px

เรื่อง : แม่สาวชาวสวน **(จบแล้ว)**
ตอนที่ 9: ไข่ไก่


ตอนที่ 9: ไข่ไก่

 

เช้าวันรุ่งขึ้นของการแยกออกมาใช้ชีวิตลำพัง ฟางฮั่นลุกขึ้นจากการหลับใหลอย่างสดชื่น ท้องฟ้าแจ่มใสราวกับรู้เห็นเป็นใจกับนางด้วยเช่นกัน

 

นางพบว่ามีเสื้อผ้าที่หนากว่าเดิมวางอยู่ที่ด้านนอก นางจึงหยิบผ้าป่านมาห่อตัวของฟางหมิงหวยเอาไว้อย่างอบอุ่น จากนั้นลุกขึ้นเพื่อที่จะออกไปด้านนอก พลันสายตาเหลือบเห็นฟางฉือที่ลุกขึ้นนั่งและขยี้ตาอย่างงัวเงีย “พี่ใหญ่จะไปไหนหรือ ? ”

 

ฟางฮั่นเผยรอยยิ้มจางพร้อมกับชี้ไปที่ด้านนอก “พี่ใหญ่จะไปให้อาหารไก่สักหน่อยแล้วก็ทำอาหารเช้าให้พวกเจ้า เป็นไข่สักสองฟองดีหรือไม่ สำหรับเจ้าและฟางหมิงหวย แต่ตอนนี้เจ้านอนก่อนเถิด”

 

ฟางฮั่นรู้สึกรักเด็กทั้งสองคนนี้ที่กำพร้าพ่อแม่แต่กลับรู้เรื่องรู้ราวเป็นอย่างดี นางต้องการจะเลี้ยงดูพวกเขาให้ดี เพราะเด็กทั้งสองคนนี้ผอมแห้งและผิวสีเหลืองซีดคล้ายกับขาดสารอาหาร

 

ทันทีที่ฟางฉือได้ยินว่าพี่สาวจะออกไปให้อาหารไก่ นางรีบลุกขึ้นพร้อมกับแต่งตัวทันที “ข้าจะไปด้วย”

 

“นอนต่อเถิด เดี๋ยวข้าก็กลับมา” ฟางฮั่นกล่าวอย่างปลอบโยน ในยุคก่อนนางมักจะได้ยินคนเฒ่าคนแก่พูดว่าหากเด็กน้อยไม่ยอมหลับนอนให้เพียงพอ เมื่อโตขึ้นพวกเขาจะไร้พลังงานในการใช้ชีวิต ฟางฮั่นไม่ต้องการให้เด็กทั้งสองเติบโตมาแบบขาดสารอาหารและพัฒนาการย่ำแย่ 

 

ฟางฉือที่ได้ยินพี่สาวกล่าวเช่นนั้น นางรีบกลับไปที่เตียงและห่มผ้าหลับตาอย่างเชื่อฟัง

 

ฟางฮั่นพยักหน้าอย่างพึงพอใจและเปิดประตูเดินออกไปด้านนอก

 

เมื่อวานนี้ครอบครัวนั้นมอบไก่ให้นางเป็นตัวผู้ 2 ตัว ตัวเมีย 1 ตัว อีกทั้งอาหกยังช่วยทำเล้าไก่แบบเร่งด่วนให้นางใช้งานไปก่อน พวกมันอยู่ด้านข้างกับกระท่อมซึ่งถูกยกสูงขึ้นเล็กน้อย มันห่างออกมาจากห้องนอนไม่มากนัก

 

ฟางฮั่นหยิบเมล็ดข้าวพร้อมกับโปรยให้ไก่ในเล้า ทันใดนางพบว่ามีเล้าไก่นั้นมีคนนั่งอยู่ข้างใน ก้นของนางโผล่ออกมาด้านนอกและกำลังเอื้อมมือเข้าไปเพื่อจับไก่

 

