px

เรื่อง : นายน้อยเจ้าสำราญ (นิยายแปล)
ตอนที่ 18 โฆษณาแปลกใหม่


ตอนที่ 18 โฆษณาแปลกใหม่

ในคืนนี้ ทั้งสามคนได้ดื่มเหล้าเทียนเซียงไปจนหมดไห  เมื่อนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ฉินปิ่งจงและฟู่เสี่ยวกวนได้ดื่มเหล้าร่วมสาบานเป็นพี่น้องกันแล้ว ต่งชูหลานก็ได้รู้จักฟู่เสี่ยวกวนเพิ่มมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็เกิดความสงสัย

 

อาศัยฤทธิ์จากเหล้า ทำให้ฟู่เสี่ยวกวนแสดงความรู้ออกมาต่อหน้าพวกเขา สำหรับคนอื่นนั้นนี่คือเรื่องธรรมดา แต่สำหรับฟู่เสี่ยวกวนนั้น หาได้ธรรมดาไม่

 

นี่......เขาเป็นคนอย่างไรกันแน่

 

คำพูดของท่านปู่ฉินประโยคนั้น เป็นการชี้แนวทางแก่ผู้ต้องการร่ำเรียน สิ่งนี้คือสิ่งที่ผู้แสวงหาความรู้แสวงหามาทั้งชีวิต แต่เขากลับไม่สนใจ และเพียงต้องการเป็นพ่อค้าที่ดินผู้มีอิสระสำราญใจเท่านั้น

 

หลังฟู่เสี่ยวกวนเดินทางกลับ อาจารย์ฉินและต่งชูหลานก็ดื่มชากันต่อจนกระทั่งเวลาดึก หัวข้อเจรจานั้นล้วนเกี่ยวข้องกับฟู่เสี่ยวกวน

 

“เขามีความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่ แต่กลับทำเช่นนี้......บุคคลทั่วไปไม่สามารถทำได้ ด้วยความสามารถของฟู่เสี่ยวกวนนั้น ถ้าเขาเต็มใจที่จะร่ำเรียน การมีรายชื่อบนแท่นสีทองของวังหลวงนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา”

 

 “แต่เขากลับละทิ้งโอกาสที่ผู้คนมากมายล้วนแสวงหานั้น” สิ่งนี้เองก็ทำให้ต่งชูหลานคิดไม่ตก

 

“ตามที่เขากล่าว ถนนหลายพันหมื่นสาย เขาเลือกเดินทางที่คนส่วนน้อยจะก้าวเดิน สิ่งนี้คือภูมิปัญญาอันยิ่งใหญ่ของเขา ชูหลาน เจ้าลองนึกดูว่าหากเขาเลือกทางเดินเช่นเดียวกับบรรดาบัณฑิตทั้งหลาย และเข้าร่วมการสอบคัดเลือก แม้สุดท้ายจะได้รับคัดเลือกเป็นจอหงวน ก็มิได้มีสิ่งที่แปลกหรือพิเศษใด ๆ ใช่หรือไม่

 

เป็นไปตามที่ท่านอาจารย์กล่าว ชายผู้นี้มีความสามารถในการแต่งบทกวี ด้านการร่ำเรียนนั้นไม่มีใครเทียบเทียมได้ หากเขาได้รับคัดเลือกเป็นจอหงวน......ก็ดูเป็นเรื่องที่เหมาะที่ควร

 

“แต่เขากลับเลือกทางเดินนี้ สิ่งที่เขากล่าวมานั้นข้าเองก็ไม่เข้าใจ กระทั่งบางสิ่งก็คิดเห็นขัดแย้ง เช่นการกล่าวว่าโลกกลม เช่นแสงสามารถหักเหทิศทางได้ เช่น......สามารถผสมพันธุ์ข้าวได้ และผลผลิตที่ได้จะมีเมล็ดข้าวมากกว่าถึง 2 เท่า หากคำพูดนี้ออกจากปากผู้อื่น ข้าคงได้ตำหนิติเตียน หากแต่เมื่อเป็นเขาพูดออกมา ข้าจึงได้เชื่อ”

