px

เรื่อง : เถ้าแก่ขั้นเทพ!
ตอนที่ 13-14


ตอนที่ 13 : สิ่งที่เรียกว่าโคล่า 

โฮก! 

ในพริบตา อสูรหมาป่าสีม่วงจึงคำรามออกเสียงดัง ผลึกสีม่วงที่แผ่นหลังของมันขณะนี้กำลังทอประกายอย่างรุนแรง 

“ฉิวหยิ่งระวังด้วย!” พบเห็นเช่นนี้ เว่ยฉิงจู่จึงต้องร้องอุทานออก 

อาวุธของหลินว่านฉวงคือแส้ยาว ขณะนี้มันยับยั้งขาหน้าของอสูรหมาป่าสีม่วงไว้ได้ทันท่วงที 

ซ่งฉิวหยิ่งต้องลอบถอนหายใจโล่งอก ขณะนี้คิดถอย แต่แล้วเสียงหนึ่งพลันดังผ่านอากาศปรากฏที่ด้านหลังของนาง! 

ฉัวะ! 

เสียงเลือดและเนื้อถูกฉีกกระชากออก หางผลึกสีม่วงได้ทะลวงผ่านหัวไหล่ของซ่งฉิวหยิ่ง เป็นผลให้นางต้องกรีดร้องออกอย่างเจ็บปวด! 

พริบตานี้คราบเลือดสีแดงฉานจึงย้อมชุดนาง! 

“ฉิวหยิ่ง!” 

เว่ยฉิงจู่และหลินว่านฉวงต่างร้องออกเผยดวงตาแดงก่ำ 

หลินว่านฉวงโบกสะบัดแส้ยาวในมือนางเพื่อรั้งอสูรหมาป่าสีม่วงเอาไว้ นี่จึงเป็นการเปิดโอกาสให้เข้าช่วยเหลือซ่งฉิวหยิ่ง 

เว่ยฉิงจู่สูดลมหายใจเข้าลึก นางนำเอาห่อแท่งเครื่องเทศออกมา ฉีกมันออกพร้อมกัดเข้าปากอย่างไม่รีรอ 

“แท่งเครื่องเทศ! ขอให้เถ้าแก่คนนั้นพูดจริงด้วยเถอะ!” 

พริบตาจากนั้น ใบหน้าเว่ยฉิงจู่จึงแดงก่ำ พลังวิญญาณรุนแรงปะทุออกจากกายนาง ขณะนี้นางกลับกลายเป็นขอบเขตโชคชะตาระดับที่เก้า! 

“ของจริง!” เว่ยฉิงจู่รู้สึกถึงพลังวิญญาณในร่างที่แข็งแกร่งขึ้น ภายในใจต้องบังเกิดความยินดี 

“รับความตาย!” 

ร่างนั้นกลับกลายเป็นภาพติดตา เว่ยฉิงจู่ปรากฏตัวข้างอสูรหมาป่าสีม่วงในพริบตา พร้อมกันนี้ดาบในมือได้ตวัดออกสับฟันลง 

เพียงพริบตา ร่างของอสูรหมาป่าสีม่วงจึงแข็งค้าง ดวงตาของมันเผยออกซึ่งความรู้สึกว่าเรื่องราวไม่สมควรเป็นไปได้ 

มันไม่อาจเข้าใจ ว่าไฉนกำลังของมนุษย์ตรงหน้าถึงพุ่งพรวดได้อย่างกะทันหันเพียงนี้ 

น้ำพุเลือดกระเซ็นออกจากลำคอของอสูรหมาป่าสีม่วง หัวใหญ่โตนั้นร่วงหล่น ร่างล้มลงแน่นิ่งกับพื้น 

“ฉิวหยิ่ง รีบดื่มนี่เร็วเข้า!” เว่ยฉิงจู่ส่งโคล่าให้ซ่งฉิวหยิ่งที่ยังคงอาการตื่นตระหนก 