เสียงหัวเราะเยือกเย็นของฟางฮั่นดังขึ้นมา “ท่านย่างั้นหรือ ? ”

 

ฟางเถียนซึ่งถูกจับได้โดยฟางฮั่นจึงลุกยืนขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยท่าทีตื่นตระหนก นางแทบจะล้มก้นจ้ำเบ้าเนื่องจากตกใจเสียงร้องทัก

 

ฟางเถียนยืนขึ้นอย่างมั่นคงอยู่ภายในเล้าไก่ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความหงุดหงิด ในมือข้างหนึ่งถือไข่เอาไว้พร้อมกับกล่าวอย่างดุร้าย “นังบ้า เจ้าจะเสียงดังเพื่ออะไร ! ”

 

ฟางฮั่นเอียงศีรษะเล็กน้อยพร้อมกับมองไปที่ฟางเถียนอย่างไร้เดียงสา แม้ใบหน้าของนางคือเด็กน้อยแต่ทว่าคำพูดที่เปล่งออกมานั้นเชือดเฉือนอย่างยิ่ง “ก็ไม่มีอะไรมาก เพียงแค่ข้ารู้สึกตกใจเล็กน้อยที่เห็นท่านย่าเข้ามาช่วยดูแลเล้าไก่ของครอบครัวของลูกชายคนรองด้วยตนเองตั้งแต่เช้าตรู่ ข้าสัมผัสได้ว่านี่คือความรักอย่างแท้จริง”

 

ในคำว่าครอบครัวของลูกชายคนรองนั้นนางจงใจที่จะพูดเหน็บแนมอีกฝ่ายอย่างชัดเจน

 

ฟางเถียนรู้สึกโกรธมากยิ่งขึ้น เมื่ออดีตที่ผ่านมาฟางฮั่นทั้งขี้ขลาดและไม่เคยต่อปากต่อคำกับนางแม้แต่น้อย แล้วสิ่งนี้คืออะไรกัน เช่นนี้นางจึงตวาดออกมาอย่างขุ่นเคือง “แล้วมันจะทำไม ? ข้าอยากจะรู้ว่าไก่มันจะสามารถวางไข่ได้หรือไม่ถ้าหากว่าต้องมาอยู่ในที่ใหม่ เฮอะ นังตัวดีไม่รู้งั้นเหรอว่าข้าเป็นคนดูแลพวกมันมาตลอด ? ! ”

 

ฟางฮั่นถอนหายใจยาวพร้อมกับอุทาน “โอ้” สายตาของนางหยุดลงที่ไข่ในมือของฟางเถียนทันที

 

ใบหน้าของฟางเถียนแข็งทื่อเล็กน้อยก่อนที่จะยัดไข่ใส่มือของฟางฮั่นด้วยความเย็นชา จากนั้นนางรีบสะบัดตัวและพุ่งออกจากเล้าไก่ในทันที เห็นได้ชัดว่านางค่อนข้างจะอับอายกับสถานการณ์เช่นนี้

 

ฟางฮั่นส่ายศีรษะเล็กน้อยอย่างไม่รู้จะพูดอะไรต่อ

 

ในบ้านมีไก่มากมายแต่กลับมีแต่ไก่ของครอบครัวของลูกชายคนรองเท่านั้นหรือที่สามารถออกไข่ได้ ?

 

ฟางฮั่นรู้ดีว่าฟางเถียนไม่ได้เป็นห่วงเป็นใยไก่ของตนเอง เพียงแค่นางไม่ต้องการที่จะให้ครอบครัวของลูกชายคนรองได้กินของดีเท่านั้นเอง

 

นี่คือไข่ฟองแรกของฟางหมิงหวย นางรื้อความทรงจำเดิมของร่างนี้และพบว่าเขาเกิดมา 4 ปียังไม่เคยลิ้มรสชาติของไข่เลยสักครั้ง ! 

