Chapter 29 : คุกคามสาวสวย
หลังจากเลิกเรียน จางเทีย ได้วิ่งไปที่สถานีรถไฟอีกครั้งเพื่อไปดักรอ มิสไดน่า เขารอจนกระทั่งคนขึ้นรถรางไปหมด แต่เขาก็ไม่ได้ออกจากตรอกรึวิ่งไปที่ไบต์อเวนิวทันที
แม้ว่าเขาจะเห็นเธอแต่ จางเทีย รู้สึกว่าเวลามันได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถ้าเป็นไปได้เขาอยากเห็นเงาของเธอแบบนี้ไปตลอดชีวิตแต่ในตอนที่ มิสไดน่า จากไปแล้ว เขาก็รู้สึกว่าท้องตัวเองกำลังร้องอยู่
ไม่กี่วันก่อนเขารู้สึกว่าเขาหิวง่ายกว่าเดิม ก่อนหน้านี้เขายังพอทนความหิวหลังจากที่เลิกเรียนได้แต่ตอนนี้ท้องเขากลับร้อง เขาพึมพำกับตัวเองพร้อมบ่นออกมาอย่างหงุดหงิดในตอนที่ลูบท้อง – “ แกเพิ่งกินเนื้อไปตอนบ่ายนี่เอง ! “
เมื่อเขานึกถึงเนื้อแดง เขาก็จำได้ถึงงานที่ กัปตันเคอร์ลิน แนะนำให้เขา มีผู้โดยสารที่ขึ้นรถไฟไปยังไบต์อเวนิวแต่ค่าโดยสารน่ะตั้ง 4 ทองแดง มันเป็นราคาที่เขาไม่ค่อยเต็มใจจ่ายเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเดินเอาแทน ในตอนที่เขาเดินอยู่เขาก็ได้ปลอบใจตัวเอง – “ ฉันยังหนุ่มยังแน่น ฉันยังมีแรงเยอะ ดังนั้นฉันน่าจะวิ่งไหว ! “
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ จางเทีย ไปที่ไบต์อเวนิว แต่ทุกครั้งที่เขามาเขาจะรู้สึกเหมือนเขาเป็นคนนอก
ทั้งสองข้างของไบต์อเวนิวนั้นมีร้านค้าเต็มไปหมด ในตอนที่เขาผ่านร้านรองเท้า จางเทีย ก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังรองเท้าที่วางโชว์ในร้าน ราคาของมันทำให้เขาตกใจเกือบตาย 16 ทอง ! พระเจ้า ! นี่มันเท่ากับที่พ่อแม่เขาทำงานมาทั้งปี 16 ทอง, 1,600 เงิน, 160,000 ทองแดง นี่ซื้อข้าวได้เกือบ 7 ตัน แม้ว่า จางเทีย จะรู้ว่าคนรวยน่ะเป็นอยู่ยังไงแต่นี่ของพวกนี้ก็ยั่วยวนใจเขาเหลือเกิน
หลังจากที่เห็นราคา จางเทีย สามารถต้านทานของอื่นๆได้ ยิ่งเขาเห็นมากเท่าไหร่เขายิ่งเบื่อพวกมันเท่านั้น เขารู้สึกว่าตัวเองมีภูมิต้านทานของพวกนี้แล้ว ดังนั้นเขาจึงทำท่ามองตรงข้างหน้าและไม่สนใจของที่โชว์ตามร้าน
มีรถสวยๆจอดอยู่ทั้งสองฝั่งและมีคนขับรถที่คอยทำความสะอาดรถตัวเองอยู่ จางเทีย ถึงกับกลืนน้ำลายและมองตรงหน้าทำเป็นมองไม่เห็น.....
มีกลิ่นหอมยั่วยวนส่งกลิ่นมาจากร้านอาหารทั้งสองข้างของถนน จางเทีย กลืนน้ำลายและทำท่ามองตรงไปเหมือนกับไม่เห็นอะไรทั้งนั้น
มีสาวสวยยืนเรียงกันอยู่ตรงหน้าประตูของผับ กระโปรงของพวกนั้นเปิดตั้งแต่เข่าถึงก้น สายตาพวกนั้นดูยั่วยวน จางเทีย ก็ต้องกลืนน้ำลายอีกรอบและมองตรงไปทำท่าไม่เห็นอะไรทั้งนั้น....
ข้างนอกประตูโรงแรมทั้งสองฝั่งนั้นมีบริกรที่สวมถุงมือขาวแสดงท่าทีจริงใจต้อนรับลูกค้าที่เข้าและออกโรงแรม เมื่อเขามองไปเห็นสาวสวยที่ดั่งนางฟ้าซึ่งยืนอยู่หน้าประตูโรงแรม จางเทีย ก็ต้องกลืนน้ำลายอีกรอบและมองตรงไปทำท่าไม่เห็นอะไรทั้งนั้น....
