px

เรื่อง : Castle of Black Iron
Chapter 21: สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า


Chapter 21: สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า

สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเทเลซ่านั้นตั้งอยู่ใกล้กับส่วนทิศตะวันตกของเมือง  ที่อยู่นอกประตูของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จางเทีย เห็นกำแพงเมืองแปลกๆและตึกกองทัพอยู่ข้างในกำแพง  กำแพงเมืองนี้สร้างขึ้นมาเพื่อให้คนในเมืองรู้สึกปลอดภัย แม้ว่าคนจะรู้สึกสิ้นหวังตอนที่ยืนอยู่หน้ากำแพงสูงนี่  แต่ก็ไม่มีใครบ่นว่ามันสูงเกินไป  สำหรับกำแพงเมืองแล้วมันทำให้ผู้คนรู้สึกปลอดภัยพอและทำให้ราคาของบ้านในกำแพงนั่นพุ่งสูงขึ้นมา

“ ฉันสงสัยว่าพี่ชายฉันจะอยู่ที่กำแพงมั้ย ? “ – เขามองไปที่กำแพงเมืองแล้วคิดกับตัวเอง  ในฐานะทหารประจำเมือง พวกเขาต้องประจำการที่กำแพง เนื่องจาก จางเทีย ไม่รู้ตารางการทำงานและกะของทหารจึงเป็นธรรรมดาที่เขาไม่รู้ว่าพี่ชายเขาจะอยู่ที่ไหนตอนนี้  ข้อมูลทุกอย่างถูกเก็บเป็นความลับ  ในตอนที่ผู้คนถาม พวกเขาจะบอกแค่บางอย่างแต่ถ้ามีคนสงสัย พวกคนที่สงสัยนั่นแหละที่จะหาปัญหาเข้าตัวและบางทีอาจจะรวมถึงครอบครัวด้วย สำหรับคนธรรมดาแล้ว จางเทีย น่ะสงสัยเสมอ คิดจากข่าวโจรผ้าพันคอแดงแล้ว จางเทีย เลยสนใจเรื่องบนกำแพงเป็นพิเศษ ไม่ว่ายังไงเขาก็รู้สึกว่าที่นี่มีทหารประจำการบนกำแพงมากกว่าปกติและบรรยากาศที่นี่น่ะตึงเครียดกว่าที่เคย

ในตอนที่เขารวบรวมสติได้เขาก็พบกับ ย่าเทเรซ่า ยืนอยู่ด้านนอกประตูสถานเลี้ยงเด็ก  ก็อย่างเช่นเคยว่าเธอจะมารอเขาที่นี่ทุกอาทิตย์ตอน จางเทีย มา

เพราะเธอเคยเรียนในโรงเรียนกรีปิช เธอมักจะสวมชุดสีเขียวและมีสีขาวตกแต่งเป็นรูปกิ่งโอลีฟซึ่งเป็นเครื่องหมายของโรงเรียนกรีปิช  เธอดูใจดีอย่างมากเมื่อสวมชุดนี้เหมือนกับย่าที่อยู่ข้างบ้านเราเลย

สีเขียวและสีขาวนั้นคือสีโปรดของคนโรงเรียนนี้ซึ่งยังเป็นตัวแทนของคำสั่งสอนของพวกเขา  การรวมกันของสีนี้หมายถึงความใจดีและความดีใจด้วย

เมื่อเห็น จางเทีย เข้ามาใกล้  ย่าเทเรซ่า ก็ยิ้มออกมาและพูดขึ้น – “ เด็กๆ อาหารโปรดพวกเธอมาถึงแล้ว.. “

ในตอนที่ จางเทีย มาถึงที่ประตู  เขาก็เบรกจักรยานและได้มีเด็ก 5-6 ขวบวิ่งออกมาจากตึกเพื่อช่วยเพื่อเขาแบกของเข้าไปก่อนที่เขาจะขอด้วยซ้ำ

