px

เรื่อง : Heavenly Curse ยอดเซียนเต๋า เขย่ายุทธภพ (นิยายแปล)
ตอนที่ 49 ผิวหนังที่ถูกลงสี (ตอนต้น)


ตอนที่ 49 ผิวหนังที่ถูกลงสี (ตอนต้น)

 

หลังจากช่วงเวลานั้น แม้มู่อี้และเนี่ยนหนิวเอ้อร์จะไม่ได้พูดจาสื่อสารกัน แต่พวกเขาก็สามารถรู้สึกถึงความคิดของกันและกันได้ ในเวลาเดียวกันกับที่มู่อี้ระเบิดพลังออกมาเนี่ยนหนิวเอ้อร์ก็ออกจากสนามรบอย่างรวดเร็วและหนีไปยังที่ไกลๆ

 

มนุษย์กระดาษจงขุยตกตะลึงไปชั่วขณะ แต่ในไม่ช้าร่างกายของเขาก็ขยับและไล่ตามเนี่ยนหนิวเอ้อร์ออกไป แต่ในตอนนี้แสงของตะเกียงทองแดงกระจายออกไปอย่างสมบูรณ์และพุ่งเข้าใส่จงขุยโดยตรง

 

"ฟู่!"

 

ร่างของจุงขุยมีควันสีเขียวพวยพุ่งออกมาเมื่อโดนแสงจากตะเกียงและกระเด็นออกไปในเวลาเดียวกัน

 

ในอีกด้านหนึ่ง เจี่ยเหรินรับแสงจากตะเกียงทองแดงโดยตรงและมู่อี้ได้เตรียมการโจมตีของตนเองเอาไว้อยู่แล้ว

 

เมื่อร่างกายทั้งหมดของเจี่ยเหรินถูกปกคลุมไปด้วยแสงจากตะเกียงทองแดง ควันสีฟ้าก็ปรากฏขึ้นบนร่างกายของเขาและบนใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่แสดงออกมา

 

ทันใดนั้นมู่อี้สะบัดมือซ้ายของตนเองและแสงสีขาวสามดวงก็พุ่งออกไปจากมือของเขาในทันที แสงเหล่านั้นคือยันต์ปราบปีศาจสามแผ่นและไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเขาใช้ยันต์แผ่นไหนก่อนเพราะยันต์ทั้งสามถูกร่ายและโยนออกไปในเวลาเดียวกัน

 

ในตอนนี้มู่อี้ใช้งานตะเกียงทองแดงและใช้ยันต์ปราบปีศาจในเวลาเดียวกันซึ่งเป็นการฝืนขีดจำกัดพลังของเขา หลังจากยันต์ปราบปีศาจทั้งสามแผ่นพุ่งออกไปจากมือเขาก็รู้สึกปวดศีรษะอย่างมากราวกับว่ามีเข็มมากมายกำลังทิ่มแทงอยู่ในศีรษะของเขา

 

โชคดีที่อาการปวดศีรษะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและหายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน เมื่อเขามองไปข้างหน้าอีกครั้งก็พบว่าแสงสีขาวทั้งสามดวงพุ่งเข้าใส่ร่างกายของเจี่ยเหรินในเวลาเดียวกัน เมื่อรวมกับแสงที่ส่องออกไปจากตะเกียงทองแดงชุดเกราะกระดาษของเจี่ยเหรินก็พังทลายลงในที่สุดและกลายเป็นกระดาษสองแผ่นตกลงมา

 

นี่เป็นโอกาสที่มู่อี้เฝ้ารอมานาน

 

"ตู้ม!"  เสียงฟ้าร้องอันคุ้นเคยดังขึ้นอีกครั้งและสายฟ้าก็ผ่าลงมาจากท้องฟ้าตรงไปที่ร่างกายของเจี่ยเหรินอย่างรุนแรง

 

ในเวลาเดียวกันนั้นเปลวไฟในตะเกียงทองแดงที่กำลังส่องสว่างในมือของมู่อี้ก็สั่นเล็กน้อยและดับลงในทันที

 

ทันใดนั้นแสงสว่างรอบๆตัวมู่อี้ก็หายไปอย่างสมบูรณ์

 

ในอีกด้านหนึ่งมีเสียงกรีดร้องออกมาจากปากเล็กๆของเนี่ยนหนิวเอ้อร์ ทันใดนั้นนางพุ่งตัวเข้าหาจงขุยอย่างรวดเร็วและใช้กรงเล็บอันแหลมคมเฉือนลงไปที่ลำคอของจงขุยและศีรษะของจงขุยหลุดออกจากบ่าในทันทีจากนั้นก็กลับไปเป็นกระดาษชิ้นหนึ่ง

 

จงขุยได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการระเบิดพลังของมู่อี้ นอกจากนี้เจี่ยเหรินยังถูกฟ้าผ่าทำให้ไม่สามารถควบคุมจงขุยได้ดังนั้นจึงทำให้เนี่ยนหนิวเอ้อร์โจมตีได้อย่างง่ายดาย

