ท่ามกลางสวนดอกไม้ที่เต็มไปด้วยสีสัน อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมนับร้อยจากดอกไม้ ได้มีศาลาหินตั้งอยู่อีกทั้งยังมีลำธารไหลนิ่งสงบ
ในศาลานั้น โจว หยวนกำลังนั่นขัดสมาธิ พร้อมหลับตาทั้ง 2 ข้าง ในจิตใจของเขาพลันหลั่งไหลไปด้วย วิชาชี้นำปราณ ที่ ฉาง หยวน ถ่ายทอด”เคล็ดวิชาลมหายใจมังกร”
ถึงจะเบิกชีพจรได้ แต่ก็ยังไม่สามารถฝึกเคล็ดวิชาบ่มเพาะได้ เพียงแต่ได้อาศัยวิชาชี้นำปราณ เพื่อชี้นำพลังปราณฟ้าดินในร่างให้ชำระล้างปลดผนึก 8 ชีพจรให้เชื่อมต่อกัน
ดังนั้น สำหรับคนที่เบิกชีพจรได้แล้ว วิชาชี้นำปราณนั้นย่อมเป็นวิชาที่สำคัญอย่างมิต้องสงสัย
หากผู้เบิกชีพจรบรรลุแก่นแท้ของวิชาชี้นำปราณนั้น จะสามารถได้รับผลลัพธ์ถึง 2 เท่า
ในตระกูลราชวงศ์เอง ก็มีวิชาชี้นำปราณ แต่ โจว หยวน เลือกวิชา ลมหายใจมังกร ของ ฉาง หยวน เพราะเขาคิดว่า วิชาที่ถูกสอนโดยชายคนนี้ย่อมไม่ธรรมดา
“วิชาลมหายใจมังกรนี้ คล้ายเป็นการเลียนแบบ ท่วงท่าลมหายใจมังกร มันเป็นการกำหนดลมเข้ามาแล้วภายออกไป”
“การเลียนแบบการหายใจของมังกร ของมนุษย์นั้นจะใช้พลังกายอย่างมาก หากทำสำเร็จ เลือดเนื้อจะส่งเสียงสะท้อนออกเป็นเสียงมังกรคำรามและถึงตอนนั้นมันจะดึงดูดพลังปราณฟ้าดินได้.”
โจว หยวนค่อยๆทำความเข้าใจกับวิชาลมหายใจ มังกรนี้ ในที่สุดเขาก็พบความลับของวิชานี้
“98 ท่วงท่ากำหนดลมหายใจมังกร”
เพราะการเลียนแบบการหายใจของมังกรนั้น ต้องใช้พลังกายในเลือดและเนื้อ และ 98 วิธีกำหนดลมหายใจมังกรนี้ ก็คือส่วนที่สำคัญที่สุด
ท่วงท่าละกระบวนท่าได้ปรากฏขึ้นในจิตใจของ โจว หยวน ท่าร่างเหล่านี้นั้น มีทั้งสิ้น 98 กระบวนท่า และมันดูแปลกประหลาดคล้ายกับเป็นการเลียนแบบมังกร
โจว หยวน นั้นจดจำกระบวนท่าเหล่านี้ไว้ในจิตใจ และก็ก้าวออกจาก ศาลาหิน จากนั้นเขาก็ยกมือ 2 ข้างขึ้นและค่อยๆเคลื่อนไหวตามท่าแรก
การฝึกครั้งแรกนั้นไม่ต้องสงสัยเลย หลังจากทำทั้ง 98 ท่วงท่าเสร็จร่างของเขาก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ
อย่างไรก็สิ่งที่ทำให้โจว หยวนต้องขมวดคิ้วก็คือ หลังจากทำทั้ง 98 ท่วงท่า แม้ร่างของเขาจะร้อนผ่าวแต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกถึงพลังดึงดูดจากปราณฟ้าดินแม้แต่น้อย
“ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างตกหล่นไป” โจว หยวนกล่าวขณะที่ร่างชุ่มไปด้วยเหงื่อ และร่ายกระบวนท่าอีกครั้ง
หลังจากผ่านไป 1 ก้านธูป โจว หยวน ก็ทรุดลงพร้อมร่างที่เปียกชุ่มมากกว่าเดิม เขานั้นได้ทดลองถึง 3 ครั้งแต่ก็มิอาจสัมผัสได้ถึงปราณฟ้าดิน
“ไม่มีท่านอาจารย์ คอยชี้แนะดูเหมือนว่าข้าจะต้องคลำหาทางเองแล้ว” โจว หยวนส่ายหน้า เขารู้สึกได้ว่าการฝึกครั้งนี้มันช่างสลับซับซ้อนยิ่ง
แต่ในขณะที่กำลังจะเริ่มฝึกอีกครั้ง ปลายตาของเขาก็พลันเหลือบไปเห็น สาวงามที่ยืนอยู่ในสวนมอง มันทำให้ตาของเขาหรี่เล็กลงและปรากฏรอยยิ้มขึ้น