 

หลังจากที่เลี้ยงไก่เสร็จแล้ว ฟางฮั่นหยิบเส้นก๋วยเตี๋ยวและไข่เข้าครัวเพื่อทำอาหารเช้า

 

เมื่อวานนี้เหล่าฟางได้บอกไว้ว่าจะสร้างเตาแยกให้ในภายหลัง ตอนนี้ให้ใช้ร่วมกันไปก่อน

 

ฟางฮั่นมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องราวของเด็กที่ยากจนเช่นกันในโลกก่อนหน้านี้ นางเคยเลี้ยงดูเด็ก ๆ มาก่อนและการปรุงอาหารไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นสำหรับนาง

 

ตอนนี้ยังเช้ามากจึงมีเพียงฟางฮั่นคนเดียวที่อยู่ในครัว มือและเท้าของนางค่อนข้างคล่องแคล่วอย่างมาก 

 

ทั้งการจุดไฟและเคลื่อนไหวต่าง ๆ นางเทเส้นลงไปในกระทะเหล็กพร้อมกับต้มอย่างใจเย็น จากนั้นโรยด้วยไข่และต้นหอม ตามด้วยเกลือเล็กน้อยและไข่ตุ๋นใส่ชามเล็ก ๆ วางคู่กัน

 

หลังจากที่ฟางฮั่นทำอาหารเสร็จสิ้นแล้ว นางได้ยินเสียงดังมากจากห้องใหญ่

 

ฟางฮั่นรีบทำความสะอาดครัวและออกไปทันทีเพื่อที่จะไม่ต้องพบเจอกับฟางเถียน

 

มือหนึ่งหยิบชามข้าวและอีกมือหนึ่งถือชามไข่ตุ๋นเอาไว้ ฟางฮั่นกำลังจะก้าวออกจากครัว ฉับพลันเด็กผู้หญิงคนหนึ่งสวมใส่ชุดสีชมพูวิ่งปรี่เข้ามาในครัวพร้อมตะโกนเสียงดัง “ใครทำอะไรงั้นหรือ กลิ่นหอมเหลือเกิน ข้าหิวจะตายแล้ว ! ”

 

ฟางฮั่นหยุดเดินทันทีและจะเดินหลบไปด้านข้างเพื่อที่จะไม่ให้อาหารหก

 

หญิงสาวหยุดลงตรงหน้าของฟางฮั่น นางเอื้อมมือและพยายามจะหยิบชามไข่ตุ๋น “ฟางฮั่นทำเสร็จแล้วงั้นหรือ ? กลิ่นของมันยอดเยี่ยมและทำให้ข้ารู้สึกหิวมาก”

 

นี่คือบุตรสาวคนสุดท้องของฟางเถียนและนางอายุ 15 ปีซึ่งเป็นวัยที่ควรจะแต่งงานได้แล้ว ใบหน้าสะสวยของนางนั้นโดดเด่นและสวยงามกว่าใครในหมู่บ้าน

 

ฟางฮั่นเอี้ยวตัวเล็กน้อยเพื่อจะบอกอีกฝ่ายว่าอย่าแตะต้องมัน สายตาเย็นชาของนางจับจ้องที่ฟางเซียงหยู่อย่างเย็นชา

 

บนศีรษะของฟางเซียงหยู่มีปิ่นปักผมเล็ก ๆ สีเงิน แม้ว่ามันจะทำให้ดูแก่แต่มันก็เหมาะสมกับนาง สิ่งนั้นถูกสร้างอย่างปราณีตและสวยงาม กลีบกุหลาบที่ตกแต่งอยู่บนนั้นราวกับว่ากำลังจะร่วงออกมาจากกัน

 

ก่อนหน้านี้มันคือสมบัติของหรวนชิงชิง ซึ่งเป็นแม่ของนาง แต่มันกลับถูกฉกชิงไปโดยฟางเถียนและอยู่บนศีรษะของฟางเซียงหยู่ “เด็กจะสวมใส่สิ่งของเช่นนี้ได้อย่างไรกัน มันเป็นของผู้ใหญ่” 