หลังปรับลมหายใจแล้ว นางค่อยรับชมบาดแผลที่ไหล่ของซ่งฉิวหยิ่งซึ่งถูกรักษา ดวงตาของสตรีทั้งสามขณะนี้มีแต่อาการตื่นตะลึงเผยให้เห็น 

อาการบาดเจ็บนี้ไม่ใช่น้อย แม้ได้ยาวิเศษช่วยเหลือก็ยังต้องใช้เวลานับเดือนเพื่อรักษา 

ขณะนี้ผ่านไปเพียงไม่กี่ชั่วลมหายใจ ต่อหน้าต่อตาคนทั้งสาม บาดแผลเสมือนไม่เคยเกิดขึ้น นี่มันยาจากตลาดมืดอันใด? 

“น้องฉิงจู่ นี่ให้ข้าดื่มอะไรไป?” ซ่งฉิวหยิ่งกล่าวออกอย่างที่ตนเองยังแทบไม่เชื่อ “แล้วเมื่อครู่นั้นกินอันใดเข้าไป พลังวิญญาณถึงกับพุ่งทะยานได้เพียงนั้น!” 

นึกย้อนกลับไป เว่ยฉิงจู่จึงค่อยจำได้ว่าลั่วฉวนบอกกล่าวว่าสิ่งนี้คืออะไร “นี่คือโคล่า…” 

…… 

สามวันให้หลัง 

ก็เหมือนเฉกเช่นทุกวัน ลั่วฉวนจะนอนอาบไล้แสงตะวันบนเก้าอี้หินที่หน้าทางเข้าร้าน 

“เถ้าแก่อาบแดดอีกแล้ว!” 

เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้น เสียงนี้คุ้นเคยขนาดไม่ต้องคาดเดา ปู้หลี่เกื๋อมาเยือนอีกครั้งแล้ว 

ตลอดช่วงหลายวันมานี้ ปู้หลี่เกื๋อมาเยือนร้านลั่วฉวนทุกวี่วัน ทั้งยังซื้อหาขวดโคล่าและแท่งเครื่องเทศติดไม้ติดมือไปตลอด 

ลั่วฉวนย่อมยินดี อย่างไรลูกค้าก็คือผู้นำเงินทองมาให้ 

ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่ทำเขาไม่ค่อยพอใจ คือปู้หลี่เกื๋อมาที่นี่หลายครั้งแล้ว แต่กลับไม่นำลูกค้าอื่นมาเยี่ยมเยือนร้านด้วย 

พี่สาวของปู้หลี่เกื๋อ ปู้ฉืออีนั้นไม่มาเยือนหลายวันแล้ว ลั่วฉวนไม่ใช่คิดอยากพบเจอโฉมงาม ทว่าคิดอยากขายโคล่าและแท่งเครื่องเทศให้มากกว่านี้! 

ทว่าจากมุมมองของปู้หลี่เกื๋อ ร้านของลั่วฉ้วนนั้นน้อยคนแทบรู้จัก หากให้ผู้คนมากมายทราบเรื่องแล้วสินค้าหมดขึ้นมาจะเป็นอย่างไร? ถึงตอนนั้นเขาก็ไม่มีแท่งเครื่องเทศและโคล่าให้ดื่มกินแล้ว! 

“ทุกอย่างบนชั้น ไปหยิบด้วยตนเอง จำเอาไว้ว่าวางผลึกวิญญาณไว้บนโต๊ะก่อนออกจากร้านด้วย” ลั่วฉวนกล่าวออกอย่างที่แทบไม่คิดเปิดตารับชม 

“แน่นอน!” 

ปู้หลี่เกื๋อตอบสนองทันควัน ขณะนี้เข้าไปคว้าหยิบแท่งเครื่องเทศพร้อมขวดโคล่า จากนั้นจึงวางผลึกวิญญาณไว้บนโต๊ะ 

“ให้มันได้อย่างนี้ ดื่มน้ำสุขสันต์นี่ทุกวันไม่ต่างอะไรกับขึ้นสวรรค์!” 

