px

เรื่อง : เถ้าแก่ขั้นเทพ!
ตอนที่ 89-90


ตอนที่ 89 : เหล่าไป่ฟื้นคืนอายุขัย

         “ใครกันถึงขนาดทำให้สั่วว่านจินที่เป็นเถ้าแก่ภัตตาคารต้องออกมาต้อนรับ?”

         “สตรีข้างกายผู้นั้นงดงามไม่ใช่น้อย ราวกับภูติ!”

         นี่เป็นถ้อยคำของผู้มารับประทานมื้อค่ำหน้าใหม่

         หลายคนต่างได้ยินเรื่องของลั่วฉวนที่เกิดขึ้นเมื่อวานแล้ว

         กระนั้นสิ่งสำคัญก็คือ พวกเขาไม่ทราบหน้าตาลั่วฉวนและเหยาซือหยานที่เป็นตัวการสำคัญของเรื่อง

         “เหอะเหอะ ลองกล้ามีความคิดกับแม่นางผู้นั้น เกรงว่าชีวิตก็คงหาได้มีไม่!” คนหนึ่งแค่นเสียงกล่าวคำดังขึ้น

         “ไฉนจึงกล่าวเช่นนั้น?”

         “เมื่อวาน เพราะเรื่องนี้จึงส่งผลให้องค์ชายสองถูกส่งไปชายแดนใต้ เจ้าคิดว่าตัวตนอีกฝ่ายสูงส่งเพียงใดกันเล่า?”

         กล่าวเพียงเท่านี้ ทั้งห้องกลับกลายเป็นเงียบงันขนาดเข็มตกยังได้ยิน!

         ชั่วขณะนี้เองที่ข่าวลือสารพัดผุดขึ้นในความคิดพวกเขา มันคือเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น!

         “สตรีเส้นผมและดวงตาสีม่วง กับยอดฝีมือลึกลับขนาดที่จักรพรรดิเทียนชิงยังต้องก้มศีรษะให้ สองคนนี้เป็นใครกัน?!”

         “ใช่จริงด้วย ไม่นึกเลยว่าผู้อาวุโสท่านนี้วันนี้มาก็เยือนอีกครั้ง…”

         ผู้คนนับไม่ถ้วนรับชมห้องที่ลั่วฉวนเข้าไป สายตาเหล่านั้นต่างเป็นประกายกระหายใคร่รู้

         ผู้ฝึกตนบางคนกระทั่งวางแผนภายใน ว่าจะหาทางชนะใจคนเช่นนั้นได้อย่างไรดี

         ผ่านไปครู่หนึ่ง คนเหล่านี้กลับไม่ได้เห็นลั่วฉวนและเหยาซือหยานกลับออกมา เรื่องนี้เป็นผลให้พวกเขาต้องงงงัน

         คนหนึ่งที่หาญกล้า ขณะนี้เปิดประตูเข้าไป ที่พบเจอคือความว่างเปล่า…

         หลังรับประทานที่ภัตตาคารเซียนวิหคอมตะกันเรียบร้อย ลั่วฉวนและเหยาซือหยานจึงฉีกกระชากมิติกลับสู่ร้านต้นตำรับโดยทันที

         ขณะนี้ใช้การฉีกกระชากมิติแทนเดินกลับ ลั่วฉวนยิ่งมายิ่งเลิศล้ำ

         แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกผู้ฝึกตนที่สามารถเช่นนี้ ที่อาศัยเพียงแต่ร่างกายก็ฉีกกระชากมิติออกได้

         ขอบเขตทดสอบเต๋ายากจะต้านรับความผันแปรทางมิติอันรุนแรง รวมถึงพลังงานของห้วงมิติที่ฉีกขาดออก

         ขณะเดียวกัน ก็ยังมีเรื่องการหลบเลี่ยงช่องว่างมิติที่อาจทำให้หลงเส้นทาง

         มีแต่ขอบเขตราชันจึงสามารถเคลื่อนไหวผ่านเส้นทางมิติได้อย่างอิสระ

         กระนั้น ก็ไม่เคยมีขอบเขตราชันผู้ใดมีความคิดฉีกกระชากมิติออกแทนการเดินทางกลับ…

         เมื่อกลับถึงร้าน ขณะนี้ไร้ซึ่งลูกค้า คนทั้งสองจึงเข้าหอคอยแห่งการทดสอบ

         ด้วยไม่มีภารกิจจากระบบ ลั่วฉวนจึงต้องตรัสรู้ด้วยตนเอง

         โฆษณาร้านอันใด มันไม่ดีเยี่ยมเท่าเล่นเกมอยู่ในร้านอย่างสบายกายสบายใจทั้งวันหรอกกระมัง?

