px

เรื่อง : Heavenly Curse ยอดเซียนเต๋า เขย่ายุทธภพ (นิยายแปล)
ตอนที่ 28 เมื่อ 18 ปีก่อน 


ตอนที่ 28 เมื่อ 18 ปีก่อน 

 

"อะไรกัน? ไม่เจอใครเลยงั้นหรือ?" ภายในห้องโถงซูจงซานยืนขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินรายงานจากคนรับใช้ของตนเอง สีหน้าของเขาแสดงความผิดหวังและความหวาดกลัวออกมาพร้อมกัน

 

"พวกเจ้าตรวจสอบดีแล้วหรือยัง? ถนนทุกสายภายในเมืองฟุเนียวถูกปิดกั้นเอาไว้ทั้งหมดแล้ว เขาไม่มีทางหนีออกไปได้และต้องหลบซ่อนตัวอยู่ภายในเมืองนี้แน่นอน พวกเจ้าจงไปไล่ค้นหาในบ้านทุกๆหลัง เราต้องหาตัวชายคนนี้ให้เจอ ไม่ว่ายังไงจะปล่อยมันไปไม่ได้ ไม่ว่าการค้นหาครั้งนี้จะรบกวนใครเข้าจงบอกไปว่าข้าจะรับผิดชอบเรื่องนี้เอง" ซูจงซานตะโกนเสียงดังจนน้ำลายกระเด็นออกมาและสั่งให้คนรับใช้ของเขาที่เข้ามารายงานเรื่องนี้กลับไปค้นหาใหม่ทันที 

 

"ท่านนักพรตเต๋า นี่ก็เริ่มดึกแล้วเชิญท่านไปพักผ่อนก่อนดีกว่าไหมขอรับรอจนกว่าพวกเราจะจับตัวชายคนนี้มาได้?" ซูจงซานหันไปรอบๆและมองไปที่มู่อี้ด้วยสีหน้าที่ดูอับอายเล็กน้อย เพราะเขาเองก็ได้พูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่าแม้ว่าฉือกุยจะมีปีกก็ยากที่จะหนีรอดไปได้ แต่เขากลับไม่คิดว่าคำพูดนี้จะเป็นความอับอายครั้งใหญ่ของตนเอง 

 

ในขณะเดียวกันเขาก็กลัวว่าฉือกุยจะหนีไปได้อยู่เหมือนกัน ธนูของเขาทำให้ฉือกุยต้องบาดเจ็บถ้าหากอีกฝ่ายรอดไปได้ตระกูลซูคงไม่อาจอยู่อย่างสงบสุขได้แน่นอน

 

เมื่อคิดได้แบบนี้ซูจงซานก็รู้สึกได้ว่าการเตรียมการก่อนหน้านี้ของเขามันยังไม่พอ ไม่อย่างนั้นแล้วเขาไม่มีทางปล่อยให้อีกฝ่ายรอดไปได้แน่นอน ตอนนี้เขาได้แต่หวังว่าฉือกุยจะยังไม่ได้หนีออกไปจากเมืองนี้ ตราบใดที่อีกฝ่ายยังอยู่ภายในเมืองนี้ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องเจอตัวแน่นอน

 

เมื่อคิดแบบนี้เขาก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมาเล็กน้อย

 

"ไม่เป็นไรขอรับ ถ้าหากท่านผู้อาวุโสตระกูลซูยังไม่ง่วง มีเรื่องบางอย่างที่ข้าอยากจะสอบถามจากท่านขอรับ" มู่อี้ก็รู้สึกผิดหวังด้วยเช่นกันที่หาตัวฉือกุยไม่พบแต่เรื่องนี้เขาจะโทษซูจงซานฝ่ายเดียวไม่ได้ ฉือกุยไม่ใช่คนธรรมดาแต่เป็นถึงนักพรตลัทธิเต๋าที่บ่มเพาะมาเป็นเวลานานแม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่ก็ยังเหนือกว่าคนธรรมดา ถ้าหากยังจับตัวเขาไม่ได้นี่คงเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน

 

"ยังไม่ง่วง ยังไม่ง่วง" เดิมทีซูจงซานก็รู้ว่ามู่อี้ต้องการจะพูดคุยกับเขาดังนั้นเขาจึงรีบโบกมือและพูดต่อไปว่า "เชิญท่านนักพรตถามมาได้เลย"

 

"ท่านผู้อาวุโสรู้จักชายที่พาลูกสาวของท่านหนีไปหรือเปล่าขอรับ?" มู่อี้ถามกลับมาทันที

 

