ตอนที่ 21 อย่าให้ข้าเห็นว่ามีใครกล้าแตะต้องนาง !
เด็กชายตัวเล็กเผยรอยยิ้มแห่งชัยชนะออกมา “เจ้าไม่รู้จักข้า แต่ข้ารู้จักเจ้า… ข้ายืนดูเจ้าอยู่ในวันนั้น วันที่เจ้าคุกเข่าและขอแยกบ้านจากครอบครัวน่ะ ! ”
โอ้… นี่คือคนที่รู้เรื่องราวของนางงั้นหรือ
ฟางฮั่นขี้เกียจที่จะเสแสร้งทำเป็นแข็งแกร่งอีกต่อไป นางยกมือเรียวขึ้นจับใบหน้าและพบว่ามันบวมออกมา ความเจ็บปวดถาโถมนางอย่างบ้าคลั่ง
การลักพาตัวนั้นเป็นเรื่องที่โหดร้ายอย่างแท้จริง แล้วอาการบวมเช่นนี้มาจากไหนกัน
ฟางฮั่นแตะมันอย่างแผ่วเบา จากนั้นนางถ่มน้ำลายที่ปนเปื้อนเลือดออกมาจากปาก มือเรียวเท้าเอวไว้พร้อมกับค่อย ๆ ยืนขึ้นและหยิบของที่เพิ่งซื้อมา
เด็กชายตัวเล็กกำลังมึนงงกับภาพตรงหน้า เขามักจะแอบออกมาเล่นด้านนอกอยู่เสมอมาตั้งแต่ยังเด็ก ในทุก ๆ วันเขาจะได้พบเจอแต่ความสงบสุขและไม่ต้องพบเจอเรื่องเลวร้ายเช่นนี้มาก่อน แต่วันนี้เขากลับเจอเรื่องราวไม่คาดฝัน เด็กหญิงตรงหน้ากำลังเจ็บปวดมากแต่นางพยายามทำเฉย ความเจ็บปวดเกิดขึ้นในใจของเขาอย่างไม่รู้ตัว เหตุใดเขาจึงรู้สึกอึดอัดกับสถานการณ์นี้นักนะ
“ข้าขอให้สองคนนั้นถูกจับกุมได้เร็ว ๆ ” เด็กชายพึมพำ
ฟางฮั่นเหลือบมองเด็กตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ
นางไม่ใช่คนที่มีค่ามากพอที่คนนอกจะมาห่วงใย…
ตัวตนที่แท้จริงอะไรนั่นไม่จำเป็นจะต้องถูกมองเห็น ฟางฮั่นเริ่มกล่าวกับเด็กตรงหน้าอย่างจริงจัง “มันอาจจะเป็นเพราะเจ้าช่วยข้าไว้ละมั้ง ข้าขอบคุณมากนะ ครั้งนี้เจ้ามีบุญคุณกับข้าจริง ๆ ”
ใบหน้าของเด็กชายกลายเป็นสีแดงฉานด้วยรอยยิ้มเพียงครั้งเดียว
ในคราวแรกเขาก็แค่ต้องการจะช่วยเด็กผู้หญิงที่ถูกทุบตีต่อหน้าเขา แต่เขาไม่คิดมาก่อนว่ามันจะเลยเถิดมาถึงขั้นนี้…
ฟางฮั่นจัดการกับข้าวของและกำลังจะเดินจากไป ทันใดนั้นกลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา “ฟางฮั่น ! ”
ฟางเถียนพุ่งออกมาจากฝูงชนพร้อมกับฟางฉางอิงตามมาติด ๆ ฟางเถียนมองฟางฮั่นที่ถือสิ่งของมากมายพร้อมกับตะโกนอย่างเดือดดาล “เงินที่ได้มาจากการแยกบ้านออกจากตระกูลถูกนำมาใช้จ่ายแบบนี้งั้นหรือ ! ? ”
เงินที่ฟางเถียนมอบให้นั้น นางคิดอยู่เสมอว่าไม่นานมันก็จะกลับมาสู่นางเช่นเดิม แต่ตอนนี้ฟางฮั่นใช้มันไปแล้วมากมาย แน่นอนว่าฟางเถียนต้องโกรธจัดเป็นธรรมดา
ฟางฮั่นมองดูคนที่กำลังวิ่งมา จิตใจของนางพลันรู้สึกถึงความผิดปกติ สายตานางเห็นบุคคลที่แปลกประหลาดเดินมาด้วยจากด้านหลัง ความผิดปกตินี้ปลุกให้จิตใจของนางตื่นขึ้นมาทันที
เด็กชายที่ยืนอยู่ข้างหน้าฟางฮั่นกล่าวอย่างสงสัย “อีกแล้วงั้นหรือ ? ”
“อ่า ไม่ใช่หรอก นั่นย่ากับอาของฉันน่ะ” ฟางฮั่นส่ายศีรษะอย่างแผ่วเบาพร้อมกับเบะปากอย่างลืมตัว
แม้ว่าคนพวกนั้นจะเป็นครอบครัวของนาง
แต่มันก็ไม่ได้ดีไปกว่าการถูกลักพาตัวเมื่อครู่สักเท่าไหร่ !
