำหรับบางครอบครัวอีกด้วย

 

แม่ของซิ่งฮวาต้องการจะขายซิ่งฮวา แต่ผิวพรรณของนางคล้ำมากเกินไปจนทำให้ไม่ตรงตามที่ท่านผู้ใหญ่ต้องการ หลังจากเรื่องราววันนั้นเกิดขึ้น แม่ของซิ่งฮวาดุด่าซิ่งฮวาอยู่นานจนทำให้นางนอนร้องไห้ทั้งวันทั้งคืน ท้ายที่สุดพ่อของนางกลับตะคอกว่าถ้ายังไม่ยอมหยุดร้องไห้ เขาจะขับไล่นางออกจากบ้านและไม่ให้สิ่งใดติดตัวไปแม้แต่ชิ้นเดียว นางจึงยอมสงบลง

 

น้าหกเล่าเรื่องเหล่านี้ให้ฟางฮั่นฟังด้วยอารมณ์ที่หดหู่

 

ตอนแรกนางคิดว่าน้าหกเพียงแค่เห็นใจซิ่งฮวา แต่ตอนหลังนางมารู้เรื่องราวว่าเมื่อคราวที่น้าหกยังเด็ก มีคนจากในวังมาขอซื้อตัวนางไป แต่ช่างโชคดีที่พ่อแม่ของน้าหกไม่ยินยอม มิฉะนั้นคนที่โชคร้ายอาจจะกลายเป็นนางแทนก็ย่อมได้

 

หลังจากที่คิดเรื่องนี้สักครู่ นางจึงปล่อยมันไป ฟางฮั่นยกมือเล็ก ๆ ขึ้นเคาะประตูสักสองสามครั้ง จากนั้นนางลองผลักมันเบา ๆ และพบว่ามันไม่ได้ล็อก น้าหกอยู่ข้างในนั้น นางจึงร้องเรียก “น้าหก”

 

น้าหกหันมาด้วยใบหน้าที่ประหลาดใจเล็กน้อยก่อนจะถามว่า “เสี่ยวฮั่น… มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ ? ทำไมเจ้าจึงมาหาข้าในเวลาเช่นนี้กัน”

 

แม่ของซิ่งฮวาที่อยู่อีกฟากหนึ่งของรั้วพยายามที่จะยิ้มอย่างจริงใจแม้ว่าจะไม่เต็มใจนัก “โอ้ เสี่ยวฮั่นเองงั้นหรือ ไม่เจอหน้าสองสามวัน ดูดีขึ้นเยอะเชียว”

 

ฟางฮั่นหันไปหาอีกฝ่ายพร้อมกับกล่าวเบา ๆ “คารวะท่านป้า”

 

แม่ของซิ่งฮวารู้สึกหงุดหงิดอย่างมากที่เสี่ยวฮั่นไม่สนใจและเมินเฉยต่อตนเอง นางอดไม่ได้ที่จะพึมพำออกมา “เฮอะ นี่ยังไม่ได้กลายเป็นใหญ่เป็นโตยังกล้าเมินเฉยได้มากขนาดนี้เชียว”

 

น้าหกที่ยืนมองอยู่รู้สึกได้ว่าปากของนางกำลังพึมพำสิ่งที่น่าเกลียด

 

นางรีบดึงฟางฮั่นเข้ามาในบ้านอย่างรวดเร็ว “เสี่ยวหรูไปบ้านยาย ส่วนหมิงเหอออกไปกับพ่อของเขาน่ะ เข้ามานี่ก่อนสิ มีอะไรเกิดขึ้นที่บ้านงั้นหรือ ? ”

 

ดวงตาของน้าหกเต็มไปด้วยความกังวลใจ

 

ฟางฮั่นรู้สึกอบอุ่นหัวใจที่เห็นสายตาของสาวใหญ่ตรงหน้าเต็มไปด้วยความห่วงใย จากนั้นนางสั่นศีรษะอย่างสบายๆ “ไม่มีอะไรเลย ไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่บ้านหรอก ข้ามาที่นี่เพียงเพราะต้องการจะมอบของให้กับน้าและอาเท่านั้นเอง” นางยกของในมือขึ้น มันเป็นถุง 1 ใบและกล่องไม้แกะสลัก 1 ชิ้น

 

“เหตุใดเจ้าจึงใช้เงินฟุ่มเฟือยนัก นี่ก็อีกพักใหญ่กว่าจะถึงฤดูใบไม้ผลิ จากนั้นเราต้องรออีกนานกว่าจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ ต้องประหยัดเงินให้มากสิ” น้าหกบ่นออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะดูของในมือของฟางฮั่นอย่างกังวลใจ “ข้าขอดูสักหน่อยว่ามันพอจะเอาไปคืนได้หรือไม่ ถ้ามันเอาไปคืนไม่ได้ก็จงเอากลับไปให้เด็กทั้งสองคนกินเถิดนะ”