“ โฮ่...โฮ่...ระวังด้วย ถ้านายทำไม่ได้ฉันจะช่วยเอง ! “ – จางเทีย ช่วยยกหม้อลงจากรถ  เด็กๆรีบวิ่งออกมาช่วยยกหม้อพร้อมกับส่งเสียงดีใจ เสียงที่เด็กๆร้องออกมาทำให้คนอื่นๆข้างในบ้านต่างก็ออกมาช่วย พวกเด็กอายุน้อยๆนั้นยืนรออยู่ข้างๆ ตาของพวกนั้นเบิกกว้างและน้ำลายไหล  พวกนั้นทำจมูกฟุดฟิดเพื่อดมกลิ่นพร้อมกับมองหม้อข้าวต้ม  สำหรับเด็กที่กำลังโตแล้วซุปข้าวนี่ขาวราวกับหิมะและเหมือนทำออกมาอย่างประณีต

ตอนนั้นเอง ย่าเทเรซ่า ก็มองไปที่เด็กพวกนั้นด้วยรอยยิ้มใจดี

ทุกอาทิตย์ครอบครัวของ จางเทีย จะเหลือซุปข้าวเหลือตอนที่เอาข้าวไปทำเบียร์ข้าว  ซุปข้าวนี่มีค่าอย่างมาก  มันเป็นของที่ จางเทีย และ จางหยาง คงโตไม่ได้ถ้าขาดมัน  เพื่อนบ้านของเขาเองก็มักจะใช้ซุปข้าวเลี้ยงลูกในตอนที่แม่ไม่มีนมให้ลูกแล้วรึซื้อนมไม่ได้

ซุปข้าวนั้นรสชาติดีและมีสารอาหารสูง มันคือแก่นที่แท้ของข้าวแต่มันเก็บไว้นานไม่ได้ โดยพื้นฐานแล้วต้องกินในสองวัน แม่เขาบอกว่ามันเป็นบาปที่ทำอาหารเสียเปล่าดังนั้นเธอมักจะเก็บไว้กินเองประมาณสองวันและเอาส่วนที่เหลือให้คนอื่น  บางคนอาจจะดูถูกซุปข้าวนี่แต่เด็กพวกนี้น่ะรู้สึกว่านี่คืออาหารที่ดีที่สุดที่พวกเขาจะมี  ครอบครัวจางนั้นได้เอาข้าวมาเลี้ยงที่นี่ทุกอาทิตย์ซึ่งสามารถเลี้ยงเด็กๆได้ถึงสองวัน  ก็อย่างที่ ย่าเทเรซ่า พูด มันคือของขวัญที่ดีที่สุดจากพระเจ้า

ตอนแรกพ่อของเขาจะมาเป็นคนส่งซุปข้าว  หลังๆมาก็เป็นพี่ชายเขาและตอนนี้เขาก็รับหน้าที่นั้น  ธุรกิจครอบครัวของเขาก็ทำเบียร์ข้าวมาหลายปีแล้ว  พวกเขาได้เอาซุปข้าวมาให้ที่นี่ตลอดและนั่นกลายมาเป็นธรรมเนียมของครอบครัวแล้ว

เขาเดินนำเด็กๆพาเอาหม้อเข้าไปในบ้าน  ย่าเทเรซ่า เดินนำหน้า จางเทีย และเข้ามากอดเขา เธอยังจูบหน้าผากเขาพร้อมกับอวยพรด้วย

“ เด็กๆ พระเจ้าจะปกป้องคนที่จิตใจดี  คนที่คอยเอื้ออาทรให้ผู้อื่นน่ะจะได้รับการอวยพรจากพระเจ้าและพวกเขาจะได้เห็นปาฏิหารย์ในชีวิต....”

