px

เรื่อง : บัลลังก์รักสีเลือด
ตอนที่ 3 เด็กชายที่น่าสงสาร


ตอนที่ 3 เด็กชายที่น่าสงสาร

                ถ้าหากว่าเด็กชายคนนั้นอยู่ในห้องนี่จริง ๆ นางคงไม่จำเป็นต้องเข้าไปแล้ว บางทีนางควรปล่อยให้ผู้ชายในห้องทำเรื่องสกปรกแทน แล้วถ้าหากเด็กชายผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่นางก็แต่ขยับนิ้วสั่งให้ข้ารับใช้คนอื่นฆ่าเขาเสีย ดังนั้นการบรรลุเป้าหมายในการกำจัดตัวละครเอกและตื่นจากฝันร้ายนี้ก็ไม่ได้ยากเท่าไหร่นัก

                หลังจากเย่มู่หยุดคิดได้ครู่หนึ่ง สาวรับใช้ที่วิ่งหน้าตาตื่นเพื่อตามนางให้ทันก็ได้หยุดพักหายใจได้บ้าง สาวรับใช้คนหนึ่งลืมตัว ลืมสถานะของตนเองแล้วเดินเข้าไปดึงแขนเสื้อของนางอย่างร้อนรนแล้วพูดว่า "นายหญิงน้อยท่านเข้าไปในนั้นไม่ได้เจ้าค่ะ โดยปกติแล้วเมื่อนายพลหลิวจัดงานเลี้ยงเขาจะบอกทุกคนว่าห้ามเข้าไปรบกวนโดยเด็ดขาดและไม่มีใครพ้นโทษได้เลยหากขัดคำสั่งของท่านนายพล” 

                ในที่สุดเย่มู่ก็ใจเย็นลงและข้ารับใช้โดยรอบก็รู้สึกโล่งใจที่คนใจร้ายอย่างนางตระหนักได้เสียที ที่จริงแล้วเย่มู่เองก็ไม่สามารถแสดงท่าทีผลีผลามได้เช่นกัน นางเอ่ยปากถามด้วยสีหน้างุนงง “ทาสคนนั้น... อชิ... เขาอยู่ในนั้นจริง ๆ หรือ?” 

                คำพูดเหล่านั้นที่ได้ยินมันช่างปราศจากความกระสับกระส่ายหรือกังวลใจแต่อย่างใด เมื่อสาวรับใช้ได้ยินก็ตอบกลับโดยการพยักหน้าอย่างเหม่อลอยในทันที 

                ทันทีที่สาวใช้เห็นท่าทีนี้ของนายหญิงน้อยแล้ว... นางก็เกิดข้องสงสัยขึ้นมาเล็กน้อยว่าก็นายหญิงน้อยมิใช่หรือที่จงใจส่งเด็กชายคนนั้นไปถูก ‘ลงโทษ’ แล้วทำไมตอนนี้ถึงได้อยากกลับคำเล่า... 

                เย่มู่มองไปยังพลับพลาด้านหน้าของตนด้วยสายตาสงสัย ถึงนางจะมีเป้าหมายที่โหดร้ายคือการฆ่าตัวเอกชายในเรื่อง ทว่านางก็ไม่เคยคิดว่าจะพบกับความท้าทายที่หนักหนาเช่นนี้ 

                หนังสือเล่มนี้ไม่ได้เขียนลายละเอียดในวัยเด็กของตัวพระเอกเอาไว้ซับซ้อนมากนัก มันกล่าวเอาไว้เพียงแต่ว่าตอนที่เขาเป็นเด็กหลงทางไปกับผู้คนมากมายและต้องทนทุกข์กับความยากลำบากแล้วเมื่อเขาโตขึ้น เขาจึงพัฒนาตนเองให้แข็งแกร่งและเด็ดเดี่ยวดังนั้นนางจึงไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในวันนี้มันจะออกมาเป็นเช่นไร 

                ซึ่งในตอนนี้นางมีทางเลือกอยู่สองทางคือเพิกเฉยหรือเรียนรู้! 

                ถ้าหากนางเลือกจะมองอดีตของเขา นางจะสามารถมองชีวิตอันแสนลำบากและทุกข์ทรมานของเด็กหนุ่มเฉย ๆ โดยไม่เข้าไปช่วยอะไรเลยได้หรือ? ทำไมนักเขียนถึงได้เขียนชีวิตแสนรันทดเช่นนี้ให้แก่พระเอกได้ลงคอ! 

                บางทีนางอาจเมตตาแล้วเป็นคนให้ความตายแก่เด็กชายคนนั้นทันที เขาจะได้ไม่ต้องทุกข์ทน…

                เมื่อเย่มู่นิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง... สาวรับใช้มองนางด้วยสายตาระมัดระวังและคิดเอาเองว่านางคงยอมแพ้เสียแล้ว ถึงอย่างนั้นเย่มู่ก็ได้ออกเดินไปข้างอีกครั้งสองถึงสามก้าว... ข้ารับใช้ที่หวาดกลัวทั้งหลายถึงกับคุกเข่าในทันที! 