“พี่สาว เหยาเหยา ท่านจะช่วยชี้แนะให้ข้าหน่อยจะได้หรือไม่”
สาวงามผู้นี้ก็คือเหยาเหยานั่นเอง เมื่อได้ยินเสียงของโจว หยวน นางก็กอด ถุนถุน พร้อมหันมามองเขา พลันปรากฏรอยยิ้มขึ้นนิ้วมือของนางบานออกทั้ง 5 นิ้วพลางกล่าวว่า “สุราหยก 5 ขวด ทุกวัน แล้วข้าจะสอนเจ้า”
โจวหยวน ได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจมาก เขาขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “สุราหยก 5 ขวดมันมากเกินไปอีกทั้ง ฤทธิ์ของมันยังแรงอีกด้วย ดังนั้นข้าให้ท่านได้เพียงวันละขวดเท่านั้น”
เหยาเหยา ราวกับจะกล่าวอะไร
“มากกว่านี้ไม่ได้แล้ว มิฉะนั้นข้าจะค้นหาวิธีด้วยตนเอง” โจว หยวน กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง หาก ฉาง หยวนรู้ว่า เหยาเหยานั้น ดื่มสุราเป็นจำนวนมากทุกวัน เกรงว่าหลังจากได้พบเขาจะต้องถูกเนรเทศจากการเป็นศิษย์แน่นอน
เมื่อเห็นท่าทีของ โจว หยวน เหยาเหยา ก็แค่นเสียงพร้อมปล่อยถุนถุน ออกจากอกแล้วกล่าวว่า “ดูให้ดีๆ”
“ดูอะไรหรือ” โจว หยวนสงสัย เพราะ ที่เหยาเหยากล่าวมันไม่เกี่ยวกับการฝึกตรงไหนเลย
“ดูที่มันยังไงล่ะ” เหยาเหยา ชี้ไปที่ถุนถุน ที่อยู่บนพื้นดินพร้อมกล่าวขึ้น
โจว หยวนได้ยินเช่นนั้นก็เบ้ปาก ไม่กล่าวอะไร จากนั้นก็หันไปมองที่พื้นดิน ในตอนนั้นร่างอ้วนท้วมของถุนถุน ก็เริ่มที่จะขยับท่าทางแปลกๆ ถูกต้องมันคือ 98 ท่วงท่าลมหายใจมังกร
“นี่... ถุนถุน ก็ฝึกวิชาลมหายใจมังกรด้วยหรือ” โจว หยวนตกใจมาก
ภายใต้สายตาอันตกใจของเขา ถุนถุน ก็พลันร่ายท่วงท่า ทั้ง 98 ท่วงท่าเสร็จสิ้น ต่อจากนั้นร่างของถุนถุน ก็สั่นไหว และปากของมันก็เปิดขึ้นพร้อมมีเสียงคำรามดังขึ้นมา
กรรร กั๊ซซซ
ปราณฟ้าดินได้เปลี่ยนเป็นแสงสีขาวไหลเข้าไปทางปากของ ถุนถุน
เมื่อได้กลืนกินปราณฟ้าดินไป ถุนถุน มันก็รู้สึกพึงพอใจและหันไปมอง โจว หยวนที่กำลังตกใจอ้าปากค้างอยู่
หลังจากนั้น โจว หยวนก็เรียกสติคืน เขานั้นมองไปที่ ถุนถุน แล้วก็คิดว่า สัตว์อสูรปราณเหตุใดจึงฝึกวิชาของมนุษย์ได้กัน
“เห็นชัดแล้วหรือไม่” เหยาเหยา กล่าว
โจว หยวนนั้นข่มความตกใจเอาไว้ หลังจากลังเลเล็กน้อยก็กล่าวอย่างช้าๆว่า”มันคือลมหายใจสินะ การสร้างลมหายใจมังกรจะต้องควบคุมจังหวะหายใจให้เข้ากับท่วงท่า และปล่อยให้เลือดเนื้อเปล่งเสียงออกมา”
“วิชาลมหายใจมังกร เป็นการเลียนแบบการหายใจของมังกรที่แท้จริง และมังกรนั้นมีช่วงในการหายใจยาวนานมาก ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวของถุนถุนในแต่ละท่วงท่านั้นหรือความสัมพันธ์ของแต่ละกระบวนท่า ท้ายที่สุดแล้วมันก็คือการกำหนดจังหวะลมหายใจของมังกร”
เหยาเหยาได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของนางจึงเกิดเป็นประกายขึ้น นางมองโจว หยวนด้วยแววตาตกใจแล้วกล่าวว่า “จับจุดได้ดีหนิ”