         พร้อมกันนี้ ในใจลั่วฉวนจึงคาดหวังสิ่งที่เรียกว่าโหมดอารีน่า

         ศึกที่มีเงื่อนไขเสมอกันระหว่างผู้ฝึกตนทั้งหลาย และไม่มีข้อกังวลเรื่องอาการบาดเจ็บ เพียงนึกก็ชวนตื่นเต้นแล้ว…

         เมื่อกลับถึงพระราชวังหลวง เหล่าไป่จึงเข้าพบจี้อู๋ฮุยก่อนอื่นใด

         เดิมจี้อู๋ฮุยมีความว้าวุ่นใจเกิดขึ้นไม่น้อย

         ตลอดช่วงเช้าเหล่าไป่ไม่กลับมา เป็นผลให้จี้อู๋ฮุยเกิดเกรงว่าผู้อาวุโสลึกลับท่านนั้นจะไม่พอใจต่อสิ่งที่ตนกระทำ

         หรือต้องไปด้วยตนเอง? จี้อู๋ฮุยอดไม่ได้ที่จะคิดเช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า

         เรื่องนี้เดิมเป็นความผิดของจี้เทียนเฮา เพียงคิดเช่นนี้ จี้อู๋ฮุยจึงรู้สึกว่าจี้เทียนเฮาถึงกับดึงฟ้ามาถล่มใส่ตนเอง

         จักรพรรดิไม่อาจลังเล!

         หลังประสบเหตุการณ์เมื่อคืน จี้อู๋ฮุยจึงตัดความรู้สึกต่อจี้เทียนเฮาแล้ว!

         ขณะนี้เหล่าไป่กลับมาอย่างปลอดภัย เขาค่อยถอนหายใจโล่งอกได้

         “เหล่าไป่ เป็นอย่างไรบ้าง?” จี้อู๋ฮุยกล่าวถาม

         รอยยิ้มเผยชัดที่ใบหน้าเหล่าไป่ “ชีวิตข้ายังอยู่ดี”

         จี้อู๋ฮุยค่อยสูดลมหายใจเข้าลึก “นับว่าดี…”

         เหล่าไป่ติดตามจี้อู๋ฮุยมานาน ดังนั้นย่อมได้เห็นความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์แม้เพียงผ่านสายตา

         “เหล่าไป่ คล้ายเจ้ายินดีกระมัง?” จี้อู๋ฮุยเผยยิ้ม “หรือว่าเกิดเรื่องดีขึ้น? บอกเล่าให้ข้าฟังแล้ว”

         “ข้าเพิ่งซื้อสิ่งที่ช่วยฟื้นคืนชีวิตจากร้านของเถ้าแก่”

         ถัดจากนั้น เหล่าไป่จึงนำเอาไวน์หยกออกมาถือในมือด้วยความทะนุถนอม

         “ฟื้นคืนชีวิต? เถ้าแก่ลึกลับผู้นั้นถึงกับมีของเช่นนี้?!”

         ด้วยสายตาจับจ้องไวน์หยก จี้อู๋ฮุยแทบไม่อาจสงบใจลงได้

         กับของเช่นนี้ที่แทบไม่อาจหาได้ ถึงกับสามารถซื้อหาได้ง่ายดายเช่นนี้!

         “เช่นนั้นขอข้าแสดงความยินดีแก่เหล่าไป่ก่อนแล้ว คล้ายว่าหนทางสู่ขอบเขตทดสอบเต๋าระดับที่เก้าจะเบิกออกเป็นที่เรียบร้อย” เมื่อสงบใจลงได้ จี้อู๋ฮุยจึงเผยยิ้ม

         เขาไม่มีความคิดร้องขอมาเป็นของตนเองแต่อย่างใด

         เพราะเขายังมีอายุขัยอีกมาก ขณะนี้กล่าวได้ว่ายังไม่ขาดซึ่งพลังชีวิต

         เหล่าไป่ยิ้มรับ “น้อมรับคำองค์เหนือหัว”

         “จริงด้วย” จี้อู๋ฮุยคล้ายคิดอะไรขึ้นได้จึงกล่าวถาม “เหล่าไป่ เกรงว่าไวน์หยกนี้คงแพงมากล้ำแล้วกระมัง?”

         เหล่าไป่เมื่อได้ยิน สีหน้าจึงเผยความแปลกประหลาดออก

         จี้อู๋ฮุยเกิดความสงสัย “เป็นอะไรไป? เรื่องนี้บอกกล่าวต่อกันได้”

         “เกรงว่าองค์เหนือหัวคาดเดาผิดไปแล้ว” เหล่าไป่ส่ายศีรษะ “ไวน์หยกนี้ก็เหมือนสินค้าอื่นที่เถ้าแก่นำมาขาย ราคาล้วนถูก”

         ด้วยสายตาสงสัยของจี้อู๋ฮุย เหล่าไป่จึงกล่าวราคาที่พร้อมจะทำให้ตื่นตะลึงออกไปได้

         “ราคานี้เพียงหนึ่งแสนผลึกวิญญาณ”

 

 

 

ตอนที่ 90 : เหล่าไป่ตัดสินใจ

         “หนึ่งแสนผลึกวิญญาณ?! เหล่าไป่ นี่ล้อข้าเล่นหรือ?!”