 

หลังจากเอาชนะศัตรูได้เนี่ยนหนิวเอ้อร์ไม่ได้ดีใจกับชัยชนะแต่รีบกลับมาหามู่อี้อย่างรวดเร็วและบินไปยัง เจี่ยเหรินที่ยืนนิ่งอยู่กับที่

 

ในตอนที่ถูกยันต์สายฟ้าโจมตีครั้งแรกแม้เจี่ยเหรินสามารถป้องกันได้แต่เขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน

 

คราวนี้มู่อี้ใช้ตะเกียงทองแดงและยันต์ปราบปีศาจเพื่อทำลายเกราะกระดาษของเขา จากนั้นมู่อี้ก็ใช้ยันต์สายฟ้าต่อในทันทีทำให้เจี่ยเหรินถูกโจมตีอย่างรุนแรง ในตอนนี้ร่างกายของเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ไปอีกสักพักเพราะการโจมตีของยันต์สายฟ้าและทำได้เพียงเฝ้ามองเนี่ยนหนิวเอ้อร์ที่ค่อยๆใกล้เข้ามา

 

กลงเล็บที่แหลมคมฟาดฟันออกไปด้วยความรู้สึกเย็นชาทำให้เจี่ยเหรินได้กลิ่นของความตาย

 

ในช่วงเวลาที่วิกฤตนี้ ทันใดนั้นมีร่างแปลกๆปรากฏขึ้นต่อหน้าเจี่ยเหรินและขวางร่างของเขาเอาไว้

 

กรงเล็บของเนี่ยนหนิวเอ้อร์เฉือนลงไปที่ร่างนี้และเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้น

 

ในที่สุดมู่อี้ก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าร่างที่ปรากฏตัวขึ้นมาเพื่อป้องกันเจี่ยเหรินก็คือสามีของเผิงมี่ที่ถูกฆ่าโดยการถลกหนัง

 

ถ้ามู่อี้จำไม่ผิดชายคนนี้มีนามว่าซ่งชิง เขาไม่คิดเลยว่าชายที่เคยเห็นในภาพวาดก่อนหน้านี้จะมี "ชีวิต" และก้าวออกมาเพื่อปกป้องเจี่ยเหริน ก่อนหน้านี้เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเผิงมี่ถึงหลงรักชายคนนี้ แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วและเข้าใจอีกด้วยว่าทำไมเผิงซ่งหลายถึงไม่รังเกียจซ่งชิงทั้งๆที่ไม่รู้ภูมิหลังของอีกฝ่าย

 

ซ่งชิงเป็นชายที่หน้าตาหล่อเหลาเป็นอย่างมาก หญิงใดที่ได้เห็นใบหน้าของเขาจะต้องตกหลุมรักอย่างแน่นอน

 

แต่มู่อี้ก็รู้ดีว่าซ่งชิงตัวจริงนั้นตายแล้วและร่างที่อยู่ข้างหน้าเขาก็ไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าเป็นตัวปลอม ท้ายที่สุดแล้วรูปร่างหน้าตาของเขาคือซ่งชิงแต่ก็เป็นเพียงชั้นผิวหนังเท่านั้น

 

ในตอนนี้มู่อี้ก็เข้าใจแล้วว่าผิวหนังของซ่งชิงหายไปไหน

 

ซ่งชิงที่อยู่ตรงหน้าเขาแตกต่างจากมนุษย์กระดาษก่อนหน้านี้ทำให้มู่อี้รู้สึกว่าอีกฝ่ายมีชีวิต แม้แต่ใบหน้าที่ถูกกรงเล็บของเนี่ยนหนิวเอ้อร์โจมตีก็มีบาดแผลและเลือดไหลออกมา

 

"ข้าจะฆ่าเจ้า ข้าจะฆ่าเจ้า" เจี่ยเหรินมองไปที่บาดแผลบนใบหน้าของซ่งชิงด้วยความโกรธแค้น แม้ก่อนหน้านี้มู่อี้จะทำร้ายเขาจนได้รับบาดเจ็บสาหัสเขาก็ไม่สนใจมันมากนัก แต่เมื่อเขาเห็นซ่งชิงถูกทำร้ายสีหน้าท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน

 

ในตอนนี้มู่อี้สงสัยว่าเจี่ยเหรินมีความผิดปกติในใจของเขาหรือไม่ ทำไมเขาไม่สนใจตัวเองแต่กลับให้ความสำคัญกับคนอื่นมากกว่า

 

"หนิวเอ้อร์โจมตีเขา" มู่อี้หันไปมองนางและชี้ไปที่ซ่งชิง

 

เดิมทีเนี่ยนหนิวเอ้อร์ไม่คิดที่จะโจมตีซ่งชิงและพุ่งเป้าไปที่เจี่ยเหริน แต่หลังจากได้ยินคำพูดของมู่อี้นางก็รีบพุ่งเข้าไปหาซ่งชิงอีกครั้ง 