 

ฟางฮั่นได้ยินเช่นนั้นรีบร้องออกมาทันที “ไม่ได้นะ น้าหกไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้นเลย ข้าพบวิธีหาเงินแล้ว ตอนนี้ข้าได้รับเงินมามากกว่าแปดตำลึงเชียวนะ ทั้งเสี่ยวฉือและหวยเอ๋อต่างก็มีขนมกินด้วยเช่นกัน ดังนั้นน้าจงรับของพวกนี้ไว้เถอะ ข้าตั้งใจซื้อมันมาฝากพี่หรูและหมิงเหอ”

 

ขณะที่พูดเช่นนั้นนางวางขนมไว้บนโต๊ะพร้อมหยิบกล่องไม้มาเปิดแล้วเผยรอยยิ้มแห่งความสุขออกมา “น้าหกลองดูนี่ก่อน มันคืออะไรนะ ? ”

 

ดวงตาของน้าหกตกตะลึงเมื่อได้เห็นสิ่งนั้น

 

ปิ่นปักผมสีเงินมีดอกไม้ในฤดูหนาวประดับอยู่อย่างสวยงาม มันนอนยาวอยู่ในกล่องอย่างสงบ

 

“เด็กน้อย… เจ้ามีเงินอยู่ในมือก็ดีแล้ว แต่ทำไมต้องซื้อของพวกนี้มาให้ข้า…” น้าหกกล่าวออกมาเสียงสั่นพร้อมกับดวงตาที่เริ่มร้อนผ่าว

 

ในโลกใบเก่า ฟางฮั่นอาศัยอยู่กับปู่และย่าในหมู่บ้านเล็ก ๆ บนภูเขา นางไม่เคยรับรู้ถึงความรักของพ่อแม่เลย หลังจากนางโตขึ้นได้สักพัก พ่อกับแม่ของนางก็หย่าร้างกันเสียแล้ว ทุกคนมีชีวิตเป็นของตนเองและนางไม่มีสัมพันธ์ที่ดีนักกับพ่อและแม่ ความรัก ความอบอุ่นจากพ่อแม่นั้นเป็นสิ่งที่นางไม่เคยรู้จัก แต่กลับได้รับมันอย่างเต็มที่ในโลกใบนี้ อาหกและน้าหกทำให้นางรู้สึกถึงความรักที่ไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิตมาก่อน…

 

ฟางฮั่นรู้สึกว่าสาวใหญ่ตรงหน้าปฏิบัติกับนางอย่างดี… ดีเกินไปด้วยซ้ำ นางอดทนไม่ไหวที่จะหาสิ่งใดมาตอบแทนให้นาง

 

ฟางฮั่นถือปิ่นปักผมสีเงินเอาไว้ในมือ “ข้าแค่ต้องการซื้อมันให้กับน้าเท่านั้น อีกอย่างน้าไม่ต้องห่วงเลย ข้ายังสามารถหาเงินได้อยู่ ตอนแรกข้าสัญญาว่าจะซื้อปิ่นทองมาให้ แต่ตอนนี้ข้ายังไม่มีเงินมากพอ จึงขอเป็นปิ่นเงินไปก่อน… เอาล่ะ น้ารีบใช้มันเลยสิ หรือที่น้าไม่อยากจะรับมันไว้ เป็นเพราะน้าไม่ชอบงั้นหรือ…” ฟางฮั่นกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงขมขื่นเล็กน้อย

 

น้าหกมองหน้าของเสี่ยวฮั่นพร้อมกับเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าตนเอง “น้าจะไม่ชอบมันได้อย่างไรกันล่ะ”

 

ได้ยินดังนั้น ฟางฮั่นถึงเผยรอยยิ้มกว้างออกมาพร้อมกล่าวต่อ “น้าลองสวมใส่มันเลยสิ ข้าจะได้รู้ว่ามันทำให้น้าดูดีขึ้นหรือไม่”

 

น้าหกมองเสี่ยวฮั่นที่กำลังเฝ้ารอนางอย่างใจจดจ่อ นางพยักหน้ารับทั้งน้ำตาพร้อมกับให้ฟางฮั่นช่วยถอดปิ่นไม้ออกให้ จากนั้นเด็กหญิงค่อย ๆ บรรจงปักปิ่นเงินอันใหม่ให้กับน้าของนางอย่างระมัดระวัง

 

หลังจากเสร็จสิ้นแล้ว ฟางฮั่นอุทานเสียงดัง “น้าหกสวยมาก มันสวยเหลือเกิน”