หลังดื่มโคล่าจนหมดขวดใหญ่ ปู้หลี่เกื๋อก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ 

นาม “น้ำสุขสันต์” นั้นเป็นลั่วฉวนกล่าวออกไปโดยไม่ตั้งใจก่อนหน้า และปู้หลี่เกื๋อที่หูดีได้ยินเข้าจึงจดจำและนำมาเรียกตาม 

ตอนที่ 14 : ขอซื้อทั้งร้าน! 

“พูดเลยนะเถ้าแก่ กับร้านขายของแบบนี้ ไม่คิดว่ามีของแค่สองอย่างมันน้อยเกินไปงั้นหรือ?” 

หลังกินโคล่าและแท่งเครื่องเทศเรียบร้อย ปู้หลี่เกื๋อจึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวคำออก 

แท่งเครื่องเทศและโคล่าทั้งอร่อยและมากประโยชน์ ทว่ามีบาดแผลของปู้หลี่เกื๋อนั้นมีเพียงหนึ่งและรักษาหายดีแล้ว ดังนั้นที่กินไปจึงเป็นความชอบส่วนตัว! 

เจ้าของร้านไม่ทราบว่ามีผลิตภัณฑ์ขายน้อยมีปัญหาอะไร และมีผลิตภัณฑ์ขายมากกว่านี้จะได้อะไร? 

ลั่วฉวนจึงอดไม่ได้ที่จะกลอกตามองต่อคำถามของปู้หลี่เกื๋อ 

ทว่าคำเหล่านั้นก็ได้เพียงคิดในใจ กล่าวออกจึงต้องเปลี่ยนคำพูด “ผลิตภัณฑ์ใหม่จะมีในไม่ช้า” 

“นี่เถ้าแก่พูดแบบนั้นมาสามครั้งแล้วนะ” ปู้หลี่เกื๋อบุ้ยปาก 

ลั่วฉวนไม่ตอบคำใดกลับแล้ว 

หลังพูดกล่าวสัพเพเหระกับลั่วฉวนไปพักหนึ่ง ปู้หลี่เกื๋อจึงกลับออกจากร้านไป 

และขณะนี้เองที่รถลากหรูหราจึงค่อยเคลื่อนเข้าสู่ด้านในนครจิ่วเหยาจากทางประตูตะวันออก 

รถลากนี้ใช้กิเลนต่างม้า กล่าวได้ว่าน่าเกรงขามแก่ผู้พบเห็น 

กิเลนคือสายเลือดของมังกรแห่งตำนาน กล่าวขานกันว่ากำลังนั้นทัดเทียมขอบเขตโชคชะตาเมื่ออยู่วัยกำลังเติบโต! 

ผู้ฝึกตนและประชากรเมืองตามทางต่างต้องหลบเลี่ยงเส้นทางและมองตาม 

ที่ตรงด้านหน้ารถลาก มันมีสัญลักษณ์อันต้องตาประดับเอาไว้ เป็นดวงจันทราสีเงิน 

ผู้คนของนครจิ่วเหยาหาได้แปลกใจไม่ เพราะนี่คือตราของตำหนักจันทราสีเงิน! 

ตำหนักจันทราสีเงิน เป็นหนึ่งในขั้วอำนาจใหญ่ซึ่งอยู่ใกล้จักรวรรดิเทียนชิง กระทั่งว่าทรงอำนาจเสียยิ่งกว่าจักรวรรดิเทียนชิง! 

“ชิชิ ไม่นึกเลยว่านายน้อยผู้นี้จะต้องมาเยือนสถานที่เช่นนครจิ่วเหยา” 

“จ้าวตำหนักกล่าวเอาไว้ พวกเราเพียงมาหาสถานที่พำนัก กำลังของจักรวรรดิเทียนชิงช่วงนี้ดีเยี่ยม หวังว่านายน้อยจะเก็บงำตัวตนไว้” 

“ข้าทราบแล้ว ข้าทราบ…” 

นั่นคือบทสนทนาภายในรถลาก 

รับชมรถลากเข้าสู่ในเมือง ทหารยามที่ประตูเมืองจึงออกคำสั่งเคร่งเครียด “เร่งรีบรายงานต่อองค์เหนือหัว คนของตำหนักจันทราสีเงินต้องการเข้านครจิ่วเหยา!” 