ฟางเถียนโบกมือไล่เด็กชายออกไปพร้อมตะคอก “เจ้ามาจากไหน ไปให้พ้นซะ ! ”
จากนั้นนางคว้าที่ข้อมือของฟางฮั่นและเริ่มดึงอย่างเกรี้ยวกราด “ส่วนเจ้า… มากับข้า ! ”
ฟางเถียนขยิบตาให้กับฟางฉางอิงเพื่อให้เขาจัดการกับสิ่งที่อยู่ในมือของฟางฮั่น เนื่องจากมันถูกซื้อออกไปด้วยเงินของนาง มันก็สมควรที่จะเป็นของนางด้วยเช่นกัน !
อย่างไรก็ตามขณะที่ฟางเถียนโบกมือไล่เด็กชายตัวน้อย มีอารักขาหลายคนที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดต้องการจะชักดาบออกมา แต่พวกเขาทั้งหมดถูกหยุดการกระทำไว้โดยสายตาของเด็กชายตัวเล็กคนนั้น
ฟางฮั่นขมวดคิ้วพร้อมตะโกน “ท่านย่า ท่านทำบ้าอะไรเนี่ย ! ”
ฟางเถียนขมวดคิ้วพร้อมกับมองแม่หมอที่อยู่ข้างหลัง “แม่หมอ ช่วยดูหลานสาวของข้าหน่อย มันเป็นผีหรือไม่ ? ”
ทันทีที่คำพูดนี้ถูกปล่อยออกมา สถานการณ์ทั้งหมดตกอยู่ในความโกลาหลทันที
ฝูงชนเริ่มมามุงดูสถานการณ์ พวกเขาอยู่ห่างจากฟางฮั่นไม่กี่ก้าวเท่านั้น ส่วนเด็กชายตัวน้อยก็กำลังตื่นเต้นเช่นกัน เขามองแม่หมอพร้อมกับมองฟางฮั่นสลับไปมา
ดวงตาของฟางฮั่นเบิกกว้างเมื่อได้ยินเช่นนั้น จิตใจของนางสั่นไหวเล็กน้อย
งั้นหรือ นางถูกดึงมาจากโลกอนาคตและมาฟื้นในร่างกายของศพ เช่นนี้นางจึงถูกเรียกว่าเป็นผี… แล้วมันผิดปกติอะไรงั้นหรือ ?
แม่หมอถือกระดิ่งไว้ในมือพร้อมกับถอนหายใจยาว นางกำลังบ่นในใจอย่างเกรี้ยวกราด ก่อนหน้านี้นางไปที่บ้านของลูกค้าและยังไม่ได้ทำงาน ตอนนี้นางวิ่งข้ามเขตไปมาสำหรับงานเล็กน้อยแค่นี้ มันดูคล้ายกับนางว่างมากงั้นหรือ ? !
