px

เรื่อง : แม่สาวชาวสวน **(จบแล้ว)**
ตอนที่ 22 ได้โปรดฟังเด็กผู้หญิงที่ต่ำต้อยผู้นี้ด้วย


ตอนที่ 22 ได้โปรดฟังเด็กผู้หญิงที่ต่ำต้อยผู้นี้ด้วย

 

ฟางฮั่นถอนหายใจพร้อมกับไม่รู้จะพูดอย่างไรกับสถานการณ์ในตอนนี้

 

เด็กชายตัวเล็กราวกับกำลังภูมิใจในตัวเองอย่างมาก เขาเห็นสีหน้ากังวลของฟางฮั่นพร้อมกล่าวปลอบใจ “อย่ากังวลเลย เจ้าจะผ่านมันไปได้แน่ คนพวกนี้ปฏิบัติกับเจ้าอย่างรุนแรงและป่าเถื่อน พวกเขาทั้งใส่ร้ายป้ายสีเจ้าอีกด้วย ท่านปู่จะต้องตัดสินให้กับเจ้าอย่างยุติธรรม”

 

“……” สีหน้าของฟางฮั่นยังคงกังวล ปู่ของเขาจะยอมลงมาพิพากษาเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้เลยงั้นหรือ ?

 

แต่เมื่อเรื่องราวทั้งหมดมาถึงจุดนี้แล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะหลบเลี่ยง หนทางเดียวคือทั้งหมดต้องเข้าสู่เมืองหลวง ฟางฮั่นกอดทุกสิ่งที่นางซื้อเอาไว้พร้อมกับเดินตามทหารอารักขาเข้าเมือง

 

เด็กชายตัวเล็กวิ่งไปที่รถม้าพร้อมกับเปิดม่านออกและยิ้มให้กับคนในรถ “ท่านอา ! เห็นหรือไม่ว่าข้ายอดเยี่ยมแค่ไหน สุดยอดไปเลยล่ะสิ ไปกันเถอะ เข้าเมืองกัน”

 

“ไม่ไป…” ชายที่อยู่ในรถตอบกลับอย่างเฉยเมย

 

เด็กชายตัวเล็กบุ้ยปากอย่างไม่พอใจ “ข้าจะกลับไปร้องเรียนเรื่องนี้กับท่านปู่ ! ”

 

ชายหนุ่มหลับตาลงราวกับเขาต้องการจะสื่อว่าไม่อยากจะพูดกับอีกฝ่ายแล้ว

 

จากนั้นเด็กน้อยตะโกนออกมาพร้อมกับเริ่มร้องเสียงดัง “ท่านอา ทำไมชอบขัดใจข้า ! ”

 

ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยราวกับว่าไม่ชื่นชอบเสียงกรีดร้องน่ารำคาญนั้นอย่างเต็มประดา เดิมทีดวงตาของชีหลิงหลิงนั้นเต็มไปด้วยความเย็นชาเป็นทุนเดิม แต่ตอนนี้เขากลับเย็นชามากกว่าเดิมหลายเท่า “ชีเทียนเหว่ย หุบปากเดี๋ยวนี้ ! ”

 

เด็กชายตัวเล็กหยุดร้องพร้อมกับจับจ้องที่ใบหน้าของผู้มีศักดิ์เป็นอา

 

ชายหนุ่มยืนขึ้นอย่างไม่แยแส เขาลงจากรถม้าแล้วเดินตรงไปที่เขต ยังไม่ทันที่เด็กน้อยจะทันได้ดีใจ ก็ได้ยินอาเล็กของเขาพูดออกมาอีกประโยค “พรุ่งนี้ข้าจะกลับไปที่เมืองหลวง”

 

เด็กชายตัวน้อยชีเทียนเหว่ยตกตะลึงอยู่ชั่วขณะ อะไรกัน ? เรื่องอะไร ! ข้าไม่ต้องการกลับไปที่เมืองหลวงในตอนนี้ ข้ายังสนุกกับที่นี่อยู่ !

 

เมื่อทั้งสองมาถึงในเขตเมือง ฟางฉางอิง ฟางเถียนและแม่หมอคุกเข่าลงกับพื้นอย่างหมดท่า ฟางฮั่นก็คุกเข่าลงด้วยเช่นกัน ส่วนผู้นำของเขตกำลังหงุดหงิดอย่างมาก เขายืนอยู่ด้านหน้าสุดของโถงใหญ่

 

แล้วจะตัดสินได้อย่างไร ? นี่มันใครฟ้องใครกันแน่ ?