         สีหน้าจี้อู๋ฮุยอดไม่ได้ที่จะเกิดอาการตื่นตะลึง

         หนึ่งแสนผลึกวิญญาณถึงกับใช้ซื้อหาสิ่งที่ช่วยเติมเต็มชีวิต นี่มันต่างอะไรกับตกอยู่ข้างทางแล้วหยิบขึ้นมา?

         “ข้าไม่กล่าวล้อเล่นอยู่แล้ว” เหล่าไป่เผยสีหน้าจริงจัง “ข้าเองยังไม่คิดเชื่อ ว่าเถ้าแก่ผู้แข็งแกร่งท่านนั้นจะถึงกับมีของเช่นนี้นำมาขาย”

         จี้อู๋ฮุยถึงกับเหม่อไปแล้ว

         จากนั้นเขาจึงเริ่มคิด ว่าลั่วฉวนแท้จริงมาทำอะไรที่นครจิ่วเหยาแห่งนี้

         เมื่อพิจารณาให้ดี จี้อู๋ฮุยพลันต้องกลายเป็นชะงักไป

         นับจากวันที่ฉู่หยางผิงจ้าวตำหนักจันทราสีเงินก่อเรื่อง จนกระทั่งถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้

         จี้อู๋ฮุยได้ทราบ ว่าเถ้าแก่ผู้แข็งแกร่งท่านนี้เพียงต้องการความสงบ

         แต่ก็ไม่ถึงกับต้องไปรับหน้าที่เป็นเถ้าแก่ร้านเลยไม่ใช่หรือ? จี้อู๋ฮุยอดไม่ได้ที่จะคิดภายในใจเช่นนี้

         “องค์เหนือหัว ค่ำคืนนี้ข้าคิดดื่มไวน์หยกขวดนี้ ขอบเขตทดสอบเต๋าระดับที่แปด เข้าอยู่ร่วมกับมันมานานพอแล้ว!” เหล่าไป่กล่าวคำออก

         ด้วยเพราะจี้อู๋ฮุยเคยช่วยเหลือไว้เมื่อนานมาแล้ว เหล่าไป่จึงสามารถก้าวหน้ามาจนถึงตอนนี้ได้

         หากไม่ใช่เพราะยาวิเศษที่จี้อู๋ฮุยมอบให้ในครั้งนั้น ก็ไม่ทราบแล้วว่าเหล่าไป่ในตอนนี้จะร่วงหล่นไปอยู่ที่ใด

         สำหรับตอนนี้ ที่ไม่อาจก้าวหน้าก็เพราะเขาขาดซึ่งพลังชีวิต!

         ขณะนี้ได้รับไวน์หยกที่สามารถเติมเต็มชีวิต เหล่าไป่แทบไม่คิดอยากได้อะไรอื่น

         ในใจที่ว่างเปล่ามาเนิ่นนาน ขณะนี้ได้มีอัคคีเพลิงลุกโชนขึ้นอีกครั้ง!

         มันคือความปรารถนาต่อกำลังที่มากมายยิ่งกว่านี้!

         “ข้าทราบ!” จี้อู๋ฮุยไม่ลังเลใด เขาตอบสนองรับ “ค่ำนี้ใช้สุสานหลวง ข้าจะเปิดอาคมคุ้มกันให้เอง”

         สุสานหลวงคือสถานที่อันเงียบสงบของจักรพรรดิผู้วายชนม์ของจักรวรรดิเทียนชิง ที่แห่งนั้นมีค่ายอาคมทรงอำนาจนับไม่ถ้วนให้การคุ้มกัน

         กล่าวได้ว่าสุสานหลวง คือสถานที่ซึ่งปลอดภัยที่สุดของจักรวรรดิเทียนชิงแล้ว

         จี้อู๋ฮุยสามารถเปิดสุสานหลวงเพื่อให้เหล่าไป่ใช้งานได้ เหล่าไป่คือคนสำคัญ ดังนั้นเขาจึงอนุญาตให้ใช้งานได้

         “องค์เหนือหัวกรุณาแล้ว!” เหล่าไป่กล่าวคำอย่างจริงจัง

         สำหรับสหายเฒ่าที่ผ่านอะไรกันมามาก ถ้อยคำเหล่านี้แท้จริงไม่จำเป็นด้วยซ้ำ

         “ว่าไปแล้ว องค์เหนือหัว ที่ร้านเถ้าแก่ยังมีสินค้าใหม่” เหล่าไป่ที่คิดขึ้นได้จึงกล่าวบอกออกมา

