Chapter 24 : ค่าความดี
——Castle of Black Iron
——ความยาว: 1 Krosa
——ความกว้าง: 1 Krosa
——พลังวิญญาณ:0.7
——ค่าความดี: 35
——พลังที่กักเก็บ :0.2
——ผลลัพธ์พิเศษ : ไม่มี
จางเทีย ไม่ได้อึ้งกับค่าพลังวิญญาณที่เพิ่มขึ้นมาเพราะมันฝรั่งมันงอกขึ้นมาเรื่อยๆซึ่งมันจะให้ค่าพลังวิญญาณที่เพิ่มขึ้น ค่าพลังวิญญาณจะเพิ่มสูงสุดตอนเมล็ดที่หว่านไว้งอกหมดแล้ว ค่าอื่นๆไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงยกเว้นแค่ค่าความดี เขาจำตัวเลขได้ว่าตอนแรกมันมีแค่ 3 เมื่อเช้านี้ เขาลองเอาค่าความดี 2 หน่วยไปเพิ่มให้กับมันฝรั่งงดู ผลก็คือจะเหลือแค่ 1 เท่านั้น แล้วแค่ครึ่งวันมันเพิ่มขึ้นมาได้ยังไง ? เพื่อหาคำตอบนั้น จางเทีย เลยเปิดบันทึกค่าความดีขึ้นมาดู
---- ในบ่ายวันที่ 14 พฤษภาคม ปี 889 เจ้าของสุดหล่อเหลาและวิเศษได้ช่วยแม่ทำเบียร์ข้าวซึ่งเป็นการแบ่งเบาภาระให้กับแม่และทำให้เธอสบายขึ้น ผลก็คือค่าความดีเพิ่มขึ้น 1 หน่วย
---- ในเย็นวันที่ 14 พฤษภาคม ปี 889 เจ้าของสุดหล่อเหลาและวิเศษได้เอาซุปข้าวไปส่งที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและได้บริจาคเงิน 10 ทองแดง ผลก็คือมีหลายคนได้รับประโยชน์จากคุณ ผลก็คือค่าความดีเพิ่มขึ้น 32 หน่วย
---- ในเย็นวันที่ 14 พฤษภาคม ปี 889 เจ้าของสุดหล่อเหลาและวิเศษได้กลับมาที่บ้านและทำความสะอาดบ้าน,ล้างจาน, กวาดพื้นซึ่งทำให้ครอบครัวของเขาพอใจ
เมื่อเห็นค่าที่เพิ่มขึ้นมานี้ จางเทีย ก็ได้คิดสักพักและลองขึ้นไปอ่านตรงคำแรกของประโยค
“ ทำดีและทำลายปิศาจ ---ความเมตตาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกมนุษย์ บูชาพระเจ้าและรักผู้คน – บันไดที่ใกล้สวรรค์ที่สุด, คนที่โชคดีนั้นจะแสดงความเมตตาออกมากับโลกจนพระเจ้าเข้าใจคุณ, โปรดรับของขวัญที่แสดงความขอบคุณจากคนนับร้อยล้านคน, โปรดกำจัดวิญญาณปิศาจและความมืด ทำให้ตัวเองเป็นแสงสว่าง เมื่อเป็นแสงสว่างได้แล้วคุณจะเดินท่ามกลายแสงและผู้คนต่างๆจะบูชาคุณ ! “
แม้ว่าเขาจะสับสนกับบางประโยคแต่การอ่านข้อความพวกนี้กับการดูค่าความดีที่เพิ่มขึ้นมานั้นทำให้ จางเทีย ได้รับแรงบันดาลใจอย่างมาก เขาพอเข้าใจแล้วว่าจะได้ค่าความดีมายังไง แม้ว่าเขาจะกำจัดปิศาจไม่ได้แต่เขาก็ยังพอทำเรื่องดีอื่นๆได้ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องเล็กรึใหญ่ก็ตาม เขาจะได้ค่าความดีเมื่อทำให้คนอื่นมีความสุข – “ฮาฮา ! ดี ฉันรักแกจริงๆเลย .... “
เขาจำได้ถึง ‘ ผลไม้ ‘ ที่เขาปลูกเอาไว้ด้านหลังต้นไม้เล็กๆ จางเทีย หัวเราะออกมาดังๆ ถ้า Castle of Black Iron เปลี่ยนเป็นผู้หญิงล่ะก็เขาคงเข้าไปจูบเธอนานแล้ว..
