px

เรื่อง : แม่สาวชาวสวน **(จบแล้ว)**
ตอนที่ 15 เตา


ตอนที่ 15 เตา

 

ฟางฮั่นโรยข้าวลงไปในเล้าไก่ ระหว่างนั้นนางก็คิดว่าหญิงชราก็แก่ขนาดนั้นแล้ว ยังไม่ยอมเลิกราหาเรื่องเด็กไม่เว้นวาย ทางที่ดีที่สุดคือหาล้อมรั้วให้แยกส่วนกับคนบ้านใหญ่อย่างชัดเจนไปเลยดีกว่า เพียงแต่ตอนนี้นางยังอยู่ในร่างเด็ก ทำอะไรมากไม่ได้ จึงเพียงแค่ล้อมแบบง่าย ๆ ไปก่อน

 

เพียงนึกถึงเรื่องนี้ ประตูบ้านถูกกระแทกอย่างแรง ผู้มาเยือนคนนั้นก็คือฟางฉางชิ่งหรืออาหกนั่นเอง

 

“อ้าว อาหก มีอะไรงั้นหรือ ? ” ใบหน้าของฟางฮั่นสดใสทันทีเมื่อเห็นผู้มาเยือน นางเชิญเขาเข้ามาในบ้าน ชายวัยกลางคนเผยรอยยิ้มพร้อมก้าวขายาวที่เปรอะเปื้อนไปด้วยหิมะเข้ามาข้างใน “น้าเขากลัวว่าหลาน ๆ ของนางจะไม่ได้รับความสะดวกสบาย จึงวานให้ข้ามาดูว่ามีอะไรที่พอจะช่วยเหลือเจ้าได้บ้างน่ะ”

 

จิตใจของฟางฮั่นพลันอบอุ่นขึ้นมาทันที นางไม่กล้าที่จะสร้างความยากลำบากให้กับครอบครัวอาหกอย่างแน่นอน ความใจดีของอาและน้ายังติดอยู่ในความทรงจำและทำให้นางรู้สึกซาบซึ้งอยู่เสมอมา

 

“มีอย่างหนึ่งที่อาหกพอจะช่วยข้าได้” ฟางฮั่นถอนหายใจยาวอย่างช่วยไม่ได้ นางเล่าทุกสิ่งที่ได้เผชิญหน้ามาสองสามวัน

 

ฟางฉางเฉินโกรธจัดเมื่อได้ยินเรื่องราวเหล่านั้น “บัดซบ คนพวกนี้มันคงจะแก้นิสัยเช่นนี้ไม่หายจริง ๆ ! ”

 

ฟางฮั่นได้แต่ถอนใจอย่างหดหู่และไม่ได้แสดงความเห็นอะไร อาหกตบต้นขาเสียงดังพร้อมกล่าว “ฟางฮั่นไม่ต้องห่วง เดี๋ยวอาหกจะไปบอกให้ปู่ของเจ้ารีบจัดการเรื่องนี้ ครัวของเจ้าจะต้องเสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด ! ”

 

ฟางฮั่นพยักหน้าพร้อมถามออกไปอีกครั้ง “ข้าขอขอบคุณอาหกมากที่เข้าใจ แต่จริง ๆ ข้าก็ไม่ได้ต้องการรบกวนอาหกเลย แต่ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากจะถาม ถ้าหากข้าต้องการที่จะมีรั้วบ้าน ไม่ต้องดีเลิศมากนัก ขอแค่ล้อมรอบได้ มันต้องจ่ายสักเท่าไหร่หรือ ? ”

 

ในตอนนี้นางไม่ต้องการที่จะอยู่ในรั้วเดียวกันกับตระกูลฟางอีกต่อไป !