 

นี่คือถ้อยคำที่ฟางเถียนได้กล่าวไว้ก่อนที่มันจะไปอยู่บนศีรษะของเซียงหยู่

 

เมื่อฟางฮั่นคิดถึงเรื่องนี้รอยยิ้มจางผุดขึ้นมาบนใบหน้าของนาง

 

ฟางเซียงหยู่รู้สึกไม่เชื่อสายตาว่าฟางฮั่นจะกล้าหลบเลี่ยงนาง ด้วยความรู้สึกที่ไม่ชัดเจนนั้นทำให้นางลองเอื้อมมือออกไปอีกครั้งและฟางฮั่นยังคงหลบนางต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งเช่นกัน

 

“ท่านน้า พวกเราแยกบ้านกันแล้ว ! ” ฟางฮั่นเตือน

 

ใบหน้าขาวสวยของฟางเซียงหยู่เลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย คล้ายกับว่านางกำลังพบเจอเรื่องประหลาด

 

ความโกรธทำให้นางตะคอกออกมา “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการแยกออกไปของแกงั้นเหรอ? ทำไมข้าจะกินไม่ได้ ? สิ่งที่แกถืออยู่ในมือนี้มันไม่ใช่ของ ๆ แกสักหน่อย ! ”

 

ถ้าหากว่าเป็นฟางฮั่นคนเดิมนางก็คงจะยอมแพ้ไปแล้ว แต่ตอนนี้ฟางฮั่นเปลี่ยนไปและนางกล่าวตอบโต้อย่างเผ็ดร้อน “อะไรไม่ใช่ของข้างั้นหรือ? แล้วที่อยู่บนศีรษะนั่นของแม่ข้ารึเปล่า?”

 

ฟางฮั่นกล่าวออกมาอย่างเรียบง่ายและไม่ได้รอดูสีหน้าของฟางเซียงหยู่เลยแม้แต่น้อย นางถือชามข้าวพร้อมกับเดินต่อไปอย่างกระฉับกระเฉง

 

ประโยคนั้นทำให้สติของฟางเซียงหยู่หลุดลอยไปเป็นเวลานาน…

 

ขณะนี้เสี่ยวเถียนเข้ามาทำอาหารในชุดแขนยาว นางได้ยินบทสนทนาระหว่างน้าเล็กกับฟางฮั่นอย่างชัดเจนที่ลานบ้าน

 

“เซียงหยู่ เจ้าต้องการกินซุปไข่งั้นเหรอ เดี๋ยวข้าจะทำมันให้เจ้าก็ได้” นางกล่าวทักทายกับอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน

 

เซียงหยู่ฟื้นคืนสติขึ้นมาได้พร้อมกับคำรามอย่างเกรี้ยวกราด “นังจิ้งจอกขี้ขลาด...”

 

จากนั้นนางจดจำได้ว่าเสี่ยวเถียนผู้นี้ก็มีมิตรสัมพันธ์ที่ดีกับนางเช่นกัน นางเปลี่ยนอารมณ์อย่างรวดเร็วพร้อมกับหันไปหาอีกฝ่ายด้วยสายตาสดใส “ฝีมือการทำอาหารของเสี่ยวเถียนก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน ข้าจำได้ดี ข้ายินดีอย่างมากที่จะได้กินมันอีกครั้ง”

 

อีกฝ่ายเผยรอยยิ้มกว้างออกมาในขณะที่กำลังทำอาหารอยู่หน้าเตาอย่างขมักเขม้น นางพูดขึ้นมาลอย ๆ ราวกับไม่ได้ตั้งใจ “เมื่อครู่ข้าได้ยินฟางฮั่นกล่าวถึงปิ่นปักผมของแม่นาง มันคืออะไรงั้นหรือ? มันคือสิ่งที่แม่ของนางมอบให้กับครอบครัวและมอบให้กับเจ้าอีกครั้งเหรอ? แต่ถ้านางมอบมันให้กับเจ้าเอง มันก็ไม่ควรที่จะเอามารื้อฟื้นเช่นนี้เลย มันคล้ายกับการไม่ให้เกียรติแม่สามีของแม่ตนเองสักนิด”