ในตอนที่เด็กหน้าตาดีทั้งหญิงและชายเดินผ่านเขาไป เขาก็เห็นว่าเสื้อผ้าของพวกนั้นหรูหรา จากนั้นเขาก็ได้มองไปที่เสื้อผ้าเก่าๆของตัวเอง จางเทีย ก็ต้องกลืนน้ำลายอีกรอบและมองตรงไปทำท่าไม่เห็นอะไรทั้งนั้น....
ผู้หญิงและผู้ชายต่างก็พูดคุยหัวเราะกันในร้านกาแฟทั้งสองฝั่งของถนน เมื่อดูราคาจากด้านนอกแล้ว จางเทีย ก็ต้องกลืนน้ำลายอีกรอบและมองตรงไปทำท่าไม่เห็นอะไรทั้งนั้น....
ตอนนี้ในสายตาของของพวกบริกรแล้วเขาก็เป็นแค่คนบ้านนอก ไม่มีใครสนใจเขาเลย
เขาเดินเตร็ดเตร่อย่างกับผีกว่าครึ่งชั่วโมง ในที่สุดเขาก้ได้มาถึงซอย 18 ซึ่งมีซอย 16 อยู่ตรงหน้าและซอย 20 อยู่ด้านหลัง เมื่อเห็นป้ายทองแดงที่เขียนว่า ‘ ไบต์อเวนิวที่ 18 ‘ ที่แขวนไว้กับเสาและมีบันไดประมาณ 10 ก้าวอยู่ด้านหลังนั้น จางเทีย อึ้ง ที่น่าประทับใจกว่าเลขที่บ้านสำหรับเขาคือตัวหนังสือตัวโตที่อยู่ตรงประตูที่เขียนไว้ว่า – สนามต่อสู้ไออ่อนทอร์น
สนามต่อสู้ ? สนามต่อสู้.....สนามต่อสู้ !
มันคืองานในสนามต่อสู้ ทันใดนั้น จางเทีย ก็แทบน้ำตาไหลออกมา เขาเข้าใจผิดเกี่ยวกับ กัปตันเคอร์ลินไป ไอ้โหดนั่นเป็นคนดีจริงๆ !
ในยุคแบบนี้พลังในการต่อสู้นั้นคือส่วนที่สำคัญที่สุดและสนามต่อสู้เป็นที่ที่ดีที่สุดที่พัฒนาทักษะด้านนี้ --- อย่างน้อยก็สำหรับเมืองนี้ล่ะนะ
จางเทีย สูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะจับเข้าไปที่จดหมายแนะนำตัวในกระเป๋าแล้วเดินเข้าไปตรงประตูนั่น
“ เงิน, สาวๆ, พี่มาแล้วววว ! “ – จางเทีย ตะโกนขึ้นในใจ....
“ หยุด ! แกเป็นใคร ? ! “ – หนึ่งในยามสี่คนตะโกนถามออกมาอย่างน่ากลัวโดยพวกนั้นถือดาบไว้ในมือคอยเฝ้าประตูไว้ พวกนั้นยื่นมือมาห้าม จางเทีย เอาไว้ตอนที่เขากำลังจะเดินเข้าไป
เมื่อเห็นคนที่สวมเกราะและดูแข็งแกร่งอีกทั้งยังสูงกว่าเขา ในเสี้ยวพริบตา จางเทีย ก็รู้สึกได้ว่าตัวเองน่ะอ่อนแอ – “ ผม..ผมมานี่เพื่อทำงาน กัปตันเคอร์ลิน แนะนำผมให้มาที่นี่ ! “
“ กัปตันเคอร์ลินเหรอ ? แกมีหลักฐานรึเปล่า ? “
“ มีครับ มี... “ - จางเทีย รีบเอาจดหมายออกมา ตอนนั้นเองรูปตรงซองจดหมายเองก็เกี่ยวข้องกับรูปป้ายที่นี่ด้วย
จางเทีย ยื่นจดหมายไปให้ชายตรงที่ปตระตู ก่อนจะเดินเข้าไปในคลับนั้น ในตอนที่เข้าไปข้างในเขาก็พบกับห้องโถงขนาดใหญ่ซึ่งมีน้ำพุอยู่ตรงใจกลาง ไม่มีของอย่างอื่นที่เข้ามาตกแต่งพื้นหินที่ใส่ราวกับกระจกนี้ ไม่มีดอกไม้รึต้นหญ้า ทุกอย่างที่นี่ดูสะอาดและเป็นระเบียบ ฉากตรงหน้าเขานี้คล้ายๆกับล็อบบี้ของโรงแรมหรูๆที่เขาเห็นตอนเดินเข้ามาในไบต์อเวนิว สิ่งเดียวที่ทำให้ที่นี่ดูเป็นสนามต่อสู้คือเกราะและดาบที่ห้อยโชว์อยู่ทั้งสองฝั่ง บางอันใหม่,บางอันเหมือนจะพังแล้วแต่ของพวกนี้ก็ยังคงแผ่ออร่าความโหดเหี้ยมออกมาให้เขาได้รู้สึก