เพียงแค่มองไปที่ถุนถุน ครั้งเดียวก็สามารถจับจุดของวิชาลมหายใจมังกรได้ ไหวพริบเช่นนี้ไม่แปลกใจเลยที่ ปู่เฮย ถึงได้เลือกเขาเป็นศิษย์
ต่อจากนั้นดวงตาของโจว หยวนก็พลันหลับลง เขานั้นจดจำจังหวะหายใจของถุนถุน หลังจากนั้นเป็นเวลานานเขาก็เคลื่อนไหวขาอย่างช้าๆ ฝ่ามือทั้ง 2 ผายออกอีกครั้ง เขานั้นได้เริ่มท่วงท่าแรกของการสร้างลมหายใจมังกรอีกครั้ง
ในสวนที่เต็มไปด้วยดอกไม้หลากสี ชายหนุ่มกำลังร่ายท่วงท่าของเขาพร้อมกำหนดลมหายใจให้ยาวยิ่งขึ้น หากมองจากไกลๆแล้ว จะคล้ายกับเป็นมังกรหนุ่มที่กำลังเหยียดร่างของมัน
98 ท่วงท่านั้นก็ได้ร่ายอย่างต่อเนื่อง และดวงตาของ โจว หยวนก็พลันเปล่งประกายขึ้น เขารู้สึกได้ว่า เลือด เนื้อ และกระดูกของเขา กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง
กลิ่นอาย ได้เคลื่อนไปตามเลือดเนื้อ ท้ายที่สุดคือมันก็ได้ขึ้นมายังลำคอ
เมื่อ ท่าสุดท้ายได้หยุดลง ใบหน้าของ โจว หยวนพลันแดงก่ำ พร้อมกับอ้าปากคำรามขึ้นทันที
* โฮกกกก *
เสียงคำรามของมังกรที่คลุมเครือเล็กน้อยได้ออกมาจากร่างของเขา
ในขณะเดียวกัน หน้าอกของ โจว หยวนพลันหดตัวลง ราวกับมังกรยักษ์ที่ดูดปราณฟ้าดินราวกับน้ำ ต่อจากนั้นปราณฟ้าดินในสวนดอกไม้ก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นแสงสีขาวไหลเข้าสู่ร่างของโจว หยวน
พลังปราณนี้ ทำให้ผิวหนังของโจว หยวนพลันร้อนลุ่มราวกับโดนเปลวไฟแผดเผา และพลังปราณที่ได้จาก ข้าวผลึกลึกลับ และ ซุป 9 อสูรที่ได้กินไปก่อนหน้านี้ ก็ได้กลายเป็นปราณอันบริสุทธิ์หลั่งไหลเข้าไปในร่างของเขาจนเข้าสู่ชีพจรจุดที่ 1 ทันที
พลังปราณที่ไหลเข้าสู่ ชีพจร จุดแรก นั้นรุนแรงจนทำให้เขารู้สึกเจ็บปวด ส่งผลให้ โจว หยวน เผลอร้องโอดครวญออกมา
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เขากลับเลือกที่จะกัดฟันข่มความเจ็บปวดและควบคุมหลอมรวมปราณให้ไหลเวียนในชีพจรของเขาต่อไป
บัดนี้ พลังปราณได้เริ่มชำระล้าง ชีพจรจุดแรกแล้ว ต่อจากนั้น 1 ก้านธูปทุกอย่างก็เสร็จสิ้น
ใบหน้าของโจว หยวนเต็มไปด้วยเหงื่อ แต่ในดวงตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความยินดีและประหลาดใจ “วิเศษ วิชามังกรลมหายใจ ช่างน่าหวั่นเกรงยิ่งนัก”
แม้เขาจะไม่ได้ฝึกฝนวิชาชี้นำลงปราณวิชาอื่นๆ แต่เขาก็ทราบว่าวิชาชี้นำปราณขั้นสูงๆนั้น คือการนำปราณมาขัดเกลาร่างกาย ความจริงแล้ว ในราชวงศ์โจวของเขาก็มีวิชาชี้นำลมปราณอยู่เช่นกัน วิชานั้นชื่อว่า ”วิชาชี้นำปราณ กู้หยวน” ซึ่งวิชานั้นจะดูดกลืนปราณก่อเกิดมาสนับสนุนร่างกายในเวลาเพียงหนึ่งส่วนของก้านธูปเท่านั้น
แต่วิชาลมหายใจมังกรในก่อนหน้านี้ กลับใช้เวลาถึงครึ่งก้านธูป แถมผลที่ได้รับยังสูงกว่าถึง 10 เท่า
