px

เรื่อง : ราชันย์จอมโจรปล้นสุสาน
บทที่ 4: ส่งเงินมาซะดี ๆ 2


บทที่ 4: ส่งเงินมาซะดี ๆ 2

 

            “เฮ้ย หยุดนะ! ซอจูฮอน ไอ้เด็กเนรคุณ!”

            “ล-ลูกพี่!”

            ปาร์คคยองเทเหมือนจะร้องไห้ออกมา แท้จริงแล้ว พวกอันธพาลสมัยนี้ก็เป็นแค่พวกขี้ขลาดที่ไม่รู้จักวิธีการต่อสู้ของจริงแม้สักคน

            หากเทียบแล้ว จูฮอนมาจากยุคที่ผู้คนเคยชินกับการเข่นฆ่ากันเองเพื่อแย่งชิงโบราณวัตถุ เรื่องราวจึงดูง่ายดาย

แน่นอนว่าปาร์คคยองเท ยังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังสั่นระริกด้วยความกลัว

            ‘เวรเอ้ย ไอ้เด็กนี่มันบ้าไปแล้วจริง ๆ หรือมันถูกผีสิงกันแน่

            ไม่ว่าจะยังไง พวกเขาก็ไปยุ่งผิดคนเสียแล้ว

            ณ ตอนนี้ รู้สึกเสียใจไปก็เปล่าประโยชน์ สิ่งเดียวที่เขาทำได้ขณะนี้คือนั่งด้วยความหวาดกลัว

            “ฉ-ฉันขอโทษ! ฉันผิดไปแล้ว ยกโทษให้ด้วยเถอะ! ฉันจะจ่ายเงินชดเชยและค่าตอบแทนให้เดี๋ยวนี้เลย!”

            น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไป

            จูฮอนดึงมีดกลับพร้อมเผยความยินดี

            “ก็ดี พอดีฉันใจกว้าง และจะให้เวลาพวกแกแค่สามสิบนาทีก็แล้วกัน“

            ปาร์คคยองเทเงยหน้าขึ้นมอง แผนการบางอย่างซุกซ่อนภายใต้ท่าทีอ่อนน้อม ตัวเขายังไม่อาจยอมรับในสิ่งที่ถูกกระทำได้

            เขาต้องการที่จะหนีจากสถานการณ์นี้เพื่อหาโอกาสทำร้าย

            ปาร์คคยองเทรู้สึกกล้ำกลืน หลังคิดแผนได้จึงกล่าวคำออก

            “ค-คือ นายก็เห็นแล้วนะ…”

            “มีปัญหาอะไรงั้นเหรอ?”

            “เราไม่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีบริษัทโดยไม่ขออนุญาตจากเจ้านายได้…”

            แต่จูฮอนก็ไม่ได้สนใจ

            “โอ้ งั้นเหรอ? นายต้องการคำขออนุญาตงั้นเหรอ?”

            ปาร์คคยองเทคิดว่าจูฮอนน่าจะติดกับแล้ว จึงเริ่มยิ้มแบบประจบประแจง

            “ใช่แล้ว! หากนายให้เวลามากกว่านี้ พวกเราจะกลับไปเอาเงินสดมาให้!ได้อย่างแน่นอน…!”

            พวกลูกน้องที่รู้ซึ้งถึงแผนการดี จึง

            “ใช่แล้ว ลูกพี่พูดถูก! เราเอาเงินของบริษัทมาใช้ตามต้องการไม่ได้ ฮ่า ๆ”

            ‘ไอ้เด็กบ้านี่สมควรยืดเวลาให้พวกเรา ถึงตอนนั้นค่อยไปเรียกกำลังเสริมมาช่วย พอจับเพื่อนมันเป็นตัวประกันก็ทำอะไรพวกเราไม่ได้แล้ว!’

            พวกนั้นแอบหัวเราะภายในใจ ขณะนั้นเอง พวกอันธพาลก็ได้ยินเสียงที่เย็นชาพูดขึ้น

            “พวกแกปัญญาอ่อนไปแล้วหรือไง?”

            พวกเขาเริ่มหน้าซีดหลังจากสบตากับจูฮอน

            เขายิ้มอย่างมีเลศนัย แววตานั้นน่ากลัวไม่น้อย

            ทันใดนั้นเอง

            จูฮอนที่กำลังยิ้มอยู่ได้ทำเสียงแครกที่คอก่อนที่จะยกกำปั้นขึ้น

            จากนั้น

            พัวะ!

            จูฮอนเริ่มจัดการกับอีกฝ่ายอย่างไร้ความปรานี เขาเดินวนไปรอบ ๆ และต่อยที่จุดเดิมซ้ำไไปซ้ำมา อันธพาลพวกนี้ค่อนข้างหนังเหนียว เลยถูกต่อยจนกระดูกแทบหัก

            พัวะ! พัวะ!

            “โอ้ย หยุด หยุดนะ! ฉันขอโทษ อ๊ากกกกกก!”

            ท้ายที่สุด ศักดิ์ศรีความเป็นชายอย่าได้กล่าวถึง ปาร์คคยองเทเริ่มร้องไห้ออกมา

            “บ้าเอ้ย ไอ้เวรเอ้ย……!”