 

ต่งชูหลานยิ้ม “อาจจะเป็นเพียงคำพูด”

 

“ข้าไม่คิดเช่นนั้น หากสิ่งที่เขาเอ่ยและไม่ได้เอ่ยนั้นเป็นเรื่องจริงขึ้นมา จะเกิดคุณค่ามากจนไม่สามารถบรรยายได้ พวกเราอาจมองได้อีกมุมหนึ่ง เขากำลังตั้งใจทำเพื่อฟ้าดิน เพื่อสร้างชีวิตให้แก่ผู้คน เพื่อประโยชน์ของนักปราชญ์ในการเรียนรู้ต่อไป และเพื่อเปิดเส้นทางสันติภาพสำหรับทุกคนก็ได้จริงหรือไม่ ? ข้ายังไม่คิดว่าเพียงเท่านี้ หากเขาประสบความสำเร็จอาจจะสามารถเป็นแนวทางในการศึกษาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน......ความยิ่งใหญ่นี้ เปรียบได้กับพระเจ้าเลยทีเดียว

 

ต่งชูหลานตกตะลึง พระเจ้า......คำชมนี้ต่งชูหลานเองก็นึกไม่ถึง มันช่างเกินไปเสียจริง

 

“ดังนั้น สหายน้อยของข้าคนนี้ ช่างไม่ธรรมดาเสียจริง

......

……

ฟู่เสี่ยวกวนที่ได้รับคำชมว่าเป็นผู้ไม่ธรรมดานั้น ในคืนนี้เขาช่างหลับสนิท

 

ในเวลาเช้าตรู่ ฟู่เสี่ยวกวนตื่นขึ้นมาด้วยอาการมึนเวียนศีรษะ เนื่องจากการดื่มเหล้าเกินขนาดในเมื่อคืน

 

นอกหน้าต่างมีเสียงฝนพรำ สายลมเย็นยามเช้าพัดพาน้ำค้างเข้ามาทางหน้าต่างและกระทบกับใบหน้าของฟู่เสี่ยวกวน ชุ่มชื่น สดใส ทำให้เขาตื่นตัวขึ้นเล็กน้อย

 

ชุนซิ่วนำน้ำล้างหน้าเข้ามา เขาทำความสะอาดใบหน้าและวิ่งออกกำลังกายรอบเรือนหลานฟาง

 

เขาไม่ได้ละทิ้งการออกกำลังกายเลยแม้แต่น้อย แน่นอนว่านั่นย่อมเห็นผลอย่างชัดเจน กระดูกและร่างกายนี้ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก แต่ในสายตาของไป๋ยู่เหลียนนั้นเขายังคงเป็นผู้อ่อนแอ

 

ไป๋ยู่เหลียนเองในขณะนี้ก็ยืนอยู่ท่ามกลางสายฝน

 

เขาสวมใส่ชุดสีดำ แขวนดาบยาวที่ห่อด้วยผ้าสีดำไว้ด้านหลัง ผมสีดำขลับพลิ้วไสวท่ามกลางลมฝน มือหนึ่งถือไหเหล้าและยกดื่มขึ้นบางครั้ง ดูไปช่างคล้ายกับวีรบุรุษเสียจริง

 

“ข้าจะออกไปข้างนอกเสียหน่อย อาจจะกลับมาในอีกสิบวัน ช่วงที่ข้าไม่อยู่นั้น เจ้าจงระมัดระวังตัวเองให้ดี”

 

ฟู่เสี่ยวกวนประหลาดใจจนหยุดฝีเท้าลง แล้วเอ่ยถามว่า “ไปทำอะไรกัน

 

“ไปหานักบวชเต๋าท่านหนึ่ง”

 

“......ไปเถิด”

 