แม้ว่าจะมีการสนับสนุนจาก ข้าวผลึกลึกลับ และ ซุป 9 อสูร แต่เขาก็ยังทราบดีถึงความน่าพรั่นพรึงของวิชาลมหายใจมังกร
“เจ้าต้องพึ่งท่วงท่าของวิชาลมหายใจมังกรในช่วงต้นเท่านั้น พอเมื่อเจ้าฝึกฝนไปสู่ระดับที่ลึกซึ้งแตกฉาน เจ้าก็ไม่ต้องการการสนับสนุนจากมันอีก ในเวลานั้นเจ้าจะสามารถกลั่นมันได้โดยตรง แม้เจ้าจะไม่ได้เคลื่อนไหวดั่งเฉกเช่นตอนนี้ แต่เจ้าสามารถกำหนดลมหายใจให้เป็นดั่ง ลมหายใจมังกร เพื่อดูดกลืนลมปราณฟ้าดินได้โดยตรง” เหยาเหยา ที่ยืนดูข้างกล่าวขึ้น
ไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหว ก็สามารถกำหนดลมหายใจให้เป็นลมหายใจมังกรได้งั้นรึ อีกทั้งยังสามารถดูดกลืนปราณฟ้าดินได้ด้วยตัวเอง ด้วยพลังเช่นนี้มันน่ายำเกรงถึงเพียงใดกัน
“ก่อนหน้านี้เป็นเพียงการเริ่มทะลวงเข้าไปยังชีพจรจุดแรก เมื่อเริ่มเชื่อมต่อกับมัน เกรงว่าไม่เกินเดือนข้าอาจจะสามารถเบิกมันได้อย่างสมบูรณ์” โจว หยวน กล่าวพร้อมกำมือแน่นด้วยความทะเยอทะยาน
และที่มันเป็นเช่นนี้ก็เพราะโชคดีที่เขานั้นมีวิชาลมหายใจมังกร ความจริงแล้วซุปเก้าอสูรและ ข้าวผลึกลึกลับนั้นเป็นเพียงส่วนประกอบเล็กๆเท่านั้น
“เริ่มฝึกต่อเลยก็แล้วกัน”
โจว หยวน พักเล็กน้อยแล้วก็เริ่มที่จะร่ายท่วงท่าอีกครั้ง แต่มันก็ถูกหยุดโดยเหยาเหยา หลังจากนั้นนางก็กล่าวกับเขาด้วยเสียงเบาเบาว่า “เจ้านี่รนหาที่ตายจริงๆ ขณะที่ทำการทะลวงชีพจรจะทำให้เส้นชีพจรลมปราณได้รับความเสียหาย ดังนั้นผู้คนจึงสามารถทะลวงชีพจรได้วันละครั้งเท่านั้น เจ้าต้องรอวันพรุ่งนี้จนชีพจรฟื้นคืนจึงจะสามารถทะลวงต่อได้ หากเจ้าดึงดันทะลวงต่อไปมันจะเป็นการสร้างความเสียหายให้กับชีพจร”
โจว หยวน รู้สึกตกใจมาก แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ล่วงรู้ถึงจุดนี้ เพราะเขาพึ่งจะเคยทะลวงชีพจรครั้งแรก เพียงแต่...เขาสัมผัสได้ถึงชีพจรจุดที่ 1 ของตนเป็นอย่างดี จึงกล่าวออกไปอย่างลังเลว่า “แต่ข้ารู้สึกว่าเส้นชีพจรของข้ามันยังสามารถรับได้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหยาเหยา ก็ตกใจมาก ดวงตาคู่งามของนางจับจ้องไปที่โจว หยวนแล้วกล่าวว่า”นี่เจ้าพูดจริงหรือ?”
โจว หยวน พยักหน้า
เหยาเหยาเห็นเช่นนั้นจึงลังเลเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “อาจเป็นเพราะเจ้านั้นเกิดมาพร้อมกับชีพจรที่เบิกแต่แรก แม้ว่าเส้นชีพจรของเจ้าจะถูกปิดผนึกไปก็ตาม นั้นอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เส้นชีพจรของเจ้าแข็งแกร่งกว่าผู้อื่น ?”
“งั้นเจ้าก็ลองดูอีกครั้ง”
มือทั้ง 2 ข้างของเหยาเหยานั้นได้ไพล่หลัง ทำให้ชุดคลุมสีฟ้าของนางนั้นรั้งไปด้านหลัง จนยิ่งรัดรูปจนหน้าอกที่อวบอิ่มทะลัก จนยากจะละสายตาจากไป ทว่า โจว หยวน ก็ไม่กล้าที่จะมองจ้อง เพราะเหยาเหยา กำลังจดจ้องมาที่เขา
“ข้าอยากจะรู้ว่าเจ้าจะสามารถทะลวงได้กี่ครั้ง? "
จบตอนที่ 13