หลังจากหว่านเมล็ดเสร็จแล้วเขาก็เช็คค่าสเตตัสของ Castle of Black Iron จากนั้นเขาก็วิ่งไปที่ต้น Manjusaka Karma Fruit แล้วเดินวนอยู่สักพัก เขาอึ้งและมองไปที่กิ่งบนต้นไม้แปลกๆนั่น
เขาจำได้ว่าตอนแรกกิ่งมันไม่ได้มีอะไรแต่ตอนนี้กลับมีผลไม้สีฟ้าอ่อนขนาดพอกับองุ่นห้อยลงมา ในตอนที่เขาจะไปแตะมันก็ได้มีหน้าต่างคำพูดโผล่มาตรงหน้า
---- ผล Leakless ตอนนี้ยังกินไม่ได้ เมื่อดึงมันออกจากต้นมันจะเปลี่ยนเป็นแก๊สและหายไป อีก 124 ชม.กว่าจะสุก....
หลังจากอ่านข้อความนั้นแล้ว จางเทีย ก็ดึงมือกลับทันที เขาจำได้ว่าตอนที่เขาเจอ Castle of Black Iron ครั้งแรกนั้นต้นไม้นี้ถามว่าเขาจะผลิตผลของมันออกมารึเปล่า แปลว่านี่คือผล Leakless อย่างงั้นเหรอ ?
ใช้เวลา 168 กว่าจะผลิตมันขึ้นมาได้ซึ่งนั่นก็คืออาทิตย์หนึ่ง มันหมายความว่าศุกร์หน้าผลไม้นี่ก็สุกแล้ว ตอนนี้แม้ว่าเขาอยากลองดูผลของมันแต่เขาก็รู้ว่าเขาคงทำได้แค่รอ เขาต้องอดทน เขาเดินวนอยู่อีกหลายรอบและไปแตะใบไม้แปลๆก่อนจะนั่งลงที่พื้น เขาเอามือค้ำคางแล้วนั่งเหม่อลอย หลังจากทำงานมานานกว่าหนึ่งชั่วโมงและมองไปที่ดินแดนที่เขาจัดการทำงานเขาก็รู้สึกเบื่อขึ้นมาแม้ว่าตอนแรกเขาจะรู้สึกแปลกใจก็ตาม ตอนนี้เขาคงต้องรอจนกว่าเขาจะฟื้นพลังวิญญาณขึ้นมา ที่นี่เป็นที่ที่ดีสำหรับการออกกำลังกายและการวิ่งแต่เขาเหนื่อยจริงๆและไม่ได้รู้สึกอยากวิ่งเลย เขาไม่รู้ว่าพ่อแม่เขากลับมาบ้านรึยัง พวกนั้นไม่น่าจะกลับมาเร็วเพราะวันนี้เป็นวันเสาร์และพรุ่งนี้ก็เป็นวันหยุดของพ่อเขาด้วย ถ้าเป็นตามปกติแล้วพ่อแม่เขามักจะกลับมาถึงเสมอ
แล้วเขาควรทำอะไรดี ? แค่นั่งเฉยๆรอจนกว่าพลังวิญญาณจะฟื้นฟูเหรอ ? รึว่า....ทำสมาธิ ? จางเทีย หัวเราะออกมากับความคิดตัวเอง ฮาฮา....