ตอนที่ 2 – คำเชิญจากนาฬิกาพก 2
สิ่งเดียวที่สามารถพึ่งพาได้ก็คือสัญชาตญาณที่ได้รับการฝึกฝนจากสงคราม
ดังนั้นนี่คือแถบทักษะ
[เนตรมังกร]
ดวงตามังกร คือ มองเห็นความจริง และสามารถมองทะลุวัตถุและเห็นความสามารถส่วนบุคคลได้
[ประสาทสัมผัส]
ประสาทสัมผัสทั้งห้าพัฒนาขึ้นอย่างมาก
[มองการณ์ไกล] (พิเศษ)
สามารถมองเห็นอนาคตในเวลาที่จำกัด
เนตรมังกรเป็นเพียงร่องรอยที่น้องชายเขาทิ้งไว้เพื่อรับกระบวนการสืบทอดผ่านนาฬิกาพก
‘จองอูได้รับโอกาสทำสัญญาไว้กับมังกรบนชั้นที่สิบเอ็ด นี่เป็นสิ่งที่เหลืออยู่จากการเผชิญหน้าครั้งนั้นสินะ’
โดยธรรมชาติแล้วเผ่าพันธุ์มังกรเป็นสิ่งมีชีวิตที่เย่อหยิ่งและดุร้าย แต่มันก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่ค้นหาสัจธรรมเช่นกัน
ดูเหมือนน้องชายเขาจะได้สัมผัสกับธรรมชาติของมัน จึงได้รับดวงตาที่สามารถมองหาความจริงได้
แต่ความช่วยเหลือครั้งยิ่งใหญ่นี้ คงยังไม่เป็นที่รู้จัก
‘ดูเหมือนประสาทสัมผัสจะสร้างขึ้นตามลักษณะของเรา’
มันเป็นทักษะที่ทำให้เขาสามารถควบคุมประสาทสัมผัสทั้งห้าได้อย่างอิสระ ทั้งรูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส
ยอนอูชอบทักษะนี้มากที่สุด
ในสนามรบไม่สามารถคาดเดาอะไรได้
เขาอาจจะต้องค้นหาศัตรูที่มองไม่เห็น หรือดมกลิ่นที่แสนเจือจางของน้ำมัน นอกจากนั้นยังต้องคอยฟังเสียงของศัตรูที่อยู่ไกลออกไปอีกด้วย
หากเขาสามารถควบคุมประสาทสัมผัสได้อย่างอิสระ มันจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการช่วยเขาปีนขึ้นหอคอย
‘สิ่งที่ยังรบกวนใจเรามากที่สุดคือสิ่งนี้’
สายตายอนอูจ้องไปที่ทักษะสุดท้าย
‘มองการณ์ไกล’
ยอนอูชำเลืองมองนาฬิกาพกที่อยู่ในมือ
‘เป็นเพราะเจ้านี่งั้นเหรอ?’
ทักษะที่ได้รับจะเป็นไปตามลักษณะของผู้เล่น แต่บางครั้งก็อาจจะได้รับมันตามสภาพแวดล้อม หรือสิ่งที่สำคัญที่สุด
โดยเฉพาะทักษะที่มีคำว่า ‘พิเศษ’ ต่อท้าย ไว้ใจได้แน่ว่ามันคือทักษะประจำตัวเขาเอง
‘เอาละ งั้นตอนนี้มาเริ่มกันเถอะ’
ยอนอูสูดลมหายใจเข้าลึก
เห็นได้ชัดเมื่อเปรียบเทียบกับคนอื่น เขาเริ่มต้นได้ดีกว่ามากด้วยความช่วยเหลือจากน้องชาย
แต่แล้วหนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล
คนที่พาน้องชายเขาไปสู่ความตาย นั้นแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้เล่นทั้งหมด
พวกนั้นแข็งแกร่งในตลอดระยะห้าปีที่ผ่านมา บางทีอาจจะเป็นร้อยปีก็ว่าได้
หนทางยังอีกยาวไกล ถ้าเขาต้องการจะจับคนพวกนั้น
ภาพน้องชายในรูปถ่ายกลับเข้ามาในความคิดเขาอีกครั้ง
‘นายคงแค่อยากให้พี่ตามหายาอายุวัฒนะ และใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความสุข แต่…’
เขากำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดออกมา
‘พี่กลัวว่าจะปล่อยวางสิ่งนั้นไม่ได้นะสิ’
* * *
ยอนอูดำเนินการจัดการเรื่องส่วนตัว
[จ่าชา! คุณกำลังพูดเรื่องอะไร? คุณจะออกจากกองทัพทันทีงั้นเหรอ?]