 

ฟางเถียนยังคงกรีดร้องไม่หยุด “ท่านผู้พิพากษา ข้าผู้นี้ถูกกระทำโดยอยุติธรรม ! ข้านามว่าฟางเถียนและนางเป็นหลานสาวของข้า วันหนึ่งนางถูกผีสิงและกระทำตัวต่ำช้าต่อครอบครัว ! อีกทั้งยังสร้างความสับสนให้กับนายน้อยจนพวกเราทั้งหมดถูกจับมัดและส่งตัวมาที่นี่ !”

 

ผู้พิพากษาตะโกนเสียงดังลั่นพร้อมกับตบโต๊ะบัลลังก์ “หุบปาก ! ใครสั่งสอนให้เจ้าส่งเสียงในห้องพิจารณา ! ”

 

หลังจากเขากล่าวจบ ในใจของเขายังคงกังวลมากเช่นกัน นายน้อยที่สั่งให้จับตัวมานั้นมาจากตระกูลไหนกันแน่ ? ส่วนผู้ที่พยายามลักพาตัวหญิงสาวนั้นถูกจับส่งไปดำเนินคดีตามกฏหมายแล้ว พวกมันถูกยัดเข้าคุกอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวเพราะจำนนด้วยหลักฐานพยาน หลังจากเรื่องนั้นจบไปไม่นานนัก ทหารกลับส่งสามคนนี้มา พวกเขาทั้งหมดถูกมัดเอาไว้และทหารเหล่านี้ดูไม่ใช่ทหารธรรมดาทั่วไป… เขาไม่เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นและไม่กล้าจะตัดสินตามอำเภอใจ

 

ชีเทียนเหว่ยเดินเข้ามาที่ศาลด้วยความหงุดหงิดเพราะเขาจะต้องกลับเมืองหลวงในวันพรุ่งนี้ สายตาของเขาจับจ้องที่ผู้พิพากษาพร้อมกล่าวอย่างเย็นชา “คดีง่าย ๆ แค่นี้ยังตัดสินไม่ได้อีกงั้นหรือ ? ข้าพอจะรู้กฏพื้นฐานของขงจื้ออยู่บ้าง ถ้าหากว่ามีใครพูดจาแปลกประหลาดกล่าวโทษผีโทษฟ้านั้นย่อมไม่ใช่คนปกติ จะต้องจับพวกมันผูกเอาไว้เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง ! ”

 

ความจริงนี่คือการตัดสินอย่างโหดเหี้ยม แต่ชีเทียนเหว่ยนั้นอารมณ์เสียมากเกินกว่าจะจัดการทุกอย่างโดยใจเย็นได้

 

ผู้พิพากษาสังเกตคำพูดเฉียบแหลมของเด็กชายตรงหน้าพร้อมรู้สึกว่าเขาไม่ธรรมดา แม้ชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังเขาจะอยู่ในความเงียบงัน แต่ออร่าความรวยและเกียรติแห่งความสูงศักดิ์กลับทะลักออกมาจากร่างกายของทั้งสองอย่างไม่อาจปิดบัง !

 

โดยเฉพาะทั้งสองนี้สามารถออกคำสั่งให้กับทหารนำพาผู้ต้องหาทั้งหมดเข้ามาสู่ศาลชั้นในได้โดยไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการอะไรเลย เป็นที่ชัดเจนว่าพวกเขามีสถานะสูงส่ง !

 

ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นเพียงผู้พิพากษาตัวเล็กจ้อย ไม่อาจจะกล้ายั่วยุบุคคลระดับสูงเช่นนั้นแน่

 

เมื่อชั่งใจถึงเหตุผลต่าง ๆ เขาทุบค้อนบนบัลลังก์เสียงดังพร้อมกับตัดสินใจในทันที “กักตัวพวกมันเอาไว้ก่อน ! ในคุกยังมีพื้นที่มากมาย ลงมือได้ ! ”

 

ฟางฉางอิงและฟางเถียนยังคงร้องหาความยุติธรรมไม่ขาดปาก ส่วนเสียงตะโกนของหมอผีนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าผู้ใด ใครเล่าจะรู้ว่าการที่นางแค่แสร้งทำว่าเด็กคนนั้นเป็นผีจะต้องพบกับจุดจบด้วยการจำคุก !