“รับทราบ!” 

…… 

ขณะมองฝูงชนผ่านทางหน้าต่างของรถลาก สายตาของชายหนุ่มในรถลากนั้นเผยออกแต่ความรังเกียจเดียดฉันท์ 

รถลากเคลื่อนตัวผ่านตรอกแห่งหนึ่ง เมื่อชายหนุ่มได้เห็นสภาพภายในตรอก ดวงตานั้นพลันต้องเผยประกาย 

“หยุด!” 

ด้วยเหตุนี้รถลากจึงหยุดชะงักโดยทันที 

“จ้าวตำหนักน้อยมีอะไรหรือขอรับ?” ชายชราผู้บังคับรถลากพลันเปิดหน้าต่างถามด้วยความงุนงง 

“จุ๊จุ๊ ถึงกับเปิดร้านในสถานที่เช่นนี้ ให้ข้ารับชมหน่อยแล้ว” 

นายน้อยผู้นั้นก้าวเดินลงจากรถลาก จากนั้นจึงเดินเท้าต่อไปในตรอก ข้ารับใช้ชราจึงเร่งรีบตามติด 

ไม่ช้าชายหนุ่มจึงมาหยุดตรงหน้าร้าน 

“ร้านต้นตำรับ!” 

หลังได้เห็นชื่อร้าน ชายหนุ่มจึงชะงักไปครู่ แต่ไม่ช้ารอยยิ้มเหยียดหยันก็ปรากฏ “เหอะ วาจาใหญ่โตนัก!” 

จากนั้นสายตาจึงหันมองไปทางลั่วฉวนที่นอนเอกเขนก ด้วยรับรู้ถึงตัวตน กระนั้นกลับไม่ทราบความผันแปรทางพลังวิญญาณ เขาส่ายศีรษะอย่างผิดหวัง “ก็แค่คนทั่วไป” 

แต่สำหรับคนธรรมดาที่ใช้ชีวิตสามัญเช่นนี้ ก็ถือได้ว่าเลือกเส้นทางได้ชาญฉลาด 

แต่แล้วขณะคนหนุ่มหันสายตากวาดมองภายในร้าน นัยน์ตานั้นพลันต้องหดแคบลง 

“เครื่องแก้ว! ทั้งยังเป็นแก้วสีสันงดงาม!” 

สีหน้าชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะเผยออกซึ่งความยินดี 

ขณะนี้เขารู้สึกว่าการมาเยือนที่แห่งนี้ก็มีโชคอยู่บ้างเช่นเดียวกัน! 

แม้เครื่องแก้วเป็นเพียงสิ่งของทั่วไป ทว่ารูปลักษณ์ของมันวิจิตร บรรดาผู้ร่ำรวยและผู้ฝึกตนต่างก็รักชอบได้ครอบครองพวกมัน 

หากเป็นแก้วอันบริสุทธิ์เช่นนี้ ขนาดเพียงฝ่ามือย่อมมีมูลค่าทัดเทียมหลายร้อยผลึกวิญญาณ! 

หากสามารถได้รับเครื่องแก้วทั้งร้านแห่งนี้ เช่นนั้นก็ไม่ต้องห่วงหาเรื่องการอวดร่ำรวยในภายหน้าอีกต่อไป! 

“ตื่นได้แล้ว ข้าขอซื้อทั้งร้าน!” ชายหนุ่มตะโกนบอกกล่าวกับลั่วฉวนเสียงดัง 

……

 

 ไม่พลาดการอัพเดตตอนใหม่ ติดตามได้ที่ : https://bit.ly/32ciG6V

รีวิวผู้อ่าน