แม่หมอสูดลมหายใจเข้าพร้อมกับเริ่มเคลื่อนไหวอย่างแปลกประหลาด นางพึมพำอะไรบางอย่างที่ฟังไม่ค่อยถนัดและกำลังเคลื่อนไหวไปรอบ ๆ ร่างกายของฟางฮั่นราวกับตนเองคือเทพเจ้าที่ยิ่งใหญ่
ฟางฮั่นรู้ดีว่าเจ้าของร่างเดิมนั้นตายตกไปนานแล้ว ตอนนี้นางยึดครองร่างนี้มาโดยละม่อม มีการเต้นของหัวใจและนางยังหายใจอยู่ ถึงจะถูกขับออกจากร่างไปได้ นางก็ไม่ได้กังวลอะไรมากนัก เมื่อสมัยก่อนนางอาศัยอยู่กับปู่ย่าบนภูเขา ก็มักจะได้เห็นหมอผีกระโดดไปมาแบบนี้อยู่เสมอ การแสดงตรงหน้าจึงไม่ได้สร้างความประหลาดใจอะไรนัก
แม้ว่านางจะถูกมองว่าเป็นครึ่งคนครึ่งผี แต่ร่างกายของนางก็ยังอยู่ในสภาวะสงบนิ่งราวกับน้ำเย็นใต้ทะเล
หลังจากที่เต้นระบำจนเหนื่อยก่อน การแสดงครั้งใหญ่ถูกแสดงออกผ่านสีหน้าของหมอผีคนนั้น นางกล่าวออกมาอย่างเรียบง่ายและแสร้งว่าเสียใจ “เสียใจด้วย หลานสาวของเจ้าเป็นภูตผี ! ”
มีความโกลาหลเกิดขึ้นอีกครั้ง ฝูงชนถอยหลังกลับออกไปอีกสองสามก้าว มีเพียงเด็กหญิงตัวเล็กที่ยืนอยู่กลางวงล้อมขนาดใหญ่ ฟางเถียน ฟางฉางอิงและหมอผีกำลังอยู่ในสภาวะสดใส ราวกับว่าต้องการจะเล่นงานเด็กหญิงตัวน้อยตรงหน้าเต็มทีแล้ว
ฟางเถียนตื่นเต้นมากจนเก็บอาการไม่อยู่ นางชี้ไปที่ฟางฮั่นพร้อมสาปแช่งอย่างดุเดือด “ข้ารู้สึกมานานแล้ว โธ่ นังชั่ว ! จิตใจของเจ้าน่ะไม่ปกติผิดจากหลานสาวของข้าลิบลับ เจ้า… เจ้าเป็นใคร”
จากข่าวลือของชาวบ้าน ผีสางมักจะเกรงกลัวต่อภาษาที่หยาบช้า เมื่อพวกเขาได้เผชิญหน้ากับภูติผี จำเป็นจะต้องหยาบคายให้มากที่สุดเพื่อให้พวกมันเกรงกลัว
ฟางฮั่นเช็ดเลือดที่มุมปากพร้อมกับคลำใบหน้าของตนเองอย่างทำอะไรไม่ถูก “ท่านย่า ท่านป่วยอีกแล้วงั้นหรือ ? ข้าสบายดี จะเป็นผีสางไปได้อย่างไรล่ะ ? ”
ฟางเถียนแทบจะกรีดร้อง “ป่วยบ้าอะไรกัน ? อย่ามาเรียกข้าว่าย่า ! นังแพศยา ! ใครคือย่าของผีสางตนนี้ ? ”
ฟางฉางอิงตอบรับอย่างรวดเร็ว “ข้าขอพูดกับหลานสาว โอ้ ไม่สิ ข้าจะพูดกับผีตนนี้สักหน่อย เจ้าจงรีบออกไปจากร่างของบุตรสาวพี่ชายข้าเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้นแม่หมอจะจัดการกับเจ้าอย่างเจ็บแสบ ! ”
แม่หมอเริ่มขมวดคิ้วและแสร้งทำเป็นเคร่งครึม
ฟางฮั่นรู้ดีว่าอุปลักษณ์นิสัยของนางนั้นแตกต่างจากคนเดิมอย่างมาก อีกทั้งมันเปลี่ยนไปภายในไม่กี่วัน ไม่แปลกที่ผู้อื่นจะเกิดความแคลงใจ แต่อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ล่วงเลยมาจนป่านนี้แล้ว การที่นางปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่าต้องไม่ใช่การจบปัญหาแน่นอน !
ถ้าอย่างนั้นนางควรจะทำอย่างไรล่ะ ?
ฮ่าฮ่า ง่ายมาก… ก็ลองอ่อนแอสักหน่อยเป็นไง !