 

หลังจากกล่าวจบ นางรีบไปเอากระจกทองเหลืองมายื่นให้กับน้าหกทันที

 

น้าหกมองกระจกอย่างไม่เชื่อสายตา นางคิดมาตลอดว่านางคงจะไม่สามารถสวยไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว แต่วันนี้นางกลับเบิกบานกับปิ่นเงินบนศีรษะ

 

ช่วงเย็นของวัน อาหกกลับบ้านมาพร้อมกับหมิงเหอ เขาเดินไปเดินมาและสังเกตว่าภรรยาของตนเองนั่งส่องกระจกอยู่ตลอดเวลา

 

“มองอะไรงั้นหรือ ? ” อาหกวางหมิงเหอลงบนแคร่พร้อมกับหันไปหาภรรยาของตนเองพร้อมขมวดคิ้วแน่น เขาถามอีกครั้ง “ภรรยาข้าเป็นอะไรหรือ ใครทำอะไรให้เจ้าขุ่นเคืองใจ ? ”

 

เขาเห็นหยดน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาคู่สวย ปากพลันสั่นทำอะไรไม่ถูกพร้อมกับรีบร้องไถ่ถาม

 

น้าหกยิ้มออกมาพร้อมกับน้ำตา “ท่านร้อนใจอะไร ลองดูสิว่าข้าเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง ? ”

 

อาหกจับจ้องที่ภรรยาของตนเป็นเวลานาน จากนั้นดวงตาของเขาเหลือบเห็นถุงติ่มซำที่วางอยู่บนโต๊ะพร้อมขมวดคิ้ว จากนั้นหันกลับมามองที่ภรรยาอีกครั้ง “ปิ่นไม้นั่นทำไมถึงกลายเป็นสีเงินกันล่ะ ? ”

 

น้าหกเช็ดน้ำตาอย่างปลาบปลื้ม “เสี่ยวฮั่นซื้อมันให้ข้า”

 

อาหกตื่นตระหนกพร้อมกล่าวอย่างร้อนรน “เด็กน้อยเอาเงินทั้งหมดไปซื้องั้นหรือ ? บ้าจริง ข้าขอดูหน่อยว่าเงินของเราเหลือเท่าไหร่ จะต้องเอาเงินไปคืนให้นาง”

 

น้าหกรีบคว้ามือของสามีเอาไว้พร้อมกับดุเขา “ฟังข้าก่อน ! เจ้าว่ามันสวยหรือไม่ ? เสี่ยวฮั่นเก่งและฉลาดมาก นางรู้วิธีหาเงินและซื้อมันมาให้กับข้า อีกทั้งยังซื้อขนมมาฝากเสี่ยวหรูกับหมิงเหอด้วย…”

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้นอาหกหัวเราะอย่างบ้าคลั่งพร้อมเกาหัวแก้เขิน “เสี่ยวฮั่นเป็นเด็กดีจริง ๆ ”

 

น้าหกถอนหายใจพร้อมกล่าวต่อ “เสียดายที่ชีวิตนางต้องพบเจอแต่ความลำบาก”

 

หลังจากพูดเรื่องนี้ขึ้นมา น้าหกอดไม่ได้ที่จะคิดถึงหรวนชิงชิงผู้เป็นแม่ของเสี่ยวฮั่นที่ล่วงลับไปนานแล้ว

นางคือบุคคลที่ทุกข์ทรมานมากที่สุดในความทรงจำของน้าหก ทั้งรูปลักษณ์และวาจาต่าง ๆ ล้วนแต่บ่งบอกว่านางไม่ใช่ลูกหลานคนธรรมดา แต่นั่นเป็นเพราะนางความจำเสื่อมจึงจำได้แต่ชื่อของตนเองคือหรวนชิงชิง นอกจากนั้นนางจำอะไรเกี่ยวกับตนเองไม่ได้อีกเลย นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน

 

หลังจากที่ฟางฉางเกิ่งหายตัวไป นางก็รู้ตัวว่าตั้งครรภ์หมิงหวย หลังจากเด็กชายเกิดได้ 2 ปี นางก็ล่วงลับไปเพราะความทรมานจากโรคร้าย

 

น้าหกรู้สึกอึดอัดอย่างมากเมื่อนางหวนคิดถึงเรื่องเหล่านี้อีกครั้ง นางรู้สึกแค่อยากจะปฏิบัติกับเด็กทั้งสามให้ดีที่สุด เด็กต้องได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมและสมควรได้รับมรดกของตนเอง ทำไมเด็กทั้งสามจึงต้องทนทุกข์ทรมานจากการขาดสารอาหารและต้องผ่ายผอมเช่นนี้



 

รีวิวผู้อ่าน