ไป๋ยู่เหลียนกระโดดตัวขึ้นสูง ผ้าสีดำโบกสะบัด และเขาก็ได้หายไปในท่ามกลางสายฝน

 

โอ้นี่มัน

 

ฟู่เสี่ยวกวนอารมณ์ไม่ดีนัก เขาจึงออกวิ่งต่อ

 

หลังออกกำลังกายเรียบร้อยแล้วจึงได้อาบน้ำและกินอาหารเช้า ฟู่เสี่ยวกวนได้ลืมภาพที่ไป๋ยู่เหลียนบินหายไปเสียสนิท

 

“ซิ่วเอ๋อร์ จงไปเชิญผู้ดูแลอี้และผู้ดูแลหวงมา ข้ามีเรื่องจะพูดคุยด้วย”

 

 “เจ้าค่ะ” ซิ่วเอ๋อร์หันหลังจากไป ฟู่เสี่ยวกวนนั่งอยู่ที่ศาลาเหลียงถิง มองดูเม็ดฝนที่ตกลงมาจากชายคาศาลา เขาคาดว่าบัดนี้ต่งชูหลานคงได้เดินทางไปจากหลินเจียงแล้ว

 

สตรีนางนี้......ฟู่เสี่ยวกวนยอมรับเลยว่าบิดาของเขาช่างมองคนเป็นเสียจริง เพราะถ้าหากจะแต่งภรรยา ก็ควรเลือกภรรยาเช่นต่งชูหลานจริง ๆ

 

หลังจากได้พบปะหลายต่อหลายครั้ง ทำให้ฟู่เสี่ยวกวนรู้จักนางดีมากขึ้น

 

บางครั้งสติปัญญาของนางก็เหมือนดอกบัวที่กำลังตูม และบางครั้งก็เหมือนกล้วยไม้ที่บานสะพรั่งในหุบเขา

 

นางเป็นเพียงเด็กสาวแรกแย้ม แต่กริยาและแนวคิดของนางนั้นทำให้ฟู่เสี่ยวกวนประทับใจอย่างยิ่ง

 

ในขณะนั้น ประตูตะวันออกของเมืองหลินเจียง รถม้าขบวนหนึ่งหยุดลงท่ามกลางสายฝน สตรีนางหนึ่งสวมชุดสีขาวปิดหน้าด้วยผ้าบางสีขาวยืนอยู่ท่ามกลางสายฝนเช่นกัน นางโบกมืออำลาบรรดาผู้คนที่เดินทางมาส่งนาง

 

สายตาของนางสอดส่องไปในท่ามกลางฝูงชน แต่สุดท้ายก็ไม่เห็นเขาผู้นั้น

 

แม้ใบหน้านางเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่แท้จริงแล้วช่างคล้ายสายฝนนี้ที่เงียบเหงายิ่งนัก

 

ในมือของนางถือกล่องสีดำใบหนึ่ง นางหันหลังกลับขึ้นไปบนรถม้าคันใหญ่ที่สุดในขบวน นำกล่องใบใหญ่หนักอึ้งนั้นวางลงข้างตัวเอื้อมมือไปปิดม่านหน้าต่าง ขบวนรถออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังเจียงเป่ยท่ามกลางสายฝน

……

......

ฟู่เสี่ยวกวนกำลังเขียนหนังสืออยู่ที่โต๊ะหิน

 

หวงเวยและอี้หยู่นั่งอยู่ข้างๆ ชุนซิ่วยืนอยู่ด้านหลังฟู่เสี่ยวกวน

 

บนกระดาษแผ่นนั้นเขียนบางสิ่งที่แปลกประหลาดไว้ เช่น ยวี๋ฝูจี้กำหนดมาตรฐานของเหล้าขาวขึ้นใหม่ หรือ จินหลิงมีเทียนเซียง หลินเจียงมีเทียนฉุน เหล้าเทียนฉุนชั้นดีควรค่าแก่การครอบครอง  เซียงเฉวียน เทียนฉุน ชื่อที่ปรมาจารย์ฉินตั้งให้ หากประสงค์ร้องกวีสักร้อยบท เชิญท่านดื่มเทียนฉุน......