ย่าเทเรซ่า เคยพูดแบบนี้หลายครั้งแล้วแต่ครั้งนี้มันฟังดูต่างจากเดิม  จางเทีย ตื้นตันเล็กน้อย

“ ขอบคุณ คุณย่า ผมเชื่อว่าพระเจ้าจะอวยพรคนที่จิตใจดี ! “

หน้าของ จางเทีย แดงขึ้นมาเล็กน้อย  ตัวของย่านั้นนุ่มนิ่ม  เขาไม่รู้สึกอะไรเลยตอนที่โดนเธอกอดก่อนหน้านี้แต่เพราะเขาโตแล้วและรู้ว่าผู้ชายและผู้หญิงไม่ควรจะโดนตัวกัน  เขารู้สึกว่ามันอึดอัด  แม้ว่าเขาจะไม่ได้ลามกแต่ก็ยังรู้สึกอายอยู่ดี

หลังจากที่ถือหม้อหกใบไปข้างใน เด็กๆรีบกินมันทันที  หม้อแต่ละใบนั้นมีข้าวกว่า 10 กก. รวมทั้งหมดแล้วน่าจะ 60-70 กก. ข้าวนี่ถือว่าเป็นของขวัญสำหรับเด็กกำพร้าพวกนี้ซึ่งไม่ค่อยมีอาหารเท่าไหร่

“ โอ้ ผมลืมไปเลย ตอนผมไปร้านข้าวน่ะ ผมเพิ่งรู้ว่าราคาของธัญพืชหลายอย่างได้ขึ้นราคา ! “

ในตอนที่เด็กเอาหม้อมาคืนที่จักรยาน  จางเทีย ก็บอกเรื่องของขึ้นราคาให้ย่าฟังซึ่งนี่ไม่ใช่ข่าวดีเท่าไหร่สำหรับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า

หลังจากถามรายละเอียดแล้ว ย่าเทเรซ่า ก็ดูสลดลงไป  เธอมองออกไปที่ไกลๆแล้วเงียบก่อนจะถอนหายใจเงียบๆ

เมื่อเห็นท่าทีสลดของเธอและรอยยิ้มบนใบหน้าเด็กๆ  จางเทีย เองก็สลดเหมือนกัน  เขาเอื้อมมือออกมาและล้วงเอาเงิน 10 ทองแดง  -- เงิน 10 ทองแดงที่เขาได้จากแม่  เขาเอามันให้ย่าและพูดขึ้น – “ ย่า นี่เงินทั้งหมดที่ผมมี เงินนี่ผมบริจาคให้เด็กๆ ผมหวังว่ามันจะช่วยพวกเด็กๆได้ ! “

มันเป็นครั้งแรกที่ จางเทีย บริจาคเงินให้เด็กกำพร้า ในอดีตเขาน่ะไม่ค่อยมีเงินแต่ตอนนี้เขาได้เงินจากแม่เขาและรู้สึกว่ามันรู้สึกง่ายขึ้นกว่าเดิมในการบริจาคเพราะเขาเองก็เป็นเจ้าของ Castle of Black Iron แล้วแต่ในตอนที่คุณย่ารับเงิน  จางเทีย ก็รู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อย  เขารู้สึกว่าเงินแค่ 5 ทองแดงก็น่าจะพอแล้วและตอนนี้เขาก็กลับมาจนอีกรอบ  แต่ถึงยังไงเขาก็รู้สึกละอายที่ไปเสียดาย ดังนั้นเขาจึงทำท่าเป็นเด็กดีและยิ้มแบบอายๆออกมา

การได้เงินมา 10 ทองแดงนั้น ทำให้ ย่าเทเรซ่า เหมือนคิดอะไรไม่ออก  เธอมองไปที่เขาและลูบหัวเขา – “ เด็กดี ความใจดีของเธอจะต้องได้รับการตอบแทน !”

เมื่อได้ยินว่า ‘ รางวัล ‘  อยู่ๆ จางเทีย ก็คิดถึงบางอย่าง  เขาบอกกับคุณย่าอย่างอายๆ – “ ย่า ผมได้ยินมาว่าย่ามีเมล็ดพันธุ์เยอะ ย่าเอาให้ผมหน่อยได้มั้ย ? เพื่อนผมย้ายบ้านใหม่ซึ่งมันมีสวนใหญ่ด้วย  ผมอยากเอาเมล็ดไปเป็นของขวัญ ! “

“ พระเจ้า ให้อภัยฉันด้วยที่ฉันโกหก ! “ - จางเทีย รู้สึกผิดและอายเล็กน้อย ในตอนที่ ย่าเทเรซ่า พูดถึง ‘ รางวัล ‘  จางเทีย ก็คิดว่าเขาคง ‘ ต้องการ ‘ บางอย่างแต่เธอเห็นท่าทีอึดอัดของ จางเทีย เหมือนกับเด็ก ‘ ใสซื่อ ‘