         “โอ้? เช่นนั้นกล่าวมา” จี้อู๋ฮุยให้ความสนใจ

         จี้อู๋ฮุยเคยประหลาดใจกับโคล่าและแท่งเครื่องเทศมาแล้ว

         แต่กระนั้นก็เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ไม่อาจร่วมมือกับเถ้าแก่ เพราะร้านนั้นมีกฎที่ต้องปฏิบัติตาม

         ขณะนี้มีสินค้าใหม่วางจำหน่าย จี้อู๋ฮุยจึงรู้สึกว่าต้องไม่ใช่ของธรรมดา

         เช่นนั้น เหล่าไป่จึงกล่าวถึงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป รวมถึงหอคอยแห่งการทดสอบ

         จี้อู๋ฮุยไม่ได้สนใจบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เพิ่มความเร็วการฝึกฝนเท่าใดนัก

         เพราะมีสมบัติหลากหลายสิ่งที่ช่วยเพิ่มความเร็วการฝึกฝนได้

         ทว่าที่น่าสนใจคือเกมที่เรียกว่าหอคอยแห่งการทดสอบ!

         จี้อู๋ฮุยกล่าวพึมพำ “บางทีคงต้องหาเวลาไปเยือนร้านเถ้าแก่ท่านนั้นดูบ้างแล้ว…”

         กลางวันได้ผ่านพ้นอย่างเงียบงัน

         เพียงพริบตาฟ้าก็ค่ำมืด

         เหล่าไป่และจี้อู๋ฮุยขณะนี้มาถึงสถานที่ตั้งของสุสานหลวงแล้ว

         สุสานหลวงนั้นตั้งอยู่ในเทือกเขาที่บรรจบกับเทือกเขาจิ่วเหยาและนครจิ่วเหยา

         สถานที่แห่งนี้กล่าวได้ว่าเป็นสถานที่ต้องห้ามของเหล่าผู้ฝึกตน หากเป็นยามปกติคิดเข้าใกล้ไม่อาจทำได้

         มีแต่ต้องครอบครองลัญจกรบรรพชนจึงสามารถทำให้เปิดสุสานหลวงแห่งนี้

         ด้วยรับชมจากระยะไกลห่าง ที่พบเห็นคือม่านแสงรัศมีนับสิบลี้เข้าปกคลุม

         จี้อู๋ฮุยนำเอาลัญจกรหยกออกมาพร้อมถ่ายเทพลังวิญญาณเข้าไป

         ทันใดนี้เองที่รัศมีหมอกแสงจากลัญจกรหยกได้สว่างวูบ มันสะท้อนส่งต่อไปยังสุสานหลวง

         เพียงปลายนิ้วหยดโลหิตลงไป ค่ายอาคมที่เบื้องหน้าจึงเปิดออก

         ปากทางเข้าค่ายอาคมค่อยเปิดขึ้นอย่างเชื่องช้า

         คนทั้งสองเดินผ่านเข้าประตูหินที่สูงกว่าสิบเมตร

         ทันใดนี้เองที่ภาพฉากเบื้องหน้ากลายเป็นกระจ่างชัดขึ้นมา

         โถงอันกว้างใหญ่สุดสายตาปรากฏที่ตรงหน้า ที่แห่งนี้ปกคลุมทั้งหุบเขาเอาไว้!

         รอบโถงหลักแห่งนี้ มันประกอบด้วยรูปแกะสลักหินอันงดงามมากมาย

         เหล่านี้คืออดีตจักรพรรดิแห่งเทียนชิง

         พื้นที่โดยรอบมีแต่พลังวิญญาณหนาแน่น กระทั่งว่าควบแน่นจนเกิดขึ้นเป็นหมอกสีขาว

         นี่คือสภาวะของพลังวิญญาณอันวิเศษอย่างเลิศล้ำ!

         ขณะเดียวกัน ในโถงแห่งนี้ยังคล้ายมีมนต์สะกดที่ทำให้รับรู้ถึงความโอ่อ่าไร้สิ้นสุด!

         ซึ่งก็ไม่ได้น่าแปลกใจ เพราะนี่จึงเป็นอำนาจของจักรวรรดิเทียนชิง! พลังแห่งโชคชะตา!

         ด้วยเพราะโชคชะตาลิขิต จักรวรรดิจึงได้เจริญรุ่งเรือง

         คำ “โชคชะตา” นั้นแทบปรากฏให้เห็นเป็นมายา

         สำหรับจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่ โชคชะตาคือสิ่งสำคัญ เจริญหรือถดถอยล้วนมีโชคชะตาข้องเกี่ยว

         เพราะเหตุนี้สุสานหลวงจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อจักรวรรดิเทียนชิง!

รีวิวผู้อ่าน