 

ฟางฉางชิ่งร้องอุทานออกมาเล็กน้อยก่อนจะกล่าวว่า “ฤดูหนาวเช่นนี้มีกิ่งไม้และเถาวัลย์มากมาย มันไม่ได้มีค่าใช้จ่ายมากอะไรเลยสำหรับการล้อมรั้ว เดี๋ยวอาหกจะจัดการให้เจ้าเองในอีกสองถึงสามวัน”

 

จากนั้นเขายืนขึ้นพร้อมกับมองดูสภาพแวดล้อมของกระท่อมน้อยสองห้องนอนนี้ “เดี๋ยวอาหกจะทำประตูให้เจ้าสักหนึ่งบานเพื่อเข้าออกทางเดียว ส่วนทางอื่น ๆ เราจะปิดมันทั้งหมด”

 

หลังจากที่ทั้งสองพูดคุยกันเสร็จสิ้น อาหกเดินตรงไปที่บ้านหลังใหญ่ทันที เขาต้องการให้เรื่องทั้งหมดจบได้แล้ว

 

เป็นเพราะฟางฮั่นขู่ว่านางวางยาเบื่อหนูให้กับหมิงฮ่ง บ้านหลังใหญ่จึงลุกเป็นไฟอยู่ในตอนนี้ ในความรู้สึกของฟางฉางจวง เขารู้สึกว่ามันไม่น่าเป็นไปได้ หลานสาวคนนั้นไม่น่าจะมีความกล้ามากมายเช่นนั้นแน่

 

อย่างไรก็ตามเสี่ยวเถียนกลับคิดว่าตั้งแต่ที่ฟางฮั่นถูกขับไล่ออกจากบ้านไป นางกลายเป็นคนละคน ทั้งดูแข็งกระด้างและกล้าหาญมากขึ้น บางทีนางอาจจะมีความกล้าก็ได้ ส่วนฟางอ้ายยังคงกรีดร้องไม่หยุดหย่อนว่าฟางฮั่นแกล้งนางจนล้มคว่ำกับพื้น หมิงฮ่งที่ร้องไห้อย่างหวาดกลัวทำให้ตับไตของคนในบ้านพลันมืดบอดตามไปด้วย

 

ฟางจงโยว่ไม่สามารถระงับเหตุการณ์ได้จนเกิดเสียงดังครึกโครม ฟางเถียนต้องรีบรุดมาดูสถานการณ์ทั้งหมดพร้อมกับฟางหมิงเจียง

 

หลังจากได้ทราบเหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว ฟางหมิงเจียงโกรธจัดพร้อมคำรามออกมาเสียงดัง “ฮ่งเอ๋อ ! ”

 

ฟางหมิงฮ่งนั้นเกรงกลัวพี่ชายของตนอยู่เป็นทุนเดิม เขาไม่กล้าที่จะกรีดร้องออกมาอีกต่อไป แม้แต่ฟางอ้ายก็เงียบปากลงไปพร้อมกัน

 

“ฟางฮั่นแค่ขู่ให้เจ้ากลัว ! ” ฟางหมิงเจียงถอนหายใจยาว “ทำไมนางจะต้องวางยาพิษลงไปในหม้อข้าวของตนเองด้วย ? แล้วถ้าฮ่งเอ๋อกินยาพิษไปจริง ๆ เหตุใดจึงไม่มีฟองอะไรออกมาจากปากเลยล่ะ ถ้าเจ้าถูกพิษ คงไม่มีทางได้มายืนร้องไห้เช่นนี้แน่”

 

ทันทีที่เสี่ยวเถียนได้ยินลูกชายกล่าวออกมาเช่นนั้น นางถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก

 

ส่วนฟางอ้ายโกรธจัดจนเลือดขึ้นหน้า “ข้าจะไปจัดการกับนังสารเลวคนนั้น ! บังอาจนักมาพูดปดกับข้า ! ”

 

“ฟางอ้าย ! ” ขณะที่ฟางอ้ายก้าวขาได้หนึ่งก้าว เสียงตะคอกดังตามหลังมาอย่างเดือดดาล

 

“พี่ใหญ่จะเสียงดังเพื่ออะไร ! ”

 

ฟางหมิงเจียงขมวดคิ้วแน่น “ตอนนี้ครอบครัวของอารองได้แยกตัวออกไปจากบ้านแล้ว พวกเจ้าไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งเกี่ยวกับพวกเขาทั้งสามอีกต่อไป และจงจำไว้ว่าอย่าได้ไปรบกวนพวกเขาอีกเป็นอันขาด ข้ากำลังจะสอบในปีหน้านี้ อย่าให้ข้าต้องวุ่นวายกับข่าวลือที่บอกว่าตระกูลของเรานั้นดีแต่รังแกคนที่อ่อนแอกว่า ! ”

 

แม้จะเป็นคำพูดที่รุนแรง แต่ทุกคนก็เข้าใจและเริ่มตระหนัก

 