โรงเรียนกรีปิซนั้นถูกเรียกว่าโรงเรียนผู้พิทักษ์ของพระเจ้า หลักคำสอนเองก็บ่งบอกได้จากสีสองสีบนเสื้อผ้า  พวกเขาใช้สีเขียวเพื่อบ่งบอกถึงดินแดนที่ปราศจากปิศาจ  โรงเรียนนี้ไม่ได้บูชาเทพรึพระจเ  พวกเขาบูชาดินแดนที่ทุกคนอยู่   ดินแดนนั้นเรียกว่าไกอา ดินแดนแม่นั่นแหละคือหลักคำสอนของโรงเรียน  โรงเรียนนี้เชื่อว่าสิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนดินแดนนี่คือลูกหลานของไกอา ดินแดนแม่และสิ่งของทุกอย่างที่เขียวขจีในดินแดนก็คือของขวัญที่ไกอาให้สิ่งมีชีวิตทุกชนิด

จางเทีย ไม่รู้ว่าโรงเรียนนี้จะเป็นที่ยอมรับสำหรับที่อื่นรึเปล่าแต่เขารู้ว่าที่เมืองแบล็คฮ็อตและพันธมิตรรัฐอันดามันนี่โรงเรียนนี้ไม่เป็นที่ยอมรับเท่าไหร่เพราะที่นี่มีแต่การค้าและบูชาเงินราวกับพระเจ้า  นี่ดูได้จากวิธีที่เมืองนี้ปฏิบัติต่อสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและปฏิบัติต่อ ย่าเทเรซ่า   ในเมืองแบล็คฮ็อตนั้นแม้ว่าจะไม่ค่อยมีอำนาจแต่ก็ยังมีโบสถ์ ส่วนโรงเรียนผู้พิทักษ์ของพระเจ้านั้นไม่ได้มีห้องให้สวดภาวนาด้วยซ้ำ ในสายตาหลายๆคน โรงเรียนนี้ดูเหมือนจะไม่ได้มีอะไรพิเศษนอกจากเอาประโยชน์จากเด็กๆเพื่อมาปลูกต้นไม้และรับเลี้ยงเด็กก็เท่านั้น  ในอาทิตย์ที่สองของเดือนมีนาคม  ‘ วันอวยพร ‘ จากไกอา,ดินแดนแห่งแม่นั้นโรงเรียนมักจะให้เมล็ดไปฟรีๆกับคนของเมืองและรับบริจาค มันเพิ่งผ่านวันนั้นไปไม่นานเท่าไหร่   ย่าเทเรซ่า น่าจะมีเมล็ดพันธุ์หลงเหลืออยู่  เมื่อคิดถึงพื้นที่พิเศษและค่าออร่าที่ต่ำของ Castle of Black Iron ที่ได้มาจากมันฝรั่งและข้าวโพด  จางเทีย ก็รู้สึกว่าเขาอาจจะขอเมล็ดพันธุ์จากเธอได้   ไม่ว่ามันจะเป็นเมล็ดอะไรมันก็สามารถปลูกได้ พวกมันก็ยังจะให้ค่าออร่าเขาอยู่ดี

เมื่อได้ยินว่า จางเทีย อยากได้เมล็ดพันธุ์  คุณย่าก็ยิ้มออกมา  เธอดูมีความสุขยิ่งกว่า จางเทีย อีก – “ รอเดี๋ยวนะงั้น “  - เธอพูดขึ้น  หลายนาทีต่อมา ย่าเทเรซ่า ก็เอาถุงผ้าหนัก 0.5 กก.ซึ่งเต็มไปด้วยเมล็ดพันธุ์ให้กับเขา  จางเทีย ไม่ได้เปิดมันดู หลังจากขอบคุณเธอแล้ว จางเทีย ก็ขี่จักรยานกลับบ้านด้วยความตื่นเต้น

รีวิวผู้อ่าน