                “นายหญิงน้อยได้โปรดคิดทบทวนอีกสักครั้งเถิดเจ้าค่ะ! ท่านเข้าไปไม่ได้ ถ้าหากท่านนายพลโกรธขึ้นมามันอาจเกิดาการนองเลือดขึ้นก็ได้!”  

                เย่มู่ถูกดึงรั้งเอาไว้โดยข้ารับใช้สาวคนหนึ่ง ซึ่งคิวอันเรียวเล็กของนางก็ได้ขมวดขึ้นมาในทันที! 

                แต่ถึงอย่านั้นเย่มู่ก็ไม่พูดคำใดออกมาจากปากเลย ซึ่งมันยิ่งทำให้สาวรับใช้หวาดกลัวมากขึ้น สาวรับใช้พูดขึ้นมาว่า “นายหญิงน้อยท่านลืมไปแล้วหรือว่าท่านนายพลหลิวชอบเด็กอายุน้อยเป็นที่สุด และเขาก็ยังรังเกียจผู้คนที่เข้าไปขัดขวางช่วงเวลาแห่งความสุขอีกด้วย! ถ้าหากนายหญิงเข้าไปตอนนี้ท่านนายพลคงไม่พอใจเป็นอย่างมาก! ซึ่งผลที่ตามมาก็อาจเลวร้ายมากด้วยเช่นกัน...” 

                ซึ่งผลของการกระทำนี้คงทำให้ข้ารับใช้ทั้งหลายทนทุกข์ทรมานด้วยเช่นเดียวกัน... นี่คือข้อความที่พวกเขาอยากจะบอกสินะ  ‘คำวิงวอนขอชีวิตจากข้ารับใช้!’ 

                “ได้โปรดเถิดนายหญิงน้อย คิดใหม่อีกสักครั้ง!” 

                “ได้โปรดเถิด... พิจารณาอีกหนเถิด!” 

                สาวรับใช้ทุกคนห้ามปรามนางด้วยใบหน้าตื่นตระหนกและขมขื่น เมื่อเย่มู่ได้เห็นภาพการวิงวอนขอร้องอย่างบ้าคลั่งจากบรรดาข้ารับใช้ทั้งหลาย... ในที่สุดนางก็สงบนิ่งลง 

                นี่ไม่ใช่สังคมที่ถูกกำหนดด้วยกฎระเบียบ พ่อของนางหรือนายพลหลิวเหมือนกับมีสัตว์ร้ายอยู่ในตัว เขาช่างโหดร้าย... และถ้าหากนางพุ่งเข้าไปขัดขวางงานเลี้ยงนี้โดยไม่ได้วางแผนเข้าละก็... ไม่ว่านางจะฆ่าเด็กคนนั้นได้หรือไม่ก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นแน่นอนคือนางจะได้กลายเป็นศพ! นางได้แต่กล้ำกลืนความจริงนี้อย่างเจ็บช้ำ เพราะฉนั้นนางห้ามเข้าไปในห้องนั้นโดยเด็ดขาด! 

                นอกจากนี้มันคงจะดีกว่าถ้าหากมีคนคอยช่วยเหลือให้นางบรรลุเป้าหมายโดยให้นางเป็นแรงจูงใจทางอ้อม! และสิ่งที่ต้องการมากที่สุดคือนางต้องการกลับโลกของตนเอง! และทางออกที่ดีที่สุดคือนางจำเป็นต้องปล่อยให้พระเอกอย่างเด็กชายคนนั้นตายไปสะ แม้ว่านี่จะเป็นหนทางที่โหดร้ายมากก็ตาม!

                ในตอนนี้มีคนรับบทบาทฆ่าเขาแทนนางแล้ว! นี่เป็นผลประโยชน์ของนาง ซึ่งนี่ก็ดีกว่านางลงมือฆ่าด้วยตัวเอง!

                นี่มันก็เป็นเพียงโลกสมมติที่มีตัวละครในจินตนาการ มันไม่ใช่เรื่องจริง! การฆ่าเขาทิ้งมันก็เป็นแค่การลบชื่อของเขาออกจากกระดาษเท่านั้น!

                เมื่อคิดได้เช่นนี้นางก็หันไปมองพลับพลาที่มีเสียงอึกทึกออกมาแล้วขมวดคิ้วอย่างสงสัย ด้วยความลังเลนางถอยหลังออกมาสองสามก้าวแล้วหมุนตัวเดินกลับอย่างมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว

                ความคิดสุดท้ายของนางก็คือ 'ใจเย็นก่อน! คิดสะว่าเราไม่ได้อยู่ที่นี่!'

                แต่... นางจะเฉยเมยกับความน่าสงสารความน่าเห็นใจนี้ได้หรือ?

 

รีวิวผู้อ่าน