ทันทีที่ฟางฉางชิ่งมาถึง เขารู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลกประหลาด ศีรษะของเขาหันมองซ้ายและขวาสลับกัน ดูเหมือนว่าผู้คนในบ้านหลังนี้กำลังทำตัวแปลก ๆ

 

เขาจึงรีบทักทายฟางเถียนกับฟางจงโยว่ทันที “ลุงใหญ่ ป้าใหญ่ ! ”

 

ตอนนี้ทั้งสองนั่งห่างกันมาก ฟางจงโยว่ไม่ได้สังเกตเห็นว่าอาหกมาถึง ตอนนี้ความวุ่นวายที่ครอบครัวของลูกชายคนรองได้สร้างไว้ทำให้ทั้งบ้านเต็มไปด้วยความตึงเครียด ทั้งหมดยังคงอยู่ในอารมณ์หงุดหงิดและกล่าวตอบอย่างห้วน ๆ “เหล่าลิ่ว เจ้ามาทำอะไรที่นี่ ? ”

 

“ข้ามาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องครัวของฟางฮั่น” อาหกตอบกลับอย่างเถรตรง

 

สองวันที่ผ่านมาครอบครัวของลูกชายคนรองนั้นเดินไปรอบ ๆ บ้านและทำให้เรื่องทุกอย่างยิ่งย่ำแย่ ฟางเถียนอยากจะเปิดปากพูดอะไรบางอย่างแต่พลันนึกถึงสิ่งที่หลานชายได้กล่าวเตือนไว้ก่อนหน้า นางจึงหุบปากลงอย่างไม่เต็มใจนัก

 

เสี่ยวเถียนยังนึกถึงเรื่องราวที่ฟางฮั่นขู่หมิงฮ่งเรื่องวางยาเบื่อหนูได้ดี ใจนางถึงกับสั่นไหวและกลัวว่านางจะกล้าทำมันจริง ๆ คราวแรกนางคิดจะพูดเรื่องนี้ออกไปแต่พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาก่อน

 

“อืม มันก็เป็นเรื่องที่ต้องทำจริงจังอยู่แล้ว รีบทำให้มันจบ ๆ ไปเถอะจะได้หมดเรื่องหมดราวเสียที”

ฟางฉางจวงกล่าวออกมาอย่างไม่แยแส

 

ชายชราหงุดหงิดใจอย่างมาก เขาถอนหายใจยาวออกมาก่อนที่จะลุกขึ้นอย่างไม่เต็มใจนัก “งั้นก็ไปจัดการมันซะวันนี้เลย ! ”

 

สำหรับครอบครัวของลูกชายคนรอง พวกเขาเพียงต้องการครัวแยกออกไปเป็นการส่วนตัวเท่านั้นเอง

ปกติทั่วไปแล้วชาวบ้านมักจะใช้อิฐเพื่อก่อเป็นเตาขนาดใหญ่เพราะพวกเขาไม่มีเงินมากพอที่จะใช้อิฐดินเผามาก่อ

 

มันไม่ใช่เรื่องยากเย็นนัก ทุกคนในหมู่บ้านสามารถสร้างมันด้วยตนเองได้

 

บ้านหลังใหญ่จ่ายเงินออกอย่างไม่เต็มใจเพื่อซื้อวัสดุต่าง ๆ ฟางจงโยว่ ฟางฉางจวงและฟางฉางชิ่งเดินหิ้วข้าวของมุ่งตรงไปที่บ้านของฟางฮั่น ทั้งหมดช่วยกันก่ออิฐขึ้นให้กลายเป็นเตาเผาอยู่ด้านข้างของกระท่อม

ช่วยกันก่อรูปร่างของเตาเผาขึ้นมาและมันกลายเป็นปล่องไฟ เมื่อผ่านไปครู่หนึ่งเมื่อทุกอย่างดูเป็นรูปเป็นร่าง พวกเขาก็เริ่มเก็บรายละเอียดของงานเพื่อความสวยงาม

 

ฟางฮั่นยืนมองเตาของตนเองอย่างใจจดจ่อ นางเดินไปที่ครัวและต้มน้ำพร้อมกับเทมันลงในชามสำหรับทั้งสาม เมื่อมันเย็นลงสักหน่อย นางเดินเอาไปให้ทั้งสามที่กำลังทำงานอย่างขะมักเขม้น