ซูจงซานดูเหมือนจะรู้สึกอายเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามของมู่อี้แต่เขาก็ยังตอบกลับไปว่า “ความจริงแล้วข้าก็เคยเห็นชายคนนั้นมาครั้งหนึ่ง แต่ข้าก็ไม่อาจจำรูปลักษณ์ของเขาได้อย่างชัดเจน ข้าจำได้แค่ว่าเขาเป็นคนผอมสูงและยากจน ไม่รู้ว่าลูกสาวของข้าตาบอดหรืออย่างไร แต่นางก็รู้สึกชื่นชอบเขาในทันทีที่ได้พบเจอ"

 

มู่อี้ไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเขาเองก็ไม่ได้อยากจะพบเจอกับชายคนนี้แต่เขาอยากจะรู้ว่าชายคนที่พามารดาของเนี่ยนหนิวเอ้อร์หนีตามกันไปนั้นเป็นใครและคงไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน

 

มันเหมือนกับซูหยิงหยิงที่ไม่ชอบพวกขอทาน ซูจงซานคงมีความประทับใจไม่ดีต่อชายคนนี้เพราะอคติของเขา

 

"มีข้อมูลอย่างอื่นอีกหรือไม่ขอรับ? เช่นที่อยู่ของเขา" มู่อี้ถามต่อไป เขาต้องการทราบเรื่องพ่อของเนี่ยนหนิวเอ้อร์จากซูจงซาน เพราะตามที่เนี่ยนหนิวเอ้อร์บอกเอาไว้ต้นไผ่ที่ปลูกอยู่ภายในสวนหลังบ้านนั้นเป็นสิ่งที่พ่อของเนี่ยนหนิวเอ้อร์มอบให้

 

ถ้าหากชายคนนั้นเป็นแค่คนธรรมดาจริงๆเขาจะหาสิ่งที่ล้ำค่าแบบนี้มาได้อย่างไรกัน? เขายังสงสัยอีกว่าที่เนี่ยนหนิวเอ้อร์ป่วยเป็นโรคที่แปลกประหลาดนั้นจะต้องเกี่ยวข้องกับพ่อของนางอย่างแน่นอนและแม้แต่พ่อของนางก็อาจจะป่วยเป็นโรคนี้ด้วยเช่นกัน ไม่อย่างนั้นแล้วแม่ของเนี่ยนหนิวเอ้อร์คงไม่พานางกลับมาที่นี่เพียงตัวคนเดียว

 

แน่นอนว่าเขายังไม่ได้ตัดตัวเลือกที่ชายคนนี้อาจจะเป็นคนไม่ดีออกไป หลังจากเบื่อหน่ายแล้วเขาอาจจะไล่แม่ของเนี่ยนหนิวเอ้อร์ก็เป็นได้

 

"เรื่องแบบนั้นน่ะหรอ?" ซูจงซานมองไปที่มู่อี้ด้วยสีหน้าจริงจังและเริ่มคิดอย่างรอบคอบ แต่เพราะเวลามันล่วงเลยมามากกว่า 18 ปีและมีเรื่องราวมากมายที่เขาได้หลงลืมไปแล้ว ซูจงซานจึงต้องการใช้เวลาคิดเสียหน่อย

 

มู่อี้ไม่ได้รีบร้อนหรือเร่งรัดเอาคำตอบจากเขา กลับกันเขานำธงเล็กๆออกมาจากกระเป๋าของตนเองและตรวจสอบมันอย่างถี่ถ้วน 

 

เมื่อเผชิญหน้ากับพลังของยันต์สายฟ้าธงผืนนี้ก็หักไปทันที แต่มู่อี้อยากรู้วิธีการสร้างเสาธงนี้ขึ้นมาและทำให้มันกลับมาเป็นเหมือนเดิม รวมถึงธงผืนนี้มันสร้างขึ้นมาจากอะไรทำไมมันถึงสามารถขยายตัวและหดตัวได้เหมือนกับกระบองทองของซุนหงอคง 

 

เพราะแม้ว่ามันจะถูกทำลายไปแล้วแต่มู่อี้ก็ยังไม่ได้ทิ้งมันไป น่าเสียดายที่เขาไม่รู้เรื่องราวของธงอันนี้เลยและนักพรตเฒ่าก็ไม่เคยบอกเขาในเรื่องพวกนี้ เขาอยากจะซ่อมแซมธงผืนนี้ให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมแต่ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นที่ไหนดี 

 

หลังจากลองสัมผัสอยู่เป็นเวลานานเขาก็ยังไม่รู้ว่ามันสร้างขึ้นมาจากอะไร มู่อี้ใส่กระแสจิตของตนเองลงไปในธงอีกครั้งและพยายามควบคุมธงผืนนี้ด้วยความระมัดระวัง วิญญาณผีสาวที่อยู่ข้างกายของฉือกุยได้เข้าไปภายในธงก่อนหน้านี้และหลังจากนั้นก็ไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง

 

ต้องเป็นเพราะเหตุนี้แน่นอนที่ทำให้มู่อี้ยังไม่สามารถรักษาให้ท่านหญิงชราตื่นขึ้นมาได้แต่สถานการณ์ของท่านหญิงชราในตอนนี้ยังคงเป็นปกติและไม่ได้ย่ำแย่เหมือนเมื่อหลายวันก่อน 

 

เมื่อกระแสจิตของมู่อี้หลั่งไหลเข้าไปภายในธง เขาก็ตัวสั่นขึ้นมาและรู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นภายในร่างกายของตนเอง

 

หลังจากได้พักหายใจมู่อี้ก็กลับมาสงบนิ่งได้อีกครั้ง แต่นี่ก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าธงที่อยู่ในมือของเขานั้นไม่ใช่ของธรรมดาอย่างแน่นอน

 

หลังจากพยายามอยู่หลายครั้งในที่สุดมู่อี้ก็สามารถอดทนต่อความหนาวเย็นที่เกิดขึ้นได้ กระแสจิตของเขารู้สึกราวกับว่ากำลังเข้าไปสู่โลกที่มืดมน เขาไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลยและไม่ได้พบอะไรภายในนั้นเลย หลังจากตรวจสอบอยู่คู่หนึ่งมู่อี้ก็ดึงกระแสจิตของตนเองกลับมา

 

ในใจของเขาคิดว่าวิญญาณผีสาวที่อยู่ภายในธงก่อนหน้านี้คงจะดับสลายไปแล้ว อาจจะถูกทำลายไปเพราะความรุนแรงของยันต์สายฟ้า

 

"ท่านนักพรตเต๋า ชายชราผู้นี้นึกอะไรบางอย่างออกแล้ว มันอาจจะเป็นประโยชน์สำหรับท่าน" ซูจงซานดูเหมือนจะจำอะไรขึ้นมาได้หลังจากที่นึกอยู่เป็นเวลานาน

 

"อะไรหรือขอรับ?" มู่อี้มองไปที่ซูจงซานและเก็บธงที่อยู่ในมือของเขากลับลงไปในกระเป๋า

 

"ข้าจำได้ว่าเขาชอบถือจานแผ่นนึงเอาไว้ในมือ" ซูจงซานตอบกลับมา

 

"จาน? จานอะไรหรือขอรับ?" มู่อี้ถามต่อไป เพราะถ้าบอกแค่ว่าเป็นจานเขาคงไม่รู้ว่ามันคืออะไรแน่นอน

 

"ในตอนนั้นข้าจำได้ว่าข้าได้พบกับเขาที่สวนหลังบ้านของลูกสาวข้า เขาเดินไปรอบๆที่นั่นพร้อมกับถือจานเอาไว้ในมือและข้าเองก็ไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ แต่ข้าจำได้ว่าข้ารู้สึกโกรธมากจนไม่ได้สนใจสิ่งที่อยู่ในมือของเขาและนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาข้าก็เริ่มกักบริเวณลูกสาวของข้าทันที" ซูจงซานดูเหมือนจะนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้แต่ในขณะเดียวกันสายตาของเขาก็แสดงความเศร้าโศกออกมาให้เห็น ถ้าหากในวันนั้นเขาไม่ทำแบบนี้โศกนาฏกรรมก็อาจจะไม่เกิดขึ้น

 

"ถือจาน? เดินไปรอบๆตัวหลังบ้านหรือขอรับ?" ทันใดนั้นมู่อี้ก็นึกถึงป่าไผ่ที่อยู่ภายในสวนหลังบ้านและต้นไผ่เหล่านั้นก็ถือเป็นสมบัติล้ำค่าตามธรรมชาติด้วยเช่นกัน สำหรับตัวตนของอีกฝ่ายนั้นเขาไม่อาจคาดเดาได้ว่าเป็นใคร แต่ถ้าหากมีวาสนาต่อกันจริงๆคงจะได้พบกันในอนาคตแน่นอน

 

แม้ว่าเขาจะคาดเดาเรื่องนี้ในใจแต่มู่อี้ก็ไม่ได้บอกซูจงซานในเรื่องเหล่านี้

 

"ท่านพอคาดเดาอะไรได้บ้าง?" ซูจงซานถามความเห็นของมู่อี้ 

 

"ก็พอจะคาดเดาอะไรได้บ้างขอรับ แต่ข้าเองก็ไม่ได้มั่นใจในเรื่องนี้" มู่อี้พูดเปลี่ยนประเด็นทันที "เรื่องลูกสาวและหลานสาวของท่าน มีบางคำที่ข้าคิดขึ้นมาได้แต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดมันออกมาดีหรือไม่"

รีวิวผู้อ่าน