 

ฟางฮั่นกล่าวออกมาด้วยเสียงดังฟังชัด “ใต้เท้าโปรดฟังคำพูดของข้าผู้ต่ำต้อยด้วยเถิด”

 

ผู้พิพากษาได้ยินเช่นนั้น เขารีบเหลือบมองใบหน้าของชีเทียนเหว่ยทันที เด็กชายดูเหมือนจะสนใจคำพูดของนางอย่างมาก สีหน้าของเขาแทบจะเก็บอาการไม่อยู่

 

ผู้พิพากษานั้นเป็นคนฉลาด เขาเข้าใจทันทีว่าเด็กหญิงตัวน้อยไม่ได้รับความยุติธรรมจึงต้องมาจบเรื่องราวกันที่ตรงนี้ เขาเอ่ยปากออกมาพร้อมรอยยิ้ม “บอกข้ามาเถิด”

 

ในสังคมที่เลวร้ายและต้องคุกเข่าให้กับคนชั่วตลอดชีวิต นางถ่มน้ำลายแห่งความสมเพชนั้นภายในใจ ฟางฮั่นยืดตัวขึ้น สีหน้าของนางเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว รูปลักษณ์ที่สะสวยก่อนหน้านี้กลายเป็นโศกเศร้าอย่างไร้ต้าน

 

“ขอบคุณใต้เท้า ข้าคือเด็กผู้หญิงต่ำต้อยนามว่าฟางฮั่น ผู้ที่กำลังคุกเข่าอยู่สองคนนั้นคือท่านย่าและอาของข้าเอง พ่อและแม่ของข้าตายจากไปตั้งแต่ข้ายังเด็ก ตอนนี้มีเพียงน้องสาววัย 6 ขวบและน้องชายวัย 4 ขวบเท่านั้นที่เหลืออยู่ในครอบครัวของข้า พวกเราไม่สามารถมีความเป็นอยู่ที่ดีได้เลยนับตั้งแต่พ่อและแม่จากไป ปู่ย่าของข้านั้นโหดร้ายและเลี้ยงดูพวกข้าได้แย่ยิ่งกว่าไก่ในบ้าน ปกติแล้วข้าเป็นคนขี้ขลาดและยอมจำนนต่อพวกเขาอยู่เสมอ ไม่ว่าพวกเราจะถูกรังแกมากเพียงใด ข้าและน้องก็ไม่เคยปริปากบ่น ท่านสามารถตรวจสอบชีวิตความเป็นอยู่ของพวกข้าสามพี่น้องได้จากคนในหมู่บ้าน พวกเราไม่เคยได้รับอาหารที่เพียงพอ ! ไม่เคยได้รับเครื่องนุ่งห่มที่อุ่นกาย ! แล้วจะให้พวกข้าอดทนกับสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไรกัน… เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ลูกพี่ลูกน้องที่อยู่อีกรุ่นได้ผลักข้าตกน้ำ พวกเขากล่าวหาว่าข้ารังแกและทำให้พวกเขาตกน้ำทั้งที่พวกเขาพลาดท่าตกลงไปเสียเอง ท่านย่าโกรธมากและพาพวกเราสามพี่น้องออกไปทิ้งไว้ในวิหารร้าง คืนนั้นพายุหิมะถล่มและเต็มไปด้วยความหนาวเหน็บ แต่นางก็กล้าที่จะเอาพวกข้าไปทิ้ง แต่โชคดีที่อาหกของข้ารู้เรื่องเข้าและออกตามหาพวกข้าทั้งสาม หลังจากกลับมาที่บ้านของอาหก ข้ามีไข้สูงมากและมันเกือบจะพรากชีวิตของข้าไปซะแล้ว… หลังจากนั้นครอบครัวของอาหกไม่ต้องการให้พวกเราทั้งสามกลับไปที่บ้านหลังใหญ่อีก พวกเขาต้องการจะเลี้ยงดูข้าและน้องเอาไว้ แต่คงไม่อาจทำเช่นนั้นได้เพราะข้าไม่ต้องการที่จะเป็นภาระใคร แต่สิ่งที่ข้าแปลกใจคือพวกเขายากจนแต่กลับไม่ยินยอมให้ข้าและน้องตายจากไปอย่างใจดำเช่นท่านย่าแท้ ๆ ของข้า! ดังนั้นแม้ว่าข้าจะเป็นเพียงหญิงชั้นต่ำและดื้อรั้น แต่มันก็มีเหตุผลของมัน ข้าถูกกระทำ ข้าต้องพาน้องออกจากตระกูลนี้เพื่อหลีกเลี่ยงความอันตรายที่จะเกิดขึ้น ไม่ช้าพวกเราจะต้องสร้างเนื้อสร้างตัวได้แน่นอน หลังจากที่พวกเราแยกบ้านออกมา พวกเราอยู่กันอย่างสุขสบายและขยันทำมาหากิน อาจจะด้วยเหตุผลนี้ท่านย่าจึงคิดว่าข้าเปลี่ยนไปจากเดิม จากเคยยอมกลับไม่ยอม… นางจึงกล่าวหาว่าข้าเป็นผีและเชิญแม่หมอมาขับไล่วิญญาณร้ายออกจากร่างของข้า…”