 

ทั้งสามคนนั้นกระหายที่จะดื่มน้ำอยู่พอดี พวกเขาดื่มมันหมดในรวดเดียว ฟางฉางชิ่งกล่าวขึ้นมาว่าฟางฮั่นต้องการที่จะล้อมรั้วบ้านของนางด้วยซึ่งมันเป็นความคิดที่ดี

 

ฟางจงโยว่และฟางฉางจวงเพียงต้องการสร้างเตาให้เสร็จสิ้นเท่านั้น พวกเขาไม่ต้องการที่จะทำอย่างอื่นต่อ เมื่อเห็นเช่นนั้นฟางฉางชิ่งเลยรีบกล่าวต่อ “พี่ฉางจวง ในฤดูหนาวเช่นนี้มันง่ายที่จะสร้างกำแพงต้านลมให้กับเด็ก ๆ ข้าว่ามันไม่ได้ลำบากอะไรเลย นอกจากนี้เราควรจะมีกระท่อมน้อย ๆ เพื่อให้พวกเขาได้อ่านหนังสือและพักผ่อนบ้าง อากาศในทุกวันนี้หนาวเกินไป ข้าคิดว่าเด็ก ๆ คงจะไม่สบายตัวนักยามหลับนอน”

 

ฟางจงโยว่รู้สึกลังเลเล็กน้อยกับคำพูดเหล่านั้น แต่ฟางฉางจวงจำได้ดีกว่าหมิงเจียงกล่าวอะไรไว้ในก่อนหน้านี้ เขารีบดึงแขนของเหล่าฟางและขยิบตาเพื่อส่งซิก เหล่าฟางจึงกล่าวตัดบทอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก “ไม่เป็นไรหรอก…”

 

ทั้งสามยุ่งยากกับเตาจนมืดค่ำ ก่อนที่พวกเขาจะกลับทั้งหมดได้ทำหลุมรอบ ๆ เตาเอาไว้อย่างสวยงาม ซึ่งไม่ลืมที่จะสร้างกำแพงล้อมเตาเล็ก ๆ นี้ไว้ด้วยเช่นกัน ทุกอย่างลงตัวและดูดีอย่างมาก

 

ทั้งฟางจงโยว่และฟางฉางจวงกลับบ้านไปแล้ว ฟางฉางชิ่งยังคงอยู่ต่อเพื่อพูดคุยอีกสักสองสามคำ เขาเพียงบอกให้หลานสาวไปหาเลือกกิ่งไม้ที่ค่อนข้างหนาสักหน่อยมาไว้ที่บ้าน อีกสองสามวันเขาจะมาล้อมรั้วให้

 

ฟางฮั่นพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้ม

 

ฟางฮั่นนั้นเป็นเด็กที่ต้องการเขตแดนชัดเจน หรือเป็นเพราะเมื่อยังเยาว์นางคุ้นเคยกับความสูญเสียและความเสี่ยงต่าง ๆ มากมายจึงทำเมื่อโตขึ้นนางกลับกลายเป็นระมัดระวังจนเกือบจะเรียกว่าหวาดระแวงก็ได้

ตอนนี้ที่บ้านหลังน้อยของนางมีเตาเป็นของตนเองแล้ว

 

หลังจากนี้อีกสองสามวันนางจะมีรั้วบ้านซึ่งมันช่างเป็นภาพที่นางถวิลหามาโดยตลอด โลกใบเล็กของนางกำลังถือกำเนิดขึ้น !

 

ฟางฉือและฟางหมิงหวยได้ยินอาหกบอกกล่าวกับพี่สาวว่าพรุ่งนี้นางจะต้องออกไปเก็บกิ่งไม้เอามาไว้ที่บ้านสำหรับล้อมรั้วกระท่อมน้อยแห่งนี้ พวกเขาจึงมีความคิดที่จะออกไปช่วยเหลือพี่สาวของตนด้วยเช่นกัน

 

ฟางฮั่นไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งและสรุปได้ว่างานยกกิ่งไม้นั้นไม่ได้ยากเย็นมากนักและมันก็เป็นการดีที่จะพาเด็กทั้งสองออกไปเปิดหูเปิดตาสักหน่อย นางพยักหน้าให้กับเด็ก ๆ ด้วยรอยยิ้มอบอุ่น

 

รีวิวผู้อ่าน