 

“สิ่งเหล่านี้เรียกว่าโฆษณา”

 

ฟู่เสี่ยวกวนได้เขียนต่ออีกมากมาย แล้วเอ่ยว่า  “สิ่งที่ข้าต้องการให้พวกเจ้าทำก็คือ นำข้อความเหล่านี้ทุกข้อ ไปให้ผู้เขียนหนังสือเขียนลงบนแผ่นผ้าสีแดง ขนาด 2 จ้าง (6.6เมตร) กว้าง 1 หมี่ (1เมตร) ปลายทั้งสองด้านผูกกับก้านไผ่ จัดหาผู้คนให้มาถือไว้ แล้วเดินไปตามถนนของหลินเจียง จำไว้ว่าต้องตีฆ้องตีระฆังและเอ่ยร้อง ประโยคที่ว่าวันที่หนึ่งเดือนหกเปิดขายสินค้าใหม่ของยวี๋ฝูจี้ และต้องเขียนไว้บรรทัดแรกและบรรทัดสุดท้าย”

 

 “นอกนั้นจงไปจัดทำโคมไฟมาจำนวนหนึ่ง บนโคมไฟนั้นจงเขียนลวดลายคำว่ายวี๋ฝูจี้และเซียงเฉวียนเทียนฉุน นำไปประดับตามริมแม่น้ำ แต่ละดวงห่างกัน 10 หมี่ ข้าต้องการให้ถนนสายเลียบแม่น้ำนั้นมีโคมไฟนี้พลิ้วไหวตลอดสาย”

 

“อ้อ อีกอย่างหนึ่ง จงไปสั่งทำกล่องเช่นนี้มาอีก 1,000 กล่อง ภายในบุด้วยผ้าฝ้าย วางทับด้วยผ้าสีแดงนี้”

 

 “จงไปยังร้านกระจกหาหยู๋จี้และร้านเครื่องลายครามเจียงจี้ นำตัวอักษรเหล่านี้ไปให้พวกเขา ด้านล่างแก้วจงสั่งให้หยู๋จี้ลงลวดลายคำว่าเทียนฉุนสองคำนี้ ส่วนขวดของเจียงจี้นั้น ตัวขวดและใต้ขวดให้ลงลวดลายนี้ด้วยเช่นกัน อีกอย่างหนึ่งจงกำชับว่าสินค้าที่ข้าสั่งให้ผลิตนั้นเรื่องคุณภาพและเวลาห้ามมีความผิดพลาดใด ๆ จงให้เจียงจี้นำสินค้าไปส่งที่ยวี๋ฝูจี้ จัดการหาคนนำเหล้าบรรจุใส่ลงในขวด จงระวัง ขวดสีแดงนั้นใช้สำหรับใส่เทียนฉุน ใส่ปริมาณขวดละ 3 ตำลึงเท่านั้น ส่วนขวดสีฟ้าบรรจุเซียงเฉวียน อย่าจำสับสนกัน เข้าใจแล้วใช่หรือไม่”

 

“......”

 

ช่างละเอียดเสียจริง

 

หลังกำชับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หวงเวยและอี้หยู่จึงได้จากไปพร้อมกับหน้าที่ที่ฟู่เสี่ยวกวนมอบหมายให้

 

“คุณชาย......เปลี่ยนไปจริง ๆ ” หวงเวยเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้ม

 

“หลังกลับจากเดินทางไปยังเสี้ยชุน ข้าก็พบว่าคุณชายเปลี่ยนไป” อี้หยู่หัวเราะขึ้น

 

“เช่นนี้เป็นการดี ส่วนฮูหยินรอง......”

 

อี้หยู่เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ามืดครึ้มท่ามกลางสายฝน ถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “ด้านฮูหยินรอง นั้น ทุกสิ่งราบรื่นดี”

รีวิวผู้อ่าน