 

ฟางฮั่นกล่าวออกมาอย่างคับข้องใจในขณะที่นางกำลังคุกเข่าอยู่ภายในโถงใหญ่ “เด็กผู้หญิงต่ำต้อยเช่นข้าทำไมต้องพบเจอแต่เรื่องเลวร้าย ข้าเพียงต้องการอยู่กับน้อง ๆ ของข้าอย่างปกติสุข ทำไมจึงกลายเป็นผีสางไปได้ ทำไมพวกเราทั้งสามพี่น้องจึงต้องถูกบังคับให้ตายด้วย ! ”

 

เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ หมอบลงไปกับพื้นพร้อมกับร่ำไห้อย่างสุดเศร้า ผู้คนที่เห็นกับฉากนี้รู้สึกเจ็บปวดในจิตใจอย่างช่วยไม่ได้

 

ผู้ที่สังเกตการณ์อยู่ในห้องโถงล้วนแต่เป็นชาวเมืองที่ค่อนข้างมีการศึกษา ความอยุติธรรมที่พวกอาวุโสกระทำต่อเด็กนี้เป็นเรื่องร้ายแรงมากสำหรับพวกเขา พวกเขาเริ่มก่นด่าสาปแช่งฟางเถียนว่าเป็นคนไร้มนุษยธรรม !

 

ใบหน้าของฟางเถียนแดงก่ำด้วยความโกรธและความเกลียดชัง… นางจ้องฟางฮั่นพร้อมตะคอก “เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่ เจ้าแค่โดนผีสิง ! ”

 

ฟางฮั่นยังคงร้องไห้ต่อไปโดยไม่สนใจคำพูดของฟางเถียน

 

ฟางฉางอิงเริ่มเข้าใจสถานการณ์โดยรวมแล้ว ตอนนี้ทุกอย่างกำลังย่ำแย่ เขาตะโกนออกมาอย่างกระวนกระวายว่า “แม่ ! เลิกพูดเรื่องนี้สักที ! ”

 

ส่วนแม่หมอกล่าวออกมาอย่างเพ้อพกว่า “หญิงชราเช่นข้าก็อยากจะพูดด้วยเช่นกัน ! เด็กน้อยคนนั้นไม่ได้ถูกผีสิงอะไรเลย มันเป็นเพราะข้าที่โลภมากอยากได้เงินและเที่ยวหลอกคนไปทั่ว ! แต่การกระทำเช่นนี้ไม่ควรจะต้องเข้าไปนอนในคุกใช่หรือไม่…”

 

ฟางเถียนถลึงตาในทันทีพร้อมตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “เจ้ากล้าหลอกข้างั้นหรือ ! ”

 

แม่หมอหลบสายตาฟางเถียนพร้อมกับก้มหน้าลงอย่างละอายใจ

 

เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ฟางฉางอิงตะโกนออกมาว่า “มันเป็นความเข้าใจผิด ใต้เท้าได้โปรดฟังพวกข้าก่อน มันเป็นความเข้าใจผิด ! ”

รีวิวผู้อ่าน