 

ฟางเซียงหยู่ราวกับว่าได้เจอคู่หูที่ถูกใจ ใบหน้าของนางเปลี่ยนไปเป็นสีแดงด้วยความตื่นเต้น “ใช่ ใช่ การทำอย่างนี้เท่ากับว่าไม่ให้เกียรติแม่สามีเลย ! และนั่นคือแม่ของข้า ! สิ่งนี้แม่ของนางมอบให้กับแม่สามีแล้วแน่นอน ถ้าหากนางกล้าพูดเช่นนั้นอีกครั้ง ข้าสาบานว่าจะต้องฉีกปากของนางออกเป็นชิ้น ๆ แน่ ! ”

 

เปลวไฟจากเตาโหมกระหน่ำขึ้นมาจากไม่สามารถเห็นแววตาของอีกฝ่ายได้ชัดเจนนัก เมื่อครู่นางเพียงแค่ถามลองเชิงเซียงหยู่เท่านั้นและนางคิดจะล้วงความลับอีกสักหน่อย “ข้าได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับหรวนชิงชิงมาบ้าง ดูเหมือนว่าหลังจากที่นางแต่งงานเข้ามาที่นี่ นางนำสิ่งดี ๆ มากมายติดไม้ติดมือมาด้วย แต่ข้าก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร”

 

คำพูดของพี่สะใภ้ก่อนหน้านี้ทำให้เซียงหยู่รู้สึกเชื่อใจและเริ่มเล่าออกมาอย่างไม่ทันระวัง “แม่ของข้าบอกว่านางไม่มีอะไรเลยด้วยซ้ำ ตอนนั้นพี่สะใภ้รองความจำเสื่อม และนางก็ตกหลุมรักท่านพี่ของข้าตั้งแต่แรกเห็น มีเพียงกำไลหยกให้ 1 วง แม่ของข้าก็เห็นดีเห็นงามด้วย อีกทั้งผู้นำของหมู่บ้านคนเก่ายังเคยกล่าวทักว่านี่คือหยกมงคลยิ่ง มันจะนำโชคลาภมาให้ผู้สวมใส่ ตั้งแต่นั้นมาแม่ของข้าก็เก็บมันไว้ในหีบและบอกว่าจะนำมันออกมาให้ข้าก็ต่อเมื่อข้าได้แต่งงาน”

 

หลังจากที่ได้ยินเรื่องราวทั้งหมด นางไม่ต้องการที่จะฟังอะไรอีกต่อไป

 

ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ลูกคนที่สามอย่างฟางฉางอิงนับวันก็ยิ่งทำตัวเสเพลมากขึ้นเรื่อย ๆ เสี่ยวเถียนกลัวว่าฟางเถียนจะนำทรัพย์สมบัติที่ขูดรีดมาจากครอบครัวของลูกชายคนรองไปให้ลูกคนที่สามหมด

 

ซึ่งทั้งหมดนี้ควรจะตกเป็นของครอบครัวลูกชายคนโตสิถึงจะถูก

 

เสี่ยวเถียนส่ายหัวเล็กน้อยแม้ว่าอยากจะถามอะไรมากกว่านี้ แต่นางเกรงว่าใบหน้าจะแสดงร่องรอยที่เกลียดชังออกมาชัดเจนเกินไป เช่นนี้จึงจำเป็นต้องหยุดไว้ก่อน นางวกประเด็นกลับมาที่ไข่ตุ๋นอีกครั้งเพื่อให้ความสัมพันธ์ดำเนินต่อไปได้ด้วยดี

 

รีวิวผู้อ่าน