น้ำตาของฟางฮั่นรื้นขึ้นมาทันที นางพูดออกมาพร้อมกับบีบแก้มที่บวมฉึ่งอย่างตั้งใจให้เจ็บปวด “ท่านย่า ท่านอา… ข้ารู้ดีว่าหลังจากที่พ่อของข้าหายตัวไปและแม่ของข้าตายจาก พวกท่านก็ไม่ต้องการที่จะเลี้ยงข้าและน้องอีกต่อไป ท่านเอาข้าไปทิ้งในค่ำคืนแห่งพายุหิมะ มันหนาวมาก คืนนั้นพวกเราต้องดูแลกันเองเพื่อให้รอดพ้นจากความตาย ครั้งล่าสุดข้าเพียงแต่ขอแยกบ้านออกมาและคิดหาวิธีที่จะอยู่รอด แต่ข้าก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะให้ท่านย่ามาเลี้ยงดูอะไรเลย แต่ท่านย่ากลับไม่ยอมเลิกรา ยังคงตามรังควาญและกล่าวหาว่าข้าเป็นผีสางอีกงั้นหรือ ? ถ้าอย่างนั้นท่านย่าก็พูดมาเถิดว่าต้องการที่จะฆ่าข้าให้ตาย ๆ ไปเสีย ท่านจึงจะพอใจใช่หรือไม่ ? ”
ฟางฮั่นแสร้งบีบน้ำตาออกมาอย่างน่าสงสาร
นางกำลังเจ็บแผลที่ใบหน้าจริง ๆ การกดมันเพียงเล็กน้อยทำให้น้ำตาของนางร่วงหล่นได้อย่างไม่อยากเย็น นางรู้ว่าตอนนี้นางต้องใช้มันให้เป็นประโยชน์และต้องร้องไห้อย่างเหมาะสม
ตอนแรกฟางฮั่นเติบโตขึ้นมาอย่างดีด้วยความรักของพ่อและแม่ รูปร่างของนางนั้นสวยงามและมีใบหน้าที่ยอดเยี่ยม บวกกับความยังเด็กของนางทำให้ยิ่งดูน่าสงสารอย่างมาก น้ำตาทุกหยดเต็มไปด้วยความขับข้องใจของเด็กน้อย ในใจของนางเต็มไปด้วยความสมเพชในโชคชะตาที่เลวทรามนี้อย่างอดไม่ได้
ร่างกายของฟางเถียนแข็งทื่อ นางตัดสินไปแล้วว่าฟางฮั่นเป็นผีและตอนนี้เด็กหญิงกำลังล่อลวงให้ผู้คนสับสนเท่านั้น “เจ้าไม่ใช่หลานสาวของข้าอีกแล้ว หยุดพูดเรื่องไร้สาระสักที นังผีบ้า ! ”
ฟางฉางอิงเผยรอยยิ้ม “ข้าก็เสียใจนะที่เห็นเจ้าร้องไห้เช่นนี้ แต่พอทีเถิด แม่หมอรีบจัดการงานของท่านให้เสร็จโดยเร็วเถิด ขับไล่มันออกไปจากร่างกายของหลานข้าที”
แม่หมอพยักหน้าอย่างเคร่งครึมพร้อมกับออกคำสั่งด้วยใบหน้าเหี่ยวย่น “จับนางมัดไว้ซะ เดี๋ยวข้าจะตั้งแท่นบูชา”
เด็กชายตัวเล็กยืนแข็งอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย เขาเห็นเด็กหญิงกำลังร้องไห้อย่างเจ็บปวด ความอดทนถึงขีดจำกัดพร้อมก้าวขาออกมาด้านหน้าและกล่าวอย่างเด็ดขาด “อย่าให้ข้าเห็นว่ามีใครแตะต้องนาง ! ”
เด็กชายตัวน้อยที่ยืนอยู่ด้านบนโผล่ออกมาขณะที่เขากำลังถือหนังสืออยู่เล่มหนึ่ง ผู้คนล้วนแต่ตกตะลึงในความกล้าหาญนั้น
แม่หมอนั้นมีสัมผัสที่ยอดเยี่ยมพอสมควร นางรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้
แต่ฟางเถียนกับฟางฉางอิงกลับไร้เดียงสา ทั้งสองก้าวฉับ ๆ ไปที่เด็กชายตัวน้อยพร้อมกับต้องการจะดุด่าและตีก้นเขาสักที แต่ทันใดทหารอารักขากลับพุ่งออกมาจากมุมมืดอย่างรวดเร็ว
ฟางฮั่นตกตะลึงกับภาพตรงหน้า
เด็กชายตัวเล็กจับมือฟางฮั่นเอาไว้ด้วยใบหน้าหนักแน่น “ชีวิตเจ้าช่างน่าสงสารเกินไปแล้ว ไม่ต้องกังวลนะ ข้าจะปกป้องเจ้าเอง บนโลกนี้มีผีอยู่จริงที่ไหน มีแต่คนบ้าเท่านั้นที่จะพูดจาแปลกประหลาดสร้างความโกลาหล ! ”
ฟางฮั่นยิ่งตกใจมากขึ้น
เด็กชายตัวเล็กคลายมือออกอย่างแผ่วเบาพร้อมกับออกคำสั่งอย่างใจเย็น “มัดพวกมันทั้งหมดเอาไว้และส่งตัวเข้าไปรอข้าในศาล ! ”
ทหารอารักขาทั้งหมดกระจายออกเป็นสามกลุ่มทันที ทั้งฟางเถียน ฟางฉางอิงและแม่หมอถูกจับกุมตัวเอาไว้อย่างรวดเร็ว แม้พวกเขาจะร่ำไห้และขัดขืนมากเพียงใดก็ไม่สามารถต่อต้านทหารอารักขาพวกนี้ได้เลยสักนิด…