            “เหมือนว่าพวกแกยังไม่เข้าใจสินะ ฉันไม่ได้บอกให้พวกแกไปเอาเงินมาจากในบัญชีของบริษัทจะให้เวลาแค่ห้านาที ส่งเงินมาเดี๋ยวนี้”

            อีกฝ่ายหน้าตาซีดเซียว รู้ซึ้งถึงความผิดที่ทำลงไป แต่ดูเหมือนว่าจะสายไปเสียแล้ว

            [มันพูดว่าอะไรนะ? มันจะเลิกทำงานให้พวกเรางั้นเหรอ? ซอจูฮอนพูดแบบนั้นออกมาจริง ๆ เหรอ?]

            ปาร์คคยองเทหลับตาปี๋ทันทีที่ได้ยินพี่สาวตัวเองพูดแบบนั้น ปาร์คคยองจูกำลังโกรธจัด ปาร์คคยองจูยังมีชีวิตอยู่ในฐานะผู้หญิงที่มีการศึกษา ซึ่งเป็นหัวหน้าขององค์กรนายหน้าขายศิลปะ

            พวกเขาเพิ่งเจอข้อตกลงที่ได้กำไรสูง ซึ่งพยายามที่จะใช้ให้จูฮอนกลับไปทำงาน

            ไม่น่าแปลกใจที่เธอจะโกรธเพราะพวกโง่ที่ถูกส่งไปทำงานนั้นก็เอาแต่ร้องไห้กลับมาและเรียกชื่อเธอไม่หยุด

            [ไอ้พวกโง่! ไอ้โง่เอ้ย พวกแกให้ซอจูฮอนพูดแบบนั้นใส่ได้ยังไงกัน?]

            “ไม่ใช่นะ พี่ไม่เห็นไอ้หมอนั่น พวกเราแทบจะเข้าถึงตัวมันไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เหมือนกับเป็นคนละคนกันเลย ปุบปับมันเก่งขึ้นขนาดทำพวกเราเกือบตาย…”

            [นี่! พวกแกบ้าไปแล้วหรือไง? แกเรียกตัวเองว่านักเลงได้ยังไงกัน แค่เด็กเมื่อวานซืนยังกลัวหัวหด?!]

            “ม-ไม่ใช่แบบนั้นนะพี่”

[พอกันที!]

            ปาร์คคยองจูดูเหมือนจะทนฟังเรื่องไร้สาระพวกนี้ไม่ได้อีกต่อไป

            [ช่างมัน แล้วพวกแกก็ไปจัดการธุระให้เรียบร้อย มันเป็นข้อตกลงที่สำคัญไม่น้อยเลยนะ ตัวอย่างอยู่ที่พวกแกใช่ไหม?]

            ปาร์คคยองเทถอนหายใจเมื่อรู้ว่าเรื่องที่แย่ที่สุดมาถึงแล้ว ปัญหาจริง ๆ มันเริ่มจากตรงนี้แหละ

            “ไม่ใช่อย่างนั้นนะพี่ คือว่า…”

            [อะไรกัน เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?]

            “ค-คือว่า ไอ้เจ้าบ้าจูฮอนมันเอาไปแล้ว”

            [เอาอะไรไปงั้นหรือ?]

            “มันเอาชิ้นงานศิลปะ…”

            [อะไรนะ? นี่แกปล่อยให้มันเอาไปดื้อ ๆ อย่างงั้นหรือ?]

            “ช-ใช่ครับพี่ มันเอาทุกอย่างไปหมดเลย แถมยังบอกอีกด้วยว่านั่นเป็นค่าชดเชยและค่าตอบแทน…”

            ปาร์คคยองเทพูดออกไปเช่นนั้น และเตรียมรอรับสิ่งที่เลวร้ายที่สุด ทันใดนั้นเอง

            [หา อะไรนะ! ไอ้พวกโง่เอ้ย! แกไม่รู้จริง ๆ เหรอว่ารูปปั้นพระพุทธรูปนั่นคืออะไร?!]

            ปาร์คคยองจูรู้สึกโกรธเกรี้ยวทันที

            [พวกแกรู้ไหมว่านั่นมันมีค่าเท่าไหร่?!]

            “แล้วก็… มันยังเอาเงินของพวกเราไปหมดเลยด้วย!”

            กระนั้นเขาได้ยินเหมือนเสียงคำสบถด่าทอราวกับเธอไม่ได้สนใจเรื่องเงิน ปาร์คคยองจูทำอะไรไม่ได้นอกจากตะโกนด่าทอผ่านโทรศัพท์

            [แสดงว่า ซอจูฮอน ไอ้เด็กบ้านั่นมันอยู่กับตำรวจงั้นเหรอ! ถ้าเกิดว่ามันรู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างในรูปปั้นพระพุทธรูปนั่นล่ะ?! พวกแกทำให้ฉันประสาทเสียไปหมดแล้ว!]

            “ม-ไม่หรอก! มันไม่เป็นอะไรหรอกพี่! ไอ้จูฮอน… ไอ้เด็กเวรนั่น… มันคงไม่สังเกตเห็นอะไรแบบนั้นได้หรอกพี่! มันจะไปรู้ได้ยังไงว่ามีอะไรอยู่ข้างใน…!”

            [โอ้ย ยังไงก็เถอะ! ฉันไม่สนใจแล้ว! พวกแกรีบกลับมาเดี๋ยวนี้! อย่าคิดว่าจะได้หนีกลับบ้านเชียวนะ!]

            กริ๊ก

            จากนั้นเธอจึงวางสาย

            “โธ่เอ๊ย ไอ้บ้าเอ้ย!”

            “เป็นเพราะซอจูฮอนแท้ ๆ”

ปาร์คคยองเทส่ายหัวอย่างหงุดหงิด

รีวิวผู้อ่าน