 

ในตอนนี้เจี่ยเหรินสามารถหนีไปได้อย่างง่ายดาย แต่เขากลับรีบพุ่งตัวออกมาด้านหน้าเพื่อปกป้องซ่งชิงโดยใช้ร่างกายของตนเองรับการโจมตีของเนี่ยนหนิวเอ้อร์

 

บาดแผลมากมายเกิดขึ้นบนแผ่นหลังของเขาอย่างรวดเร็ว

 

แต่เจี่ยเหรินดูเหมือนจะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ เขาเงยหน้าขึ้นมองซ่งชิงด้วยสายตาว่างเปล่าและยื่นมือออกไปสัมผัสบาดแผลบนใบหน้าของซ่งชิง

 

เมื่อเห็นเช่นนี้มู่อี้ก็รับรู้ได้ในทันทีว่าจิตใจของเจี่ยเหรินต้องมีเป็นปัญหาอย่างแน่นอน

 

แต่นี่ก็เป็นโอกาสที่ดีสำหรับเขา แม้มู่อี้ไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่เนี่ยนหนิวเอ้อร์ก็ยังคงโจมตีเจี่ยเหรินต่อไป

 

มู่อี้หยิบธงเล็กๆออกมาจากกระเป๋าของเขา หากอธิบายอย่างชัดเจนมันเป็นธงหักครึ่งที่มีเพียงผืนธงเท่านั้นและไม่มีเสาธง

 

นี่คือธงราชันย์แห่งวิญญาณของฉือกุย สองเดือนที่ผ่านมามู่อี้พยายามฝึกใช้กระแสจิตเพื่อควบคุมมัน แม้ว่าผลของการฝึกจะไม่คืบหน้ามากนักแต่เขาก็สามารถควบคุมมันได้อย่างง่ายดาย

 

มู่อี้กัดฟันของเขา รวบรวมกระแสจิตเฮือกสุดท้ายใส่ลงในธงราชันย์แห่งวิญญาณ ทันใดนั้นผืนธงโบกสะบัดไปตามสายลมและจากนั้นมันก็กลายเป็นแสงสีดำเคลื่อนที่ไปอยู่ข้างหลังเนี่ยนหนิวเอ้อร์

 

ผลที่เกิดขึ้นแปลกประหลาดอย่างมาก เมื่อธงพุ่งมาที่ด้านหลังของเนี่ยนหนิวเอ้อร์ไม่เพียงแต่จะไม่ทำร้ายนางเท่านั้นแต่มันกลับกลายเป็นเสื้อคลุมสวมบนร่างของเนี่ยนหนิวเอ้อร์อย่างแน่นหนา

 

ทันใดนั้นร่างเล็กๆของเนี่ยนหนิวเอ้อร์ก็ค่อยๆเติบโตขึ้น จากร่างกายของเด็กหญิงตัวเล็กๆอายุราวๆ 3 ถึง 4 ขวบกลายเป็นอายุ 7 ถึง 8 ขวบ แม้ว่าร่างกายของนางจะยังเป็นเด็กอยู่แต่พลังกลับเพิ่มขึ้นอย่างมาก

 

นี่เป็นสิ่งเดียวที่มู่อี้สามารถทำได้ในตอนนี้ ก่อนหน้านี้เขาใช้ตะเกียงทองแดงอย่างต่อเนื่อง ร่ายยันต์ปราบปีศาจและยันต์สายฟ้าทำให้กระแสจิตของเขาหมดลงอย่างสมบูรณ์ แม้ว่าร่างกายภายนอกของมู่อี้จะยังคงดูแข็งแรงดีแต่ภายในของเขากลับรู้สึกอ่อนล้าอย่างมาก

 

เมื่อไม่มีพลังแห่งยันต์ หากเขาต้องต่อสู้กับเจี่ยเหรินด้วยมือเปล่าก็คงไม่ต่างอะไรกับการแขวนคอตัวเองและตายไปอย่างช้าๆเลย

 

ดังนั้นเขาจึงใช้กระแสจิตเฮือกสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่ใส่ลงไปในธงราชันย์แห่งวิญญาณ

 

แม้ว่าสองเดือนที่ผ่านมามู่อี้ไม่สามารถใช้งานธงราชันย์แห่งวิญญาณได้อย่างสมบูรณ์ แต่เขาก็สามารถหาวิธีใช้ประโยชน์จากธงราชันย์แห่งวิญญาณได้ อย่างเช่นในตอนนี้ธงราชันย์แห่งวิญญาณกลายเป็นหนึ่งเดียวกับเนี่ยนหนิวเอ้อร์และเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับนาง

 

เพียงแต่มู่อี้ไม่อาจรอผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นได้ เมื่อเขาใช้กระแสจิตเฮือกสุดท้ายที่เหลืออยู่ออกมา เขาก็หมดสติล้มลงกับพื้นไปในทันที

รีวิวผู้อ่าน