ไม่ได้ล้อเล่น คนธรรมดาของเมืองแบล็คฮ็อตจะไปรู้จักวิธีเข้าทำสมาธิได้ยังไงเพราะมันเป็นเทคนิคระดับสูง ? อาจมีบางคนในเมืองแบล็คฮ็อตที่รู้จักวิธีเพิ่มพลังวิญญาณตัวเองผ่านการทำสมาธิแต่มันก็แค่ไม่กี่คนและมันเป็นสิ่งที่คนธรรมดาไม่สามารถทำได้ กัปตันเคอร์ลิน เคยบอกว่ามีส่วนน้อยเท่านั้นที่รู้จักวิธีเพิ่มพลังวิญญาณผ่านการทำสมาธิและพวกนั้นน่ะล้วนแต่เป็นคนใหญ่คนโต แม้แต่ตัวไอ้โหดเองยังไม่รู้เลย คนอื่นนี่คงไม่ต้องพูดถึง
มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะปลุกชีพจรขึ้นมา เมื่อคิดแบบนั้นสักพักเขาก็ตบหน้าผากตัวเอง – “ ฉันลืมไปได้ยังไง ? ฉันมีหนังสือคิดเลขในใจโดยลูกคิดอยู่นิ ไม่สำคัญหรอกว่ามันจะเป็นอะไร ฉันมีเวลาลองฝึกมันนนิ ทำไมไม่ลองดูล่ะ ? “
จางเทีย เริ่มคึกขึ้นมา เขารีบนึกถึงเนื้อหาที่เขาอ่านมาหลายสิบรอบ เขาสามารถเข้าใจมันได้อย่างเต็มที่ เขานั่งขัดสมาธิลงและปิดตาลงเล็กน้อย หลังจากนั้นสักพักเขาก็เริ่มรวบรวมสติ เขาไม่รู้ว่าทำไมแต่เขารู้สึกว่าตัวเองสงบใจได้เร็วกว่าเมื่อก่อน
หลังจากใจเย็นลงแล้ว จางเทีย ก็เริ่มคิดภาพลูกคิดขึ้นมาในหัว นี่คือขั้นตอนที่สำคัญและเป็นจุดเริ่มต้นของการคิดเลขในใจ หลังจากที่คิดภาพลูกคิดขึ้นมาแล้ว เขาก็สามารถคิดเลขในใจได้ ถ้าคุณถามเรื่องการอธิบายเรื่องนี้ล่ะก็มันก็ง่ายๆก็แค่แทนนิ้วที่ใช้นับของตัวเองด้วยสติและใช้ลูกคิดในหัวแทนก็แค่นั้น
ที่ทำให้ จางเทีย งงก็คือหนังสือเล่มนี้น่ะต้องให้เขาคิดภาพลูกคิดทองขึ้นมา มันน่าจะพิเศษแต่เหตุผลนี่เขายังไม่รู้ จางเทีย คิดหาเหตุผลไม่ออกและไม่ได้คิดจะหาคำตอบนั้นต่อด้วย เขาก็แค่ทำตามที่มันบอกไว้ก็เท่านั้น
ตามที่หนังสือบอก จางเทีย ได้ลองคิดภาพลูกคิดจากแบบง่ายๆจนไปถึงแบบซับซ้อน เขาคิดภาพขอบลูกคิดขึ้นมา จากนั้นก็แต่ละแถวแนวตั้งและแนวนอนของลูกคิดซึ่งแทนการบวก,ลบ,คุณ,หารในเลขสามหลัก ในตอนที่คิดภาพได้แล้วเขาก็เริ่มลองทำการบวกลบเลขดูโดยใช้ลูกคิดในแต่ละแถวนั้นดีดไปมา....
ครั้งแรกที่เขาลองคำนวณดูมันพังไม่เป็นท่า....
ครั้งที่สองเองก็เช่นกัน ....