เขาได้ยินเสียงผู้บังคับบัญชาผ่านโทรศัพท์
มันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ
ตอนที่ได้ยินข่าวการตายของน้องชาย ผู้บัญชาการแยกตัวเขาออกมา และอนุญาตให้กลับเกาหลีทันที แต่ตอนนี้เขากลับขอปลดประจำการโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า ถ้าเป็นเขาก็คงรู้สึกโกรธเคืองอยู่เช่นกัน
แต่แล้วยอนอูไม่ได้แก้ตัวอันใดทั้งสิ้น
[เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า? หรือคุณมีเรื่องข้องใจอะไร? หากมีก็แค่บอกผม แล้วถ้า ‘คาอิน’ จากไป แล้วผมจะทำยังไง!… ]
“ผมขอโทษครับ”
ยอนอูวางสายหลังจากพูดจบ
โทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง เขาปิดมันแล้วทิ้งลงถังขยะข้างถนน
ผู้บัญชาการดูแลเขาเหมือนลูก ดังนั้นเขาจึงต้องตัดขาดความผูกพันนั้นทิ้งไป
สิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือบ้าน แต่เขาก็ได้ขายทอดตลาดไปแล้วเรียบร้อย
ถึงกระนั้นบ้านหลังนี้ไม่มีคนอยู่อาศัยตั้งแต่เขาถูกส่งตัวไป ซึ่งไม่มีเหตุผลใดเลยที่จะเก็บมันไว้
เขาไม่ต้องการมีสถานที่ที่ต้องกลับมาเยือนอีกต่อไป
ส่วนเงินที่มีอยู่ ก็นำไปซื้อของหลายอย่าง
เขาจัดกระเป๋าเป้สะพายหลังที่เพิ่งซื้อมาใหม่ด้วยเสื้อผ้าธรรมดา อุปกรณ์การต่อสู้ทั้งหมดที่หามาได้ มีดหลายเล่มที่เคยใช้ในกองทัพ และอุปกรณ์เอาชีวิตรอด เช่น ชุดปฐมพยาบาล
เขาเคยคิดที่จะซื้อปืนและระเบิดจากตลาดมืด แต่สุดท้ายก็ล้มเลิกความคิดนั้นไป
‘หอคอยเป็นสถานที่ที่มีไว้ทดสอบทักษะผู้เล่น มันคงดีกว่าถ้าหลีกเลี่ยงของพวกนั้น แล้วไหนจะลูกกระสุนอีกละ ถ้าเราหามันได้ไม่เยอะพอเดี๋ยวมันจะกลายเป็นเรื่องยุ่งยากซะเปล่า’
เมื่อจัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อย พอรุ่งสางยอนอูก็ออกมายังสวนสาธารณะ
เขาใส่กางเกงยีน และฮู้ดสีดำคลุมหน้าคลุมตา พร้อมทั้งสะพายกระเป๋าเป้ไว้บนไหล่ด้านขวา ก่อนออกมาเขาได้ทำการเผาชุดเครื่องแบบ และของใช้ส่วนตัวทั้งหมดที่เคยมี
‘ถ้าให้คิดถึงความแตกต่างระหว่างเวลาโลกแห่งความจริง และโอเบลิสก์ ตอนนี้ก็น่าจะราวหนึ่งสัปดาห์แล้วหลังจากรอบสุดท้ายเริ่มขึ้น?’
ในการเข้าสู่หอคอย เขาต้องผ่านสถานที่แห่งหนึ่งก่อน
บทแนะนำ
สถานที่ที่ใช้ทดสอบผู้เล่นที่ต้องการเข้าสู่หอคอย มันเป็นการเสียเปรียบที่จะเข้าร่วมการทดสอบหลังจากเริ่มไปแล้วหนึ่งสัปดาห์
แต่ยอนอูก็ยังตัดสินใจที่จะเข้าร่วม
‘ผู้เล่นที่เริ่มช้าก็มีข้อดีอยู่เช่นกัน ถ้าจับผู้เล่นที่มาก่อนได้ ก็จะทำให้ได้คะแนนเพิ่มขึ้นและชิ้นส่วนลับที่ซ่อนอยู่ ซึ่งมอบให้แต่กับผู้เล่นที่มาช้าเท่านั้น นอกจากนี้…’
ดวงตายอนอูเปล่งประกายความเย็นยะเยือกออกมา
“เราแน่ใจว่าเวลาประมาณนี้แหละที่ ‘ชายคนนั้น’ จะโผล่หัวขึ้นมา”
ยอนอูวางแผนทีละขั้นทีละตอนภายในหัว
คลิก!
เขาหมุนนาฬิกาของน้องชายย้อนกลับไป
จากนั้นแสงไฟเปล่งประกายไปทั่วสวนสาธารณะ ทันใดนั้นเองก็มีเงาปรากฏขึ้น
เงานั้นม้วนตัวไปโดยรอบ และจับตัวกันเป็นก้อน
ประตู
มันคือประตูสู่โลกที่หอคอยตั้งอยู่
ยอนอูย่างก้าวเข้าสู่ประตูโดยไม่คิดลังเลแม้แต่น้อย ดวงตาเขาเย็นชากว่าที่เคยเป็น
‘ต่อจากนี้ไป’
‘เราจะทำให้มันรู้สำนึกว่าได้ก่อเรื่องระยำอะไรไว้บ้าง’
“เราคือจองอูชา”
แล้วประตูมิติก็ปิดลง