ห้องโถงที่นี่เงียบสนิท เงียบซะจนเสียงน้ำพุยังได้ยิน
ที่นี่มีสาวๆอยู่จริงๆด้วย ในตอนที่ยามพา จางเทีย เดินผ่านน้ำพุไป จางเทีย ก็พบกับสาวๆ – ไม่ใช่แค่คนเดียวแต่ยืนเรียงกันเป็นแถว พวกนั้นยืนอยู่ด้านหลังโต๊ะแผนกต้อนรับ จางเทีย รู้สึกอึดอัดในตอนที่สาวๆมองมาที่เขา เขาเริ่มกังวลเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะมองกลับไปที่พี่สาวพวกนั้น ทหารคนที่พาเขามาก็ได้ชี้ไปที่ผู้หญิงคนหนึ่ง – “ เขามาที่นี่เพื่อทำงานพาร์ทไทม์ พาเขาไปหาผู้จัดการ แฮนซ์ ! “ – ในตอนที่ชายคนนั้นบอกว่า จางเทีย มาทำงาน จางเทีย ก็รู้สึกได้ว่าสายตาของสาวๆที่สงสัยในตัวเขานั้นได้หายไป อยู่ๆเขาก็กลายเป็นคนไร้ตัวตนขึ้นมาอีกครั้ง
“ ตามฉันมา ! “ – สาวสวยเดินออกมาจากแผนกต้อนรับและเข้ามาคุยกับ จางเทีย จากนั้นได้เดินไปยังทางเดินใกล้ๆ จางเทีย เองก็รีบตามไปทันที
ผู้หญิงตรงหน้าเขามัดผมหางม้า เธออายุมากกว่า 20 ปี เธอสวมเสื้อสเวตเตอร์สีดำและกางเกงสีขาวซึ่งเน้นรูปร่างของเธอ เธอมีกลิ่นหอมลอยออกมา ตอนเธอเดิน จางเทีย เห็นก้นและเอวเธอส่ายไปมา แบบนี้มันเซ็กซี่จริงงๆ จางเทีย รู้สึกได้ว่าเลือดเริ่มไหลมาเลี้ยงที่ไอ้จ้อนของเขาทำให้มันแข็งขึ้นมาทันที มันน่าอายเกินไป ดังนั้น จางเทีย เลยต้องรีบเอามือล้วงไปในกระเป๋าเพื่อกดไอ้จ้อนตัวเองลง
เมื่ออยู่กับสาสวยแบบนี้ จางเทีย ก็ทนไม่ได้ เขารู้สึกว่าเขาควรจะพูดอะไรบางอย่างออกไป ในที่สุดเมื่อเดินมาได้อีกสิบก้าว จางเทีย ก็รวบรวมความกล้าถามออกไปโง่ๆ
“ สะ-สวัสดีครับ ผม....จางเทีย คุณชื่ออะไรเหรอครับ ? “
สาวผมห้างม้าหยุดและหันกลับมา เธอมองมที่ จางเทีย และยักคิ้วขึ้น จากนั้นเธอก็ยิ้มออกมาเหมือนไม่เต็มใจ – “ ฉัน แมรี่ จริงๆแล้วนายไม่ต้องรู้ชื่อฉันก็ได้ แม้ว่าเราจะมาทำงานกันที่นี่แต่นายก็ควรรู้ไว้เลยว่านายไม่มีโอกาสเอาฉันได้หรอกนะ... “
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่จิตใจเขาโดนทำให้บอบช้ำขนาดนี้ เขาหน้าซีดลงเล็กน้อย เขาเองก็ตระหนักได้ว่าตัวเองทำหน้าเบี้ยวอยู่ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองผิดอะไร เขาแค่ถามชื่อของเธอเฉยๆ – “ นี่ฉันขึ้เหร่ขนาดนั้นเลยเหรอ ? “ – ในเวลาเดียวกันเขาก็เริ่มรู้สึกไม่พอใจที่โดนคนอื่นเมินและดูถูกแบบนี้