ครั้งที่สามเขาทำไปได้ครึ่งทาง....
ครั้งที่สี่เขาทำเพิ่มมาได้แค่นิดหน่อย...
……
แม้ว่า จางเทีย จะไม่รู้ว่าล้มเหลวมากี่รอบแต่หลังจากลองได้สี่ครั้งในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ 125+579 เป็นเท่าไหร่ ? หลังจากคิดในหัวอยู่สักพักเขาก็ดีดลูกคิดไปมาและมันก็กลายเป็นตัวเลข 704 ขึ้นมา
แล้ว 18x39 ล่ะ ? เขาลองคิดในใจอีกรอบและผลที่ได้ก็คือ....702 !
987-789 เท่ากับเท่าไหร่ ? เขาลองคิดดูอีกทีและได้คำตอบที่ถูกต้องมา ....198 !
จางเทีย หัวเราะออกมาดังๆ เขาดีใจอย่างมากและได้ทดสอบมันอยู่อีกหลายรอบ ผลก็คือเขาสามารถคำนวณได้เร็วกว่าแต่ก่อน แล้ว 56x29 ล่ะ ? เขาลองทำมันดู อยู่ๆลูกคิดสีทองก็เริ่มสั่นและได้หายไปจากความคิดของเขา
จางเทีย ลืมตาขึ้นมา ผลลัพธ์มันเกินกว่าที่ลูกคิดจะคิดได้ ภาพมันจึงระเบิดออกมาเหมือนกับกาต้มน้ำที่รับแรงดันไม่ไหว
“ หนังสือนี่มีค่าจริงๆ “ - จางเทีย มั่นใจกับความมีค่าของมัน เขาไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะได้สมบัติแบบนี้มา
“ แล้วตอนนี้เวลาเท่าไหร่แล้ว ? ถ้าพ่อแม่กลับมาบ้านมันคงแย่แน่ๆ ! “ – อยู่ๆเขาก็นึกขึ้นได้และรีบยืนขึ้น เขาไม่ได้เตรียมตัวรึแน่ใจว่าพลังวิญญาณเขาฟื้นฟูมารึยัง เขาหลับตาลงและล็อคเป้าไปที่ประตูตรงหว่างคิ้วและพูดขึ้น – “ ออก ! “
…..
ต่อมา จางเทีย ได้มาโผล่ในห้องน้ำอีกครั้ง เพราะแสงจากตะเกียงทำให้เขารู้ว่าประตูห้องน้ำยังล็อคอยู่ เขาถอนหายใจออกมา ถ้าพ่อแม่เขากลับมาบ้านแล้วไม่เจอเขาอยู่ที่บ้านแต่กลับอยู่ในห้องน้ำแล้วล็อคประตูไว้ด้วย พวกนั้นคงตะโกนและถ้าไม่มีใครตอบคงได้เตะประตูเข้ามาแน่ เขาเปิดประตูห้องน้ำและออกมามองรอบๆ ตอนนี้มันได้เวลา 5 ทุ่มแล้วแต่ประตูบ้านยังคงล็อคจากข้างในอยู่ ต้องขอบคุณที่พ่อแม่เขายังไม่ได้กลับมาบ้าน
เขาเดินออกไปที่สวนหลังบ้าและมองดวงดาวบนท้องฟ้า เขาตบอกและปลอบใจตัวเอง – “ ฉันน่าจะระวังมากกว่านี้ตอนที่เข้าไป Castle of Black Iron ถ้าเรื่องแบบนั้นมันเกิดขึ้นอีกความลับนี้อาจจะรั่วไหลไปก็ได้ ฉันน่าจะเรียนรู้วิธีเก็บพลังวิญญาณไว้ “ – จางเทีย บ่นออกมาแต่อยู่ๆเขาก็คิดบางอย่างออก – “ พลังวิญญาณฉันฟื้นตัวเร็วขนาดนี้ได้ยังไง ? ”