ถ้าโดนดูถูก จางเทีย จะเอาคืนหลายเท่าตัว อีกอย่างเพราะต้องเจอการเหยียดหยามแบบนี้มาเยอะเพราะเรียนอยู่ในโรงเรียนผู้ชาย เขารู้ขึ้นมาทันทีว่าถ้าโดนรังแกรึดูถูกแล้วเขาต้องเอาคืน....ไม่ใช่พรุ่งนี้,ไม่ใช่วันมะรืนแต่เป็นตอนนี้เลย ดังนั้นใครก็ตามที่ไม่เอาคืนจะกลายเป็นแค่ไอ้ขี้ขลาดที่รอให้คนอื่นมารังแกได้เสมอ
ดังนั้นตอนนี้ จางเทีย ก็กล้าจนเดินออกไปข้างหน้าและจ้องไปที่ตาของ แมรี่ แม้ว่าจะโดนสายตาอันน่ากลัวของเธอจ้องแต่เขาก็ยังเดินไปจับไหล่ของเธอ – “ คุณผู้หญิง เธอเชื่อมั้ยสักวันหนึ่งเธอจะถอดเสื้อผ้าออกและคุกเข่าขอร้องให้ฉันเอาเธอ ! ? แบบนี้ไง... “ – เมื่อพูดแบบนั้นแล้วเขาก็ทำท่าโยกสะโพกไปมาแบบที่ ฮิสต้า ชอบทำ โชคร้ายที่เขาเอามือออกมาทำให้ไอ้จ้อนของเขาเองก็เด้งขึ้นมาด้วย ผลก็คือไอ้จ้อนของเขาไปโดนท้อง แมรี่ ถึงสองครั้ง....
เพราะโดนไอ้จ้อนกระทุ้งและยังโดนกดไหล่ แมรี่ เลยกลัวขึ้นมา เธอไม่คิดมาก่อนว่าเธอจะโดนเด็กน้อยที่มาทำงานพาร์ทไทม์ทำแบบนี้กับเธอได้
ก่อนที่เธอจะกรี๊ด จางเทีย ก็ปล่อยไหล่ของเธอ จากนั้นเขาก็เอามือล้วงลงไปในกระเป๋ากดไอ้จ้อนตัวเองลงอีกรอบ ข้าอ้าปากขึ้นมาและพูดอย่างกับนักเลง – “ นำทางไปสิ คุณผู้หญิง ! “
หัวใจเขาเองก็เต้นรัวเหมือนกัน เขาไม่คิดมาก่อนว่าเขาจะมาทำอะไรแบบนี้ด้วย เขาจำความรู้สึกตะกี้ได้จนตัวเองยังขนลุกเลย
หน้าของ แมรี่ แดงขึ้นมา เธออ้าปากจะพูดแต่ก็พูดอะไรไม่ออกมา เธอหันกลับมามองที่ จางเทีย นานกว่าสิบวินาทีก่อนจะหันกลับไปด้วยท่าทีหงุดหงิดแล้วเดินนำหน้าไปโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ ในที่สุด จางเทีย ก็ถอนหายใจออกมา เขาได้ตัดสินใจไว้แล้วว่าถ้าผู้หญิงตรงหน้าเขาตะโกนออกมา เขาจะหนีไปทันที.....
สนามต่อสู้ไออ่อนทอร์นนั้นใหญ่โตเอามากๆ ทั้งสองคนเดินไปเกือบ 1 นาทีก่อนจะมาถึงห้องที่ทำการตกแต่งไว้อย่างทีซึ่งมีป้ายหน้าห้องบอกว่าเป็นห้องของผู้จัดการ
“ นี่คือห้องของผู้จัดการ แฮนซ์ นายก็เข้าไปเองละกัน ! “ – หลังจากพูดแบบนั้น แมรี่ ก็เชิดหน้าก่อนจะหันหน้าหนีไปโดยไม่มองมาที่ จางเทีย เลย
จางเทีย เดินเข้าไปเคาะประตู
“ เข้ามา ! “ – เสียงของผู้ชายในห้องทำให้ จางเทีย คิดถึง ดอนเดอร์ เขาผลักประตูเข้าไปและเห็นชายตัวอ้วนอยู่ด้านหลังโต๊ะที่ทำมาจากไม้นานมุ ชายคนนั้นพยายามที่จะปัดเศษขนมปังบนเสื้อผ้าออกจากตัว....
ในตอนที่ จางเทีย เห็นผู้จัดการ แฮนซ์ เขาก็รู้สึกได้ว่าผู้จัดการนี่น่ะขี้เหนียวยิ่งกว่า ดอนเดอร์ ที่ไม่เคยเลี้ยงข้าวเย็นเขาอีก